

นิโอ ทาร์เก็ต เผยผลสำรวจ พบคนไทยทุก Gen กว่าร้อยละ 80 ต่างเห็นว่า “ผู้นำองค์กร” สำคัญต่อการสร้างความเชื่อมั่น และความไว้วางใจ (Trust) ให้แก่องค์กร ขณะที่ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ มาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ คุณภาพของสินค้า บริการ และชื่อเสียงของแบรนด์
นางวรรณี ลีลาเวชบุตร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จำกัด ที่ปรึกษาการสื่อสารภาพลักษณ์องค์กร กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดมีการแข่งขันสูง การสร้างชื่อเสียงองค์กรให้มีความน่าเชื่อถือ (Trust) และ สร้างตราสินค้า (แบรนด์) ให้เป็นที่ชื่นชอบ ชื่นชมในกลุ่มเป้าหมายจนสามารถครองตำแหน่งผู้นำทางการตลาดได้นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่ง หลายองค์กรจึงจำเป็นต้องสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ โดดเด่นกว่าคู่แข่งรายอื่น เพื่อให้เป็นตัวเลือกในของการตัดสินใจซื้อ ควบคู่ไปกับการสร้างผู้นำองค์กรให้เป็นที่รู้จัก ถึงบทบาทและวิสัยทัศน์ในการบริหารองค์กร การทำกิจกรรมเพื่อสังคม ตลอดจนไลฟ์สไตล์ในการดำเนินชีวิต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่องค์กรและแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
นิโอ ทาร์เก็ต ได้ทำการสำรวจความเห็นผู้บริโภคมาหลายปีติดต่อกัน ในปีนี้ เราได้ทำการสำรวจความเห็นผู้บริโภคอีกครั้ง โดยการสำรวจดังกล่าวครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น คือ ตั้งแต่กลุ่ม Gen Z ไปจนถึง กลุ่ม Baby Boomer ที่มีช่วงอายุตั้งแต่ 14-78 ปี ทั่วประเทศ จำนวน 2,000 คน เป้าหมายหลัก คือหาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการสร้างชื่อเสียงขององค์กร และ ปัจจัยที่มีผลต่อความรู้สึกที่ดีต่อแบรนด์ รวมทั้งการตัดสินใจซื้อ คืออะไร ผลการสำรวจพบว่า คนไทยทุก Gen กว่าร้อยละ 80 (80.87%) ต่างให้ความเห็นในแนวทางเดียวกันว่า ผู้บริหาร หรือ ผู้นำองค์กร เป็นคนที่สำคัญมากที่สุดต่อการสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ (Trust) กับองค์กร โดยผลสำรวจพบว่า บริษัทที่ได้รับความเชื่อมั่นหรือไว้วางใจมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด และ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด โดยเหตุผลสำคัญมาจากความเชื่อมั่นในความสามารถขององค์กร มากถึงร้อยละ 22.29 รองลงมา คือความน่าเชื่อถือขององค์กร ร้อยละ 17.92 และ ร้อยละ 17.77 มีความเชื่อมั่นในผู้บริหารองค์กร ส่วนปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการมากที่สุด ร้อยละ 87.80 อยู่ที่คุณภาพของสินค้า ร้อยละ 73.80 ชื่อเสียงของแบรนด์สินค้า และร้อยละ 73.19 คือเรื่องราคา

อย่างไรก็ตาม กลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่มต่างให้ความเห็นว่า ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยมากที่สุด คือ เรื่องราคาของสินค้า ที่มีราคาแพง ขณะที่รายได้ที่มีอยู่ไม่เพียงพอกับรายจ่าย นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า ปัญหาสังคมที่มีผลกระทบต่อประเทศชาติ มาจาก ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ทุจริตคอร์รัปชัน โอกาสและการพัฒนาการศึกษา และยาเสพติด ซึ่งเป็น 4 อันดับแรก ที่คนทุกกลุ่มให้ความเห็นในสัดส่วนใกล้เคียงกัน โดยกลุ่ม Gen Z ร้อยละ 51.24 และ Gen Y ร้อยละ 58.14 มองว่าปัญหาโอกาสและพัฒนาการศึกษาส่งผลกระทบต่อประเทศชาติมากที่สุด โดยทั้ง 2 กลุ่มนี้ ให้ความสำคัญกับปัญหาทางไซเบอร์มากด้วยเช่นกัน ส่วนกลุ่ม Gen X และ Gen Baby Boomer มองว่าปัญหาคอร์รัปชันมีผลกระทบต่อประเทศชาติมากที่สุด
นางวรรณี กล่าวเสริมว่า เพื่อเป็นกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวกับการให้ความสำคัญในการสร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์องค์กร ควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับและน่าเชื่อถือ บริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จำกัด จึงได้ร่วมกับ อินฟลูเอ็นเชี่ยลแบรนด์ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ในเอเชีย จัดงานมอบรางวัลสุดยอดแบรนด์ชั้นนำในเอเชีย 2024 Asia CEO Summit & Award Ceremony ซึ่งได้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 ในประเทศสิงคโปร์ และปีที่ 7 ในประเทศไทย มอบรางวัลอินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์อะวอร์ด ประจำปี 2024 (Influential Brand Award 2024) ให้กับแบรนด์ที่ทรงอิทธิพลต่อผู้บริโภคมากที่สุด ต้นเดือนมีนาคมนี้ โดยรางวัลแบ่งออกเป็น 4 หมวด ได้แก่ รางวัลแบรนด์ที่ทรงอิทธิพลต่อผู้บริโภคมากที่สุด (Top Influential Brand) มาจากผลวิจัยจากผู้บริโภค รางวัลแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจสูงสุดต่อเนื่อง (Outstanding Brand) รางวัลผู้บริหารองค์กรชั้นนำ (Top CEO) และรางวัลผู้นำดีเด่น (Outstanding Leader)
“รางวัลดังกล่าวที่จัดขึ้น เป็นบทพิสูจน์ว่า ทุกองค์กร และแบรนด์ต่าง ๆ ได้ก้าวสู่ความเป็นเลิศจนสามารถมีอิทธิพลต่อกลุ่มเป้าหมายได้นั้น ต้องมาจากพื้นฐานของความเป็นจริง ด้วยชื่อเสียงขององค์กร ความสามารถของผู้บริหาร และ คุณภาพของสินค้าที่เป็นจริง ไม่ใช่เป็นเพียงการใช้กลยุทธ์การสร้างภาพ ด้วยกลยุทธ์วิธีทางการสื่อสารเท่านั้น” นางวรรณี กล่าวในที่สุด
อินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์ ประเทศสิงคโปร์ และ นิโอ ทาร์เก็ต ผู้นำด้านที่ปรึกษาสร้างชื่อเสียงองค์กรในประเทศไทย เตรียมค้นหาสุดยอดแบรนด์ ผู้บริหาร และผู้นำองค์กร เข้ารับรางวัล อินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์ อะวอร์ด ประจำปี 2566 โดยลงพื้นที่ทำวิจัยค้นหาสุดยอดแบรนด์ที่มีอิทธิพลสูงสุดต่อผู้บริโภค และเชิญชวนบริษัทฯ องค์กรรัฐและวิสาหกิจชั้นนำของไทย ร่วมส่งข้อมูลเพื่อชิงความเป็นที่สุดของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจสูงสุดต่อเนื่อง ผู้บริหารและผู้นำธุรกิจที่โดดเด่นแห่งปี

