November 24, 2024

Salesforce (NYSE: CRM) ผู้นำ CRM AI  ชั้นนำของโลก  ได้ประกาศแผนการขยายโอกาสในการพัฒนาทักษะ ด้วยการเปิดให้ทุกคนสามารถเข้ารับการฝึกอบรมด้าน AI ได้ฟรีแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย โดย Salesforce จะเปิดอบรมหลักสูตร AI ขั้นสูงและให้การรับรองมาตรฐานด้าน AI ผ่านทางแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ Trailhead ซึ่งจะเปิดให้บริการฟรีจนถึงสิ้นปี 2025

นอกจากนี้แล้ว Salesforce ยังจะเปิดพื้นที่ใหม่ ณ สำนักงานใหญ่ในเมืองซานฟรานซิสโก ซึ่งจะประกอบด้วยศูนย์ AI Center ชั่วคราวสำหรับจัดการฝึกอบรม AI เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้ามาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้กันได้ภายในสถานที่ ในพื้นที่เหล่านี้ยังจะมีการจัดฝึกอบรมเพิ่มทักษะการใช้เครื่องมือ AI และ Agent ต่าง ๆ สำหรับพนักงาน โครงการทั้งหมดนี้นับเป็นการลงทุนมูลค่ากว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.6 พันล้านบาท) เพื่อช่วยยกระดับความสามารถให้กับพนักงาน และลดช่องว่างทางทักษะด้าน AI ที่กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้น

ผลการวิจัยโดย Slack พบว่า ผู้บริหารระดับสูงมองว่าการนำเครื่องมือ AI มาใช้ในการดำเนินธุรกิจเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเร่งด่วนมากขึ้นถึง 7 เท่า ภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือนที่ผ่านมา และมองว่าเป็นประเด็นสำคัญที่สุดในขณะนี้ มากกว่าปัญหาเงินเฟ้อหรือสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยฉบับนี้ยังพบว่าพนักงานกว่าสองในสามยังไม่ได้ใช้งานเทคโนโลยี AI ในการทำงาน และมีเพียง 15% ของพนักงานเท่านั้นที่มองว่าตนเองได้รับความรู้และทักษะที่เพียงพอสำหรับการใช้งาน AI อย่างมีประสิทธิภาพ

ไบรอัน มิลแฮม (Brian Millham) ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Salesforce กล่าวว่า “การมาถึงของเทคโนโลยี AI และ Agent เป็นการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของพวกเรา และสิ่งนี้จะเปลี่ยนวิธีการทำงานของผู้คนไปอย่างสิ้นเชิง” และเสริมว่า “เราจำเป็นต้องมั่นใจว่าทุกคนมีทักษะที่จำเป็น เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในยุคใหม่ซึ่งเป็นโลกของ AI”

ขยายโอกาสในการฝึกอบรมด้าน AI

ปัจจุบัน Salesforce ได้ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญหลายแสนคนสามารถพัฒนาทักษะเชิงเทคนิค ผ่านการฝึกอบรมขั้นสูงด้วยเนื้อหาที่มีคุณภาพซึ่งนำการสอนโดยผู้เชี่ยวชาญ พร้อมมอบใบรับรองที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับประวัติการทำงาน ทั้งนี้บริษัท Salesforce ได้ตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนผู้เรียนถึง 100,000 คนที่ผ่านการอบรมเหล่านี้ พร้อมทั้งช่วยให้ผู้นำในชุมชนของ Salesforce หรือ Trailblazer ทุก ๆ คนได้พัฒนาสู่การเป็น Agentblazer ซึ่งคือผู้นำในการใช้ Agent

