December 05, 2025

Informa Markets จัดงาน International Healthcare Week (IHW) 2025 งานด้านสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระหว่างวันที่ 16 – 18 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุม MITEC กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมสุขภาพแบบครบวงจร ทั้งด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และการลงทุน เพื่อสร้างระบบสุขภาพที่ยั่งยืนในระดับภูมิภาค

งาน IHW 2025 (CPHI South East Asia, WHX Kuala Lumpur, WHX Labs Kuala Lumpur, Medtec Southeast Asia, HIMSS APAC) เป็นการรวบรวมผู้นำในอุตสาหกรรมจากทั่วโลกกว่า 900 ราย มาจัดแสดงนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์กว่า 15,000 รายการ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 26,000 ตารางเมตร พร้อมด้วยการสัมมนาเชิงวิชาการกว่า 125 หัวข้อ และพาวิลเลียนจาก 9 ประเทศชั้นนำ อาทิ อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ไต้หวัน

Informa Markets เสริมแกร่งตลาดสุขภาพแห่งอนาคต

ในฐานะผู้นำด้านการจัดแสดงสินค้าระดับโลก Informa Markets ได้สร้างแพลตฟอร์มให้ภาคธุรกิจในอุตสาหกรรมเฉพาะทางได้พบปะ แลกเปลี่ยน และทำธุรกิจทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ โดยการจัดงาน IHW 2025 ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันตลาด Health & Wellness ให้เติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุมมากยิ่งขึ้นในอาเซียน

นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า การเติบโตของธุรกิจ Health & Wellness ปัจจุบันทั่วโลกให้ความสำคัญด้านสุขภาพเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งทุกธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมมีการขยายตัวและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างไม่หยุดนิ่ง

“การเติบโตเกิดขึ้นทั้งในมิติของผู้คนและธุรกิจ ในฐานะผู้จัดงาน International Healthcare Week 2025 มองว่านี่เป็นโอกาสธุรกิจที่สำคัญสำหรับผู้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ เภสัชกรรม เทคนิคการแพทย์ ทั้งผู้ผลิตและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการไทย จะสามารถหาโอกาสในตลาดโลกได้” นางสาวรุ้งเพชร กล่าว

IHW 2025 สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยในเวทีอาเซียน

ทั้งนี้ IHW 2025 ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญของผู้ประกอบการไทยที่ได้ไปร่วมจัดแสดงงานที่ประเทศมาเลเซีย ที่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางชั้นนำในเอเชียสำหรับการอุตสาหกรรมและธุรกิจการดูแลสุขภาพ อีกทั้งตลาดเภสัชกรรมของมาเลเซียมีข้อได้เปรียบจากการสนับสนุนของรัฐบาล เปิดโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเข้ามาต่อยอดธุรกิจ

สำหรับตลาดสุขภาพของมาเลเซีย มีโอกาสเติบโตจาก 575.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 เป็นกว่า 939 พันล้านดอลลาร์ในปี 2032 ขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) จะพุ่งแตะ 1.59 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาเดียวกัน โดยมีผู้ประกอบการไทย มาร่วมยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมด้านสุขภาพได้ในงาน International Healthcare Week 2025 อาทิ Chaturong Cooling, Kloeckner Pentaplast (Thailand), NEOCA Healthcare, NR Industries, Pharma Alliance, Pose HealthCare, The Government Pharmaceutical Organization (GPO), Union Drug Labs, Union Micronclean, J Summit, K.Bio Sciences, Green Global Supply, Bever Medical Industry, B and Brothers, Bangkok Botanica, OsseoLabs

ผนึกความยิ่งใหญ่รวม 5 งานใหญ่ไว้ในงานเดียว

IHW 2025 ได้รวม 5 งานแสดงสินค้าด้านสุขภาพไว้ในที่เดียว ประกอบด้วย

· CPHI South East Asia – Pharmaceutical manufacturing and solutions

งานแสดงสินค้า เทคโนโลยี และการประชุมด้านอุตสาหกรรมการผลิตยาและเวชภัณฑ์ครบวงจร

· Medtec Southeast Asia – Medical device design and manufacturing

งานแสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติชั้นนำด้านการออกแบบและการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์

· WHX Kuala Lumpur (เดิมคือ Asia Health) – Medical laboratory equipment and services

งานแสดงสินค้านานาชาติ สำหรับอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ บริการโรงพยาบาล และระบบสุขภาพ

· WHX Labs Kuala Lumpur (เดิมคือ Medlab Asia) – Medical devices, hospital services, and healthcare systems งานแสดงสินค้านานาชาติ สำหรับอุตสาหกรรมห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ชั้นนำ