มร.จอร์จ โรดิกัส กรรมการผู้จัดการ อินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์ ประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า “ในฐานะที่อินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์ เป็นองค์กรที่เชี่ยวชาญด้านความรู้ทางธุรกิจและการสร้างแบรนด์ในเอเชีย มายาวนานกว่า 20 ปี มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศสิงคโปร์ และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นองค์กรที่ยกย่อง “สุดยอดองค์กรที่มีความเป็นเลิศ” และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างบริษัทชั้นนำในเอเชีย เราตระหนักถึงความเป็นเลิศทางธุรกิจและความสามารถในการปรับตัวของธุรกิจไทยในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ หลายปีที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องง่าย โดยสิ่งเหล่านี้ยังช่วยให้บริษัทต่างๆ มีโอกาสสร้างความแข็งแกร่งและพลิกโฉมธุรกิจของตน และเรามั่นใจว่าบริษัทไทยจะได้รับประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนและสร้างเครือข่ายกับบริษัทที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน ผ่านเครือข่ายระดับโลก และระดับภูมิภาคที่ดีที่สุดของเรา”

นางวรรณี ลีลาเวชบุตร ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จำกัด กล่าวว่า “ท่ามกลางความท้าทายการทำธุรกิจในโลกยุคใหม่ องค์กรต่างให้ความสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ ให้ได้รับการยอมรับ ยกย่องจากสังคม โดยเฉพาะสังคมที่มีผู้นำเป็นผู้ที่มีอิทธิพล นอกจากนี้ การเข้าใจพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคนี้ จะช่วยให้แบรนด์และสินค้าเป็นที่นิยมมากขึ้น สามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืน”
สำหรับรางวัลที่จะมอบในปีนี้ประกอบด้วย 4 ประเภท ได้แก่ รางวัลสำหรับองค์กรและสินค้ามี 2 ประเภท คือ Influential Brands และ Outstanding Brands และอีก 2 รางวัล สำหรับผู้บริหารองค์กรคือ Top CEOs และOutstanding Leaders โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายในปีที่ผ่านมา ได้มีการสำรวจผู้บริโภคกลุ่ม Gen Y และ Z ในประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนการใช้จ่ายสูงสุดในประเทศไทยในปัจจุบัน โดยขนาดกลุ่มตัวอย่างให้ระดับความเชื่อมั่นอยู่ที่ 95% และ +/-5% ซึ่งสามารถสะท้อนถึงมุมมองและความพึงพอใจของแบรนด์ในประเทศไทย
การสำรวจนี้เป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยตลาดใน 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และจีน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาแบรนด์ยอดนิยมในใจผู้บริโภคประจำปี 2566 ซึ่งประเภทของธุรกิจที่ทำการสำรวจ ได้แก่ ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ช่องทางการตลาดออนไลน์ บริษัทประกันชีวิต ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม สายการบิน สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ผู้ให้บริการและแอพพลิเคชั่นสั่งอาหาร ร้านอาหาร เบเกอรี่เชน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ รถหรู รถอีโค่คาร์ และผลิตภัณฑ์ในธุรกิจเอฟเอ็มซีจี เป็นต้น ซึ่งผลสำรวจได้แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ใดเป็น แบรนด์ที่อยู่ในใจ และมีอิทธิพลต่อประชาชนสูงสุด
การประกาศผลผู้ชนะ และมอบรางวัลอย่างเป็นทางการ จะจัดขึ้นทั้งที่ประเทศสิงค์โปร์ และประเทศไทย ในช่วงกลางเดือนมีนาคม และต้นเดือนเมษายน 2567 สำหรับที่สิงคโปร์มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 400 คน จาก 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และจีน