นอกเหนือจากเนื้อหาขั้นสูงที่มีคุณภาพแล้ว ล่าสุดแพลตฟอร์ม Trailhead ยังได้ขยายคอร์สออนไลน์ฟรีต่าง ๆ เพิ่มเติม สำหรับการฝึกอบรมทักษะด้าน AI โดยเฉพาะ ซึ่งประกอบด้วยหลักสูตรด้าน พื้นฐานของ AI และ การใช้ AI อย่างมีจริยธรรม รวมไปถึงการสร้าง คำสั่งพรอมต์ (Prompt) และหลักสูตรอื่น ๆ อีกมากมาย ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 ทำให้ทั้งพนักงานของ Salesforce รวมถึงผู้ที่กำลังสมัครงาน และผู้สนใจเรียนรู้รวมกว่า 2.6 ล้านคนได้รับใบรับรองด้าน AI และข้อมูล เพื่อพัฒนาทักษะที่จำเป็น

สร้างพื้นที่เพื่อพัฒนาทักษะ AI ให้พนักงาน ด้วยการฝึกอบรมแบบลงมือปฏิบัติจริง Salesforce ได้เริ่มจัดตั้งพื้นที่สำหรับการฝึกอบรมด้าน AI ขึ้นในสำนักงานของบริษัททั่วโลก โดยได้เปิดศูนย์ AI Center ในเมืองลอนดอน เป็นแห่งแรกในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และได้วางแผนที่จะสร้างศูนย์ AI Center แบบชั่วคราวแห่งใหม่ขึ้นที่สำนักงานใหญ่ในเมืองซานฟรานซิสโกในปี 2025 นอกจากนี้ยังได้วางแผนขยายพื้นที่ศูนย์ฝึกเหล่านี้ไปยังศูนย์กลางที่สำคัญอื่น ๆ ทั่วโลก เช่น เมืองชิคาโก โตเกียว และซิดนีย์ โดยศูนย์จัดอบรมเหล่านี้จะสอนหลักสูตร AI จากทางแพลตฟอร์ม Trailhead แบบที่ผู้เรียนสามารถเข้ามาเรียนรู้ได้ในสถานที่โดยตรง รวมถึงเป็นพื้นที่พบปะแลกเปลี่ยนระหว่างผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม พาร์ทเนอร์ และลูกค้าของ Salesforce เพื่อร่วมกันพัฒนานวัตกรรม AI ให้ก้าวหน้า และเพิ่มโอกาสในการพัฒนาทักษะด้าน AI ได้อย่างรวดเร็ว

 

เสริมทักษะให้กับพนักงาน 72,000 คน ด้วย AI ที่มีความน่าเชื่อถือ

Salesforce ได้กำลังสนับสนุนให้พนักงานกว่า 72,000 คนของบริษัทสามารถยกระดับทักษะ ด้วยการจัดกิจกรรม “วันแห่งการเรียนรู้ AI” ที่จัดขึ้นทั่วโลกในทุก ๆ ไตรมาส เพื่อให้พนักงานได้ฝึกใช้นวัตกรรม AI ล่าสุดด้วยการลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งรวมถึงการใช้นวัตกรรม Agentforce ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือ AI Agent อัจฉริยะที่ทำงานได้ด้วยตัวเองแบบอัตโนมัติ ช่วยเสริมความสามารถในการทำงานให้พนักงานได้ในหลากหลายหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริการ การขาย การตลาด หรือการค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความพึงพอใจของลูกค้า นอกจากนี้ Salesforce ยังเตรียมที่จะเปิดศูนย์ “AI Knowledge Center” ซึ่งจะใช้พื้นที่ทั้งชั้นของสำนักงานใหญ่ในเมืองซานฟรานซิสโก เพื่อให้พนักงานทั่วโลกได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะด้าน AI อย่างเต็มรูปแบบ

ปัจจุบันบริษัทได้เปิดตัวเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI มากกว่า 100 รายการ เพื่อช่วยให้พนักงานทั่วโลกสามารถใช้ AI และมุ่งเน้นการทำงานที่มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น ซึ่งพนักงานของ Salesforce เองก็ได้ใช้แพลตฟอร์ม Trailhead เรียนรู้วิธีการใช้ AI และ Agent ในการทำงาน โดยเกือบ 40% ของจำนวนการออกใบรับรองด้าน AI และข้อมูล บนแพลตฟอร์ม Trailhead ทั้งหมดซึ่งมีมากถึง 2.6 ล้านรายการนั้นมาจากการฝึกอบรมของพนักงานบริษัท Salesforce

