September 21, 2024

นางสาววสุมดี วสีนนท์ รองเลขาธิการ ด้านกำกับคนกลางและประกันภัยภูมิภาค สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) เปิดเผยว่า จากผลกระทบของพายุ "ยางิ" ทำให้ภาคเหนือมีฝนตกหนัก เกิดน้ำท่วมและดินถล่ม โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ. ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัย เร่งลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยเป็นการเร่งด่วน โดยสำนักงาน คปภ. ภาค 1 (เชียงใหม่) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดเชียงราย และภาคธุรกิจประกันภัย ได้แก่ สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน (THAIFA) บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยพัฒนาประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) รวมไปถึงบริษัทประกันวินาศภัย บริษัทประกันชีวิตอีกหลายแห่ง ได้เร่งระดมให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยกระจายลงไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีผู้ได้รับความเดือดร้อนในจังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อมอบถุงยังชีพ น้ำดื่ม อาหารแห้ง เชือก อุปกรณ์ทางด้านความปลอดภัย รวมถึงจัดตั้งครัวทำอาหารบรรจุกล่องแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย

รองเลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในเบื้องต้นแล้ว สำนักงาน คปภ. และธุรกิจประกันภัยได้เตรียมแผนรับมือในการเยียวยาให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านการประกันภัยในหลายมิติ โดยจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือด้านการประกันภัยขึ้นในแต่ละจังหวัด เพื่อเปิดรับแจ้งเหตุ ให้ข้อมูลด้านการประกันภัย และชี้แจงสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยให้กับผู้ประสบภัยในทุก ๆ ช่องทาง รวมถึงสนับสนุนด้านการซ่อมแซมยานพาหนะ การฟื้นฟูที่พักอาศัย สถานประกอบการที่ได้รับความเสียหาย พร้อมทั้งติดตาม เร่งรัดการตรวจสอบความเสียหายของทรัพย์สินที่ถูกน้ำท่วม ดังนั้น ขอให้ประชาชนที่ได้จัดทำประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยที่อยู่อาศัย ประกันภัยทรัพย์สิน ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล รวมไปถึงผู้ที่ทำประกันชีวิต ซึ่งได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ รีบแจ้งเหตุให้บริษัทประกันภัยทราบ เพื่อเข้าไปดูแลและจัดการ Claim อย่างทันท่วงที โดยเบื้องต้นสำนักงาน คปภ.ขอแนะนำให้ประชาชนที่ได้รับความคุ้มครองจากประกันภัย จัดเก็บข้อมูลความเสียหายขั้นต้นเอาไว้ด้วย เพื่อความสะดวกในการแจ้ง Claim เช่น ภาพถ่ายรถยนต์ หรือทรัพย์สินที่เสียหาย ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. จังหวัดในพื้นที่ พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการยื่นขอรับค่าสินไหมทดแทนกับบริษัทประกันภัย รวมถึงให้คำแนะนำขั้นตอนการขอรับค่าสินไหมทดแทน โดยเปิดให้บริการผ่านหลายช่องทาง ได้แก่ สายด่วน คปภ. 1186 และ Line Official Account รวมทั้ง Facebook Page หรือเข้าดูรายละเอียดได้ที่ www.oic.or.th 

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานเปิด “งานสัมมนาผู้ประเมินวินาศภัย ปี 2567” ณ ห้องประชุมอัศวิน แกรนด์ A โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ โดยมีนางสาววสุมดี วสีนนท์ รองเลขาธิการ ด้านกำกับคนกลางและประกันภัยภูมิภาค ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) นายปฏิภาณ สุดอารามนายกสมาคมผู้ประเมินวินาศภัย นายราเชนทร์ ดาวเรือง นายกสมาคมการค้าผู้สำรวจและประเมินวินาศภัยไทยผู้ตรวจสอบและประเมินวินาศภัย เข้าร่วมงานดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ประเมินวินาศภัย การให้บริการออกใบอนุญาตผู้ประเมินวินาศภัยทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-licensing) การสร้างความเข้าใจในการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของ ผู้ประเมินวินาศภัย รวมถึงภาพรวม แนวโน้ม และสถิติการประเมินวินาศภัยในปัจจุบันโดยมีวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์บรรยายให้ความรู้เพื่อให้เกิดการพัฒนามาตรฐานของผู้ประเมินวินาศภัยแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน

สำนักงาน คปภ. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการประเมินวินาศภัย เนื่องจากปัจจุบันภาคธุรกิจประกันภัยต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง และความท้าทายจากปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อภาคธุรกิจประกันภัย อาทิ ไฟไหม้ น้ำท่วม และลมพายุ ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียและความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัย ดังนั้น การประเมินวินาศภัยจึงถือเป็นกระบวนการสำคัญต่อธุรกิจประกันภัยที่ช่วยให้สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น และกำหนดการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนที่ได้มาตรฐานและเหมาะสมแก่ผู้เอาประกันภัย ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัทประกันภัย แต่ยังส่งผลต่อความพึงพอใจของผู้เอาประกันภัย และความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว นอกจากนี้ ผู้ประเมินวินาศภัยยังนับได้ว่าเป็นฟันเฟืองหนึ่งที่สำคัญในการขับเคลื่อนระบบประกันภัย เนื่องจากผู้ประเมินวินาศภัยถือเป็นคนกลางประกันภัยที่มีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการชดใช้สินไหมทดแทน โดยมีหน้าที่ตรวจสอบ วิเคราะห์สาเหตุและประเมินความเสียหายของวินาศภัย เพื่อให้การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกิดความเป็นธรรมต่อทุกภาคส่วน และยังมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการป้องกันการฉ้อฉลด้านการประกันภัย ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบประกันภัย

ดังนั้น การสัมมนาผู้ประเมินวินาศภัย ปี 2567 ในครั้งนี้ จึงเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประเมินวินาศภัยในตลาดมีมาตรฐานการดำเนินงาน และศักยภาพที่สามารถตอบรับการเปลี่ยนแปลงรวมทั้งสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาความรู้ของผู้ตรวจสอบและประเมินวินาศภัยในสังกัดสามารถตอบสนองการขยายตัวของตลาดประกันวินาศภัย และพร้อมรับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ การสัมมนาดังกล่าวได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญและชำนาญเป็นผู้บรรยายให้ความรู้ โดยมีผู้ประเมินวินาศภัยเข้าร่วมรับการสัมมนากว่า 200 คน

เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงาน คปภ. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยและคุ้มครองประชาชนด้านการประกันภัย ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนและพัฒนาการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ตามแผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2564-2568) อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความพร้อมรับความท้าทายใหม่ ๆ ในอนาคตโดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ. ได้เปิดใช้ระบบการให้บริการออกใบอนุญาตทางอิเล็กทรอนิกส์ e-Licensing ซึ่งเป็นการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลของสำนักงาน คปภ. ที่เกี่ยวข้องกับคนกลางประกันภัยเข้าด้วยกัน และเชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูลของภาครัฐอื่น ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการขอรับ/ขอต่ออายุใบอนุญาต อีกทั้งประชาชนยังสามารถเข้าถึงข้อมูลคนกลางประกันภัยได้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง สะดวกรวดเร็ว นอกจากนั้นสำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินโครงการ OIC Gateway แพลตฟอร์มให้บริการข้อมูลด้านการประกันภัยอย่างครบวงจร ซึ่งเกิดจากการบูรณาการความร่วมมือระหว่างสำนักงาน คปภ. กับภาคธุรกิจประกันภัย ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลด้านการประกันภัยต่าง ๆ ได้อย่าง สะดวก รวดเร็ว จบในที่เดียว และยังเป็นช่องทางที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนด้วยบริการตรวจสอบใบอนุญาตตัวแทน-นายหน้า ได้อีกด้วย ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186 หรือสำนักงาน คปภ. ภาค/จังหวัด ทั่วประเทศ

ดีเดย์...! วันที่ 9 เดือน 9 ใช้สิทธิยื่นคำทวงหนี้ต่อผู้ชำระบัญชีผ่านระบบออนไลน์ 24 ชั่วโมง - หมดเขตยื่นคำทวงหนี้ 7 พฤศจิกายน 2567

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมสนับสนุนโครงการ คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัย จับมือร่วมใจสานฝันน้อง ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สมาคมประกันวินาศภัยไทย  และสมาคมประกันชีวิตไทย โดยนางรุจิรัตน์ ปัญญาเกียรติคุณ (ที่ 2 จากซ้าย) รองผู้อำนวยการ สำนักบริหารแบรนด์องค์กร เป็นผู้แทนบริษัทฯ มอบพัดลมจำนวน 10 เครื่อง รวมทั้งเวชภัณฑ์ที่จำเป็นให้แก่บ้านราชาวดี (ชาย-หญิง) ซึ่งได้รับเกียรติจากนายชูฉัตร ประมูลผล (ที่ 3 จากซ้าย) เลขาธิการ คปภ. เป็นประธานในพิธีรับมอบร่วมกับนายพิสิฐ พูลพิพัฒน์ (ที่ 3 จากขวา) รองอธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่น้องๆ บ้านราชาวดี ณ บ้านราชาวดี จังหวัดนนทบุรี เมื่อเร็วๆ นี้

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงด้านการประกันภัย (OIC Meets CEO 2024) ครั้งที่ 2/2567 ร่วมกับ นายสาระ ลํ่าซำ ประธานสภาธุรกิจประกันภัยไทย นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย และ ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย พร้อมด้วย ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ผู้บริหารสมาคมประกันชีวิตไทย ผู้บริหารสมาคมประกันวินาศภัยไทย และผู้บริหารบริษัทประกันภัย เข้าร่วมประชุม ณ ศูนย์การประชุม อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี

ในช่วงเช้าก่อนเริ่มการประชุม สำนักงาน คปภ. ร่วมกับ ภาคธุรกิจประกันภัย จัดกิจกรรม CSR “คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัย จับมือร่วมใจกันสานฝันน้อง” โดยร่วมกันบริจาคเงินกว่า 1 ล้านบาท พร้อมสิ่งของอุปโภคบริโภค และหมวกกันน็อค ให้แก่น้อง ๆ ที่อยู่ในความดูแลของบ้านราชาวดี (หญิง) และ บ้านราชาวดี (ชาย) อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีนายพิสิฐ พูลพิพัฒน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ร่วมด้วย

ต่อมาในช่วงบ่าย ผู้บริหารสำนักงาน คปภ. และผู้บริหารภาคธุรกิจประกันภัย เข้าสู่เวทีการประชุมผู้บริหารระดับสูงด้านการประกันภัย (OIC Meets CEO 2024) ครั้งที่ 2/2567 โดยได้มีการรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามข้อสรุปที่ประชุม (OIC Meets CEO 2024) ครั้งที่ 1/2567 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-9 มีนาคม 2567 ณ โรงแรมเรเนซองส์ พัทยา รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดชลบุรี ใน 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ ประเด็นแรก การพัฒนามาตรฐานและยกระดับบทบาทของนักคณิตศาสตร์ประกันภัยและผู้สอบบัญชี ประเด็นที่ 2 การยกระดับมาตรฐานการอนุมัติกรมธรรม์ประกันภัย ประเด็นที่ 3 แนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยสุขภาพ ประเด็นที่ 4 การจัดทำ Service Level Agreement (SLA) มาตรฐานกรอบระยะเวลาสำหรับการให้บริการของธุรกิจประกันภัย และประเด็นที่ 5 การนำส่งข้อมูลในระบบ IBS โดยการดำเนินงานทั้ง 5 ประเด็นดังกล่าวมีความคืบหน้าเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ทุกประการ

ในโอกาสนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบหลักการและให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนระบบประกันภัยให้มีความมั่นคงยั่งยืน ดังนี้ 1. ยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพการส่งสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าด้วยระบบ EWS 2. การนำส่งข้อมูลการรับประกันภัยเข้าสู่ระบบรายงานข้อมูลประกันภัยรถภาคบังคับ (Compulsory Motor Insurance System : CMIS) 3. การดำเนินการส่งเสริมความรู้ด้านการประกันภัยระหว่าง สำนักงาน คปภ. และภาคอุตสาหกรรมประกันภัย 4. การส่งเสริมการกำกับดูแลตัวแทนและนายหน้าประกันภัย และ 5. กรณีที่มีกลุ่มบุคคล/บริษัทต่างชาติขายประกันภัยในประเทศไทยโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนและเสียหายจากการตกเป็นเหยื่อในการกระทำของกลุ่มบุคคลหรือบริษัทต่างชาติที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบถึงแนวทางเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจประกันภัยในมิติใหม่ ๆ คือ 1. มาตรการส่งเสริมทางการเงินของภาครัฐ “กองทุนรวมวายุภักษ์” เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนของประเทศ 2. มาตรการส่งเสริมทางการเงินของภาครัฐ โครงการ lgnite Finance เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการเงินระดับโลก โดยมีเป้าหมายที่มุ่งเน้นการปฏิรูปการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจทางการเงิน กำหนดสิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่ และเสริมสร้างระบบนิเวศน์ทางการเงินที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจและให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ในอัตราที่เหมาะสม 3. แนวทางการแก้ไขเกี่ยวกับการประกาศหรือโฆษณาการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต/วินาศภัย 4. การดำเนินการเกี่ยวกับการกำกับบริษัทประกันภัยแบบรวมกลุ่ม (Group Wide Supervision) 5. การควบคุมคุณภาพในการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยของคนกลางประกันภัย 6. การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (Climate Risk Management) และ7. การขับเคลื่อนการพัฒนาการให้บริการแลกเปลี่ยนข้อมูลสำหรับภาคการเงิน (Open Data for Consumer Empowerment)

การประชุมผู้บริหารระดับสูงด้านการประกันภัย OIC Meets CEO 2024 ครั้งที่ 2 ในปีนี้ สำเร็จลุล่วง และได้รับความร่วมมือจากภาคธุรกิจประกันภัยเป็นอย่างดี ถือเป็นเวทีระดมความคิดเห็นและความร่วมมือระหว่างสำนักงาน คปภ. กับ ภาคธุรกิจประกันภัย เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางในการขับเคลื่อนและพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัยไทยอย่างเป็นรูปธรรม อันจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและการเติบโตอย่างยั่งยืนของระบบประกันภัยไทย

Page 1 of 27
X

Right Click

No right click