สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) หรือ Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN (THAILAND) จัดทำผลสำรวจการคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยประจำเดือนสิงหาคม พ.ศ.2567 ได้เผยว่า ถึงแม้ช่วงเดือนสิงหาคมนี้ จะเป็นเดือนแห่งความพิเศษที่คนไทยทุกคนจะได้เฉลิมฉลองวันแม่เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก แต่คะแนนการใช้จ่ายของคนไทยยังคงทรงตัว เน้นการใช้จ่ายเพื่อสิ่งของที่จำเป็น ด้วยความคล่องตัวของเศรษฐกิจในปัจจุบันมีไม่มากนัก ทำให้คนไทยส่วนใหญ่หันมาเซฟการใช้จ่าย เลือกซื้อของเพียงสิ่งที่จำเป็นต่อตนเองและครอบครัว แต่ด้วยความหวังว่าสถานการณ์ทางการเงินจะดีขึ้นก็ทำให้บางส่วนเลือกใช้จ่ายเพื่อการเปิดประสบการณ์ใหม่และเน้นซื้อสินค้าใหม่ ๆ ทดแทนของที่ชำรุด
คุณหทัยพันธ์ เจริญถาวรลาภ รองผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ ผู้วิเคราะห์ผลการศึกษาในครั้งนี้ ได้ให้ข้อเสนอแนะกับแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อนำไปจัดแคมเปญหรือโปรโมชันเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกในช่วงโอกาสพิเศษวันแม่ไว้ ดังนี้
ถือเป็นโอกาสที่ดีที่แบรนด์จะใช้โอกาสในวันแม่นี้นำเสนอกิจกรรมหรือขอขวัญเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์แม่ลูก ผ่านการใช้ Data เพื่อ Customize กิจกรรมให้เข้ากัยแต่ละ Gen เช่น การแจกมินิพวงกุญแจมาลัยทองคำสำหรับ Top spender ชาว Gen X, นำเสนอ กิจกรรม Photography Travel Tours ให้ลูก Gen Y พาแม่เที่ยวพร้อมได้รูปสวย และ My Mom – My Angel Chef table workshop ให้ ลูก Gen Z และคุณแม่ สร้างสรรค์คอร์สอาหารในแบบของตัวเอง
จับเทรนด์การประหยัดค่าใช้จ่ายแต่ยังต้องซื้อของใช้จำเป็นที่พังแล้ว ไปคู่กับกระแสกีฬาระดับโลก พ่วงด้วยหน้าฝนที่เต็มไปด้วยโรคระบาด แบรนด์สามารถนำเสนอ โปรโมชัน “เก่าแลก (สุขภาพ) ใหม่” ให้ลูกค้าสามารถนำสินค้าเก่าที่หมดอายุการใช้งานแล้วเข้ามาเทิร์น เพื่อแลกหรือรับส่วนลดซื้อสินค้ากีฬา หรือ Voucher คลาสออกกำลังเพื่อสนับสนุนสุขภาพที่ดีได้เช่นกัน
เนื่องในโอกาสพิเศษวันแม่ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ สถาบันวิจัยฮาคูโฮโด อาเซียน ประเทศไทย ได้แยกการบอกรักแม่ ตามนิยามคำว่าแม่ที่ไม่เหมือนกันของทั้ง 3 Gen โดยอ้างอิงบทสรุปได้จากผลการศึกษาในครั้งนี้ไว้ ดังนี้
แม่ เป็น พระในบ้าน และ ผู้ให้กำเนิด คน Gen X มักตอบแทนด้วยการแสดงออกถึงความรักแม่ตามขนบธรรมเนียมไทย เช่น การให้พวงมาลัย ถือเป็น Gen ที่เลือกโหวตการมอบพวงมาลัยให้แม่มากที่สุดใน 3 Gen
แม่ คือ ผู้เสียสละ เพื่อลูก การแสดงออกถึงความรักตามสไตล์คน Gen Y ด้วยการพาไปเที่ยวที่ใหม่ ๆ เน้นการเปิดประสบกรณ์ใหม่ และชวนแม่ถ่ายรูปสวย ๆ และยังเป็นกิจกรรมที่พากันเอ็นจอยได้ทั้งครอบครัวตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ
แม่ เป็นทั้ง ฮีโร่ และ เพื่อน ด้วยการแสดงออกถึงความรักแบบใกล้ชิดและเป็นกันเอง พาไปทำกิจกรรมที่ลดช่องว่างระหว่างวัยให้แม่ได้เข้ามาอยู่ใกล้ไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกอด หอมแก้ม ชวนไปเวิร์กชอป หรือชวนกันไปเสริมสวย