นอกจากนี้ ในฐานะผู้ที่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของตนเองเป็นกลุ่มแรก พนักงาน Salesforce หลายพันคนได้ใช้เทคโนโลยี Agent ของ Agentforce ที่สามารถเชื่อถือได้ ให้ทำงานที่มีความซ้ำ ๆ จำเจ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการทำงาน โดยตั้งแต่ที่บริษัทได้เปิดตัว Slack AI ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งมีอินเทอร์เฟซแบบสนทนาเพื่อหาคำตอบ สรุปข้อมูล และสร้างสรรค์แนวคิดใหม่ ๆได้ช่วยให้พนักงาน Salesforce ลดเวลาในการทำงานลงได้รวมเกือบ 3 ล้านชั่วโมง

นาทาลี สการ์ดิโน (Nathalie Scardino) ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบุคคลของ Salesforce กล่าวว่า “เช่นเดียวกับการปฏิวัติทางเทคโนโลยีอื่น ๆ AI จะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของเรา รวมทั้งสร้างตำแหน่งงาน และโอกาสใหม่ ๆ ซึ่งปัจจุบัน AI ได้สร้างสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของเราในฐานะนายจ้าง ที่จะมอบโอกาสในการฝึกฝนพัฒนาให้กับพนักงาน เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขามีทักษะที่จำเป็นต่อการประสบความสำเร็จในบทบาทใหม่ ๆ เหล่านั้น” และกล่าวเสริมว่า “Salesforce เป็นแพลตฟอร์มที่สร้างและส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงโดยตลอดมา และด้วยค่านิยมที่เป็นพื้นฐานของเรานี้ Salesforce จึงได้นำพลังและศักยภาพของเรา ทั้งเทคโนโลยี พื้นที่ และพนักงาน มาร่วมนำพาทุกคนให้ก้าวไปด้วยกัน”

Salesforce (เซลส์ฟอร์ซ) บริษัท AI CRM อันดับ 1 ประกาศความก้าวหน้ายิ่งใหญ่ของโซลูชั่น Einstein เทคโนโลยีเอไอภายใต้เอกสิทธิ์เฉพาะของบริษัท และ Data Cloud โซลูชั่นข้อมูลไฮเปอร์สเกลแบบเรียลไทม์ที่งาน Dreamforce 2023 ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าวนี้จะมุ่งพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าพร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานประสิทธิภาพและประสิทธิผลการทำงานมากยิ่งขึ้น

ผลการศึกษาล่าสุดจาก IDC เผยว่าคลื่นลูกใหม่จาก Generative AI จะช่วยเร่งโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับเซลส์ฟอร์ซและระบบนิเวศของบริษัท โดย IDC คาดการณ์ว่า Salesforce AI Economy จะสร้างรายได้สุทธิ 2.02 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐจากรายได้ของธุรกิจทั่วโลก และสร้างงานใหม่ 11.6 ล้านตำแหน่งทั่วโลก ระหว่างปี พ.ศ. 2565 - 2571

Einstein รุ่นใหม่ล่าสุด สู่การเป็นผู้ช่วยการสนทนาที่น่าเชื่อถือพร้อมทั้งขับเคลื่อนด้วย Generative AI

โซลูชั่น Einstein ของเซลส์ฟอร์ซเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้นวัตกรรมจาก Generative AI อย่าง Einstein Copilot ซึ่งจะเป็นผู้ช่วยเอไอสำหรับการสนทนา ฟีเจอร์ดังกล่าวติดตั้งอยู่บนแอป CRM ทั้งหมดเพื่อสนับสนุนทุกการใช้งานของลูกค้า โดยฟีเจอร์ Einstein Copilot จะช่วยสร้างเวิร์กโฟลว์การทำงานที่ไร้รอยต่อ พร้อมช่วยขับเคลื่อนประสิทธิภาพการทำงาน ผ่านการใช้ Natural Language ในการถามคำถาม และรับข้อมูลคำตอบที่มีความเกี่ยวข้องและเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ โดยอ้างอิงจากข้อมูลเอกสิทธิ์ของเซลส์ฟอร์ซที่ปลอดภัยจาก Data Cloud