· HIMSS APAC

การประชุมระดับโลกด้านข้อมูลและระบบการจัดการสุขภาพ โดยจะเน้นหัวข้อสำคัญ เช่น การพัฒนาระบบการแพทย์ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเอไอ, ความปลอดภัยด้านไซเบอร์, การพัฒนาบุคลากร

ทั้งนี้ การจัดงานในครั้งนี้มีส่วนสำคัญในการยกระดับศูนย์กลางด้านสุขภาพและเป็นประตูสู่ตลาดอาเซียน โดย Informa Markets ได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ MATRADE, MIDA, MOPI และ AMMI เพื่อผลักดันเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศตามแผน New Industrial Master Plan 2030 (NIMP 2030)

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และเทคโนโลยีสารสนเทศด้านสุขภาพ (Healthcare IT) ยังเป็นอีกกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากงานนี้ ด้วยการเปิดเวทีสำหรับผู้ผลิตและผู้ประกอบการท้องถิ่นในการเข้าถึงตลาดโลก และเร่งการยอมรับนวัตกรรมในอาเซียน โดยงาน International Healthcare Week 2025 จัดระหว่างวันที่ 16 – 18 กรกฎาคม 2568 ที่ ฮอลล์ 2-8, MITEC, กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย หรือ ติดตามรายละเอียดงานเพิ่มเติมได้ที่ http://inthealthcareweek.com

‘อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์’ แสดงศักยภาพจัด 5 งานใหญ่ใน 2 ประเทศ เริ่มด้วย ‘International Healthcare Week 2025’ รวม 3 งานใหญ่ในที่เดียว ‘CPHI South East Asia – WHX Kuala Lumpur – WHX Labs Kuala Lumpur 2025’ จัดขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 16 – 18 กรกฎาคม 2568 พร้อมลุยจัดต่อเนื่อง ‘Vitafoods Asia 2025’ และ ‘Food ingredients Asia Thailand 2025’ จัดระหว่างวันที่ 17 – 19 กันยายน 2568 เต็มทุกพื้นที่ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรม Health & Wellness ชูเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ สร้างโอกาสทางการค้า การลงทุน ผลักดันเศรษฐกิจโต รับเทรนด์การดูแลสุขภาพทั่วโลกที่กำลังขยายตัว

สุขภาพเป็นเรื่องที่คนในยุคปัจจุบันให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนยุคนี้ต้องการมีอายุยืนอย่างสุขภาพดี หลายคนหันมาโฟกัสที่สุขภาพจากภายในสู่ภายนอก ความต้องการเหล่านี้เป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ธุรกิจในกลุ่มนี้มีการขยายตัว

ข้อมูลจากสถาบันด้านสุขภาพสากล หรือ Global Wellness Institute (GWI) ประเมินภาพรวมของเศรษฐกิจด้านการดูแลสุขภาพทั่วโลก มีแนวโน้มขยายตัวอย่างสูงถึง 8.6% ต่อปี จนถึงปี 2570 โดยมีมูลค่าตลาดสูงกว่า 8.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 306 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2562 และสูงกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

ขณะที่ตัวเลขจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2568) ประเทศไทยมีนิติบุคคลธุรกิจ Healthcare & Wellness จำนวน 28,536 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 359,321 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 1.13 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจ ดังนี้ 1. บริการสปาและนวดเพื่อสุขภาพ 1,806 ราย ทุน 10,315 ล้านบาท 2. บริการความงาม 2,421 ราย ทุน 6,574 ล้านบาท 3. บริการทางการแพทย์ 9,570 ราย ทุน 218,202 ล้านบาท 4. บริการดูแลผู้สูงอายุ 765 ราย ทุน 4,216 ล้านบาท และ 5. ค้าส่ง – ปลีก เภสัชภัณฑ์ทางการแพทย์ 13,974 ราย ทุน 120,014 ล้านบาท

นอกจากนี้ ภาครัฐตั้งเป้าหมายที่จะเป็นฮับสุขภาพนานาชาติ คาดว่าปี 2570 จะสร้างรายได้จากธุรกิจ Wellness & Healthcare ไม่ต่ำกว่า 8 แสนล้านบาท แนวโน้มการเติบโตของเทรนด์ และตัวเลขมูลค่าทางเศรษฐกิจ สอดรับกับการดำเนินธุรกิจของ ‘อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์’ ที่เป็นผู้นำในการจัดงานแสดงสินค้า Trade Exhibition ที่มองว่าธุรกิจ Health & Wellness ยังมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมจัดงาน International Healthcare Week 2025 ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งประกอบไปด้วยสามงานใหญ่ คือ CPHI South East Asia (การผลิตยา) WHX Kuala Lumpur (อุปกรณ์ในโรงพยาบาล) WHX Labs Kuala Lumpur (อุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์) และ Vitafoods Asia 2025 (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสารสกัด) Food ingredients Asia Thailand 2025 (นวัตกรรมส่วนผสมอาหาร) ที่กรุงเทพฯ เพื่อเป็นแพลตฟอร์มขยายโอกาสของผู้ประกอบการไทยและนักลงทุนหน้าใหม่

นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ กล่าวถึงการเติบโตของธุรกิจ Health & Wellness ว่า ปัจจุบันคนให้ความสำคัญด้านสุขภาพเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งทุกธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมมีแนวโน้มการขยายตัว รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ได้เห็นอุตสาหกรรมนี้ถูกยกระดับขึ้น

“การเติบโตเกิดขึ้นทั้งในมิติของผู้คนและธุรกิจ ในฐานะผู้จัดงาน International Healthcare Week 2025 (CPHI South East Asia, WHX Kuala Lumpur, WHX Labs Kuala Lumpur) Food ingredients Asia Thailand 2025 และ Vitafoods Asia 2025 มองว่านี่เป็นโอกาสธุรกิจที่สำคัญสำหรับผู้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ เภสัชกรรม เทคนิคการแพทย์ นวัตกรรมอาหารผู้ผลิตและผู้ประกอบการด้านสารสกัดและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร” นางสาวรุ้งเพชร กล่าว

“โดยในปีนี้งาน International Healthcare Week 2025 จะเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการไทยที่ได้ไปร่วมจัดแสดงงานที่ประเทศมาเลเซีย ที่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางชั้นนำในเอเชียสำหรับการดูแลสุขภาพ อีกทั้งตลาดเภสัชกรรมของมาเลเซียมีข้อได้เปรียบจากการสนับสนุนของรัฐบาล เปิดโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเข้ามาต่อยอดธุรกิจ” นางสาวรุ้งเพชร กล่าว

ทั้งนี้ International Healthcare Week 2025 ประกอบไปด้วยงาน ‘CPHI South East Asia 2025’ งานแสดงสินค้า เทคโนโลยี และการประชุมด้านอุตสาหกรรมการผลิตยา ครบวงจรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ‘WHX Kuala Lumpur 2025’ งานแสดงสินค้าด้านเครื่องมือแพทย์ ‘WHX Labs Kuala Lumpur 2025’ งานแสดงสินค้า เทคโนโลยี นวัตกรรมทางด้านอุปกรณ์ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงมาก เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมาเลเซีย จัดระหว่างวันที่ 16 – 18 กรกฎาคม 2568 ที่ Malaysia International Trade and Exhibition Centre (MITEC) กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

ด้าน “ไวต้าฟู้ดส์ เอเชีย” (Vitafoods Asia 2025) งานแสดงสินค้า เทคโนโลยี และนวัตกรรมส่วนผสมสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และ “ฟู้ด อินกรีเดียนท์ส เอเชีย 2025” (Food ingredients Asia Thailand 2025) งานแสดงสินค้าเทคโนโลยี และนวัตกรรม ด้านส่วนผสมอาหาร จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 19 กันยายน 2568 เต็มทุกพื้นที่ทุกฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) กรุงเทพฯ

นายสรรชาย นุ่มบุญนํา ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวถึงการเติบโตและโอกาสของประเทศไทยในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มโลก ข้อมูลจาก Credence Research บริษัทวิจัยตลาดและที่ปรึกษาระดับโลกคาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มจะมีการขยายตัวจาก 6.2 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2024 เป็นเกือบ 9.8 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2032 โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ความต้องการอาหารสะดวกซื้อ-อาหารพร้อมทาน การให้ความสำคัญกับสุขภาพและหากเจาะลึกในระดับภูมิภาคจะพบว่าเอเชีย-แปซิฟิกเติบโตเร็วที่สุด โดยเฉพาะจีน อินเดีย ไทย และเวียดนาม การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภค รวมถึงนวัตกรรมการผลิตอาหารและเครื่องดื่มทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ

โดยในปีนี้ ProPak Asia 2025 ที่พึ่งจบไปมีผู้ร่วมจัดแสดงงานสูงถึง 2,000 แบรนด์ จาก 42 ประเทศ มีผู้เข้าเยี่ยมชมงานกว่า 72,000 คน จากทั่วโลก ใช้พื้นที่จัดแสดงงานถึง 55,000 ตารางเมตร และสร้างมูลค่าการค้าการเจรจาธุรกิจสูงกว่า 5.5 พันล้านบาท ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในทุกครั้งของการจัดงานและความต้องการพื้นที่จัดงานที่เพิ่มขึ้นจากทั้งผู้เข้าร่วมจัดงานแสดงสินค้าและบริษัทชั้นนำรายใหม่ๆ ที่ต้องการเข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้สถานที่จัดงานเดิมไม่สามารถรองรับการเติบโตของการจัดงานที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตได้

ดังนั้น การจัดงาน ProPak Asia 2026 จึงมองหาสถานที่จัดงานใหม่ที่มีความเหมาะสม โดยศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค (IMPACT) เมืองทองธานี เป็นสถานที่จัดงานฯ ใหม่ และมีพื้นที่เพียงพอต่อการขยายงานให้ใหญ่ขึ้น การเดินทางที่สะดวกยิ่งขึ้น ด้วยรถไฟฟ้า รถยนต์ส่วนตัว หรือรถขนส่งสาธารณะ ใกล้สนามบิน และง่ายต่อการเดินทางจากนิคมอุตสาหกรรม อาทิ ชลบุรี อยุธยา ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ฯลฯ อีกทั้งยังสามารถรองรับเป้าหมายการพัฒนาการจัดงานฯ ที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการจัดงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมการผลิต แปรรูป และบรรจุภัณฑ์ระดับโลกอย่างแท้จริง

ProPak Asia 2026 นับเป็นการก้าวสู่มิติใหม่แห่งการขยายตัวอย่างไร้ขีดจำกัด ที่จะเดินหน้าสู่การยกระดับการจัดงานฯ ให้เป็นงานสำคัญของอุตสาหกรรมแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในปี 2027 และก้าวขึ้นสู่การเป็นงานระดับโลก (World Class) ในปี 2028 โดยระหว่างการจัดงาน ProPak 2025 มีผู้ร่วมแสดงสินค้า และผู้สนใจงานร่วมจองพื้นที่จัดงานล่วงหน้าของ ProPak Asia 2026 แล้วถึง 95% เป็นการเสริมความเชื่อมั่นให้กับผู้เข้าร่วมชมงานว่า ProPak Asia 2026 จะเป็นศูนย์กลาง ที่รวมเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ ในอุตสาหกรรม แปรรูปและบรรจุภัณฑ์โดยจะเชื่อมโยงผู้เข้าร่วมแสดงสินค้า ผู้ประกอบการ หน่วยงาน และ ผู้เข้าเยี่ยมชมงาน เข้ากับ ProPak Connect ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมข้อมูลและเครือข่ายธุรกิจจากการจัดงาน ProPak ทั่วโลก ช่วยให้ทุกส่วนของระบบนิเวศในอุตสาหกรรมฯ เชื่อมต่อกันได้ในทุกมิติ

ด้านนางลูเซียนา เปลเลกรีโน ประธานองค์กรบรรจุภัณฑ์โลก (World Packaging Organization : WPO) เผยถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ว่า มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นไปในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร เครื่องดื่ม ยา สินค้าอุปโภคบริโภคและธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยมูลค่าของอุตสาหกรรมฯ คาดว่าจะขยายตัวจาก 1.28 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 เป็น 1.69 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2034 โดยแนวโน้มสำคัญขณะนี้ คือ บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับบทบาทของ WPO ในการส่งเสริมเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ ความยั่งยืน และนวัตกรรมด้านบรรจุภัณฑ์ ควบคู่ไปกับการเผยแพร่ข้อมูลและสนับสนุนความร่วมมือระหว่างองค์กรบรรจุภัณฑ์ระดับนานาชาติ ทั้งนี้ WPO ได้ยกให้ ProPak Asia เป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักที่มีบทบาทสำคัญ และรู้สึกยินดีต่อความสำเร็จของงานในแต่ละปี สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่จะเกิดขึ้นในปี 2026 ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ พร้อมเปิดรับความท้าทายเพื่อก้าวสู่การเป็นงานแสดงระดับโลกอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต ซึ่ง WPO พร้อมให้การสนับสนุนงาน ProPak Asia ต่อไปอย่างเต็มที่

ส่วน ดร. โจเซฟ รอส เอส. จอคสัน ประธานสหพันธ์บรรจุภัณฑ์แห่งเอเชีย (Asian Packaging Federation : APF) กล่าวถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกว่า อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีขนาดใหญ่และการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมูลค่าของอุตสาหกรรมฯ จะอยู่ที่ 190.55 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2025 และคาดว่าจะเติบโตที่ CAGR 4.98% ตั้งแต่ปี 2025 ถึง 2033 จากบทบาทในฐานะศูนย์กลางการผลิตระดับโลก โดนเฉพาะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงยังได้รับประโยชน์จากการบริโภคภายในภูมิภาคที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากการมีประชากรจำนวนมาก สำหรับแนวโน้มสำคัญของอุตสาหกรรมที่ต้องติดตาม ได้แก่ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ การใช้วัสดุที่ยั่งยืนมากขึ้น การเติบโตของบรรจุภัณฑ์ระดับพรีเมียมและเฉพาะบุคคล รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยทางสหพันธ์ฯ ได้ร่วมมือกับงาน ProPak Asia มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนและผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาค จากความร่วมมืออย่างเข้มแข็งทำให้วันนี้งาน ProPak Asia เติบโตและพัฒนาไปในอีกก้าวสำคัญ ซึ่งจะสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้ผลิตและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ทั่วทั้งภูมิภาค โดยทางสหพันธ์บรรจุภัณฑ์แห่งเอเชียจึงพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนการจัดงาน ProPak Asia 2026 และปีต่อๆ ไปอย่างเต็มที่ เพื่อขับเคลื่อนอนาคตและการเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลก

ขณะที่นายอลี บาดาร์เนห์ หัวหน้าหน่วยความมั่นคงทางอาหารและระบบอาหาร กรมพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรและโครงสร้างพื้นฐาน ยูไนเต็ด เนชั่น อินดัสเทรียล ดิเวลเลิพเมินท ออกาไนซ์เซชั่น หรือ ยูนิโด้ (UNIDO), ออสเตรีย กล่าวว่า องค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) เป็นหน่วยงานเฉพาะทางของสหประชาชาติที่ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างครอบคลุมและยั่งยืน ในฐานะพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระยะยาวของ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ และ งาน ProPak Asia รู้สึกยินดีอย่างยิ่ง ที่วันนี้งาน ProPak Asia กำลังก้าวเข้าสู่บทบาทใหม่ของการเติบโต โดย UNIDO ยืนยันที่จะร่วมสนับสนุนการจัดงาน ProPak Asia 2026 และปีต่อๆ ไปอย่างเต็มที่ เพื่อเร่งสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีการผลิต การแปรรูป และบรรจุภัณฑ์ พร้อมทั้งส่งเสริมความรู้ระดมความคิด

ระหว่างผู้นำในอุตสาหกรรม ผู้กำหนดนโยบาย และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมอาหาร ที่จะร่วมสร้างห่วงโซ่คุณค่าและการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกของอุตสาหกรรมฯ ให้เป็นโซลูชันที่นำไปใช้ได้จริงในระดับท้องถิ่น ซึ่งหลายพื้นที่ของโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างเร่งด่วนจากภาวะความหิวโหยที่เพิ่มขึ้น การสูญเสียและขยะอาหาร รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ ดังนั้น UNIDO หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือนี้จะสะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการสร้างระบบอาหารที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาคและทั่วโลก

สำหรับงาน ProPak Asia 2026 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-13 มิถุนายน 2569 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ผู้สนใจข้อมูลรายละเอียดการจัดงานฯ สามารถเยี่ยมชมได้ที่www.propakasia.com

มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบายด้านความยั่งยืนส่งผลบังคับใช้ เร่งอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ปรับทั้งระบบ ตั้งแต่วัตถุดิบ การผลิต จนถึงผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์พร้อมใช้งาน ด้าน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ผู้จัดงาน ProPak Asia 2025 ตอบสนองแนวโน้มเตรียมนำบริษัทชั้นนำและผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ร่วมโชว์ในหลายโซนสำคัญ ช่วยพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ไทยและอาเซียน

นางสาวกชสร โตเจริญธนาผล รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน ProPak Asia 2025 กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบายด้านความยั่งยืนจากหลายประเทศว่า ประเด็นดังกล่าวได้รับการตอบสนองและความร่วมมือในเชิงปฏิบัติมากขึ้นในเวทีการค้าโลก หลายประเทศออกกฎระเบียบและมาตรฐานบรรจุภัณฑ์ที่มีผลบังคับใช้สนับสนุนการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืน (ESG) บรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัย ไม่ก่อมลพิษ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดขยะพลาสติกและขยะบรรจุภัณฑ์ ตรวจสอบความปลอดภัยของวัสดุที่ใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์ ยกเลิกบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ครั้งเดียว ฯลฯ นโยบายและความร่วมมือที่เกิดขึ้น ส่งผลต่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ทั้งระบบตั้งแต่วัตถุดิบ การผลิต จนเป็นผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ที่พร้อมใช้งาน

ส่วนมูลค่าตลาดบรรจุภัณฑ์โลกในปี 2568 นั้น ข้อมูลจาก Towards Packaging และ Future Market Insights บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยตลาดระดับโลก คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.28 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดใหญ่และเติบโตเร็วที่สุด สำหรับสัดส่วนการใช้งานบรรจุภัณฑ์แต่ละประเภทนั้น พลาสติกมีสัดส่วนประมาณ 40-45% กระดาษ 30-35% ที่น่าสนใจคือ บรรจุภัณฑ์จากวัสดุทดแทน เช่น วัสดุผสมกระดาษไม้ไผ่กับพลาสติกชีวภาพมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% ส่วนธุรกิจที่มีการใช้บรรจุภัณฑ์สูง ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม ยาและเวชภัณฑ์ ซึ่งผู้ประกอบการจึงควรปรับตัวและพัฒนาให้ทันกับทิศทางอุตสาหกรรมฯ ที่เปลี่ยนไป โดยให้ความสำคัญกับบทบาทของบรรจุภัณฑ์สมัยใหม่มีในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันสร้างความปลอดภัยแก่สินค้า ยืดอายุของสินค้าให้นานขึ้น การผนวกเข้ากับเทคโนโลยีเป็นบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ (Smart Packaging) เช่น การฝังรหัส QR, RFID, NFC และเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพสินค้าแบบเรียลไทม์ ช่วยเพิ่มประสบการณ์ผู้บริโภคในการสอบทานที่มาและให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ การใช้ AI และระบบอัตโนมัติในสายการผลิตช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดของเสีย และควบคุมคุณภาพ หรือร่วมกับการพิมพ์ดิจิทัลและเทคโนโลยี AR ช่วยให้ปรับแต่งบรรจุภัณฑ์ได้ตามความต้องการของตลาดและผู้บริโภค ฯลฯ

งาน ProPak Asia 2025 นอกจากจะเป็นงานแสดงของเทคโนโลยีกระบวนการแปรรูปอาหาร บรรจุภัณฑ์ การจัดเก็บ และการขนส่ง ครบตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำระดับเอเชีย ที่ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรมสำคัญแล้ว ยังมีหลายโซนการจัดแสดงที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ ทั้ง PackagingTech Asia เทคโนโลยีการบรรจุภัณฑ์ และกระบวนการบรรจุภัณฑ์ DrinkTech Asia เทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม PharmaTech Asia เทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมยา Packaging Solution Asia เทคโนโลยีเพื่อการผลิตบรรจุภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์สำเร็จรูป Coding, Marking & Labelling Asia เทคโนโลยีเพื่อการเขียนรหัส ติดป้ายและปักหมายเลขบนสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ต่างๆ รวมถึง Lab&Test Asia เทคโนโลยีการตรวจสอบและควบคุมมาตรฐานของอาหาร และบรรจุภัณฑ์

ไฮไลท์และกิจกรรมที่น่าสนใจสำหรับ ProPak Asia 2025 ในครั้งนี้ อาทิ

- Packaging Design Clinic ที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่ออัพเกรดและพัฒนาผู้ประกอบการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ ลดต้นทุน และเสริมศักยภาพในการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ โดยร่วมกับสมาคมออกแบบบรรจุภัณฑ์ไทย (Thai PDA)

- Design Box การนำเสนอผลงานการออกแบบ โดยคุณ สมชนะ กังวารจิตต์ นักออกแบบบรรจุภัณฑ์รางวัลระดับโลกจาก Prompt Design

- ThaiStar, AsiaStar, WorldStar Display พื้นที่จัดแสดงตัวอย่างบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลชนะการประกวดออกแบบระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก ด้วยความร่วมมือจาก Thai-IDC, DIPROM (รางวัล ThaiStar) และ Asian Packaging Federation (รางวัล AsiaStar) และ The World Packaging Organisation (WPO) (รางวัล WorldStar)

- การประกาศผลการออกแบบบรรจุภัณฑ์บนแนวคิดของนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์เพื่อโลกสีเขียว Eco-Design Sparking Innovation Award โดยองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ผ่านโครงการการลดการใช้ การออกแบบที่ยั่งยืน และการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์พลาสติกเพื่อป้องกันขยะในทะเล (MA-RE-DESIGN)

พร้อมทั้งยังมีงานสัมมนาให้ความรู้ที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกถึงแนวโน้มและทิศทางของอุตสาหกรรม นวัตกรรมและเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์สมัยใหม่ จากผู้เชี่ยวชาญและบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมฯ โดยหวังช่วยในการพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมไทยและอาเซียน จึงอยากเชิญชวนผู้ประกอบการและผู้สนใจในธุรกิจและอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ร่วมงานในครั้งนี้

ด้านนายสิทธิ ศิริจรรยากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท นานดี-สตราแพค จำกัด ผู้นำเข้า จัดจำหน่ายและให้บริการด้านโซลูชั่นบรรจุภัณฑ์ รวมถึงจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่มการบรรจุหีบห่อแบรนด์ชั้นนำ อาทิ STRAPACK , SIAT , FROMM , MAX , RANPAK ฯลฯ กล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า การพัฒนาบรรจุภัณฑ์โลกได้มุ่งสู่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ทำให้บรรจุภัณฑ์กลุ่มพลาสติกชีวภาพและกระดาษรักษ์โลกมีการเติบโตมากขึ้น โดยบทบาทในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมฯ นั้น ทางบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับผู้ผลิตเครื่องจักรและผู้เชี่ยวชาญด้านการวางระบบบรรจุภัณฑ์

สินค้าอัตโนมัติกับพันธมิตรผู้เชียวชาญจาก ญี่ปุ่น อิตาลี ฯลฯ ในการนำสินค้าและเทคโนโลยีมาช่วยเสริมประสิทธิภาพงานบรรจุภัณฑ์ พร้อมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญจากแบรนด์ต่างๆ คอยใหคำแนะนำแก้ปัญหาแก่ลูกค้าโดยตรง ช่วยให้ผู้ประกอบการเพิ่มประสิทธิภาพการบรรจุภัณฑ์ ลดเวลาและแรงงาน พร้อมทั้งใช้เครื่องบรรจุภัณฑ์และระบบต่างๆ ได้อย่างคุ้มค่า

สำหรับการร่วมจัดแสดงงานกับ ProPak Asis 2025 นั้น ได้เตรียมเทคโนโลยีที่น่าสนใจมาร่วมจัดแสดง อาทิ การจำลองกระบวนการบรรจุภัณฑ์อัตโนมัติส่วนสุดท้าย (Automation Packing System Line) ที่เริ่มตั้งแต่การขึ้นรูปกล่อง ปิดฝากล่อง และ รัดสายรัด PP band โดยใช้เครื่องมือบรรจุภัณฑ์อัตโนมัติ ร่วมกับระบบลำเลียงสินค้าช่วยลดเวลาในการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพในการบรรจุภัณฑ์ และ อุปกรณ์บรรจุภัณฑ์ในการปกป้องสินค้าไม่ให้เกิดความเสียหายในระหว่างการขนส่ง (Protective Packaging Solutions) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกระดาษเพื่อเป็นทางเลือกทดแทนโฟม พลาสติก และสนับสนุนแนวทางด้านสิ่งแวดล้อม

ส่วนนายมาซาชิ ยาโนะ กรรมการบริหาร บริษัท อิชิดะ (ประเทศไทย) จํากัด ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องชั่งน้ำหนัก เครื่องบรรจุภัณฑ์ และเครื่องตรวจสอบคุณภาพสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร อาทิ ขนม อาหารแช่แข็ง อาหารพร้อมรับประทาน เนื้อสัตว์ อาหารทะเล และผักผลไม้ จากประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์วันนี้ก้าวหน้าขึั้นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ซึ่งทางบริษัทได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่นอกจากจะมุ่งเน้นในการส่งเสริมประสิทธิภาพแล้ว ยังต้องรักษาคุณภาพของสินค้า ได้มาตรฐานความปลอดภัยทางด้านอาหาร รวมถึงให้ความสำคัญในเรื่องสิ่งแวดล้อมซึ่งผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้น ทำให้การร่วมจัดแสดงงาน ProPak Asia 2025 ครั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยีที่น่าสนใจมาร่วมนำเสนอ ทั้ง IX-PD X-ray inspection system เครื่องตรวจสอบด้วยเอ็กซเรย์ที่แม่นยำสูง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมไก่ และ Multihead Weigher เครื่องชั่งน้ำหนักแบบหลายหัวที่ใช้ในกระบวนการบรรจุภัณฑ์อัตโนมัติ รุ่นใหม่ CCW-AS series ที่เน้นประสิทธิภาพและความทันสมัยมาร่วมในการจัดแสดงอีกด้วย

งาน ProPak Asia 2025 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-14 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานและต้องการลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้าชมงาน ProPak Asia 2025 สามารถลงทะเบียนได้ที่ www.propakasia.com

ภาครัฐเผยตัวเลขส่งออกไทยปี 67 ทะลุ 300,529.5 ล้านดอลลาร์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ คาดปี 68 ผ่าคลื่นสถานการณ์โลกโตได้อีก 2-3% ด้าน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เผยอุตสาหกรรมอาหารไทยกลุ่มอาหารแช่แข็งและแปรรูปยังเป็นดาวรุ่ง พร้อมเดินหน้ายกระดับงาน ProPak Asia 2025 เป็นเวทีการค้าและเจรจาธุรกิจสำคัญสำหรับภาคเอกชนในอุตสาหกรรมอาหารระดับภูมิภาค ด้านผู้เชี่ยวชาญและบริษัทชั้นนำร่วมจัดแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยีอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปอาหารล่าสุด คาดปีนี้ผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 80,000 คน มูลค่าเจรจาการค้าทะลุ 5,500 ล้านบาท

