

“โรคหัวใจและหลอดเลือด” ยังคงเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของผู้คนทั่วโลก ด้วยสถิติจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้กว่า 17-18 ล้านคนต่อปี หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของการเสียชีวิตทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้น แนวโน้มของโรคยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มคนอายุน้อยที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, ภาวะอ้วน และวิถีชีวิตที่เร่งรีบ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์จึงมุ่งมั่นพัฒนาสถาบันโรคหัวใจ ซึ่งเป็นศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์เฉพาะทาง ที่พร้อมรับมือกับโรคหัวใจทุกรูปแบบด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและทีมแพทย์สหสาขาวิชาชีพ เพื่อส่งมอบการรักษาที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และช่วยให้ผู้ป่วยกลับไปมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อีกครั้ง
คุณแบร์รี่ วอล์ฟแมน Senior Executive Director of Operations โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “บำรุงราษฎร์ภาคภูมิใจในการเป็นผู้นำด้านการดูแลสุขภาพระดับจตุตถภูมิ (Quaternary Care) ซึ่งเป็นการดูแลรักษาทางการแพทย์ระดับสูงสุด โดยเรามุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานการรักษามาตลอดกว่า 45 ปี เรามีทีมแพทย์ผู้บุกเบิกด้านการดูแลรักษาโรคหัวใจ ซึ่งนำแนวทางปฏิบัติที่ได้มาตรฐานระดับโลกและนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่มีประสิทธิภาพมาสู่ผู้ป่วยทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก โดยบำรุงราษฎร์ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Newsweek ให้เป็นหนึ่งใน ‘โรงพยาบาลเฉพาะทางที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2569’ สาขาโรคหัวใจ และเป็นโรงพยาบาลในประเทศไทยเพียงแห่งเดียวที่ติดอันดับดังกล่าว นอกจากนี้ บำรุงราษฎร์ยังได้รับการยอมรับในฐานะ ‘โรงพยาบาลอัจฉริยะที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2569’ สะท้อนถึงการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้เพื่อยกระดับการดูแลผู้ป่วย”

ด้าน ดร.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวเสริมว่า “บำรุงราษฎร์ตระหนักถึงปัญหาโรคหัวใจและมุ่งมั่นที่จะทำให้ผู้ป่วยหายจากภาวะเจ็บป่วยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ สถาบันโรคหัวใจของเราเป็นศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ที่พร้อมดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นเคสที่ยากหรือซับซ้อน ทั้งนี้ เทคโนโลยีแม้จะมีประสิทธิภาพเพียงใด ก็ต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ของแพทย์ในการให้คำแนะนำและรักษาอย่างเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย งานแถลงข่าว Bumrungrad Heart Institute: Healing Every Beat ในครั้งนี้ จึงเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของบำรุงราษฎร์ในการพัฒนาการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และได้มาตรฐานระดับโลก เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับผลลัพธ์การรักษาที่มีประสิทธิภาพ”
ความเชี่ยวชาญและการบูรณาการเทคโนโลยี: หัวใจของสถาบันโรคหัวใจบำรุงราษฎร์
หนึ่งในบุคคลสำคัญผู้เป็นหัวใจหลักของความสำเร็จนี้คือ ศ.นพ. กุลวี เนตรมณี ผู้อำนวยการสถาบันโรคหัวใจ และอายุรแพทย์โรคหัวใจ ผู้เชี่ยวชาญด้านสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ
ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปีในการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา โดยเป็นหนึ่งในแพทย์กลุ่มแรกที่ผสานเทคนิค CardioInsight เข้ากับการจำลองภาพ 3 มิติของหัวใจเพื่อใช้เป็นแนวทางในการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่ซับซ้อน นอกจากนี้ยังเป็นผู้คิดค้นเทคนิค CFAE Ablation และมีบทบาทสำคัญในการค้นพบสาเหตุของโรคใหลตาย (Brugada Syndrome)
ผลงานวิจัยของ ศ.นพ. กุลวี ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการชั้นนำระดับนานาชาติกว่า 250 บทความ อาทิ New England Journal of Medicine (NEJM), JAMA, Circulation และยังได้รับการยกย่องให้เป็น World’s Top 2% Most-cited Scientists โดย Stanford University Ranking 2023 นอกจากคุณูปการอันทรงคุณค่า ท่านยังได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุด อันเป็นเกียรติสูงยิ่งแห่งการถวายงานแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจที่ผู้ป่วยสามารถมอบให้ได้อย่างเต็มเปี่ยม