นอกจากนี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เจาะจงของแต่ละธุรกิจ เซลส์ฟอร์ซได้เปิดฟีเจอร์ Einstein Copilot Studio ที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับแต่ง (Customise) ฟีเจอร์ Einstein Copilot ผ่านพร้อมท์ (Prompts)ที่เจาะจง หรือผ่านทักษะและโมเดลเอไอที่เจาะจง ซึ่งฟีเจอร์ดังกล่าวนี้ จะช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถปิดดีลได้ไวยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยกระดับงานบริการลูกค้า ไปจนถึงการปรับแต่งพร้อมท์รูปแบบ Natural Language ให้กลายเป็นโค้ด เป็นต้น มากไปกว่านั้น ฟีเจอร์ Einstein Copilot Studio ยังสามารถตั้งค่าให้ Einstein Copilot สามารถใช้งานนอกแอปพลิเคชันของเซลส์ฟอร์ซได้อีกด้วย เพื่อใช้บนช่องทางติดต่อลูกค้าอื่น ๆ อาทิ ช่องทางเว็บไซต์, Slack, WhatsApp หรือ SMS เพื่อขับเคลื่อนแชทแบบเรียลไทม์

ฟีเจอร์ Einstein Copilot และ Einstein Copilot Studio จะใช้งานภายใต้ Einstein Trust Layer ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมเอไอที่ปลอดภัยและสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มของเซลส์ฟอร์ซ เพื่อสร้างผลลัพธ์อันมีคุณภาพจากเอไอโดยอ้างอิงจากข้อมูลลูกค้า ในขณะเดียวกันยังสามารถรักษามาตรฐานความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลบริษัทไปพร้อมกันสำหรับธุรกิจที่ใช้งาน

ใหม่! Einstein 1 Platform ใช้คู่กับ Data Cloud รองรับ Big Data และขับเคลื่อน Low-Code Metadata บนแอปพลิเคชันเอไอ Einstein 1 Platform สร้างขึ้นบนเฟรมเวิร์คเมตาดาต้าของเซลส์ฟอร์ซ โดยเป็นอีกขั้นของความก้าวหน้าสำหรับ Data Cloud และ Einstein แพลตฟอร์มดังกล่าวจะช่วยบริษัทต่าง ๆ เชื่อมต่อ จัดระเบียบ และทำความเข้าใจข้อมูลระหว่างแอปพลิเคชันเซลส์ฟอร์ซต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัย ทั้งยังสร้างการมองเห็นข้อมูลที่ทั่วถึงของทั้งองค์กร ไม่ว่าข้อมูลจะมีโครงสร้างอย่างไรในระบบภายใน ทั้งยังสามารถช่วยองค์กรในการปรับแต่งประสบการณ์ผู้ใช้และข้อมูลการดำเนินการโดยใช้บริการแพลตฟอร์มแบบ low-code อื่น ๆ อาทิ: · การใช้ Einstein สำหรับคาดการณ์และสร้างเนื้อหาที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอ · การใช้ Flow สำหรับการทำออโตเมชั่น · การใช้ Lightning สำหรับส่วนต่อประสานกับผู้ใช้งานหรือ user interfaces

 

Date Cloud รุ่นใหม่ล่าสุดถูกผสานเข้ากับ Einstein 1 Platform เพื่อช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถปลดล็อกการใช้ข้อมูลในการสร้างโปรไฟล์ลูกค้าพวกเขาให้สมบูรณ์และมีความเป็นหนึ่งเดียว พร้อมส่งมอบประสบการณ์ CRM แบบใหม่ให้แก่ผู้ใช้งาน

