November 22, 2024

จากการศึกษาโดย Kaiser Permanente Southern California ของสหรัฐอเมริกา เพื่อประเมินประสิทธิผลของวัคซีนโมเดอร์น่าเข็มหลักสูตรปัจจุบัน (mRNA-1273) จากการใช้งานจริง ในการป้องกันการติดเชื้อและการเข้ารักษาในโรงพยาบาล จากการติดเชื้อโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยต่าง ๆ รวมถึง BA.5 ชึ่งเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วยนั้น จากข้อมูลผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2565 โดยเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 30,809 คน และผู้ป่วยกลุ่มควบคุมที่ไม่พบการติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 90,427 คน พบว่า ประสิทธิผลของวัคซีนโมเดอร์น่าสูตรปัจจุบัน 3 เข็ม และ 4 เข็ม ในการป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ BA.2, BA.2.12.1, BA.4 และ BA.5 อยู่ในระดับปานกลางในช่วงแรกหลังจากรับการฉีดวัคซีน ก่อนที่จะลดระดับลงมา ส่วนประสิทธิผลต่อการป้องกันการเข้ารักษาในโรงพยาบาลที่เกิดจากการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสายพันธุ์ย่อยชนิดต่าง ๆ ยังอยู่ในระดับที่สูงอยู่ โดยวัคซีนโมเดอร์น่าจำนวน 3 เข็มให้ระดับการป้องกันการเข้ารักษาในโรงพยาบาลต่อเชื้อ BA.1, BA.2, และ BA.4/BA.5 อยู่ที่ 97.5%, 82.0%, และ 72.4% ตามลำดับ ในขณะที่ วัคซีนโมเดอร์น่า จำนวน 4 เข็ม ให้ระดับการป้องกันการเข้ารักษาในโรงพยาบาลที่เกิดจากเชื้อโอไมครอน BA.4/BA.5 ที่ 88.5%

โดยสรุปแล้ว ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า จากการใช้งานจริง ประสิทธิผลของวัคซีนโมเดอร์น่า เข็มที่สามหรือเข็มที่สี่ต่อการติดเชื้อโอไมครอนอยู่ในระดับปานกลาง แต่ระดับการป้องกันอาการรุนแรงของโรคจากวัคซีนโมเดอร์น่าเข็มที่สาม-สี่ ยังอยู่ในระดับที่สูงอยู่ เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่บ่งชี้ถึงประโยชน์และบทบาทของวัคซีนในภาวะที่มีการระบาดของโควิด-19

อนึ่งสำหรับในสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ทางรัฐบาลได้ออกประกาศแนวทางการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นประจำฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง โดยระบุว่าสามารถใช้วัคซีน โควิด-19 ประเภท mRNA ทั้งสูตรปัจจุบัน และสูตรปรับปรุงใหม่ที่มีส่วนประกอบของวัคซีนสูตรปัจจุบันกับวัคซีนที่มีโอไมครอนอย่างละครึ่งเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับฤดูใบไม้ร่วงนี้ได้ เนื่องจากคณะกรรมการด้านการฉีดวัคซีนและการสร้างภูมิคุ้มกันโรค ได้ข้อสรุปว่าวัคซีนทั้งสองสูตรจะช่วยเพิ่มการป้องกันได้เป็นอย่างดี แม้ว่าวัคซีนสูตรผสมจะผลิตแอนติบอดีต่อโอไมครอนบางสายพันธุ์ในระดับที่สูงขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ควรชะลอเวลาการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นพื่อรอรับวัคซีนสูตรผสม เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นในเวลาที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยที่รุนแรงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงนี้

 

โมเดอร์น่าได้ประกาศข้อมูลใหม่เพิ่มเติมจากการศึกษาทางคลินิกว่า วัคซีนเข็มกระตุ้นสูตรผสมรุ่นใหม่ mRNA-1273.214 (สายพันธุ์ดั้งเดิมผสมกับโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1) ขนาด  50 ไมโครกรัม เมื่อให้เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นที่ 4 ในอาสาสมัครที่เคยได้รับวัคซีนโมเดอร์น่าสูตรปัจจุบันชุดหลัก 2 เข็ม (mRNA-1273, 100 ไมโครกรัม) และวัคซีนเข็มกระตุ้นสูตรปัจจุบัน (mRNA-1273, 50 ไมโครกรัม) 1 เข็ม จะได้การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันในการยับยั้งเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ในระดับที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับวัคซีนเข็มกระตุ้นสูตรปัจจุบัน โดยจากการวิเคราะห์ในอาสาสมัครที่ไม่เคยมีประวัติการติดเชื้อมาก่อน

 

 

โมเดอร์น่าประกาศว่าวัคซีนโมเดอร์น่าได้รับการอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน (EUA) จากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ในเด็กและวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 17 ปี โดยเป็นการฉีดแบบชุด 2 เข็มห่างกัน 1 เดือน ในขนาดที่แตกต่างกันตามความเหมาะสมในแต่ละช่วงอายุ โดยเด็กอายุ 6 เดือนถึง 5 ปี ใช้ที่ขนาด 25 ไมโครกรัม เด็กอายุ 6-11 ปี ที่ขนาด 50 ไมโครกรัม และวัยรุ่นอายุ 12-17 ปี ที่ขนาด 100 ไมโครกรัม ต่อเข็ม  ซึ่งการฉีดแบบชุด 2 เข็มห่างกัน 1 เดือนนี้มีความเหมาะสมที่จะช่วยป้องกันเด็กจากโรค โควิด-19 สำหรับการเริ่มต้นปีการศึกษาใหม่ ที่เด็ก ๆ จะต้องกลับสู่ห้องเรียนหรือศูนย์รับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน   อันเป็นสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง

โมเดอร์น่าได้ประกาศผลการศึกษาด้านประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันและความปลอดภัยของวัคซีนเข็มกระตุ้นสูตรผสมรุ่นใหม่ mRNA-1273.214 ขนาด 50 ไมโครกรัม ซึ่งเป็นสูตรผสมที่มี mRNA ของโปรตีนหนามสายพันธุ์ดั้งเดิม และ mRNA ของโปรตีนหนามสายพันธุ์โอไมครอน ในปริมาณที่เท่ากันอย่างละครึ่ง โดยทำการเปรียบเทียบกับวัคซีนสูตร mRNA-1273 ขนาด 50 ไมโครกรัม ซึ่งเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นรุ่นที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

งานวิจัยที่เผยแพร่ใน MedRXiv เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2565 แสดงให้เห็นถึงประสิทธิผลของวัคซีนโควิด-19 ประเภท mRNA ในกลุ่มผู้สูงอายุของสถานพยาบาลดูแลระยะยาว เมืองออนแทริโอ ประเทศแคนาดา ผลการวิจัยประกอบไปด้วย ประสิทธิผลของการฉีดวัคซีน mRNA เข็มที่สี่ และประสิทธิผลของการฉีดวัคซีนประเภท mRNA ชนิดที่ต่างกัน จำนวน 3 เข็ม ที่มีต่อการป้องกันการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตจากโควิด-19 จากเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน  

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click