ศ.นพ. กุลวี กล่าวในหัวข้อ “How Cutting-Edge Heart Technology is Transforming Cardiac Care” ว่าหัวใจของการรักษาโรคหัวใจที่บำรุงราษฎร์คือการวินิจฉัยตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพราะโรคหัวใจมักไม่แสดงอาการจนกว่าจะเข้าสู่ระยะรุนแรง การตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงสามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนและช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ บำรุงราษฎร์จึงได้นำเทคโนโลยีการวินิจฉัยที่ทันสมัยมาใช้ เช่น เครื่อง Photon-Counting CT ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถประเมินการทำงานของหัวใจ รวมถึงตรวจหาความผิดปกติของลิ้นหัวใจ หลอดเลือด และเนื้อเยื่อหัวใจได้อย่างละเอียดและแม่นยำ ส่งผลให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
มุ่งเน้นการรักษาแบบบาดเจ็บน้อย เพื่อการฟื้นตัวที่รวดเร็ว
ในส่วนของการรักษา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มุ่งเน้นการรักษาแบบบาดเจ็บน้อยที่สุด (Minimally Invasive) ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยมีความปลอดภัยสูง ลดระยะเวลาการพักฟื้น สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำได้เร็วขึ้น ศ.นพ. กุลวี กล่าวว่า “เราให้บริการรักษาโรคลิ้นหัวใจได้อย่างครอบคลุมทั้ง 4 ลิ้น ผ่านทางสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด (Catheter-based) เช่น TAVR (การรักษาลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านสายสวน), TPVR (การรักษาลิ้นหัวใจพัลโมนิกผ่านสายสวน) และ TEER (การรักษาลิ้นหัวใจไมทรัลและไตคัสปิดผ่านสายสวน) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อน”
นอกจากนี้ สถาบันโรคหัวใจบำรุงราษฎร์ยังมีห้องปฏิบัติการสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจที่ทันสมัยเพื่อรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่ซับซ้อนด้วยการจี้ไฟฟ้าหัวใจ หรือการใช้อุปกรณ์ฝังในหัวใจ รวมถึงการผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจที่สามารถช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยมีอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยสูงถึง 85-90% ซึ่งเทียบเท่ากับมาตรฐานสากล ทั้งนี้ บำรุงราษฎร์ยังเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในเอเชียที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI ในโปรแกรมการรักษาผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure Program) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 จนถึงปัจจุบัน และยังได้รับอนุญาตให้เป็นศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะหัวใจจากศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยอีกด้วย
นวัตกรรมเพื่อชีวิตและความหวังของผู้ป่วยวิกฤต
ศ.นพ. กุลวี ยังได้กล่าวว่า สถาบันโรคหัวใจบำรุงราษฎร์ พร้อมยกระดับการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจขั้นรุนแรงด้วยเทคโนโลยี Mechanical Circulatory Support (MCS) ที่ครอบคลุม เช่น เทคโนโลยี LVAD หรือ Left Ventricular Assist Device เพื่อการพยุงหัวใจระยะยาวและเป็นสะพานรอรับการปลูกถ่ายหัวใจ, ECMO สำหรับการช่วยพยุงหัวใจและปอดชั่วคราวในภาวะวิกฤต และเทคโนโลยี pVAD (Percutaneous ventricular assist device: Impella) เครื่องปั๊มหัวใจขนาดเล็กที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) โดยเป็นอุปกรณ์ช่วยเหลือการทำงานของหัวใจห้องล่างผ่านสายสวน สามารถสูบฉีดเลือดได้ถึง 4.3 ลิตรต่อนาที เทียบเท่ากับหัวใจของคนปกติที่สามารถปั๊มเลือดได้ประมาณ 3-5 ลิตรต่อนาที การใช้อุปกรณ์นี้ไม่เพียงช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้มากขึ้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากภาวะช็อก โดยอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่ 180 วันลดลงถึง 26% และเมื่อใช้ร่วมกับเครื่อง ECMO ในการรักษาแบบ “ECpella” ก็สามารถช่วยให้ผู้ป่วยวิกฤตมีโอกาสรอดชีวิตและฟื้นตัวได้มากขึ้น จุดแข็งของบำรุงราษฎร์คือทีมแพทย์สหสาขาที่มีความเชี่ยวชาญและผ่านการฝึกอบรมเข้มข้น สามารถเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ศ.นพ. กุลวี ได้สรุปภาพรวมว่า “สิ่งที่เรามุ่งมั่นพัฒนา ทั้งการวินิจฉัย การรักษา หรือเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ล้วนมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาที่ได้มาตรฐานระดับโลก ซึ่งส่งผลให้อัตราการรอดชีวิตสูงขึ้น ภาวะแทรกซ้อนลดลง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยความสำเร็จทั้งหมดนี้เกิดจากการทำงานร่วมกันอย่างเป็นทีมของแพทย์สหสาขาวิชาชีพ ทั้งอายุรแพทย์โรคหัวใจ, ศัลยแพทย์หัวใจ, แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภาพวินิจฉัย, แพทย์วิสัญญี, พยาบาล และผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟู ทำให้สถาบันโรคหัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นทางเลือกในการรักษาโรคหัวใจที่ซับซ้อนให้กับผู้ป่วยจากทั่วทุกมุมโลก”
ในอนาคต สถาบันโรคหัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการดูแลโรคหัวใจอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนลงทุนในเวชศาสตร์แม่นยำและจีโนมิกส์ รวมถึงขยายการใช้เครื่องมือ AI และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่แม่นยำยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังคงนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อลดความเสี่ยงและช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ทั้งนี้เพื่อส่งมอบทางเลือกของการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และได้มาตรฐานระดับโลก เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับผลลัพธ์การรักษาที่ดีที่สุด
ปัจจุบัน โรคไข้เลือดออกเป็นหนึ่งในโรคติดต่อที่ระบาดมากในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะจากยุงลายซึ่งเป็นพาหะสำคัญ จากการสำรวจพบว่า ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนชุมชนนิคมมักกะสัน ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่โดยรอบโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เนื่องจากมีกิจกรรมกลางวันในพื้นที่จำกัดและมีแหล่งน้ำขังจำนวนมาก
มูลนิธิโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ร่วมกับ บริษัท วีพี มอสคีโต คอนโทรล จำกัด ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ บริษัท ไบโอเจนท์ ผู้นำนวัตกรรมกำจัดยุงระดับโลก มอบเครื่องกำจัดยุง BG-Mosquitaire Co2 รวมถึงสื่อการสอนเรื่องวัฏจักรชีวิตของยุงและประเภทของยุง ให้กับศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนชุมชนนิคมมักกะสัน ผ่านโครงการ “เด็ก-เด็ก ปลอดยุง” ประจำปี 2568 ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และการตระหนักถึงอันตรายจากยุง โดยมุ่งหวังให้เกิดการป้องกันโรคและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน

คุณนภัส เปาโรหิตย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “ในฐานะโรงพยาบาล เรามุ่งมั่นส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ควบคู่ไปกับการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยทำสิ่งที่เราถนัดที่สุด คือการบริบาลทางการแพทย์ และเริ่มจากการดูแลชุมชนใกล้ชิด ทางโรงพยาบาลฯ จึงได้สานต่อโครงการ “เด็ก-เด็ก ปลอดยุง” เป็นปีที่ 2 เพื่อดูแลสุขภาพประชาชนและป้องกันความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก พร้อมทั้งสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างองค์กรกับชุมชน ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสังคม โดยเฉพาะการเสริมสร้างสุขภาวะที่ดีและยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับเยาวชน ในฐานะกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต”
ทั้งนี้ เครื่องกำจัดยุง BG-Mosquitaire Co2 เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในกลุ่มนักวิจัยด้านกีฏวิทยาทั่วโลกมานานกว่า 16 ปี ทำงานโดยใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งจะเลียนแบบลมหายใจมนุษย์เป็นตัวล่อ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพด้วยกลิ่นเหงื่อเทียม และใช้หลักการนำพาความร้อนและปล่อยทิศทางลมเพื่อล่อและดักจับยุงได้หลากหลายสายพันธุ์อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยผลลัพธ์จากการดำเนินโครงการเมื่อปี 2567 สามารถดักจับยุงได้กว่า 150,000 ตัว เฉลี่ยเดือนละ 30,000 ตัว และอัตราเด็ก ๆ ในชุมชนที่ป่วยด้วยโรคที่มียุงเป็นพาหะลดลงจนเหลือ 0% โดยตลอด 5 เดือน (สิงหาคม - ธันวาคม 2567) พบว่าส่วนใหญ่เป็นยุงรำคาญ ซึ่งเป็นพาหะสำคัญของโรคไข้สมองอักเสบ รองลงมาเป็นยุงลาย ซึ่งเป็นพาหะสำคัญของโรคไข้เลือดออก และ ยุงก้นปล่อง ตามลำดับ โดยเครื่องกำจัดยุงนี้ ได้รับการจดสิทธิบัตรในเรื่องการช่วยลดมลภาวะที่เกิดจากการใช้สารเคมี และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ดร.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH เปิดเผยว่า โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการขยายฐานผู้ป่วยตามเป้าหมายครอบคลุมทั้งในกลุ่ม LMV (สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) บังกลาเทศ จีน สหรัฐอเมริกา และตะวันออกกลาง โดยเฉพาะผู้ป่วยจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างรอเข้ารับการรักษา (Elective Cases) โรคต่าง ๆ ตามกำหนด ควบคู่การลงทุนยกระดับนวัตกรรม เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย และได้มาตรฐานระดับโลก เพื่อส่งมอบคุณภาพการรักษาที่ดีที่สุดแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกว่า 1.1 ล้านคนต่อปี จาก 190 ประเทศทั่วโลก
“คุณภาพและความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญที่สร้างความไว้วางใจและนำมาซึ่งการเติบโตในระยะยาว ความสำเร็จในการขยายฐานผู้ป่วย สะท้อนจากการฟื้นตัวอย่างโดดเด่นของกลุ่มผู้ป่วยจากตะวันออกกลาง โดยรายได้จากตลาดนี้เติบโต 23% จากไตรมาสก่อนหน้า (Q1/2568) โดยเฉพาะในประเทศต่าง ๆ เช่น ซาอุดิอาระเบีย (+54% QoQ), สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (+46% QoQ), โอมาน (+28% QoQ) และกาตาร์ (+18% QoQ)”