· Data at Scale: Einstein 1 Platform รองรับข้อมูลเมตาดาต้า (Metadata-enabled objects) เป็นพันรายการ โดยแต่ละอ็อบเจ็กต์สามารถมีแถวได้หลายล้านล้านแถว นอกจากนี้ Marketing Cloud และ Commerce Cloud ยังมีการอัปเกรดใหม่ให้สามารถใช้งานได้บนแพลตฟอร์มนี้อีกด้วย

· Automation at Scale: ข้อมูลจำนวนมหาศาลสามารถถูกนำไปใช้งานได้ทันทีในรูปแบบเซลส์ฟอร์ซออบเจ็กต์บน Einstein 1 Platform โฟล์วต่าง ๆ ของงานสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา สูงสุด 20,000 เหตุการณ์ต่อวินาที และยังสามารถโต้ตอบกับระบบอื่น ๆ ภายในองค์กร รวมถึงระบบเดิมที่มีอยู่ผ่าน Mulesoft

· Analytics at Scale: โครงสร้างข้อมูลของข้อมูลเมตาดาต้า (Metadata Schema) แบบทั่วไปบน Einstein 1 Platform และแอคเซสโมเดลช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกและโซลูชั่นวิเคราะห์มากมายของเซลส์ฟอร์ซ อาทิ Reports and Dashboards, Tableau, CRM Analytics, และ Marketing Cloud Report สามารถใช้งานข้อมูลเดียวกันได้อย่างทั่วถึง

“เราอยู่ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลตลอดเวลา ความสำคัญและการที่ AI เข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามได้ เพราะ AI จะเข้ามาปฏิวัติพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์และนำไปสู่ยุคเศรษฐกิจใหม่" คุณอามิท ซักซีน่า รองประธานประจำภูมิภาคอาเซียน เซลส์ฟอร์ซ กล่าวต่ออีกว่า "ในเวลานี้ ธุรกิจในประเทศไทยจำเป็นต้องควบคุมและประเมินถึงความเหมาะสมของการใช้งาน AI, Data และ CRM เพื่อสร้างความไว้วางใจจากลูกค้า ในขณะเดียวกันยังต้องสามารถใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อมอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าของพวกเขาได้เช่นกัน ความไว้วางใจของลูกค้ามีผลต่อแบรนด์ได้ ดังนั้นความสามารถในการมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมต่อลูกค้าจึงมีผลต่อความสำเร็จของธุรกิจแห่งอนาคต”

ไฮไลท์สำคัญอื่น ๆ จากงาน Dreamforce 2023:

· Slack เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ ขับเคลื่อนแพลตฟอร์มส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานอย่างชาญฉลาด

o นวัตกรรมใหม่ที่เพิ่มเข้ามาบน Slack จะนำเอาเอไอ, ระบบออโตเมชั่น และการแบ่งปันความรู้มารวมไว้ในที่เดียว เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและประสิทธิผลการทำงาน

§ Slack AI มาพร้อมความสามารถในการสรุปเธรดต่าง ๆ, สรุปไฮไลท์บนชาแนล, และค้นหาคำตอบภายในข้อความทั้งหมดของผู้ใช้

§ Workflow Builder รุ่นพัฒนาจะช่วยให้ทีมสามารถสร้างระบบอัตโนมัติโดยไม่ต้องเขียนโค้ดใด ๆ โดยใช้งานตัวเชื่อมต่อจาก Google, Asana, Jira และแพลตฟอร์มอื่น ๆ

§ Slack lists จะช่วยติดตามงาน, ติดตามคำขอคัดแยก(Triage requests) และติดตามการจัดการโปรเจ็คข้ามสายงานได้

· Einstein สำหรับ Net Zero Cloud เพื่อช่วยให้การทำรายงานเกี่ยวกับ ESG ง่ายขึ้นสำหรับบริษัทต่างๆ

o ฟีเจอร์ Einstein สำหรับ Net Zero Cloud นั้นจะแนะนำข้อมูลที่เชื่อถือได้ตอบสนองต่อคำสั่งหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับรายงาน ESG แบบเรียลไทม์ โดยการตอบสนองต่างๆ จะอ้างอิงมาจากข้อมูลที่อยู่ในกรอบการรายงานโดยเฉพาะ เพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถที่จะปรับปรุงกระบวนการเขียนรายงาน ESG ได้อย่างราบรื่น ตัวอย่างเช่น Einstein สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูล ESG ของบริษัทที่ถูกเผยแพร่เมื่อปีที่แล้ว หรืออาจดึงข้อมูลจากเอกสารที่อัปโหลดเอาไว้ก่อนหน้านี้ (เช่น รายงานผลกระทบกว่าหนึ่งหมื่นฉบับ เอกสารการปฏิบัติตามข้อกำหนด) หรืออาจใช้ประโยชน์จากข้อมูล Net Zero Cloud อื่นๆ เช่น ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัท เป็นต้น Einstein จะใช้ข้อมูลนี้ระบุลงไปในแต่ละส่วนรายงาน ESG สำหรับปีล่าสุดโดยอัตโนมัติ

· Salesforce ขยายความร่วมมือทางอุตสาหกรรม เปิดตัวพาร์ทเนอร์ชิพกับ Google, AWS, McKinsey, Databricks, Genesys และ Snowflake: o Google partnership: เปิดตัวการใช้งานรูปแบบ Bidirectional Integration ที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถรวมบริบทจาก Salesforce และ Google Workspace เข้าด้วยกัน ผู้ใช้จะสามารถทำงานข้ามแพลตฟอร์มได้อย่างไร้รอยต่อทั่วทั้งแพลตฟอร์มผ่านผู้ช่วย Generative AI ของ Salesforce และ Google Workspace, Einstein Copilot และ Duet AI

o AWS partnership: เปิดตัว Bring Your Own Lake (BYOL) และ Bring your Own Large Language Model (BYO LLM) ซึ่งเป็นการผสานโซลูชั่นระหว่าง AWS และ Salesforce Data Cloud สร้างขึ้นบน AWS โดยนำ Generative AI ที่มีอยู่ของเซลส์ฟอร์ซเข้ามาพาร์ทเนอร์ด้วย ซึ่งการผสานโซลูชั่นดังกล่าวนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถรวมข้อมูลของตนผ่าน Data Cloud และบริการของ AWS ได้อย่างไร้รอยต่อและมีความปลอดภัย เพื่อใช้ประโยชน์จากชุดโมเดลพื้นฐานต่าง ๆ ที่มีอยู่บน Amazon Bedrock และ Amazon SageMaker อย่างปลอดภัยภายในแพลตฟอร์มเซลส์ฟอร์ซ o McKinsey partnership: เปิดตัวการนำเทคโนโลยี Einstein และ Data Cloud ของเซลส์ฟอร์ซมาผสานเข้ากับโมเดลและเอไอของ McKinsey โดยการร่วมงานกันครั้งนี้จะช่วยเร่งการเปิดตัว Generative AI ที่น่าเชื่อถือสำหรับการขาย การตลาด การพาณิชย์ และการบริการ

o Databricks partnership: เปิดตัวการแชร์ข้อมูลแบบไร้รอยต่อระหว่าง Salesforce Data Cloud และ Databricks Lakehouse ที่จะช่วยลดต้นทุนและลดความซับซ้อนในการย้ายและคัดลอกข้อมูลสำหรับลูกค้า รวมทั้งสร้างความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ ช่วยปลดล็อกการใช้ข้อมูลเชิงลึกให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเพื่อการส่งมอบประสบการณ์ของลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น o Snowflake partnership: เปิดตัววางจำหน่าย Bring Your Own Lake (BYOL) ซึ่งเป็นเครื่องมือการแชร์ข้อมูลผ่าน Snowflake Data Cloud จาก Salesforce Data Cloud ที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลและส่งเสริมการนำข้อมูลเชิงลึกไปใช้งาน เสริมความแข็งแกร่งในการขับเคลื่อนการทำงานด้วยข้อมูลหรือ Data-driven ให้แก่ลูกค้า

o Genesys partnership: เปิดตัว CX Cloud โซลูชั่นการจัดการความสัมพันธ์และประสบการณ์ลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอแบบครบวงจร ซึ่งเป็นการผสานระบบระหว่าง Genesys Cloud CXTM และ Salesforce Service Cloud เพื่อขับเคลื่อนประสบการณ์ลูกค้าและประสบการณ์พนักงานแบบครบวงจรให้ชาญฉลาดยิ่งขึ้น

Salesforce (เซลส์ฟอร์ซ) ร่วมมือกับ 8 นักวาดการ์ตูนในอาเซียนจากประเทศไทย ประเทศสิงคโปร์ และประเทศมาเลเซียเพื่อนำเสนอการ์ตูนสั้น 24 เรื่องโดยมีศิลปินไทยที่เข้าร่วมแคมเปญ อาทิ Wawawawin และ Sa-ard เซลส์ฟอร์ซสนับสนุนศิลปินทุกท่านในการวาดการ์ตูนตามจินตนาการและสไตล์ของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยทุกชิ้นงานสื่อให้ผู้อ่านเห็นว่าในอนาคตเทคโนโลยีจะส่งผลกระทบต่อชีวิตของพวกเราและสร้างแรงบันดาลใจให้ธุรกิจ รวมถึงนำมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายได้อย่างไร

ตลอดช่วงการระบาดของโควิด-19 การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมีผลต่อมุมมอง และวิสัยทัศน์ด้านอนาคตของธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนโดยตรง การ์ตูนสั้นทั้ง 24 เรื่องจึงสร้างขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ 'Future, Illustrated' ซึ่งประกอบไปด้วย 3 ธีมหลัก ได้แก่ Digital Transformation (การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล), Future of Work (อนาคตของการทำงาน) และ Business as a Platform for Good (ธุรกิจในฐานะแพลตฟอร์มส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงที่ดี) โดยซีรีส์การ์ตูนแต่ละเรื่อง ผู้อ่านจะเข้าถึงมุมมองว่าเทคโนโลยีนั้นหล่อหลอมชีวิต และแรงบันดาลใจของผู้คนอย่างไร รวมถึงว่าธุรกิจสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางโลกดิจิทัล และธุรกิจจะเข้ามามีบทบาทตรงไหนได้เพื่อนำขบวนการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสังคมโดยรวมในอาเซียน

คุณสุจิธ อับบราฮัม รองประธานอาวุโส ผู้จัดการทั่วไปประจำเซลส์ฟอร์ซ อาเซียน กล่าวว่า "มุมมองที่เป็นเอกลักษณ์จากศิลปินที่เราร่วมงานด้วยได้บอกเล่าความท้าทายและโอกาสที่เกิดขึ้นท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในภูมิภาคได้อย่างดีเยี่ยม การ์ตูนทุกชิ้นบอกเล่าความเป็นไปได้จากศักยภาพของเทคโนโลยีที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อผู้คนและพื้นที่ได้ พร้อมทั้งเป็นอีกหนึ่งวิธีในการสร้างแรงบันดาลใจที่น่ารัก ๆ ให้ผู้อ่านได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีอย่างมีความหมายและสร้างสรรค์ เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนมากขึ้นในอนาคตของเรา”

 

เซลส์ฟอร์ซ (Salesforce) ผู้นำระดับโลกด้านการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) เปิดตัวผลการศึกษา State of the Connected Customer ฉบับที่ห้า ซึ่งเผยผลสำรวจและข้อมูลเชิงลึกจากผู้บริโภคทั่วไปรวมถึงฝ่ายจัดซื้อขององค์กร (Business Buyer) กว่า 17,000 ราย จาก 29 ประเทศทั่วโลก โดยมีผู้ร่วมการศึกษาจากประเทศไทยจำนวน 651 ราย ในด้านการมีปฎิสัมพันธ์กับลูกค้า หรือ Customer Engagement ในยุคที่ Digital คือช่องทางแรกที่ทุกฝ่ายจะเลือก 

X

Right Click

No right click