จากผลการศึกษาในครั้งนี้เอง แสดงให้เห็นว่าคนไทยยังคงมีความสนใจใหม่ ๆ ที่หลากหลายมากขึ้นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข่าวสารการเมือง เศรศฐกิจ รวมไปถึงกระแสการแข่งขันของกีฬาต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่าคนไทยในทุกช่วงวัยและทุกภูมิภาคให้ความสนใจและติดตามกระแสรายวัน ถึงแม้ว่าบางกระแสจะมาไวไปไวแต่ก็ยังได้รับความสนใจจากคนไทยเช่นกัน
สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) หรือ Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN (THAILAND) เผยผลสำรวจเรื่องการคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ.2566 ว่า หลังผ่านการเฉลิมฉลองฉลองช่วงต้นปีมาอย่างจัดเต็ม ส่งผลให้ภาพรวมการอยากใช้จ่ายของคนไทยในช่วงกลางปีลดลง และในปีนี้ประเทศไทยมีแนวโน้มอุณหภูมิสูงขึ้นเหมือนเช่นทุกๆ ปี ส่งผลให้หน้าร้อนปีนี้อากาศร้อนยิ่งกว่าเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภคมองหาวิธีดับร้อนที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดจากผลสำรวจคือ หลายคนเลือกที่จะเก็บตัวอยู่บ้านหลบร้อน เซฟตัวเอง เซฟเงินในกระเป๋าที่ใช้จ่ายอย่างหนักหน่วงไปเมื่อเทศกาลต่างๆ ในต้นปีที่ผ่านมา
สถานการณ์ของคนไทยในปัจจุบันอ้างอิงจากผลสำรวจ สรุปได้ว่า แต่ละเพศมีการรับมือกับอากาศร้อนที่แตกต่างกัน เช่น ผู้หญิงในทุกวัยหันมาใส่ใจเรื่องผิวหน้าและกายมากขึ้น เนื่องจากผลกระทบจากรังสี UV ความร้อน และมลภาวะที่ทำให้ผิวแห้งและเกิดสิว ฝ้า กระ แต่ในผู้ชายส่วนใหญ่จะเลือกซื้อสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าช่วยคลายร้อน เป็นต้น โดย
สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) ได้แบ่งปันมุมมองใหม่ให้กับแบรนด์ เพื่อให้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์นี้ไว้ว่า
1. โควิดลดลง แต่การดูแลตัวเองต้องไปต่อ: Self-care is health care!
ในขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีแนวโน้มลดลง แต่การดูแลสุขภาพของเราก็ยังคงต้องดำเนินต่อ ถึงแม้ว่าโควิดจะเบาลง แต่ยังมีสิ่งอื่นรอบตัวที่อาจส่งผลกระทบกับร่างกายโดยตรง อาทิ อากาศร้อน และ ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งในจุดนี้เอง แบรนด์สามารถส่งเสริมให้ผู้บริโภคไม่ละเลยที่จะดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอผ่านกิจกรรมที่ทำได้ง่ายและเร็วทั้งในเรื่องสุขภาพและความสวยงาม เช่น การเสนอให้มีการออกกำลังกายในร่มเพื่อหลีกเลี่ยงการพบเจอแสงแดด อากาศร้อน และฝุ่น จากภายนอกโดยตรง หรือนำเสนอไอเดียเรื่องการดูแลและปกป้องผิวพรรณจากความร้อน รังสี UV ที่อาจเข้ามากระทบผิวเราโดยตรงอีกทั้งยังต้องส่งเสริมเรื่องผิวต้องการความชุ่มชื่นจากน้ำอีกด้วย
2. แนะนำไอเดียอยู่บ้านหนีร้อนแบบสบายกระเป๋า: Inexpensive In-home Joy to beat heat
ปัจจุบันนี้คนไทยอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัดและมีแนวโน้มที่จะร้อนขึ้นในทุกๆ ปี แบรนด์สามารถใช้โอกาสนี้ในการเข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อช่วยสร้างความสุข สนุก สดชื่น ให้เกิดขึ้นภายในบ้านได้ โดยสามารถสร้างผ่านการแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์วิธีใหม่ เช่น แนะนำความสดชื่นรูปแบบใหม่ ที่เปลี่ยนเครื่องดื่มธรรมดาให้เป็นเป็นเมนูหวานเย็นได้ง่ายๆ เพื่อเพิ่มสีสันใหม่ๆ ในการรับประทาน หรือแบรนด์จะเน้นการทำโปรโมชั่นรูปแบบ Family Pack ในช่องทางออนไลน์ให้มากขึ้น เพื่อความสะดวก คุ้มค่า และสร้างโมเมนต์แห่งความสุขร่วมกันได้ภายในครอบครัว