พร้อมกันนี้ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ยังเดินหน้าลงทุนเพื่อรองรับปริมาณผู้ป่วยที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ภูเก็ต: อยู่ระหว่างการก่อสร้างและมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ใช้งบลงทุนกว่า 4.3 พันล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในสิ้นปี 2570 ซึ่งจะสามารถรองรับผู้ป่วยต่างชาติทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยว และกลุ่มที่เดินทางเข้ามารับการรักษาทั้งโรคทั่วไป, Wellness Tourism รวมถึงเป็นศูนย์ส่งต่อผู้ป่วยที่ต้องการเข้ามารักษาโรคซับซ้อนในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ ยังมีโครงการ Comprehensive Cancer Center ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับ และดูแลผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาโรคมะเร็งที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2570
“โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ยังคงเดินหน้าพัฒนาและลงทุนด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง และร่วมมือกับศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ในเครือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เจาะตลาด wellness เพื่อส่งมอบการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมอย่างไร้รอยต่อ รวมถึงเดินหน้าสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับหลายภาคส่วน ทั้งภาคประกัน ธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ เพื่อมอบโซลูชันสุขภาพครบวงจร การผสานรวมนี้ทำให้บำรุงราษฎร์ก้าวไปไกลกว่าการรักษา แต่เป็นการส่งเสริมให้ผู้คนมีชีวิตที่แข็งแรง ยืนยาว และมีคุณภาพในทุกมิติ ตอบโจทย์เทรนด์การแพทย์แห่งอนาคตอย่างแท้จริง” ดร.อาทิรัตน์ กล่าว

บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 2/2568 เติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) จากการดำเนินงานหลักพุ่งขึ้นแตะ 41.6% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในประวัติการณ์ของบริษัทฯ สะท้อนประสิทธิภาพการควบคุมต้นทุนและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิผลสูง
ทั้งนี้ บริษัทฯ ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีแรก 2568 จำนวน 2 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 44% ของกำไรสุทธิต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจาก 41% ในช่วงเดียวกันของปี 2567 โดยระหว่างวันที่ 23 ก.ค. 2568 ถึง 1 ส.ค. 2568 ราคาหุ้นโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 16% โดยมีปริมาณการซื้อขายรวมกว่า 52 ล้านหุ้น (ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)

โดยตลอด 45 ปีที่ผ่านมา บำรุงราษฎร์ยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการแพทย์ระดับโลกมาอย่างต่อเนื่อง โดยยืนยันความสำเร็จจากรางวัลผู้นำระดับโลก 5 ปีซ้อน ด้วยการได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Newsweek ร่วมกับ Statista ให้เป็น โรงพยาบาลอันดับ 1 ของประเทศไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 และเป็นโรงพยาบาลไทยเพียงแห่งเดียวที่ติดอันดับ “โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลก ปี 2568” (World’s Best Hospitals 2025) 5 ปีซ้อน โดยในปีนี้ได้ขยับขึ้นสู่อันดับที่ 100 ของโลก จากอันดับที่ 130 ในปีที่ผ่านมา รวมถึงได้รับการจัดอันดับเป็น “โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำในเอเชีย ประจำปี 2568” (Asia’s Top Private Hospitals 2025) และ “โรงพยาบาลเฉพาะทางที่ดีที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2568” (Best Specialized Hospitals Asia Pacific 2025) ความสำเร็จนี้ไม่เพียงเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จในการดำเนินงานตามกลยุทธ์ แต่ยังเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการแพทย์และสุขภาพระดับนานาชาติ
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ คว้ารางวัลบริษัทยอดเยี่ยมแห่งปี 2568 หมวดธุรกิจการแพทย์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ในพิธีมอบรางวัล Money & Banking Awards 2025 จัดโดยวารสารการเงินธนาคาร เพื่อยกย่องบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่มีผลประกอบการรวมยอดเยี่ยมในรอบปี

โดยมี ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีและมอบรางวัล และนายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานบรรณาธิการ วารสารการเงินธนาคาร เป็นประธานจัดงาน ซึ่งได้รับเกียรติจาก ดร.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และ คุณอรภรรณ บัวม่วง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการเงิน โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นตัวแทนรับมอบรางวัล ณ โรงแรม ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท
คุณแบร์รี่ วอล์ฟแมน Senior Executive Director of Operations โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “การได้รับรางวัลดังกล่าว นอกจากจะเป็นเครื่องการันตีถึงความเป็นเลิศแล้ว ยังตอกย้ำวิสัยทัศน์ขององค์กรที่จะเป็นจุดหมายแห่งการดูแลสุขภาพและสุขภาวะที่น่าเชื่อถือที่สุด ซึ่งสะท้อนถึงความทุ่มเทของบุคลากรของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในการส่งมอบประสบการณ์การดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพให้แก่ผู้รับบริการ พันธมิตร และชุมชนของโรงพยาบาลฯ”

ดร.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวเสริมว่า “ความสำเร็จนี้ แสดงถึงความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของผู้มารับบริการและสาธารณชนต่อโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในฐานะหนึ่งในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งไม่เพียงเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จในผลการดำเนินงานตามกลยุทธ์ แต่ยังเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการแพทย์และสุขภาพระดับนานาชาติอีกด้วย”

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พร้อมส่งมอบประสบการณ์การรักษาที่เป็นเลิศให้กับผู้ป่วยตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะการวินิจฉัยที่แม่นยำ ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการบริบาลด้านสุขภาพของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และมูลนิธิโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ร่วมกับ กรุงเทพประกันภัย จัดโครงการ หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ “อาสาบำรุงราษฎร์” และ BKI อาสาพัฒนาบ้านพักคนชรา โดยได้รับเกียรติจาก คุณสุทธิรัตน์ โทชนบท ผู้อำนวยการ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย รศ.นพ. ทวีสิน ตันประยูร ประธานปฏิบัติการด้านการแพทย์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ให้เกียรติกล่าวเปิดงานและมอบสิ่งของบริจาค ร่วมกับ คุณชวาล โสภณพนิช ประธานคณะผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ณ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค

สำหรับโครงการฯ ในครั้งนี้ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีทีมแพทย์อาสาจากศูนย์อายุรกรรม ศูนย์กระดูกและข้อ และศูนย์จักษุวมถึง พยาบาล เภสัชกร นักกายภาพบำบัด และบุคลากรของโรงพยาบาลฯ กว่า 60 คน ซึ่งมีทั้งประสบการณ์และความรู้ความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขาที่พร้อมให้บริการตรวจรักษา ดูแล และคัดกรองผู้ป่วยตามอาการอย่างตรงจุด รวมถึงสนับสนุนยาและเวชภัณฑ์ ตลอดจนเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจากเหล่าพันธมิตร ได้แก่ กองทุนทอมสัน และเครื่องดื่มวีซอย โดยมีผู้เข้ารับการรักษา ผู้ป่วยติดเตียง เป็นจำนวน 243 คน

โดย กรุงเทพประกันภัย ได้สนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารและสถานที่ มูลค่ากว่า 360,000 บาท พร้อมมอบยาและเวชภัณฑ์ รวมถึงเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ตลอดจนจัดเลี้ยงอาหารกลางวัน และมอบความสุขให้แก่ผู้สูงอายุด้วยการจัดกิจกรรมนันทนาการ นอกจากนี้ คุณชัย โสภณพนิช ประธานมูลนิธิชัย-นุชนารถ โสภณพนิช ยังร่วมสนับสนุนเงินบริจาคจำนวน 100,000 บาท เพื่อใช้ในภารกิจต่าง ๆ ของศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค

รศ.นพ. ทวีสิน ตันประยูร กล่าวว่า “ในนามของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และมูลนิธิโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เรารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรอย่างกรุงเทพประกันภัย ที่เปรียบเสมือนพี่น้องที่ต่างขับเคลื่อนองค์กรอย่างสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมสังคมที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืน ตามปณิธานของ “คุณชัย โสภณพนิช” ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้งมูลนิธิโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และประธานกรรมการ บมจ.กรุงเทพประกันภัย ที่เคยกล่าวไว้ว่า “ในการดำเนินธุรกิจ เราจะไม่มุ่งสร้างแต่ผลกำไรเท่านั้น แต่เราต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมด้วย” เราจึงยึดมั่นในพันธกิจการเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบมาโดยตลอด เพื่อมอบกำไรคืนสู่สังคมผ่านกิจกรรมต่าง ๆ มากมายที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ โดยเฉพาะการสานต่อโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ “อาสาบำรุงราษฎร์” ผ่านการส่งมอบการบริบาลทางการแพทย์ตามมาตรฐานของบำรุงราษฎร์ ด้วยจุดมุ่งหมายในการช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล และกระจายความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขสู่ชุมชนอย่างทั่วถึง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมแห่งสุขภาวะที่ดี”

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และมูลนิธิโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ยังคงเดินหน้าส่งต่อความห่วงใยและส่งมอบสุขภาพที่ดีแก่ผู้คนในชุมชนทั่วประเทศไทยผ่านหลากหลายโครงการ อาทิ โครงการ “รักษ์ใจไทย” ซึ่งเป็นโครงการผ่าตัดเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดผู้ด้อยโอกาส, โครงการ “ตำรวจ (ปอด) ปลอดภัย” เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านสุขภาพแก่ตำรวจจราจรที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน และ โครงการ “เด็ก-เด็ก ปลอดยุง” โดยส่งมอบนวัตกรรมเครื่องดักจับยุง เพื่อลดปัญหาความเสี่ยงต่อโรคไข้เลือดออกให้กับเด็ก ๆ ในชุมชน และส่งมอบสุขภาพที่ดีแก่ผู้คนในชุมชนต่าง ๆ รอบโรงพยาบาลฯ เป็นต้น ด้วยความมุ่งหวังที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน