December 05, 2025

การ์ทเนอร์ อิงค์ บริษัทวิจัยข้อมูลเชิงลึกด้านธุรกิจและเทคโนโลยี ประกาศ 10 อันดับเทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ในปี 2569 ที่องค์กรธุรกิจควรศึกษาและเฝ้าจับตา

Gene Alvarez, รองประธานนักวิเคราะห์การ์ทเนอร์ กล่าวว่า "ในปี 2569 จะเป็นปีที่สำคัญต่อผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ต้องเผชิญกับการหยุดชะงัก นวัตกรรม ไปจนถึงความเสี่ยงที่ขยายตัวรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ในปีหน้าจะเชื่อมโยงกับปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิด และสะท้อนความเป็นไปของโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI และเชื่อมต่อกันสูงตลอดเวลา ซึ่งองค์กรธุรกิจต้องขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างมีความรับผิดชอบ ดำเนินงานด้วยความเป็นเลิศ และสร้างความไว้วางใจทางดิจิทัลไปพร้อมกัน"

Tori Paulman, รองประธานนักวิเคราะห์การ์ทเนอร์อีกท่าน กล่าวว่า "แนวโน้มต่าง ๆ เหล่านี้แสดงให้เราเห็นมากไปกว่าการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี แต่ยังเป็นตัวเร่งการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ โดยสิ่งที่แตกต่างออกไปในปีนี้คือความเร็ว ในระยะเวลาหนึ่งปีเราเห็นนวัตกรรมเกิดขึ้นมากกว่าที่เคยเป็น เนื่องจากคลื่นนวัตกรรมลูกใหม่ไม่ได้อยู่ไกลออกไปเป็นปี ๆ อีกแล้ว ดังนั้นองค์กรที่ลงมือตั้งแต่ตอนนี้นอกจากจะไม่เพียงแค่สามารถรับมือกับความผันผวนได้ แต่ยังเป็นผู้กำหนดทิศทางอุตสาหกรรมของตนในทศวรรษต่อไป"

 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในปี 2569 ประกอบด้วย

 

AI Supercomputing Platforms

AI Supercomputing Platforms รวมเอา CPUs, GPUs, ชิปประมวลผลเฉพาะแอปพลิเคชัน หรือ AI ASICs, การประมวลผลแบบนิวโรมอร์ฟิก (Neuromorphic) ที่เป็นการจำลองการประมวลผลในรูปแบบเดียวกับสมองมนุษย์ รวมถึงรูปแบบการประมวลผลทางเลือกอื่น ๆ เข้าไว้ด้วยกัน ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการงานที่ซับซ้อนพร้อมปลดล็อกประสิทธิภาพ เพิ่มประสิทธิผล และการพัฒนานวัตกรรมไปสู่อีกระดับ โดยระบบเหล่านี้มีทั้งจากโปรเซสเซอร์ที่ทรงพลัง หน่วยความจำขนาดใหญ่ ฮาร์ดแวร์เฉพาะทาง และซอฟต์แวร์ที่ทำงานร่วมกัน (Orchestration Software) ที่ทำหน้าที่จัดการและประสานงานระบบแอปพลิเคชัน, บริการ, หรือเวิร์กโฟลว์ที่ซับซ้อนให้ทำงานร่วมกันโดยอัตโนมัติ เพื่อจัดการกับงานที่ต้องใช้ข้อมูลอย่างเข้มข้นในด้านต่าง ๆ อาทิ Machine Learning, Simulation และ Analytics

การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า ภายในปี 2571 มากกว่า 40% ขององค์กรชั้นนำจะนำสถาปัตยกรรม Hybrid Computing Paradigm มาใช้ในเวิร์กโฟลว์ธุรกิจที่มีความสำคัญ เพิ่มขึ้นจาก 8% ในปัจจุบัน

"ความสามารถนี้กำลังขับเคลื่อนนวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น บริษัทด้านการดูแลสุขภาพและเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech) ที่สามารถคิดค้นยาตัวใหม่ โดยใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์แทนที่เดิมต้องใช้เวลาหลายปี หรือในภาคบริการทางการเงิน องค์กรต่าง ๆ กำลังจำลองตลาดโลกเพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอ ขณะที่ผู้ให้บริการสาธารณูปโภคกำลังจำลองสภาพอากาศที่มีความรุนแรง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบส่งกำลังไฟฟ้า" Paulman กล่าว

 Multiagent Systems

Multiagent Systems (หรือ MAS) คือชุด AI Agent ที่โต้ตอบกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ซับซ้อนทั้งแบบเฉพาะตัวหรือร่วมกัน Agent อาจถูกส่งมอบในสภาพแวดล้อมเชิงเดี่ยวหรือพัฒนาและปรับใช้แยกกันในสภาพแวดล้อมแบบกระจาย

"การนำระบบ Multiagent มาใช้ช่วยให้องค์กรมีวิธีการที่ใช้งานได้จริงในการทำให้กระบวนการทางธุรกิจที่ซับซ้อนเป็นอัตโนมัติ ยกระดับทักษะทีม และสร้างวิธีการใหม่ ๆ ให้ผู้คนและ AI Agent ทำงานร่วมกันได้ Agent แบบโมดูลาร์และเฉพาะทางสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ เร่งการส่งมอบ และลดความเสี่ยงโดยการนำโซลูชันที่ได้รับการพิสูจน์แล้วมาใช้ซ้ำในเวิร์กโฟลว์ต่าง ๆ แนวทางนี้ยังทำให้ง่ายต่อการขยายการดำเนินงานและนำไปปรับใช้ได้รวดเร็วตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลง"

 Domain-Specific Language Models (DSLMs)

CIO และ CEO กำลังเรียกร้องคุณค่าทางธุรกิจมากขึ้นจาก AI แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว Large Language Model (LLM) มักไม่ตอบโจทย์กับงานเฉพาะทาง โมเดลภาษาเฉพาะโดเมน (DSLMs) เติมเต็มช่องว่างนี้ด้วยความแม่นยำที่สูงขึ้น ต้นทุนที่ต่ำลง และการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ดีขึ้น DSLMs คือโมเดลภาษาที่ได้รับการฝึกหรือปรับแต่งด้วยข้อมูลเฉพาะทางสำหรับอุตสาหกรรม มีหน้าที่ หรือกระบวนการเฉพาะ ซึ่งแตกต่างจากโมเดลอเนกประสงค์ DSLMs ให้ความแม่นยำ ความน่าเชื่อถือ และการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่สูงขึ้นสำหรับความต้องการทางธุรกิจที่เป็นเป้าหมาย

Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2571 มากกว่าครึ่งหนึ่งของโมเดล GenAI ที่องค์กรใช้จะเป็นแบบเฉพาะโดเมน

"บริบทการใช้ Agent กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสร้างความแตกต่างที่สำคัญที่สุดสำหรับการใช้ Agent ให้ประสบความสำเร็จ AI Agent ที่รองรับด้วย DSLM สามารถตีความบริบทเฉพาะของอุตสาหกรรมเพื่อตัดสินใจได้อย่างถูกต้องแม้ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย โดดเด่นในด้านความแม่นยำ อธิบายถึงที่มาที่ไปได้ และตัดสินใจได้ถูกต้อง" Paulman กล่าว

 

AI Security Platforms

แพลตฟอร์มความปลอดภัย AI หรือ AI Security Platforms นำเสนอแนวทางการทำงานแบบรวมศูนย์เพื่อรักษาความปลอดภัยแอปพลิเคชัน AI จากบุคคลที่สามและที่สร้างเองเฉพาะตัว ช่วยรวมศูนย์การมองเห็น บังคับใช้นโยบายการใช้งาน และป้องกันความเสี่ยงเฉพาะของ AI เช่น การโจมตีด้วยพรอมต์ (Prompt Injection), การรั่วไหลของข้อมูล (Data Leakage) และการกระทำของ Agent ที่เป็นอันตราย (Rogue Agent Actions) แพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วย CIO บังคับใช้นโยบายการใช้งาน ติดตามกิจกรรม AI และใช้มาตรการป้องกันที่สอดคล้องกันในทุก AI

การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า ภายในปี 2571 มากกว่า 50% ขององค์กรจะใช้ AI Security Platforms เพื่อปกป้องการลงทุนด้าน AI ของตน

 AI-Native Development Platforms AI-Native Development Platforms หรือ แพลตฟอร์มการพัฒนาแบบ AI-Native ที่ใช้ GenAI เพื่อสร้างซอฟต์แวร์ได้รวดเร็วและง่ายกว่า โดย Software Engineer ที่ฝังอยู่ในธุรกิจ ทำหน้าที่เป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ที่ทำงานร่วมกับลูกค้าโดยตรงเพื่อกำหนดค่าแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ หรือ "Forward-Deployed Engineer" สามารถใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในโดเมนเพื่อพัฒนาแอปพลิเคชัน

องค์กรสามารถมีทีมเล็ก ๆ ที่ประกอบด้วยคนที่ทำงานคู่กับ AI เพื่อสร้างแอปพลิเคชันมากขึ้นด้วยจำนวน นักพัฒนา (Developer) ที่มีอยู่ในปัจจุบัน องค์กรชั้นนำกำลังสร้างทีมแพลตฟอร์มเล็ก ๆ เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญในโดเมนที่ไม่ใช่ทางเทคนิคสามารถผลิตซอฟต์แวร์ด้วยตนเองได้ โดยมีมาตรการรักษาความปลอดภัยและธรรมาภิบาลประจำอยู่

Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2573 แพลตฟอร์มการพัฒนาแบบ AI-Native จะส่งผลให้ 80% ขององค์กรพัฒนาทีม Software Engineering ขนาดใหญ่ให้เป็นทีมที่เล็กกว่าและคล่องตัวมากขึ้น โดยมี AI เสริม

 Confidential Computing

Confidential Computing คือ แนวทางใหม่ในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่มุ่งเน้นไปที่การปกป้องข้อมูลขณะที่ “กำลังถูกประมวลผล” จะเปลี่ยนวิธีที่องค์กรจัดการกับข้อมูลที่ละเอียดอ่อน โดยการแยกภาระงานไว้ในสภาพแวดล้อมการประมวลผลที่ปลอดภัย หรือ Trusted Execution Environment (TEE) ที่อิงกับฮาร์ดแวร์ ช่วยให้เนื้อหาและภาระงานเป็นส่วนตัวแม้แต่จากเจ้าของโครงสร้างพื้นฐาน ผู้ให้บริการคลาวด์ หรือใครก็ตามที่สามารถเข้าถึงฮาร์ดแวร์จริงได้ สิ่งนี้มีคุณค่า โดยเฉพาะกับอุตสาหกรรมที่มีการควบคุมและการดำเนินงานระดับโลกที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และการปฏิบัติตามข้อกำหนด และทำงานร่วมมือกับคู่แข่ง

การ์ทเนอร์ คาดการณ์ว่าภายในปี 2572 มากกว่า 75% ของการดำเนินการในโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่น่าเชื่อถือจะได้รับการรักษาความปลอดภัยระหว่างการใช้งานด้วย Confidential Computing

 Physical AI

Physical AI หรือปัญญาประดิษฐ์เชิงกายภาพที่นำความฉลาดของ AI มาสู่โลกจริงโดยฝังไว้ในเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่สามารถรับรู้ ตัดสินใจและดำเนินการได้ อาทิ หุ่นยนต์ โดรนและอุปกรณ์อัจฉริยะ ช่วยให้เกิดประสิทธิภาพที่วัดผลได้ในอุตสาหกรรมที่ให้ความสำคัญกับระบบอัตโนมัติ ความสามารถในการปรับตัวและความปลอดภัย

เมื่อมีการนำมาใช้เพิ่มขึ้น องค์กรต้องการทักษะใหม่ที่เชื่อมโยงกับระบบไอที, การดำเนินงานและการทำวิศวกรรม การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างโอกาสสำหรับการยกระดับทักษะและความร่วมมือใหม่ ๆ แต่อาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับงานและต้องการการจัดการการเปลี่ยนแปลงอย่างรอบคอบ

Preemptive Cybersecurity ความปลอดภัยไซเบอร์เชิงป้องกันล่วงหน้าหรือ Preemptive Cybersecurity กำลังเป็นเทรนด์เมื่อองค์กรเผชิญกับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณที่มุ่งเป้าหมายการโจมตีไปที่เครือข่าย ข้อมูล และระบบการเชื่อมต่อ การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าภายในปี 2573 โซลูชันเชิงป้องกันล่วงหน้า (Preemptive Solutions) จะคิดเป็นครึ่งหนึ่งของการใช้จ่ายด้านความปลอดภัยทั้งหมด เนื่องจากผู้บริหาร CIO เปลี่ยนโหมดการป้องกันจาก Reactive ไปสู่โหมด Proactive  ความปลอดภัยไซเบอร์เชิงป้องกันล่วงหน้าคือการดำเนินการก่อนที่ผู้โจมตีจะโจมตีโดยใช้ AI-powered SecOps, Programmatic Denial และเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อหลอกล่อและเบี่ยงเบนความสนใจของ Hacker เมื่อเข้ามาในเครือข่ายขององค์กรอย่าง Deception เพราะนี่คือโลกที่การคาดการณ์คือการป้องกัน" Paulman กล่าว

Digital Provenance

เมื่อองค์กรพึ่งพาซอฟต์แวร์จากบุคคลที่สาม โค้ดโอเพนซอร์ส และเนื้อหาที่สร้างโดย AI มากขึ้น การตรวจสอบ Digital Provenance กลายเป็นสิ่งจำเป็น หมายถึงความสามารถในการตรวจสอบแหล่งที่มา ความเป็นเจ้าของ และความสมบูรณ์ของซอฟต์แวร์ ข้อมูล สื่อ และกระบวนการ เครื่องมือใหม่ ๆ อาทิ Software Bills of Materials (SBoM), Attestation Database และ Digital Watermarking มอบวิธีการแก่องค์กรในการตรวจสอบและติดตามสินทรัพย์ดิจิทัลตลอดห่วงโซ่อุปทาน

 การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า ภายในปี 2572 ผู้ที่ไม่ได้ลงทุนอย่างเพียงพอในความสามารถด้าน Digital Provenance จะเผชิญกับความเสี่ยงจากการลงโทษที่อาจสูงถึงหลายพันล้านดอลลาร์

Geopatriation Geopatriation หมายถึงการย้ายข้อมูลและแอปพลิเคชันของบริษัทจากผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะระดับโลกไปสู่การดำเนินงานแบบท้องถิ่น เช่น Sovereign Cloud, Regional Cloud Provider หรือศูนย์ข้อมูลขององค์กรเอง เนื่องจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รับรู้มา ซึ่งเคยจำกัดเฉพาะธนาคารและรัฐบาล แต่ระบบคลาวด์คอมพิวติ้งที่ตั้งและบริหารจัดการภายในประเทศหรือภูมิภาคเดียวกันกับผู้ใช้ หรือ Cloud Sovereignty นั้น ในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อองค์กรหลากหลายเนื่องจากความไม่มั่นคงระดับโลกที่เพิ่มขึ้น

"การย้ายภาระงานไปยังผู้ให้บริการที่มีท่าทีด้าน Sovereignty ที่เพิ่มขึ้นสามารถช่วยผู้บริหาร CIO ได้รับการควบคุมที่มากขึ้นเหนือการเก็บข้อมูลในพื้นที่ การปฏิบัติตามข้อกำหนด และธรรมาภิบาล รวมถึงการควบคุมที่มากขึ้นนี้อาจช่วยปรับปรุงการปฏิบัติตามกฎระเบียบท้องถิ่นและสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้าที่กังวลด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลหรือผลประโยชน์ของชาติ" Alvarez กล่าว

SCG ร่วมเวที Forbes Global CEO Conference 2025: THE WORLD PIVOTS ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจัดภายใต้หัวข้อ “Sustainable Philanthropy” โดยมีผู้นำองค์กรจากทั่วโลกเข้าร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสภาพแวดล้อมโลก

นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ได้นำเสนอแนวคิด “Inclusive Green Growth” กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่กับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โดยใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มขีดศักยภาพและสร้างความสามารถแข่งขันได้ในระยะยาว

ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว เทคโนโลยีอย่าง AI, Robotics และ Deep Tech ถูกนำมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ขยายศักยภาพห่วงโซ่อุปทาน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในกระบวนการผลิต ตัวอย่างที่ชัดเจน คือการพัฒนา Low-Carbon Cement ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และยังตอบโจทย์ทั้งด้านประสิทธิภาพและโอกาสทางธุรกิจ

นอกจากนี้ SCG ยังร่วมมือกับพันธมิตรและซัพพลายเชน เพื่อใช้เทคโนโลยีและข้อมูลร่วมกันในการสร้าง “Impact Chain” ซึ่งช่วยเสริมสร้างการเติบโตและผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน

สำหรับแนวคิด Inclusive Green Growth ไม่ได้หมายถึงเพียงการดูแลสิ่งแวดล้อม แต่คือแนวทางการเติบโตระยะยาวที่รวมทั้งเทคโนโลยี นวัตกรรม และความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน แข่งได้ในตลาดโลก และส่งต่อโลกที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นต่อไป

 

 

29 มิถุนายน 2568 - ทรู มูฟ เอช ประกาศคว้าชัยการประมูลคลื่นความถี่ครั้งล่าสุด จากผลการประมูลอย่างไม่เป็นทางการ ทรูสามารถประมูลใบอนุญาตคลื่น 2300 MHz จำนวน 70 MHz และ 1500 MHz จำนวน 20 MHz ทำให้ทรู คอร์ปอเรชั่น เป็นผู้ให้บริการที่มีชุดคลื่นความถี่ (Spectrum Portfolio) ครอบคลุมและครบมากที่สุดในไทย รวม 8 คลื่นความถี่ ทั้งคลื่นความถี่ต่ำ-กลาง-สูง ที่จะสามารถนำมาต่อยอดจากการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) เพื่อประสบการณ์การใช้บริการดิจิทัลของผู้ใช้งานในไทย

นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "ผลการประมูลคลื่นความถี่ครั้งนี้เป็นไปตามความสำคัญของการลงทุนเชิงกลยุทธ์ และเป้าหมายการจัดการคลื่นความถี่ที่มุ่งรองรับการเติบโตของเทคโนโลยี 5G, AI IoT และเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อคุณภาพชีวิตของคนไทย ยกระดับคุณภาพโครงข่ายเพื่อให้บริการลูกค้าทั่วประเทศให้ได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด รองรับภารกิจการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital transformation) ขององค์กรธุรกิจ และส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในระยะยาว”

คลื่น 2300 MHz ที่ทรู มูฟ เอช ชนะการประมูลจำนวน 70 MHz ด้วย ราคา 21,770,000,168 บาท จะนำมาให้บริการได้ทั้ง 5G และ 4G โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานและอุปกรณ์ที่ทรูมีอยู่แล้ว เพื่อส่งมอบความเร็ว ความครอบคลุม และประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม พร้อมทั้งสามารถรวมกับคลื่นย่านอื่นเพื่อให้บริการที่เร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถนำมาเพิ่มศักยภาพ 5G ของคลื่น 2600 MHz ให้เป็น 5G เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

สำหรับคลื่น 1500 MHz จำนวน 20 MHz ของทรู มูฟ เอช ประมูล ด้วยราคา 4,653,960,168 ล้านบาท เป็นคลื่นใหม่ที่เหมาะสำหรับการพัฒนาเครือข่ายสู่อนาคต มีจุดเด่นในการเสริมประสิทธิภาพเทคโนโลยี 5G และต่อยอดการใช้งาน 4G สามารถนำมาใช้งานเพื่อเพิ่มความจุของเครือข่ายและเพิ่มความครอบคลุมในช่วงดาวน์โหลด รองรับการใช้งานดาต้าที่เพิ่มขึ้นทั้งในพื้นที่หนาแน่นและนอกเมือง โดยสามารถนำคลื่น 1500 MHz รวมกับคลื่นอื่น หรือ เทคโนโลยี Carrier Aggregation ส่งผลให้ผู้ใช้งานได้รับอินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้นแม้อยู่ในพื้นที่แออัด มีสัญญาณเสถียรและลดปัญหาเน็ตช้าในช่วงเวลาพีค

8 คลื่นความถี่ของทรู คอร์ปอเรชั่น “ไม่หยุด…เพื่อสัญญาณความสุขให้ทุกคน”

· คลื่นความถี่ต่ำ (Low-band): 700 MHz : 2x20 MHz, 900 MHz : 2x15 MHz

· คลื่นความถี่กลาง (Mid-band): 1500 MHz : 20 MHz, 1800 MHz : 2x20 MHz, 2100 MHz : 2x30 MHz, 2300 MHz : 70 MHz, 2600 MHz : 90 MHz

· คลื่นความถี่สูง (High-band): 26 GHz : 1000 MHz

นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ชูแนวคิด "ไม่หยุด…เพื่อสัญญาณความสุขให้ทุกคน" หรือ "TOGETHER WE ARE UNSTOPPABLE" สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเพื่อลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ที่มุ่งสร้างประสบการณ์เชื่อมต่อดิจิทัลที่ไร้ขีดจำกัด รวมถึงการเป็นผู้ให้บริการที่มีชุดคลื่นความถี่ครบทุกย่าน 8 คลื่น ตั้งแต่คลื่นต่ำ-กลาง-สูง (Low-band, Mid-band, High-band) เป็นพลังสำคัญที่ทำให้ทรูสามารถมอบ "สัญญาณความสุข" ผ่านการบริการที่รวดเร็ว และครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้สามารถให้บริการที่หลากหลายทั้ง 5G, 4G พร้อมรองรับ IoT และ AI ด้วยประสิทธิภาพสูงสุด

BPS ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 2568 อนุมัติปันผลเป็นเงินสด 0.0125 บาท/หุ้น กำหนดรายชื่อผู้ที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 เตรียมจ่ายปันผลวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์พัฒนาธุรกิจ 5 ด้าน มุ่งเน้นพัฒนาระบบให้บริการเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนตามหลัก ESG มั่นใจเป้าหมายรายได้ปี 2568 เติบโตต่อเนื่องด้วยกลุ่มเทคโนโลยี

นายสุรพงษ์ สาเรชพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีพีเอส เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ BPS ผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 เพื่อรับทราบผลการดำเนินงานประจำปี 2567 และ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2567 เป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.0125 บาท รวมเป็นจำนวนเงิน 5 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 และ กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 พฤษภาคม 2568

ด้านทิศทางธุรกิจปี 2568 บริษัทมุ่งสร้างการเติบโตของรายได้ตามเป้าหมายด้วยกลุ่มเทคโนโลยีที่ 10%ภายใต้แผนการดำเนินงานในหลากหลายด้าน ทั้งการพัฒนาบริการหลัก ขยายฐานการตลาด และ เพิ่มโอกาสการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน เพื่อรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคอุตสาหกรรม เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำโซลูชันด้านเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ และ ธุรกิจพลังงานสะอาดในประเทศไทย ผ่านการดำเนินงานในธุรกิจที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญใน 5 ด้านสำคัญ ได้แก่ การขยายตลาด Kitting Box โดยมุ่งนำเสนอบริการจัดชุดอุปกรณ์ไฟฟ้าสำเร็จรูป (Kitting Box) ให้กับกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหม่ และ ขยายผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม เช่น กระเบื้องหลังคาเซรามิก และ Modular Home เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการที่อยู่อาศัย โรงแรม และรีสอร์ท

ขณะที่ บริษัทเดินหน้าพัฒนาโครงการสำหรับการขยายธุรกิจระบบเครือข่ายอินเตอร์ความเร็วสูงโดยใช้สายใยแก้วนำแสง หรือ Fiber Optic (FTTx) เพื่อขยายโครงข่าย Fiber Optic ไปยังพื้นที่จังหวัดเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดเชียงใหม่ และ จังหวัดชลบุรี รวมถึงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในเขตต่างๆ เพื่อรองรับการเติบโตของความต้องการบริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อีกทั้ง บริษัทพัฒนารูปแบบการขายสินค้ากลุ่ม Smart Home ทั้งในช่องทางการขายตรง (Direct Sales) ที่ให้บริการให้คำปรึกษาและติดตั้งถึงที่ และช่องทางการขายออนไลน์ (Online Sales) ให้กับธุรกิจที่มีความต้องการ เพื่อขยายฐานลูกค้า และ ปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว

ด้านโครงการติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อป ซึ่งบริษัทร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่ บมจ.กรุงเทพแกรนด์แปซิฟิคิลีส (BGPL) และ บมจ.เอเชียเสริมกิจลีสซิ่ง (ASK) เพื่อพัฒนาระบบโซลาร์รูฟท็อปในรูปแบบ Power Purchase Agreement (PPA) โดยอุปกรณ์ที่ติดตั้งจะโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าเมื่อสิ้นสุดสัญญา ซึ่งตั้งเป้าการขยายฐานการให้บริการติดตั้งโครงการดังกล่าว 2 เมกะวัตต์ในปี 2568 ขณะเดียวกัน บริษัทพัฒนาบริการระบบเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยการผสานเทคโนโลยีกล้องวงจรปิด (CCTV) ร่วมกับบริการรักษาความปลอดภัย (รปภ.) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลรักษาความปลอดภัย และ เป็นการช่วยลดต้นทุนให้กับลูกค้าจากใช้บริการเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแบบดั้งเดิม

นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจเพื่อมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และ การมีบรรษัทภิบาลที่ดีตามแนวทาง ESG (Environment, Social, Governance) ผ่านนโยบายการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน (Anti-Corruption) อย่างเคร่งครัด ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด อาทิ โครงการติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อป พร้อมการดำเนินงานที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการ

ทรูออนไลน์ ผู้นำนวัตกรรมเน็ตบ้านไฟเบอร์อันดับ 1 กับการยกทัพเทคโนโลยีที่มาพร้อมAIเต็มประสิทธิภาพ และนวัตกรรมสมาร์ทโฮม เติมเต็มชีวิตอัจฉริยะในบ้าน ที่มากกว่าการเชื่อมต่อสัญญาณ แต่เชื่อมต่อทุกความสัมพันธ์ของ “คน” ไว้ด้วยกัน ภายใต้แนวคิด “Your Everyday Connect Tech” ให้คนไทยเชื่อมโยงเทคโนโลยีเติมเต็มชีวิตดิจิทัลในทุกวัน ชู 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1) Smart Tech สมาร์ทเทคกับเทคโนโลยีใหม่ที่สุดในโลก สัมผัส WiFi 7 เราเตอร์ ที่ปล่อย WiFi เร็วแรง เต็มสปีด 2Gbps และยังมี WIFI เราเตอร์ 2 ระบบในเครื่องเดียว ให้ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ ทั้งระบบสายไฟเบอร์ และสัญญาณเน็ตมือถือที่สำรองในเราเตอร์ ปล่อย WiFi ได้ทันทีในกรณีฉุกเฉิน 2) Smart Solution สมาร์ทโซลูชั่น ที่แรก ที่เดียว กับเราเตอร์เชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ในบ้าน เป็นทั้ง IoTHub และปล่อย WiFi ในตัว มาพร้อมอุปกรณ์ Smart Home IoT และยังมี TrueID TV Gen 3 กล่องทีวี AI อัจฉริยะ สุข สนุก ตอบโจทย์ทุก Gen ในบ้าน ทั้ง AI Fitness, AI Game, AI Chipset ใหม่ล่าสุด ให้ภาพคมชัดระดับ 4K HDR และบริการร้องเพลงคาราโอเกะ 3) Smart Service & Privilege สมาร์ทเซอร์วิสและสิทธิพิเศษ สะดวก ง่าย ด้วย แอปTrue iService ศูนย์รวมข้อมูลและทุกบริการ โดยมี Mari ที่พร้อมดูแลตลอด 24 ชั่วโมง และยังมีสิทธิประโยชน์เพื่อความสุขของลูกค้า สะท้อนการนำเทคโนโลยีเพื่อเชื่อมต่อทุกความสัมพันธ์ของ “คน” ไว้ด้วยกัน โดยบอกเล่าผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ที่ได้พรีเซนเตอร์ "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ลูกค้าทรูออนไลน์ตัวจริง มาถ่ายทอดทุกความอัจฉริยะภายในบ้าน

 

นายฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ทรู ออนไลน์ ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลของ

ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการวางโครงสร้างพื้นฐานไฟเบอร์ที่ปัจจุบันครอบคลุมการให้บริการทั่วประเทศไทย เรายังคงความเป็นผู้นำตลาดด้วยบริการที่ล้ำหน้า ผสานการใช้เทคโนโลยี AI ร่วมกับการบริหารจัดการข้อมูลเชิงวิเคราะห์ ศึกษาความต้องการลูกค้า เพื่อนำเสนอบริการที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้า เป็นการ

ออกแบบเทคโนโลยีเพื่อการใช้ชีวิตของคนในทุกมิติ (Human Technology) เน็ตบ้านทรูจึงเป็นมากกว่าการเชื่อมต่อสัญญาณ แต่ยังเชื่อมต่อทุกความสัมพันธ์ของคนในบ้าน ภายใต้แนวคิด “Your Everyday Connect Tech” ที่นำเทคโนโลยี มาเติมเต็มชีวิตดิจิทัลในทุกวัน อัดแน่นด้วยทัพเทคโนโลยีที่ใหม่ที่สุดในโลก และนวัตกรรมสมาร์ทโฮม ที่แรก ที่เดียว ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ Smart Tech – Smart Solution – Smart Service & Privilege ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมเน็ตบ้านไฟเบอร์ตัวจริง ขณะเดียวกัน ทรูออนไลน์ เข้าใจความกังวลของลูกค้าเรื่องภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่กำลังทวีความรุนแรง จึงได้ดูแลความปลอดภัยระบบโครงข่ายแบบครบวงจร รวมทั้งลงทุนในเทคโนโลยี AI ขั้นสูง พัฒนาบริการ “True Cybersafe” เพื่อปกป้องลูกค้าจากมิจฉาชีพภัยไซเบอร์ โดยให้บริการฟรีสำหรับลูกค้าทรูออนไลน์ทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบันทุกบ้าน

เรายังได้พรีเซนเตอร์ “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผู้ประกาศข่าวและพิธีกรอันดับ 1 ที่เป็นลูกค้าผู้ใช้งานจริงมาอย่างต่อเนื่อง มาบอกเล่าประสบการณ์ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ถ่ายทอดความอัจฉริยะของเน็ตบ้านอันดับหนึ่ง ยกระดับบ้านให้เป็นสมาร์ทโฮม และอีกหลากหลายบริการที่มาพร้อมความสุข ความสนุก ความบันเทิง ที่เชื่อมต่อความสัมพันธ์ของ “คน” ในบ้านไว้ด้วยกัน สะท้อนความมุ่งมั่นของทรูออนไลน์ที่ตั้งใจส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดบรอดแบนด์อย่างต่อเนื่องมากว่า 20 ปี”

 

นายสกลพร หาญชาญเลิศ หัวหน้าสายงานโพสต์เพย์ คอนเวอร์เจนซ์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ด้วยวิถีของผู้นำตลาดที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ทรูออนไลน์ได้พัฒนานวัตกรรมที่หลากหลาย โดยจากข้อมูลการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุปกรณ์ IOT และการขยายตัวของตลาดบ้านอัจฉริยะ ในกลุ่มคนรุ่นใหม่และครอบครัวยุคใหม่ ทรูออนไลน์ จึงออกแบบและวางกลยุทธ์หลัก เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และรองรับการขยายตัวของอุปกรณ์ IOT ในบ้าน เป็น 3 ด้าน คือ

