

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ ทรงเปิดพิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย MEA SPARK ณ อาคาร 1 การไฟฟ้านครหลวง เขตวัดเลียบ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง พร้อมด้วยคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง คณะผู้บริหารระดับสูง ผู้แทนหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ทายาทสายสกุล แสง ชู-โต พนักงานและอดีตพนักงานการไฟฟ้านครหลวง เฝ้า ฯ รับเสด็จ โอกาสนี้ได้เสด็จทรงปลูกต้นทองกวาว ต้นไม้ประจำองค์กร นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ และเป็นสิริมงคลยิ่ง จากนั้นเสด็จทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย MEA SPARK
อาคาร 1 การไฟฟ้านครหลวง เขตวัดเลียบ เป็นโบราณสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์ไฟฟ้าไทย อายุ 109 ปี เคยเป็นสำนักงานใหญ่แห่งแรกของการไฟฟ้านครหลวงและเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าแห่งแรกของประเทศ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เสด็จพระราชดำเนินเปิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2459 ตัวอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 3 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยามีกันสาดโดยรอบ โดดเด่นด้วยองค์ประกอบดั้งเดิมที่ทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ ซึ่งการบูรณะอาคารดังกล่าวได้ดำเนินการอย่างสอดคล้องกับหลักการอนุรักษ์สถาปัตยกรรม พร้อมปรับพื้นที่บางส่วนเพื่อรองรับการจัดแสดงภายใน

สำหรับพิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย MEA SPARK มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพลังงานไฟฟ้าเพื่อวิถีชีวิตมหานคร ที่เชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ภายใต้ภารกิจ Back to the Future Journey นำผู้เยี่ยมชมย้อนรอยประวัติศาสตร์ไฟฟ้าไทยสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมพลังงานอัจฉริยะในอนาคต ถือเป็นสถานที่สำคัญแห่งใหม่ของเมืองมหานคร ที่ตอบโจทย์การเรียนรู้ในอนาคตของสังคม และเปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง ณ สถานที่จริง จุดประกายให้เกิดการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ ตลอดจนก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย เสริมคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สังคม และประเทศชาติ และต่อยอดสู่การพัฒนาความรู้เพื่ออนาคตของประเทศ

ภายในพิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย MEA SPARK แบ่งออกเป็น 3 ชั้น เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์กิจการไฟฟ้าไทย มีการออกแบบจัดแสดงโดยใช้เทคนิคที่หลากหลาย ทั้งวัตถุ ศิลปกรรมโมเดล อิมเมอร์ซีฟ แสงสี ประกอบดนตรีร่วมสมัย และแอปพลิเคชัน เพื่อสื่อสารกับผู้ชมทุกวัย โดยชั้นที่ 3 บอกเล่าเรื่องราว “แสงแรกแห่งสยาม First Electric Light in Siam” ช่วงประวัติศาสตร์ก่อนมีไฟฟ้าใช้ จนถึงจุดกำเนิดกิจการไฟฟ้า และโรงไฟฟ้าวัดเลียบ สำหรับชั้นที่ 2 “แสงแห่งความยั่งยืน Sustainable Electric Light” ถ่ายทอดการพัฒนากิจการไฟฟ้าไทย การก่อตั้งการไฟฟ้านครหลวง และเรื่องราวผู้ว่าการในอดีต และ ชั้นที่ 1 จัดแสดงการอนุรักษ์และบูรณะอาคาร พร้อมบริเวณ SPARK Zone เล่าเรื่องราว แสงแห่งอนาคต Symphony of Light ที่นำเสนออนาคตพลังงาน และนวัตกรรม Smart City

อย่างไรก็ตาม พิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย MEA SPARK จะเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อร่วมสัมผัสประสบการณ์เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไฟฟ้าไทย ควบคู่กับนวัตกรรมพลังงานแห่งอนาคตที่ร้อยเรียงอย่างงดงามในอาคารประวัติศาสตร์กว่า 100 ปี โปรดติดตามรายละเอียดการเข้าชม และกิจกรรมพิเศษได้ที่ช่องทางเว็บไซต์ measpark.mea.or.th
การไฟฟ้านครหลวง (MEA) โดยฝ่ายการตลาดและลูกค้าสัมพันธ์ จัดงานสัมมนา “MEA Better Care 2025 : Powering Trust with CARE+” ณ ห้อง Jubilee Ballroom โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ โดยมีนายกิตติศักดิ์ เจือจันทนศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายงานธุรกิจ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน งานสัมมนานี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ พร้อมเสริมสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าธุรกิจและอุตสาหกรรม เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการไฟฟ้าผ่านโครงการ MEA Better Care Service Plus โดยทีมวิทยากรจากฝ่ายธุรกิจบริการและคุณภาพไฟฟ้าของ MEA มุ่งเน้นให้ลูกค้าได้รับข้อมูลเชิงลึกและสามารถนำไปปรับใช้ในการบริหารจัดการระบบไฟฟ้าภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาจำนวนกว่า 100 ท่าน

นอกจากนี้ ภายในงานได้จัดแสดงบูทให้ข้อมูลและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบริการของ MEA อาทิ MEA Better Care Service Plus บริการดูแลระบบไฟฟ้าภายในอาคารด้วยระบบ IoT อัจฉริยะตลอด 24 ชั่วโมง MEA Plug ME EV โซลูชันสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า อัตราค่าไฟฟ้า UGT (Utility Green Tariff) สำหรับลูกค้าที่ต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานสะอาด และ MEA e-Service บริการออนไลน์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ไฟสามารถเข้าถึงข้อมูลและทำธุรกรรมด้านไฟฟ้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ทุกที่ทุกเวลา โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำตลอดช่วงการจัดงาน

โครงการ “MEA Better Care Service” เป็นบริการเฉพาะสำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจและอุตสาหกรรม ที่ต้องการความมั่นใจในระบบไฟฟ้า ระบบไฟฟ้าใต้ดิน และการบำรุงรักษาเชิงป้องกันแบบมืออาชีพ โดยมุ่งเน้นการให้บริการเชิงรุก เพื่อสร้างความมั่นใจในความต่อเนื่องทางธุรกิจของลูกค้า MEA
นายฐิติวุฒิ เงินคล้าย รองผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง เป็นประธานการประชุมชี้แจงโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินเพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียน โครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เส้นทางถนนประชาธิปก (ช่วงแยกบ้านแขก ถึงวงเวียนใหญ่) และถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน โดยมีผู้แทนจากองค์กร หน่วยงานราชการ และหน่วยงานผู้ใช้ไฟฟ้าภาคธุรกิจต่าง ๆ ในพื้นที่ เข้าร่วมรับฟังการชี้แจงรายละเอียดแผนดำเนินงาน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการก่อสร้าง ณ ห้องประชุม Venita 2 โรงแรม อเวย์ บางกอก ริเวอร์ไซด์ คีน ถนนเจริญนคร กรุงเทพฯ

รองผู้ว่าการ MEA กล่าวว่า ตามที่ MEA ได้มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงมหาดไทย และรัฐบาล เร่งดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินมาอย่างต่อเนื่องนั้น ล่าสุด MEA จะดำเนินโครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เส้นทางถนนประชาธิปก (ช่วงแยกบ้านแขก ถึงวงเวียนใหญ่) และถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน โดยมีพื้นที่ดำเนินการ 3.4 กิโลเมตร ดำเนินการก่อสร้างบริเวณผิวจราจรและผิวทางเท้า เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2568 – ปี 2572 (รื้อถอนเสาสายแล้วเสร็จ ภายในปี 2572) โดย MEA จะดำเนินการก่อสร้างไปพร้อมกับโครงการรถไฟฟ้าของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ถึง 05.00 น. ของทุกวันเพื่อหลีกเลี่ยงการส่งผลกระทบต่อการจราจร