นายสรรชาย นุ่มบุญนํา ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวถึงแนวโน้มและทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารไทยในปีที่ผ่านมา (ปี 2567) เป็นปีที่อุตสาหกรรมอาหารไทยมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับข้อมูลของ สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่ล่าสุดเผยว่าการส่งออกไทยปี 2567 สามารถส่งออกได้ 300,529.5 ล้านดอลลาร์ ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีการขยายตัวถึง 5.4% โดยการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 6.0% โดยสินค้าเกษตรขยายตัว 10.7% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว 6.7%

ส่วนปี 2568 นั้น ภาพรวมของสถานการณ์โลกยังอยู่บนความไม่แน่นอน จากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของโลก แต่อย่างไรก็ตามยังมีสัญญาณเชิงบวกของปัจจัยทางเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของ GDP โลกที่คาดว่าจะโตประมาณ 2.7% เศรษฐกิจในอาเซียนซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดี อัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มลดลงและความต้องการสินค้าเกษตรเพื่อเป็นวัตถุดิบและบริโภคที่เพิ่มขึ้น โดยสินค้ากลุ่มอาหารที่ขยายตัวได้ดี อาทิ ไก่สดแช่เย็นและแปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลไม้สดแช่แข็งและแห้ง อาหารสัตว์เลี้ยง อาหารสำเร็จรูป ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ฯลฯ

อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต โดยใช้งานวิจัย นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่มายกระดับสินค้าให้มีมาตรฐานและความปลอดภัยที่สูงขึ้น เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและพัฒนาอาหารแห่งอนาคต เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคสมัยใหม่ รวมถึงจำเป็นต้องมีกระบวนการผลิตและการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อพัฒนาสู่เศรษฐกิจเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (BCG) ซึ่งจะสอดรับกับนโยบายภาครัฐที่เดินหน้าหาตลาดการค้าใหม่ๆ และทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศและเขตเศรษฐกิจใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดได้มีการทำข้อตกลง FTA กับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป หรือเอฟตา (EFTA) เป็นผลสำเร็จและยังมีการเร่งเจรจา FTA อีกหลายฉบับ อาทิ FTA ไทย-สหภาพยุโรป (EU) / ไทย-เกาหลีใต้ / ไทย-ภูฏาน / ไทย – สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) / อาเซียน – แคนาดา โดยทั้งหมดจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการส่งออกและภาคอุตสาหกรรมอาหารของไทย

ในส่วนของ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน ProPak Asia งานแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยี เครื่องจักรและโซลูชั่นในกระบวนการผลิต การแปรรูป บรรจุภัณฑ์ ฯลฯ ที่ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมอาหาร อาหารแปรรูป เครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์ ฯลฯ ชั้นนำของเอเชียนั้น ได้มีการยกระดับการจัดงาน ProPak Asia 2025 ให้มีความสำคัญในการเป็นเวทีความร่วมมือทางธุรกิจ การเจรจาการค้า การลงทุน การสร้างพันธมิตรธุรกิจ รวมถึงเป็นประตูเชื่อมต่ออุตสาหกรรมแปรรูปและผลิตอาหารของภูมิภาค ในการนำเสนอ ถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยีล่าสุดของโลกสู่ผู้ประกอบการ

สำหรับแนวคิดการจัดงาน ProPak Asia 2025 ครั้งนี้ คือ “เส้นทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในอุตสาหกรรมการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน” (Carbon-Neutral Pathways to Sustainable Processing and Packaging Ecosystem) ที่ต้องการมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแนวทางหรือกลยุทธ์ที่มุ่งลดหรือชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เท่ากับศูนย์ (Carbon Neutral) ในทุกกระบวนการของการผลิต การแปรรูปและการบรรจุภัณฑ์ โดยคำนึงถึงความยั่งยืนในระยะยาวไม่ว่าจะเป็นการลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิต การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การจัดการของเสียและวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้ การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อร่วมกันลดการปล่อยคาร์บอนในทุกส่วน

ดังนั้นงาน ProPak Asia 2025 จึงไม่ได้เป็นเพียงการจัดงานแสดงสินค้าที่นำเสนอเพียงโซลูชันล้ำสมัย จากบริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำระดับโลก ด้านการผลิตและแปรรูป ผู้ผลิตวัตถุดิบ ผู้ออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ ฯลฯ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญจากทุกส่วนของอุตสาหกรรมฯ แต่ยังช่วยสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมการผลิตในภูมิภาคและเป็นช่องทางสร้างโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลกได้พบกับพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ ๆ ผ่านการเข้าร่วมงานในปีนี้

งาน ProPak Asia 2025 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-14 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานและต้องการลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้าชมงาน ProPak Asia 2025 สามารถลงทะเบียนได้ที่ www.propakasia.com

X

Right Click

No right click