Smart Tech - ที่แรก และที่เดียว เน็ตบ้านแพ็กเกจ 2Gbps มาพร้อม WiFi 7 เราเตอร์คุณภาพ ให้สัมผัส WiFi เร็วแรงเต็มสปีด 2Gbps แบบไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม เอาใจคอเกมและชาวเน็ตที่ชื่นชอบไลฟ์สด สตรีมมิ่ง ที่มีดีไวซ์รองรับ WiFi7 ให้ออนไลน์ได้เต็มประสิทธิภาพ เรายังมี เราเตอร์ 2 ระบบ รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านสายไฟเบอร์แบบแรงเต็มสปีด และสำรองด้วยอินเทอร์เน็ตมือถือ ในกรณีฉุกเฉินที่เกิดปัญหาการเชื่อมต่อผ่านไฟเบอร์ เราเตอร์จะเปลี่ยนไปใช้อินเทอร์เน็ตจากสัญญาณเน็ตมือถือแบบอัตโนมัติทันที ไม่ต้องตั้งค่า WIFI หรืออุปกรณ์ภายในบ้านใหม่ นอกจากนี้ เรายังมี เทคโนโลยี Smart AI ที่มี PRO AI Network นำ AI มาใช้ตรวจสอบ วิเคราะห์และควบคุมเครือข่าย เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า

Smart Solution - ที่แรก และที่เดียว เราเตอร์เชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ในบ้าน เป็นเราเตอร์ที่ปล่อยสัญญาณ WiFi และเป็น IoT hub ในเครื่องเดียว โดย IoT hub จะทำงานผ่าน Zigbee Gateway ที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ Smart Home IoT อาทิ อุปกรณ์เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว สัญญาณแจ้งเตือนภัย ปุ่มกดแจ้งเตือน เซนเซอร์เตือนภัยสำหรับประตูหรือหน้าต่าง รวมถึง AI CCTV กล้องวงจรปิดที่รุ่นใหม่ ที่มี AI ตรวจจับการเคลื่อนไหวต่างๆ ของคน และสัตว์ รวมถึงสามารถจับเสียงร้องของเด็กและแจ้งเตือนผ่านแอปได้ มาพร้อมบริการบันทึกภาพเคลื่อนไหวย้อนหลังผ่านคลาวด์ได้ถึง 7 วันย้อนหลัง เป็นต้น สะดวก ง่าย โดยลูกค้าสามารถควบคุมกล้องและ IoT ทุกชิ้นในบ้านได้อย่างสะดวกสบายผ่านแอป TrueX เพียงแอปเดียวและยังมี TrueID TV Gen 3 กล่องทีวี AI อัจฉริยะที่ฉลาดล้ำยิ่งขึ้น ให้ทุกคนในบ้าน สุข สนุก ร่วมกัน ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย กับ AI Fitness กว่า 300 คลาส พร้อม AI นับแคล ให้คะแนนแบบเรียลไทม์ AI Game เล่นเกมผ่านการเคลื่อนไหว และยังมี AI Chipset ใหม่ล่าสุด ให้ภาพคมชัดระดับ 4K HDR ลื่นไหล ดูเพลินไม่สะดุด ร้องเพลงคาราโอเกะ กับแอป Plern Karaoke จากแกรมมี่ แบบExclusive ที่ทรูเท่านั้น และที่ง่ายและสะดวกสุด คือสั่งการง่ายด้วยเสียง กับระบบ Google Assistant นอกจากนี้ โซลูชั่นของเรายังมาพร้อมความปลอดภัยอีกขั้นด้วยประกันภัยที่อยู่อาศัยและประกันชีวิต อีกด้วย

Smart Service & Privilege – สะดวกยิ่งกว่าด้วย True iService แอปศูนย์รวมทุกบริการบนโลกดิจิทัล พร้อม ด้วย Mari Chat ที่ดูแลให้ความช่วยเหลือลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง และทีมช่างคุณภาพเข้าซ่อมฉับไว นอกจากนี้ยังมีสิทธิประโยชน์ที่คัดสรรอย่างดีที่สุด มอบความสุขทั้งในบ้านและนอกบ้าน เพียงใช้ทรูพอยท์แลกรับสิทธิพิเศษที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อความสุขของลูกค้าคนสำคัญ

พบ โปรเน็ตบ้าน ที่ตอบโจทย์ทุกคนในบ้าน ครบครันด้วยอุปกรณ์อัจฉริยะ ที่ทันสมัยที่สุดในตลาด พร้อมสิทธิพิเศษอื่นๆอีกมากมาย สนใจสมัครได้ที่ ทรูช็อป ดีแทคช็อปทุกสาขา และตัวแทนจําหน่ายทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.true.th/trueonline หรือโทร 02-700-8000

Page 1 of 10
X

Right Click

No right click