ในด้านการก่อสร้างของโครงการดังกล่าว ประกอบด้วยงานก่อสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน งานก่อสร้างฐานอุปกรณ์และติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า งานลากสายไฟฟ้าใต้ดิน และการเปลี่ยนระบบการจ่ายไฟจากสายอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานครั้งนี้จะช่วยพัฒนาเสถียรภาพ และความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคง และเป็นการเตรียมพร้อมรองรับความต้องการการใช้ไฟฟ้าของภาคธุรกิจและหน่วยงานเอกชนในพื้นที่ในอนาคต รวมถึงช่วยเสริมสร้างทัศนียภาพของกรุงเทพมหานครให้มีความสวยงาม ตลอดจนช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งการประชุมครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานได้แสดงความคิดเห็น พร้อมให้ข้อมูลสำคัญ เพื่อให้ MEA ได้นำมาพิจารณาปรับปรุงแผนงานให้มีความเหมาะสม และส่งผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด
นายดิชวัฒน์ จันทร์อี่ รองผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง พร้อมด้วยนางนิภา ธรรมบวร ผู้ช่วยผู้ว่าการ MEA เข้ารับรางวัลชนะเลิศ รายการ Asia Responsible Enterprise Awards (AREA) 2025 ณ The Athenee Hotel, A Luxury Collection Hotel, Bangkok ในฐานะองค์กรภูมิภาคเอเชียที่มีความโดดเด่นด้านการจัดทำรายงานความยั่งยืนเพื่อเผยแพร่ข้อมูลด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์กรตามมาตรฐานสากล GRI และการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนสังคมขององค์กร ถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จในการมุ่งมั่นสนับสนุนเป้าหมายความยั่งยืนสากลขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) โดยมีองค์กรชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงบุคคลสำคัญในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนเข้าร่วมเป็นเกียรติในงาน ซึ่งรางวัลที่ MEA ได้รับในครั้งนี้ประกอบด้วย


สำหรับรางวัล Asia Responsible Enterprise Awards (AREA) จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 โดย Enterprise Asia องค์กรไม่แสวงหากำไรที่มุ่งส่งเสริมการทำประโยชน์แก่สังคม และสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจของผู้ประกอบการในภูมิภาคเอเชีย เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ถือเป็นเวทีสำคัญระดับภูมิภาคในการยกย่ององค์กรต้นแบบที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแท้จริง และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่องค์กรอื่น ๆ ในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมและยั่งยืน ซึ่งรางวัลทั้งสามสาขาที่ MEA ได้รับในปีนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนองค์กรด้วยแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยสอดคล้องกับพันธกิจของ MEA ในการเป็นพลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานครอย่างมั่นคงและยั่งยืน

นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร MEA ร่วมด้วย นายชัชชญา ขำจันทร์ รองผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ และเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบความพร้อมระบบไฟฟ้าสถานีสูบน้ำอุโมงค์บางซื่อ ทั้งนี้ MEA ได้บำรุงรักษาและติดตั้งอุปกรณ์เสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าสถานีสูบน้ำ อีกทั้งมีการเตรียมความพร้อม และซักซ้อมแผนเพื่อบูรณาการความร่วมมือกับสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมมอบอุปกรณ์ตรวจจับไฟฟ้ารั่วในน้ำ นวัตกรรมซึ่งออกแบบและผลิตโดย MEA เพื่อความปลอดภัยสามารถตรวจสอบกระแสไฟฟ้ารั่วในน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพให้แก่สำนักการระบายน้ำ คลองบางซื่อ ณ สถานีสูบน้ำอุโมงค์บางซื่อ กรุงเทพมหานคร

ผู้ว่าการ MEA กล่าวว่า MEA ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้านระบบจำหน่ายระบบไฟฟ้าสังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญกับคุณภาพการจ่ายกระแสไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการรองรับเหตุฉุกเฉินและขัดข้องต่างๆ พร้อมบูรณาการกับหน่วยงานเกี่ยวข้องดูแลการจ่ายไฟฟ้าของสถานีสูบน้ำ ประตูระบายน้ำ และบ่อสูบน้ำของกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ที่ MEA ดูแลด้านระบบไฟฟ้า จำนวน 638 แห่ง โดย MEA มีการเชื่อมโยงระบบจ่ายไฟฟ้าหลัก และระบบจ่ายไฟฟ้าสำรองให้กับสถานีสูบน้ำทุกแห่ง เพื่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้า และสามารถบริหารจัดการโดยใช้เทคโนโลยีบริหารจัดการควบคุมระบบไฟฟ้า SCADA (Supervisory Control and Data Acquisition) ตลอดจนได้นำระบบ DMS (Distribution Management System) มาใช้ในระบบการจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย ติดตั้งอยู่บนเสาไฟฟ้าในพื้นที่ต่างๆ เพื่อช่วยบริหารควบคุมสั่งการได้จากส่วนกลาง ทราบสาเหตุ และสั่งการอัตโนมัติ ทำให้เกิดความมั่นคงในระบบไฟฟ้ามีความปลอดภัย และเพิ่มประสิทธิภาพ สามารถแก้ไขไฟฟ้าขัดข้องได้รวดเร็ว

ผู้ว่าการ MEA กล่าวต่อว่า สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้ เป็นการติดตามตรวจสอบความพร้อมของระบบไฟฟ้าสถานีสูบน้ำอุโมงค์บางซื่อ ถือเป็นสถานีสูบน้ำที่สำคัญ ซึ่งสอดรับกับนโยบายกระทรวงมหาดไทยในการบูรณาการความร่วมมือเพื่อให้สามารถบริหารจัดการระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดย MEA จ่ายกระแสไฟฟ้าให้สถานีสูบน้ำ อุโมงค์บางซื่อ ด้วยระบบแรงดันไฟฟ้า 24 กิโลโวลต์ (kV) ให้กับระบบสูบน้ำขนาด 1,950 กิโลวัตต์ (kW) จำนวน 6 เครื่อง ความสามารถในการระบายน้ำ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที รองรับปริมาณน้ำฝนได้ไม่น้อยกว่า 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง โดยสถานีสูบน้ำอุโมงค์บางซื่อ จะรับน้ำจากอาคารรับน้ำถนนกำแพงเพชร อาคารรับน้ำถนนวิภาวดีรังสิต และอาคารรับน้ำถนนรัชดาภิเษก ซึ่งรับน้ำในพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานคร ได้แก่ เขตห้วยขวาง เขตดินแดง เขตพญาไท เขตจตุจักร เขตวังทองหลาง เขตบางซื่อ และเขตดุสิต ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 56 ตารางกิโลเมตร

นอกจากนี้ที่ผ่านมา MEA ยังมีแผนการตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบจำหน่ายไฟฟ้าให้กับสถานีสูบน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันปัญหาด้านระบบไฟฟ้าที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงก่อนเข้าสู่ฤดูฝน ที่จะต้องมีการตรวจสอบในลักษณะทางกายภาพ เช่น การตัดแต่งกิ่งไม้ และตรวจสอบป้ายต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้อุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งมีโอกาสที่จะถูกลมพายุพัดหลุดห้อยหรือทำให้กระทบกับระบบไฟฟ้าของ MEA ให้เกิดความเสียหายได้ ทั้งนี้ MEA ยังได้ประสานกับกรุงเทพมหานครตรวจสอบโคมไฟส่องสว่าง ไฟฟ้าสาธารณะให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย รวมถึงการตรวจสอบประสิทธิภาพของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ส่งผลต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าภายในสถานีสูบน้ำแต่ละแห่ง โดยประสานงานใกล้ชิดกับศูนย์ป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ เพื่อการแก้ไขเหตุไฟฟ้าดับฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจน MEA จัดเจ้าหน้าที่บูรณาการระบบไฟฟ้าประจำจุดที่สำคัญทุกแห่งพร้อมดูแลระบบไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง จากการดำเนินงานทั้งหมดนี้ MEA จึงมีความมั่นใจในการดูแลระบบไฟฟ้าสำหรับสถานีสูบน้ำเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมั่นคงและปลอดภัยอย่างเต็มที่ในช่วงฤดูฝน

ทั้งนี้ หากประชาชนประสบเหตุสาธารณภัย หรือต้องการความช่วยเหลือจากเหตุสาธารณภัยต่าง ๆ สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สายด่วนนิรภัย โทร. 1784 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 24 ชั่วโมง รวมถึงหากประชาชนในพื้นที่ให้บริการ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ พบเห็นสายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าของ MEA ชำรุดอยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย หรือต้องการความช่วยเหลือด้านระบบไฟฟ้ารวมถึงขอเลื่อนเครื่องวัดฯ สามารถแจ้งการไฟฟ้านครหลวงเขตใกล้บ้าน ทุกเขต หรือแจ้งเหตุผ่านช่องทางออนไลน์ สะดวก รวดเร็ว ได้ที่ MEA Smart Life Application ดาวน์โหลดฟรี ได้ที่ App Store และ Play Store เท่านั้น หรือช่องทางโซเชียลมีเดียทางการต่าง ๆ MEA ได้ที่ Line: MEA Connect (@MEAthailand) สัญลักษณ์โล่สีเขียวนำหน้าชื่อบัญชีทางการ เลือกเมนู ติดต่อ MEA Call Center Online 1130 ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง และติดตามข่าวสารงานบริการของ MEA ผ่านทางเว็บไซต์ www.mea.or.th