เมื่อเจาะลึกลงในรายละเอียดของผลสำรวจประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ.2566 เผยให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของผลสำรวจใน 2 หัวข้อใหญ่ที่ทาง สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน ประเทศไทย ให้ข้อมูลไว้อ้างอิงนั่นก็คือ
1. แนวโน้มความต้องการในการใช้จ่ายลดลงกว่า 5% ส่งสัญญาณเตือนให้คนไทยต้องเซฟเงินในบัญชี
เมื่อเทียบกับผลสำรวจของเดือนกุมภาพันธ์และเดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมา ทำให้เห็นได้ชัดว่า คนไทยผ่านการเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลและใช้เงินกันมาอย่างหนักหน่วง เนื่องจากปีนี้เองเป็นปีแรกในรอบ 3 ปี ที่คนไทยได้กลับมาเฉลิมฉลองกันอย่างเต็มที่โดยไม่กังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนมิถุนายนหรือกลางปี มีการส่งสัญญาณจากเงินในบัญชีว่าให้พักเรื่องการใช้จ่าย ซึ่งส่งผลโดยตรงกับคะแนนความต้องการใช้จ่ายในภาพรวมที่ลดลง อีกหนึ่งผลกระทบที่ทำให้ใครหลายคนต้องเซฟเงินในบัญชีคือเรื่องสินค้าราคาแพงและค่าไฟในช่วงนี้สูงขึ้นกว่าหลายๆ เดือนที่ผ่านมา
2. กระแสโควิดซาลง แต่อากาศร้อนและปัญหาฝุ่นยังคงอยู่ ต้องดูแลสุขภาพกันต่อไป
เนื่องจากสถานการณ์โควิดมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทำให้คนไทยหลายคนเริ่มละเลยเรื่องการใส่ใจสุขภาพของตนเอง คนไทยบางส่วนเลิกทำกิจกรรมเพื่อสุขภาพนอกบ้าน เช่น การเดิน วิ่ง จ๊อกกิ๊ง ยังรวมไปถึงการเลิกทานวิตามินซีหรือเลิกทานผลิตภัณฑ์เสริมเพื่อสุขภาพ ซึ่งอย่างไรก็ตามการดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัวยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากปัญหาฝุ่นที่ยังคงอยู่ สภาพอากาศที่ร้อนจัดและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อาจส่งกระทบต่อสุขภาพของคนไทยได้ แบรนด์ควรแนะหรือนำเสนอทางออกที่ดีต่อสุขภาพที่สามารถทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน เช่น การทานผักและผลไม้ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รวมไปถึงการดื่มน้ำให้เพียงพอในหนึ่งวัน เพียงเท่านี้ก็จะสามารถสร้างเสริมให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีไปด้วยกัน
ถึงอย่างไรก็ตาม แม้ผลสำรวจเรื่องแนวโน้มความต้องการใช้จ่ายมีเปอร์เซ็นต์ลดลง แต่ในขณะเดียวกันมีความน่าสนใจว่าผู้ให้สำรวจในกลุ่มอายุ 20 - 29 ปี หันมาเน้นจับจ่ายใช้สอยเพื่อเตรียมตัวต้อนรับเปิดเทอมเตรียมซื้อของใหม่เข้าหอ ซื้อสินค้าอัพลุคใหม่ให้เป๊ะ ปัง ต้อนรับการเปิดเทอมแบบ On-site อย่างเต็มรูปแบบ
คุณพร้อมพร สุภัทรวณิช ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยการตลาดและวางแผนกลยุทธ์ ได้พูดถึงข่าวที่คนไทยให้ความสนใจมากในขณะนี้ไว้ว่า “ข่าวการเมืองและการเลือกตั้งยึดพื้นที่สื่อแทบจะทั้งหมด คนไทยทั่วประเทศออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงกันตามกฏหมายอย่างเนืองแน่น ถือเป็นสัญญาณที่ทำให้เห็นว่า คนไทยตระหนักเรื่องการเมืองเป็นสำคัญ อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งในครั้งนี้ จึงต้องมารอลุ้นผลกันต่อไปว่า ท้ายที่สุดแล้วทิศทางของประเทศไทยในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง”