

Salesforce (NYSE: CRM) ผู้นำระดับโลกด้านระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อันดับหนึ่งของโลก ประกาศความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) หนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย เพื่อฝึกอบรมนักศึกษาและคณาจารย์ให้มีทักษะที่จำเป็นด้าน CRM และ AI โดยหลักสูตรการฝึกอบรมนี้ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะและจะเปิดให้บริการผ่านแพลตฟอร์มเรียนรู้ออนไลน์ฟรีของ Salesforce ที่ชื่อว่า Trailhead
ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะบรรจุหลักสูตร Salesforce Administrator และ Agentblazer ลงในหลักสูตรของนักศึกษาจากวิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี คณะบริหารธุรกิจ คณะวิทยาศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ ตลอดระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า
เตรียมบุคลากรไทยสู่ความสำเร็จในยุค Agentic AI ด้วยรัฐบาลไทยเดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ AI ภายใต้ “แผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการ AI แห่งชาติ” ความต้องการบุคลากรที่ชำนาญด้านการใช้ AI เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัญหาช่องว่างของการขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI กว่า 80,000 ตำแหน่ง ยังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนานวัตกรรมให้เติบโตในวงกว้าง เพื่อลดช่องว่างนี้ การร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจ สถาบันการศึกษา และผู้กำหนดนโยบายจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างบุคลากรไทยให้มีทักษะดิจิทัลที่จำเป็น Salesforce มุ่งมั่นสนับสนุนการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะใหม่ในประเทศไทย ผ่านความร่วมมือต่าง ๆ เช่น โครงการที่ทำร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
โปรแกรมการฝึกอบรมที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ มช. จะประกอบด้วยการสอบใบรับรอง Salesforce Administrator เพื่อให้นักศึกษาได้สร้างความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการและปรับแต่งแพลตฟอร์ม Salesforce นอกจากนี้ นักศึกษายังได้เรียนรู้โมดูล Agentblazer ซึ่งครอบคลุมแนวคิดพื้นฐานของ Agentic AI พร้อมประสบการณ์ปฏิบัติจริงในการสร้าง Agent ด้วย Agentforce
ความร่วมมือนี้จะมอบโอกาสให้นักศึกษาได้เข้าถึงแหล่งทรัพยากรด้านอาชีพ การให้คำปรึกษา และโอกาสฝึกงานกับ Salesforce และพันธมิตรในระบบนิเวศของ Salesforce
ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า “ด้วยความก้าวหน้าของ AI การที่บุคลากรในอนาคตได้สัมผัสเทคโนโลยีและมีประสบการณ์จริงถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง การร่วมมือกับ Salesforce เพื่อนำทักษะสำคัญเหล่านี้มาบรรจุในหลักสูตรนักศึกษาของเรา ทำให้เรามั่นใจว่านักศึกษาของเราจะมีข้อได้เปรียบในตลาดแรงงานที่มีการแข่งขันสูงในอนาคต”
สร้างประสบการณ์การศึกษาแบบองค์รวม เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
นอกจากการบรรจุเนื้อหาการฝึกอบรมลงในหลักสูตรนักศึกษาแล้ว Salesforce จะจัดการอบรมแบบ Train-The-Trainer สำหรับคณาจารย์มหาวิทยาลัย เพื่อเสริมสร้างความเชี่ยวชาญด้าน Agentic AI และเทคโนโลยี Salesforce ให้ครอบคลุมและสามารถถ่ายทอดความรู้ต่อให้ลูกศิษย์ได้
ในอนาคต บริษัทมีแผนร่วมมือกับ มช. ในการเพิ่มโมดูล Developer และ Marketing ขั้นสูงเข้าไปในหลักสูตร เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้เทคโนโลยีลึกขึ้นและเตรียมพร้อมสำหรับงานที่ซับซ้อนมากขึ้น ด้วยการสร้างโปรแกรมฝึกอบรมแบบครบวงจร Salesforce ตั้งเป้าช่วยปูทางให้นักศึกษาทั้งรุ่นปัจจุบันและรุ่นต่อไปของ มช. สู่การทำงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หรือศึกษาต่อในสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างมั่นคง
เซ็ง ผิง หวง หัวหน้ากลุ่มธุรกิจภาครัฐ ประจำภูมิภาคอาเซียนของเซลส์ฟอร์ซ กล่าวว่า “ที่ Salesforce เรามุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการพัฒนาบุคลากรของภูมิภาคทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่โลกการทำงานกำลังเปลี่ยนแปลงรากฐานในยุค AI เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาที่มีวิสัยทัศน์อย่าง มช. เพื่อสร้างบุคลากรที่มีทักษะทางดิจิทัลให้กับประเทศ และช่วยขับเคลื่อนอนาคต Agentic AI ของประเทศไทยให้เกิดขึ้นจริง”
เซลส์ฟอร์ซ (Salesforce) ผู้นำระดับโลกด้านระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เปิดเผยข้อมูลจากรายงานวิจัย State of IT: Security Report ล่าสุด โดยได้สำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารด้านความปลอดภัยไอทีจากองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกกว่า 2,000 คน ซึ่งรวมถึงผู้บริหารจากประเทศไทย 63 คน ในยุคที่การใช้งาน AI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ภัยคุกคามทางไซเบอร์ก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ผู้นำด้านความปลอดภัยระบบ IT ในไทยถึง 89% ตระหนักว่าองค์กรจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการรักษาความปลอดภัยใหม่ทั้งหมด ขณะที่ 100% เห็นพ้องกันว่าเจ้าหน้าที่ AI Agent สามารถช่วยยกระดับความปลอดภัยขององค์กรได้ในอย่างน้อยหนึ่งด้าน
อย่างไรก็ตาม รายงานวิจัยนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่สำคัญในการนำ AI Agent ไปใช้งานจริงในอนาคตโดย 43% ของผู้ตอบแบบสอบถามในไทยมีความกังวลเกี่ยวกับความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลในองค์กร ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน Agentic AI อย่างมีประสิทธิภาพ และเกือบครึ่ง (49%) ยังไม่มั่นใจว่าจะมีแนวทางกำกับดูแลที่รัดกุมพอในการใช้งาน AI Agent อย่างปลอดภัย
ความสำคัญของผลงานวิจัย ทั้งพนักงานที่มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยข้อมูลขององค์กร และผู้ไม่หวังดีที่ต้องการเจาะเข้าถึงระบบต่างก็หันมาใช้ AI เป็นเครื่องมือมากขึ้น AI Agent ซึ่งสามารถช่วยลดภาระงานซ้ำ ๆ ของพนักงานรักษาความปลอดภัย ทำให้พนังานสามารถทุ่มเทเวลาไปกับการวิเคราะห์ปัญหาที่ซับซ้อนได้มากขึ้น แต่เพื่อให้การใช้งาน AI Agent อย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรจำเป็นต้องมีโครงสร้างข้อมูลที่แข็งแรงและแนวทางกำกับดูแลที่เหมาะสม
![]()
มุมมองของ Salesforce
คุณรบส สุวรรณมาศ ผู้นำการเผยแพร่เทคโนโลยี Salesforce ประเทศไทย กล่าวว่า “AI Agent คือก้าวสำคัญขององค์กรในการยกระดับความปลอดภัย แต่การจะใช้งานได้อย่างมั่นใจ องค์กรจำเป็นต้องมีข้อมูลที่เชื่อถือได้เป็นรากฐาน นอกจากนี้ การลงทุนในด้านความปลอดภัย การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และการรักษาความโปร่งใส ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับองค์กรไทยในระยะยาว”
ข้อมูลตัวเลขที่น่าสนใจจากรายงานวิจัย
งบประมาณด้านความปลอดภัยเพิ่มขึ้นตามการพัฒนาเทคโนโลยี
แม้ภัยคุกคามด้านความปลอดภัยบนคลาวด์ มัลแวร์ และการโจมตีแบบฟิชชิงยังมีอยู่ แต่ภัยคุกคามรูปแบบใหม่อย่าง การใส่ข้อมูลผิด ๆ ในชุดข้อมูลฝึกสอน AI (data poisoning) ก็กลายเป็นประเด็นที่หลายองค์กรให้ความสำคัญมากขึ้น โดย 87% ขององค์กรไทยคาดว่าจะเพิ่มงบประมาณด้านความปลอดภัยในปีหน้า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 75%
![]()
สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่ซับซ้อน ทำให้การใช้งาน AI มีความท้าทายยิ่งขึ้น แม้ผู้นำด้านความปลอดภัยระบบ IT ในไทยถึง 95% จะมองว่า AI Agent สามารถช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามกฎระเบียบ เช่น การช่วยให้องค์กรสอดคล้องกับกฎหมายความเป็นส่วนตัวระดับโลกได้ดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน 94% ก็เห็นว่าการใช้ AI Agent เองก็ยังมีความเสี่ยงด้านกฎระเบียบอยู่ไม่น้อย
· เพียง 67% ที่มั่นใจว่าองค์กรของตนสามารถใช้ AI Agent ได้อย่างสอดคล้องกับกฎระเบียบและมาตรฐานสากล
· องค์กรกว่า 84% ยังไม่ได้ทำให้กระบวนการปฏิบัติตามกฎระเบียบเป็นระบบอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบ
ความเชื่อมั่นคือกลไกของความสำเร็จในยุค AI แต่ยังต้องเสริมสร้างความเชื่อมั่นอีกมาก จากผลการวิจัยผู้บริโภคทั่วโลกล่าสุดพบว่า ความไว้วางใจในตัวองค์กรต่าง ๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดย 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นพ้องกันว่าความก้าวหน้าของ AI ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของธุรกิจ นอกจากนี้ มีเพียง 42% ของผู้บริโภคที่เชื่อมั่นว่าองค์กรจะใช้ AI อย่างมีจริยธรรม ซึ่งลดลงจากเมื่อปี 2566 ที่เชื่อมั่นถึง 58% ขณะที่ผู้นำด้านความปลอดภัยระบบ IT ในไทยเห็นว่ายังมีอีกหลายประเด็นที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อสร้างความไว้วางใจ
· 43% ของผู้นำด้านความปลอดภัยระบบ IT ยังไม่มั่นใจในความแม่นยำหรือความโปร่งใสของผลลัพธ์จาก AI
· 52% ระบุว่าองค์กรยังไม่สามารถแสดงความโปร่งใสอย่างเต็มที่เกี่ยวกับวิธีการนำข้อมูลลูกค้าไปป้อนให้ AI
· 46% มองว่าองค์กรยังไม่มีแนวปฏิบัติด้านจริยธรรมที่ชัดเจนสำหรับการใช้ AI
· 57% เชื่อว่าผู้บริโภคในไทยยังลังเลต่อการใช้งานบริการ AI เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
การบริหารจัดการข้อมูล คือกุญแจสู่การใช้งาน Agentic AI อย่างเต็มศักยภาพ เกือบครึ่งของผู้นำด้านความปลอดภัยระบบ IT ในไทยยังไม่แน่ใจว่าองค์กรของตนมีข้อมูลที่มีคุณภาพเพียงพอสำหรับรองรับการทำงานของ AI Agent หรือมีแนวทางที่เหมาะสมภายใต้สิทธิ์การเข้าถึง นโยบาย และแนวทางควบคุมที่ถูกต้อง แต่ก็มีสัญญาณที่ดี โดยผลสำรวจกลุ่มประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ ล่าสุด พบว่าองค์กรต่าง ๆ จัดสรรงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานและการจัดการข้อมูลมากกว่า AI ถึง 4 เท่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าหลายองค์กรกำลังวางรากฐานอย่างรอบคอบเพื่อรองรับการขยายการใช้งาน AI ในอนาคต
AI Agent เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระ เมื่อใช้งานมากขึ้น
จากรายงาน State of IT พบว่า 73% ของทีมดูแลด้านความปลอดภัยระบบ IT ในประเทศไทยได้นำ AI Agent มาใช้ในกระบวนการทำงานประจำวันแล้ว ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ 41% และมีแนวโน้มว่าจะมีการใช้งานเพิ่มมากขึ้นในอนาค
· 90% ขององค์กรในไทยคาดว่าจะใช้ AI Agent ภายใน 2 ปีข้างหน้า ผู้นำด้านความปลอดภัยระบบ IT มองว่า AI Agent จะก่อให้เกิดประโยชน์หลากหลาย ตั้งแต่การตรวจจับภัยคุกคามไปจนถึงการตรวจสอบประสิทธิภาพของโมเดล AI อย่างละเอียดและแม่นยำ
หลายองค์กรยังต้องเร่งปรับปรุงระบบความปลอดภัย
นอกเหนือจากการดำเนินการเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างข้อมูลสำหรับยุคของ Agentic AI แล้ว มากกว่าครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามยังยอมรับว่าองค์กรของตนยังต้องยกระดับแนวทางการรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบให้ได้มาตรฐาน
· กว่า 56% ยังมองว่าการดำเนินการด้านความปลอดภัยและกฎระเบียบยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งาน AI Agent อย่างเต็มรูปแบบ
การก้าวขึ้นมามีบทบาทของระบบ AI เอเจนต์อัจฉริยะ (Agentic AI) ซึ่งทำงานได้ด้วยตัวเองแบบอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีการควบคุมจากมนุษย์นั้นไม่เพียงเป็นอีกหนึ่งก้าวของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีระดับโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางธุรกิจของประเทศไทยในระดับพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญ การเปลี่ยนแปลงนี้เปิดประตูสู่โอกาสใหม่ในการยกระดับประสิทธิภาพและการสร้างนวัตกรรม โดยองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกต่างกำลังใช้ AI Agent เพื่อปลดล็อกศักยภาพของตลาดแรงงานดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงถึง 6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
จากผลการวิจัยของ Salesforce ในปีที่ผ่านมา ซึ่งศึกษาทัศนคติของผู้บริหารระดับสูงในองค์กรขนาดใหญ่ของไทยเกี่ยวกับ Generative AI พบว่าผู้บริหารไทย 100% ได้แสดงความมั่นใจในการมอบหมายให้ AI ทำงานอย่างน้อยหนึ่งงานได้โดยไม่ต้องคอยควบคุมกำกับ ความท้าทายในขณะนี้จึงไม่ใช่เรื่องของความเชื่อมั่นอีกต่อไป หากแต่เป็นการลงมือปฏิบัติจริง เพราะหากองค์กรไทยไม่เร่งปรับตัวและนำ Agentic AI มาใช้อย่างจริงจัง ก็อาจตกเป็นเป้าถูกแทนที่โดยคู่แข่งหรือสตาร์ทอัพที่ปรับตัวได้เร็วกว่า
ผู้นำองค์กรจำเป็นต้องตอบสนองแบบเชิงรุกต่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อย่างมีกลยุทธ์ ท่ามกลางยุคของการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับ AI ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจขององค์กรไทยควรให้ความสำคัญกับ การส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskilling) ในวงกว้าง และการสร้างระบบนิเวศ AI ที่มีความน่าเชื่อถือ (Trustworthy AI)
การส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะใหม่ สำหรับยุค Agentic AI แผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ ของรัฐบาลไทยที่ตั้งเป้าให้ความรู้ด้านจริยธรรม AI แก่ประชาชน 600,000 คน และพัฒนาผู้เชี่ยวชาญด้าน AI จำนวน 30,000 คน ภายในปี 2027 ถือเป็นทิศทางที่น่ายินดีและมีความสำคัญ อย่างไรก็ดี ความต้องการทักษะในการทำงานร่วมกับ AI Agent มีอยู่ในทุกบทบาทและทุกภาคอุตสาหกรรม ปัจจุบันมีพนักงานเพียง 15% เท่านั้นที่เชื่อว่าตนมีการศึกษาและทักษะที่เพียงพอในการใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะใหม่นั้นกลายเป็นวาระเร่งด่วนของผู้นำทุกองค์กรในประเทศไทย
รายงานผลสำรวจด้าน State of IT ฉบับล่าสุดของ Salesforce ซึ่งเก็บข้อมูลจากผู้นำนักพัฒนาซอฟต์แวร์ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก พบว่า 87% ของนักพัฒนาชาวไทยมองว่า ความรู้ด้าน AI จะกลายเป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นในอนาคต อย่างไรก็ตาม เกือบครึ่งหนึ่งหรือ 48% ของผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยทั้งหมดกลับระบุว่าทักษะที่ตนเองมีอยู่ในปัจจุบันนั้นยังไม่เพียงพอต่อการทำงานในยุคของ Agentic AI
นอกจากการยกระดับทักษะเชิงเทคนิคแล้ว การพัฒนาทักษะเชิงมนุษย์สัมพันธ์และทักษะทางธุรกิจ เพื่อสร้างวัฒนธรรมที่พร้อมเปิดรับการทดลองใช้ AI อย่างมีความเชื่อมั่นก็มีความสำคัญมาก พนักงานควรได้รับโอกาสในการเรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานร่วมกับ AI ซึ่งรวมถึงพื้นฐานความเข้าใจเกี่ยวกับ Agentic AI และการเขียนคำสั่งพรอมต์ (Prompt Engineering) ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการสื่อสารกับ AI อย่างมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น หากเราพิจารณาถึงบทบาทของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะเห็นว่า AI Agent นั้นสามารถช่วยเขียนโค้ดที่ต้องทำซ้ำ ๆ เป็นประจำได้ นักพัฒนาจึงสามารถใช้เวลากับงานออกแบบระบบ และการวางแผนเชิงกลยุทธ์ในภาพรวมได้มากขึ้น
ปัจจุบัน Salesforce ได้เปิดหลักสูตรใหม่บนแพลตฟอร์ม Trailhead เพื่อสนับสนุนองค์กรในการฝึกอบรมนักพัฒนาให้เรียนรู้ทักษะใหม่ ซึ่งได้รับผลตอบรับในช่วงแรกที่เปิดให้ใช้งานเป็นอย่างดี การพิจารณาถึงทักษะที่จำเป็นถือเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น หากต้องการประสบความสำเร็จในยุค Agentic AI ผู้นำองค์กรไทยจำเป็นต้องกำหนดกลยุทธ์ระยะยาวที่ผสานการพัฒนาทักษะเหล่านี้ไว้ในแผนบริหารทรัพยากรบุคคล และมอบหมายให้ผู้จัดการแต่ละฝ่ายมีบทบาทในการสนับสนุนและให้คำปรึกษาแก่พนักงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้บุคลากรสามารถปรับตัวและเติบโตไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
การนำ AI ที่มีความน่าเชื่อถือมาใช้ในทุกภาคส่วนขององค์กร
เมื่อความสามารถของ AI Agent พัฒนาขึ้น ความรับผิดชอบในการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน องค์กรต้องมั่นใจว่าระบบ AI มีความยุติธรรม และไม่ก่อให้เกิดอคติหรือการแบ่งแยกทางสังคม เพราะหากไม่มีการบริหารจัดการที่เหมาะสม คุณสมบัติที่ทำให้ AI มีความสามารถอันทรงพลังนั้นก็อาจกลายเป็นสิ่งที่ทำลายความเชื่อมั่นได้เช่นกัน หากต้องการใช้ Agentic AI อย่างเต็มศักยภาพ องค์กรไทยต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัย ตั้งแต่การเริ่มต้นพัฒนาไปจนถึงการนำไปใช้งานในระบบจริง ซึ่งหมายถึงการวางมาตรการด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามแนวทางด้านจริยธรรม AI เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่มีความสำคัญและใช้งานข้อมูลเหล่านั้นอย่างมีความรับผิดชอบ
องค์กรไทยจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจว่าการใช้งาน AI และ Agent เป็นไปตามกฎระเบียบของประเทศที่มีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา นอกจากการทำตามแนวปฏิบัติจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) แล้ว สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ยังได้นำร่างพระราชบัญญัติปัญญาประดิษฐ์เข้ารับการพิจารณาและเปิดรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณชน โดยร่างกฎหมายดังกล่าวมีการเสนอกรอบกำกับดูแลตามระดับความเสี่ยง (Risk-Based Framework) พร้อมข้อยกเว้นบางประการในการใช้ข้อมูลออนไลน์ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและในระดับโลก การเลือกใช้แพลตฟอร์มและเครื่องมือที่รองรับกับกฎระเบียบต่าง ๆ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการสร้างความเชื่อมั่นและรักษาความน่าเชื่อถือให้กับองค์กร
Salesforce มุ่งมั่นในการรับมือกับความท้าทายเหล่านี้อย่างจริงจัง โดยสำนักงานการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรมและคำนึงถึงมนุษยธรรม (Office of Ethical & Humane Use) นั้นเป็นผู้นำในการดำเนินงานและการใช้กลยุทธ์ที่ครอบคลุมรอบด้าน ซึ่งประกอบด้วยทีมที่พร้อมรับมือกับสถานการณ์ในระดับรุนแรง (Red Teaming) และการทดสอบการเผชิญหน้าในหลายรูปแบบ รวมถึงการทดสอบความน่าเชื่อถือ (Trust Testing) ซึ่งเป็นกระบวนการทดสอบผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพิ่มเติมเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ Agentic AI ของ Salesforce สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานทั่วโลกที่มีความหลากหลายได้ดียิ่งขึ้น องค์กรยังสามารถกำหนดขอบเขตการทำงานของ AI Agent โดยใช้หัวข้อและคำสั่งในรูปแบบภาษาธรรมชาติ เพื่อระบุสถานการณ์ที่ควรให้ AI ยกระดับในการตอบสนอง หรือส่งต่องานให้กับเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นมนุษย์เข้ามาจัดการได้ นอกจากนี้องค์กรยังควรมีการจัดการเชิงรุกเพื่อขจัดความกังวลในเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและอคติที่อาจเกิดขึ้นในการทำงานของ AI ด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลที่เข้มงวด และการสื่อสารที่มีความโปร่งใส
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญไม่แพ้กันคือ การใช้เครื่องมือที่ส่งเสริมการทำงานอย่างมีความโปร่งใสและสนับสนุนให้ผู้ใช้งานสามารถตัดสินใจในการมอบหมายงานให้ AI ทำได้อย่างรอบคอบ พนักงานควรมีความเข้าใจที่ชัดเจน ถึงขีดความสามารถและข้อจำกัดของ AI Agent ที่ตนเองกำลังทำงานร่วมด้วย และสามารถควบคุมการทำงานอัตโนมัติต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญของ Agentforce คือความสามารถในการดำเนินการแบบอัตโนมัติภายใต้ขอบเขตที่มนุษย์กำหนดไว้อย่างชัดเจน ซึ่งช่วยให้ AI Agent สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้ด้วยตนเองภายในขอบเขตที่สอดคล้องกับเป้าหมายและนโยบายขององค์กร นอกจากนี้ Einstein Trust Layer ยังช่วยให้ Agentforce สามารถใช้งานโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ได้อย่างปลอดภัย โดยองค์กรมั่นใจได้ว่าข้อมูลในระบบของ Salesforce จะไม่ถูกเปิดเผยหรือจัดเก็บโดยผู้ให้บริการโมเดลภายนอก
พลังแห่งการเรียนรู้ทักษะใหม่ และการสร้างความเชื่อมั่น ที่จะขับเคลื่อนนวัตกรรมให้องค์กรในไทย
การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย AI นำมาซึ่งความท้าทายใหม่ ๆ ให้องค์กรในประเทศไทย โดยเฉพาะในเรื่องการเตรียมความพร้อมให้พนักงานสามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม ข้อมูลที่มีคุณภาพ และทักษะที่จำเป็น อย่างไรก็ตาม หากมีการลงทุนอย่างจริงจังในด้านการเรียนรู้ทักษะใหม่และโปรแกรมการฝึกอบรมที่ครอบคลุม องค์กรจะสามารถเพิ่มขีดความสามารถให้พนักงานทำงานร่วมกับ AI Agent ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลง และในที่สุดสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมในยุคของแรงงานดิจิทัลได้
องค์กรไทยสามารถใช้การเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาในมิติใหม่ โดยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ให้ความสำคัญกับความเชื่อมั่น ความปลอดภัย และความโปร่งใส จะมีบทบาทสำคัญในการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการเติบโต
ท้ายที่สุดแล้ว การลงทุนทั้งใน AI Agent และพนักงานที่เป็นมนุษย์ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการทำงานร่วมกันอย่างมีความเชื่อมั่นและไว้วางใจ จะช่วยให้องค์กรในไทยสามารถขยายขีดความสามารถในการดำเนินงาน และปลดล็อกศักยภาพขององค์กรได้อย่างเต็มที่ในยุคของ Agentic AI
เซลส์ฟอร์ซ (Salesforce) (NYSE: CRM) ผู้นำอันดับหนึ่งของโลกด้านระบบบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ประกาศเปิดตัว Agentforce 3 ที่เป็นการอัปเกรดครั้งสำคัญของแพลตฟอร์มแรงงานดิจิทัลที่ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถมองเห็นและควบคุมการทำงานของเจ้าหน้าที่ AI อัจฉริยะ (AI Agent) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางการใช้งาน AI Agent ระดับองค์กรที่เพิ่มมากขึ้น ข้อบกพร่องก็ชัดเจนมากขึ้นเช่นกัน กล่าวคือทีมงานไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่ Agent กำลังดำเนินการ และไม่สามารถพัฒนา Agent ได้อย่างรวดเร็ว Agentforce 3 จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ช่องว่างนี้โดยเฉพาะ อ้างอิงจากบทเรียนจากการติดตั้ง Agentforce หลายพันครั้งนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2567 ซึ่งช่วยสร้างผลลัพธิ์ที่วัดได้ให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดย Agentforce สามารถจัดการบทสนทนาด้านงานธุรการได้โดยอัตโนมัติ ของ 1-800Accountant ได้ถึง 70% ในช่วงการยื่นภาษีของปี 2568
Agentforce 3 ออกแบบมาเพื่อให้ผู้นำองค์กรสามารถตรวจสอบ ปรับปรุง และขยายการใช้งาน AI Agent ได้อย่างมั่นใจ มาพร้อมกับ Command Center ใหม่ เสริมการสังเกตการณ์อย่างครบวงจร รองรับโปรโตคอลมาตรฐานเปิด Model Context Protocol (MCP) สำหรับการเชื่อมต่อแบบ plug-and-play และฟีเจอร์เฉพาะอุตสาหกรรมใหม่กว่า 100 รายการ เพื่อช่วยองค์กรเร่งการนำไปใช้งาน ปรับปรุงสิ่งที่บกพร่อง และปลดล็อกศักยภาพของ Agentic AI ได้อย่างเต็มที่
ความสำคัญของ Agentforce 3
การใช้งาน AI Agent กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากข้อมูลดัชนี Slack Workflow Index (ที่เตรียมเผยแพร่เร็ว ๆ นี้) ระบุว่าการใช้งาน AI Agent เพิ่มขึ้นถึง 233% ภายในระยะเวลา 6 เดือน และมีลูกค้ากว่า 8,000 รายลงทะเบียนใช้งาน Agentforce ในช่วงเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์ม AI Agent ส่วนใหญ่ยังขาดเครื่องมือด้านการกำกับดูแล การผสานรวม และการสังเกตการณ์ที่จำเป็นต่อการขยายการใช้งานระดับองค์กร Agentforce 3 เข้ามาเติมเต็มช่องว่างนี้ โดยให้การมองเห็นที่สมบูรณ์แบบ การผสานเครื่องมืออย่างปลอดภัย และการควบคุมในระดับองค์กรที่จำเป็นเพื่อให้ความเร็วของ Agent กลายเป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิจ
อดัม อีวานส์ (Adam Evans) รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไปฝ่าย AI ของ Salesforce กล่าวว่า “Agentforce คือการรวมตัวของ Agent ข้อมูล แอปพลิเคชัน และ metadata เข้าไว้ในแพลตฟอร์มแรงงานดิจิทัลเดียว ช่วยให้องค์กรหลายพันแห่งเริ่มต้นใช้งาน agentic AI ได้จริง เรารับฟังเสียงจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็น Agentforce 3 ก้าวกระโดดครั้งสำคัญของแพลตฟอร์ม ที่ทำให้การใช้งาน Agentforce ทุกรูปแบบมีความฉลาด ไหวพริบ ประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และความโปร่งใส Agentforce 3 จะเปลี่ยนวิธีที่มนุษย์และ AI Agent ทำงานร่วมกัน ยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดด”
![]()
Agentforce Command Center เครื่องมือสำหรับตรวจสอบ วัดผล และปรับปรุง AI Agent
เมื่อ AI Agent เริ่มเข้ามาทำงานประจำ และทำงานร่วมกับมนุษย์อย่างใกล้ชิดมากขึ้น ทีมงานจึงต้องการเครื่องมือชั้นใหม่สำหรับการสังเกตการณ์ในยุคแรงงานดิจิทัล ซึ่ง Agentforce Command Center คือคำตอบ เครื่องมือนี้คือโซลูชันที่ช่วยให้ผู้นำองค์กรสามารถมองเห็นการทำงานของ AI Agents แบบครบวงจร ช่วยวิเคราะห์ วัดผล และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน Command Center ถูกพัฒนาขึ้นใน Agentforce Studio เพื่อเสริมความแข่งแกร่งให้ Agent ด้วยเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยให้เข้าใจและปรับปรุง Agent ได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกระดับ
ไรอัน ทีเปิลส์ (Ryan Teeples) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี 1-800Accountant กล่าวว่า “Agentforce สามารถจัดการงานตอบแชทอัตโนมัติของ 1-800Accountant ได้ถึง 70% ในช่วงฤดูกาลยื่นภาษีที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ธุรกิจของเราคึกคักที่สุด ความสำเร็จในช่วงแรกนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เราได้วางรากฐานการใช้งานที่มั่นคงและเน้นพัฒนาประสบการณ์การใช้งาน Agentic AI รวมถึงระบบอัตโนมัติ AI ใหม่ ๆ ผ่านฟีเจอร์ล่าสุดของ Agentforce ด้วยการสังเกตการณ์ที่ละเอียด เราจึงเห็นว่าฟีเจอร์ไหนใช้ได้ผล ปรับปรุงทันที และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันได้อย่างมั่นใจ”
ขยายศูนย์ AgentExchange ที่เป็นระบบนิเวศ AI Agent ชั้นนำ เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาและใช้งานเครื่องมือที่ออกแบบสำหรับ Agent: เมื่อองค์กรเริ่มนำ AI Agent ไปใช้งานในทีมต่าง ๆ AgentExchange ช่วยให้ง่ายต่อการติดตั้งเครื่องมือที่เชื่อถือได้ซึ่งสร้างขึ้นโดยพันธมิตร พร้อมทั้งมีเทมเพลตและฟังก์ชันที่ช่วยให้เกิดประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ลูกค้าจะสามารถค้นหาเซิร์ฟเวอร์ MCP จากพันธมิตรกว่า 30 ราย ซึ่งให้การเข้าถึงเครื่องมือและทรัพยากรของบุคคลที่สามที่เชื่อถือได้ และเชื่อมต่อกับ Agentforce ได้อย่างราบรื่นผ่านเกตเวย์ AI Agent ที่ปลอดภัย โดยพันธมิตร MCP ได้แก่ AWS, Box, Cisco, Google Cloud, IBM, Notion, PayPal, Stripe, Teradata, WRITER และอื่น ๆ
ความพร้อมใช้งานเฉพาะสำหรับแต่ละอุตสาหกรรมที่ครบครันตั้งแต่เริ่มใช้งาน ช่วยให้องค์กรในทุกอุตสาหกรรมสามารถสร้างผลลัพธ์จาก AI Agents ได้อย่างรวดเร็ว ด้วย Prebuilt Industry Actions กว่า 200 รายการ ซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นแอ็กชันใหม่ที่เปิดตัวในฤดูร้อนนี้ ครอบคลุมตั้งแต่การนัดหมายผู้ป่วย การสร้างข้อเสนอทางการตลาด การบริการยานพาหนะ และอื่น ๆ อีกมากมาย Agentforce 3 ยังมาพร้อมกับโครงสร้างราคาที่เรียบง่ายและยืดหยุ่นมากขึ้น โดยมี SKU ใหม่สำหรับ Agentforce ในกลุ่ม Sales, Service และ Industry Cloud ที่คิดราคาต่อผู้ใช้ และเปิดให้ใช้งานแอ็กชันได้ไม่จำกัดสำหรับ AI Agents ที่ทำงานร่วมกับพนักงาน ช่วยให้ทีมสามารถเริ่มต้นใช้งานได้อย่างรวดเร็วและขยายขีดความสามารถได้อย่างมั่นใจ นำ Agenforce มาใช้และขยายขีดความสามารถได้อย่างมั่นใจด้วยผู้เชี่ยวชาญที่ไว้ใจได้: กลุ่มพาร์ตเนอร์ Salesforce เช่น Accenture, Deloitte Digital, NeuraFlash, PwC และอีกมากมาย ได้ให้การสนับสนุนลูกค้าในการติดตั้ง Agentforce มาแล้วหลายพันครั้ง พร้อมผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองกว่า 272,000 คนทั่วโลก ที่ช่วยให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และสนับสนุนการใช้งาน AI Agent อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยังคงรักษาการกำกับดูแลตามมาตรฐานขององค์กรไว้ครบถ้วน
อาธีนา คานิอูร่า (Ahina Kanioura) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และการเปลี่ยนแปลงองค์กร PepsiCo กล่าวว่า “การใช้ Agentforce ทำให้ PepsiCo ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงในเส้นทางของการใช้ agentic AI ด้วยการรวมข้อมูลเชิงลึกผ่าน Salesforce Data Cloud เราได้รับภาพรวมแบบองค์รวมของลูกค้าและการดำเนินงาน ซึ่งช่วยให้เราสามารถวางกลยุทธ์ที่ดีขึ้น เสริมสร้างความสัมพันธ์ และสร้างมูลค่าที่สูงขึ้นในทุกตลาดที่เราดูแล”
เซลส์ฟอร์ซ (Salesforce) (NYSE: CRM) ผู้นำด้านระบบบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ประกาศเปิดตัว Agentforce 3 ที่เป็นการอัปเกรดครั้งสำคัญของแพลตฟอร์มแรงงานดิจิทัลที่ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถมองเห็นและควบคุมการทำงานของเจ้าหน้าที่ AI อัจฉริยะ (AI Agent) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ท่ามกลางการใช้งาน AI Agent ระดับองค์กรที่เพิ่มมากขึ้น ข้อบกพร่องก็ชัดเจนมากขึ้นเช่นกัน กล่าวคือทีมงานไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่ Agent กำลังดำเนินการ และไม่สามารถพัฒนา Agent ได้อย่างรวดเร็ว Agentforce 3 จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ช่องว่างนี้โดยเฉพาะ อ้างอิงจากบทเรียนจากการติดตั้ง Agentforce หลายพันครั้งนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2567 ซึ่งช่วยสร้างผลลัพธิ์ที่วัดได้ให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดย Agentforce สามารถจัดการบทสนทนาด้านงานธุรการได้โดยอัตโนมัติ ของ 1-800Accountant ได้ถึง 70% ในช่วงการยื่นภาษีของปี 2568
Agentforce 3 ออกแบบมาเพื่อให้ผู้นำองค์กรสามารถตรวจสอบ ปรับปรุง และขยายการใช้งาน AI Agent ได้อย่างมั่นใจ มาพร้อมกับ Command Center ใหม่ เสริมการสังเกตการณ์อย่างครบวงจร รองรับโปรโตคอลมาตรฐานเปิด Model Context Protocol (MCP) สำหรับการเชื่อมต่อแบบ plug-and-play และฟีเจอร์เฉพาะอุตสาหกรรมใหม่กว่า 100 รายการ เพื่อช่วยองค์กรเร่งการนำไปใช้งาน ปรับปรุงสิ่งที่บกพร่อง และปลดล็อกศักยภาพของ Agentic AI ได้อย่างเต็มที่
ความสำคัญของ Agentforce 3
การใช้งาน AI Agent กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากข้อมูลดัชนี Slack Workflow Index (ที่เตรียมเผยแพร่เร็ว ๆ นี้) ระบุว่าการใช้งาน AI Agent เพิ่มขึ้นถึง 233% ภายในระยะเวลา 6 เดือน และมีลูกค้ากว่า 8,000 รายลงทะเบียนใช้งาน Agentforce ในช่วงเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์ม AI Agent ส่วนใหญ่ยังขาดเครื่องมือด้านการกำกับดูแล การผสานรวม และการสังเกตการณ์ที่จำเป็นต่อการขยายการใช้งานระดับองค์กร Agentforce 3 เข้ามาเติมเต็มช่องว่างนี้ โดยให้การมองเห็นที่สมบูรณ์แบบ การผสานเครื่องมืออย่างปลอดภัย และการควบคุมในระดับองค์กรที่จำเป็นเพื่อให้ความเร็วของ Agent กลายเป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิจ
อดัม อีวานส์ (Adam Evans) รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไปฝ่าย AI ของ Salesforce กล่าวว่า “Agentforce คือการรวมตัวของ Agent ข้อมูล แอปพลิเคชัน และ metadata เข้าไว้ในแพลตฟอร์มแรงงานดิจิทัลเดียว ช่วยให้องค์กรหลายพันแห่งเริ่มต้นใช้งาน agentic AI ได้จริง เรารับฟังเสียงจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็น Agentforce 3 ก้าวกระโดดครั้งสำคัญของแพลตฟอร์ม ที่ทำให้การใช้งาน Agentforce ทุกรูปแบบมีความฉลาด ไหวพริบ ประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และความโปร่งใส Agentforce 3 จะเปลี่ยนวิธีที่มนุษย์และ AI Agent ทำงานร่วมกัน ยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดด”
Agentforce Command Center เครื่องมือสำหรับตรวจสอบ วัดผล และปรับปรุง AI Agent
เมื่อ AI Agent เริ่มเข้ามาทำงานประจำ และทำงานร่วมกับมนุษย์อย่างใกล้ชิดมากขึ้น ทีมงานจึงต้องการเครื่องมือชั้นใหม่สำหรับการสังเกตการณ์ในยุคแรงงานดิจิทัล ซึ่ง Agentforce Command Center คือคำตอบ เครื่องมือนี้คือโซลูชันที่ช่วยให้ผู้นำองค์กรสามารถมองเห็นการทำงานของ AI Agents แบบครบวงจร ช่วยวิเคราะห์ วัดผล และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน Command Center ถูกพัฒนาขึ้นใน Agentforce Studio เพื่อเสริมความแข่งแกร่งให้ Agent ด้วยเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยให้เข้าใจและปรับปรุง Agent ได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกระดับ
· สังเกตุพฤติกรรมจากการตอบโต้เพื่อพัฒนาการทำงานของ AI Agent: Command Center ช่วยให้ทีมวิเคราะห์ทุกการโต้ตอบของ AI Agent เจาะลึกไปยังช่วงเวลาที่สำคัญ เข้าใจแนวโน้มการใช้งาน พร้อมแนะนำแนวทางปรับปรุงโดยใช้ AI ช่วย เพื่อพัฒนา Agentforce อย่างต่อเนื่อง
· ติดตามสถานะของ Agent และเข้าแทรกแซงได้แบบเรียลไทม์: ระบบจะให้ข้อมูลวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ ครอบคลุมทั้งเรื่องความหน่วงเวลา ความถี่ในการถูกยกระดับปัญหา และอัตราการเกิดข้อผิดพลาด พร้อมระบบแจ้งเตือนทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เพื่อให้ทีมสามารถดำเนินการแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว และทำให้ AI Agent ทำงานได้อย่างราบรื่น
· เข้าใจว่าจุดไหนได้ผล และจุดไหนควรปรับปรุง: Command Center มาพร้อมแดชบอร์ดแบบละเอียดที่วัดการตอบรับจากผู้ใช้ อัตราความสำเร็จ ต้นทุน และประสิทธิภาพตามหัวข้อสนทนา ของ Agent เพื่อให้ทีมงานสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอะไรที่กำลังได้ผลดี และจุดใดที่ยังต้องปรับปรุง
· มองเห็นการทำงานของ AI Agent ผ่านเครื่องมือที่ทีมงานใช้อยู่แล้ว: Agentforce บันทึกกิจกรรมทั้งหมดของ Agent ในรูปแบบข้อมูล session-tracing ที่ยืดหยุ่นและออกแบบมาโดยเฉพาะบน Data Cloud เพื่อสนับสนุนการวิเคราะห์ การตรวจสอบ และการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ ที่รองรับมาตรฐาน OpenTelemetry ข้อมูลจาก Agent จึงสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมือมอนิเตอร์ที่ทีมใช้อยู่แล้วได้อย่างราบรื่น เช่น Datadog, Splunk, Wayfound เป็นต้น เพื่อให้เห็นภาพรวมการทำงานแบบ end-to-end ครอบคลุมทั้งระบบ
· ส่งมอบ Command Center ที่ตั้งค่าได้ตามความต้องการของแต่ละทีม: ตรวจสอบ AI Agent ควบคู่กับทีมงานได้อย่างลงตัวในทุกขั้นตอนของการทำงาน เริ่มจาก Service Cloud ที่จะแสดงข้อมูลกิจกรรมของ Agent บนหน้าจอวอลบอร์ดแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้ควบคุมศูนย์บริการติดตามผลการทำงานและจัดการเรื่องเร่งด่วนได้รวดเร็ว และในอนาคต ทุกแผนกจะมี Command Center ที่สร้างมาเพื่อปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพ Agent ของตัวเอง
· สร้างและทดสอบ Agent ได้อย่างรวดเร็วด้วยเครื่องมือ AI: ใน Agentforce Studio ผู้ใช้งานสามารถป้อนภาษาที่มนุษย์ใช้ทั่วไปเพื่อสร้างหัวข้อ คำแนะนำ และกรณีทดสอบ จากนั้น Testing Center จะช่วยจำลองพฤติกรรมในวงกว้างด้วยการใส่สถานะจำลองเพื่อทดสอบปฏิกิริยา (State Injection) และการประเมินผลด้วย AI เพื่อให้สามารถทดสอบความพร้อมของ Agent ก่อนนำไปใช้งานจริงได้อย่างมั่นใจ
ไรอัน ทีเปิลส์ (Ryan Teeples) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี 1-800Accountant กล่าวว่า “Agentforce สามารถจัดการงานตอบแชทอัตโนมัติของ 1-800Accountant ได้ถึง 70% ในช่วงฤดูกาลยื่นภาษีที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ธุรกิจของเราคึกคักที่สุด ความสำเร็จในช่วงแรกนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เราได้วางรากฐานการใช้งานที่มั่นคงและเน้นพัฒนาประสบการณ์การใช้งาน Agentic AI รวมถึงระบบอัตโนมัติ AI ใหม่ ๆ ผ่านฟีเจอร์ล่าสุดของ Agentforce ด้วยการสังเกตการณ์ที่ละเอียด เราจึงเห็นว่าฟีเจอร์ไหนใช้ได้ผล ปรับปรุงทันที และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันได้อย่างมั่นใจ”
เชื่อมต่อระบบองค์กรอย่างปลอดภัยด้วย MCP และการสนับสนุน A2A: AI Agent จะไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีได้หากไม่สามารถใช้งานเครื่องมือสำคัญขององค์กรได้ โปรโตคอลมาตรฐานเปิดอย่าง Model Context Protocol (MCP) กำลังได้รับความนิยม มอบโอกาสในการเชื่อมต่อระหว่างระบบต่าง ๆ แต่ก็มีความท้าทายด้านการกำกับดูแล การยืนยันตัวตน และการควบคุม Agentforce 3 แก้ไขปัญหานี้ด้วยการรวมความปลอดภัยระดับองค์กรเข้ากับการเชื่อมต่อแบบเปิด ช่วยให้ Agent สามารถเข้าถึงเครื่องมือที่จำเป็นได้โดยไม่เสียความปลอดภัยหรือการควบคุม
· รองรับ MCP ในตัว Agentforce: Agentforce มาพร้อมไคลเอนต์ MCP ที่ฝังมาในระบบ ทำให้ Agentforce สามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับ MCP ได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเพิ่ม เปรียบเสมือน “USB-C สำหรับ AI” ที่ช่วยให้เข้าถึงเครื่องมือ คำสั่ง และทรัพยากรต่าง ๆ ภายใต้นโยบายความปลอดภัยที่มีอยู่แล้ว
ขยายศูนย์ AgentExchange ที่เป็นระบบนิเวศ AI Agent ชั้นนำ เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาและใช้งานเครื่องมือที่ออกแบบสำหรับ Agent: เมื่อองค์กรเริ่มนำ AI Agent ไปใช้งานในทีมต่าง ๆ AgentExchange ช่วยให้ง่ายต่อการติดตั้งเครื่องมือที่เชื่อถือได้ซึ่งสร้างขึ้นโดยพันธมิตร พร้อมทั้งมีเทมเพลตและฟังก์ชันที่ช่วยให้เกิดประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ลูกค้าจะสามารถค้นหาเซิร์ฟเวอร์ MCP จากพันธมิตรกว่า 30 ราย ซึ่งให้การเข้าถึงเครื่องมือและทรัพยากรของบุคคลที่สามที่เชื่อถือได้ และเชื่อมต่อกับ Agentforce ได้อย่างราบรื่นผ่านเกตเวย์ AI Agent ที่ปลอดภัย โดยพันธมิตร MCP ได้แก่ AWS, Box, Cisco, Google Cloud, IBM, Notion, PayPal, Stripe, Teradata, WRITER และอื่น ๆ
พัฒนาโครงสร้าง Agentforce ให้พร้อมใช้งานในองค์กรอย่างเต็มที่: ทุกฟีเจอร์ใหม่ใน Agentforce 3 ขับเคลื่อนด้วยระบบ Atlas รุ่นล่าสุดที่รองรับองค์กรได้เต็มรูปแบบ ด้วยความหน่วงเวลาที่ต่ำลง ความแม่นยำสูงขึ้น การใช้งานระดับโลกที่ครอบคลุม และทางเลือกในการควบคุมที่มากขึ้นผ่าน LLM รุ่นใหม่ที่โฮสต์บนโครงสร้างพื้นฐานของ Salesforce
· ขยายตัวเลือกโมเดลภาษาใหญ่ด้วย Anthropic: Agentforce รองรับโมเดล Claude Sonnet ของ Anthropic ซึ่งโฮสต์ผ่าน Amazon Bedrock โดยได้รับความเชื่อมั่นจาก Salesforce เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมที่มีข้อกำหนดเข้มงวด ในฐานะส่วนหนึ่งของความร่วมมือขยายนี้ Anthropic จะทำงานร่วมกับ Salesforce เพื่อช่วยให้ลูกค้าในอุตสาหกรรมที่ถูกควบคุมสามารถขยายการใช้งาน Agentforce ด้วย Claude ได้ และภายในปีนี้ Salesforce จะเปิดให้ลูกค้าใช้โมเดล Gemini ของ Google ใน Agentforce เพื่อเน้นย้ำตำแหน่งของ Agentforce ในฐานะผู้นำด้าน AI Agents ที่น่าเชื่อถือและมีความยืดหยุ่น
· ประสิทธิภาพที่รวดเร็วขึ้นและการสตรีมคำตอบ: ผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์ Agentforce ที่ตอบสนองได้ไวขึ้น ด้วยความหน่วงเวลาที่ลดลงถึง 50% จากเดือนมกราคม 2568 และฟีเจอร์สตรีมคำตอบที่พร้อมใช้งานในเวอร์ชันนี้ ช่วยให้ผู้ใช้เห็นคำตอบปรากฏขึ้นแบบเรียลไทม์
ความพร้อมใช้งานเฉพาะสำหรับแต่ละอุตสาหกรรมที่ครบครันตั้งแต่เริ่มใช้งาน ช่วยให้องค์กรในทุกอุตสาหกรรมสามารถสร้างผลลัพธ์จาก AI Agents ได้อย่างรวดเร็ว ด้วย Prebuilt Industry Actions กว่า 200 รายการ ซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นแอ็กชันใหม่ที่เปิดตัวในฤดูร้อนนี้ ครอบคลุมตั้งแต่การนัดหมายผู้ป่วย การสร้างข้อเสนอทางการตลาด การบริการยานพาหนะ และอื่น ๆ อีกมากมาย Agentforce 3 ยังมาพร้อมกับโครงสร้างราคาที่เรียบง่ายและยืดหยุ่นมากขึ้น โดยมี SKU ใหม่สำหรับ Agentforce ในกลุ่ม Sales, Service และ Industry Cloud ที่คิดราคาต่อผู้ใช้ และเปิดให้ใช้งานแอ็กชันได้ไม่จำกัดสำหรับ AI Agents ที่ทำงานร่วมกับพนักงาน ช่วยให้ทีมสามารถเริ่มต้นใช้งานได้อย่างรวดเร็วและขยายขีดความสามารถได้อย่างมั่นใจ
นำ Agenforce มาใช้และขยายขีดความสามารถได้อย่างมั่นใจด้วยผู้เชี่ยวชาญที่ไว้ใจได้: กลุ่มพาร์ตเนอร์ Salesforce เช่น Accenture, Deloitte Digital, NeuraFlash, PwC และอีกมากมาย ได้ให้การสนับสนุนลูกค้าในการติดตั้ง Agentforce มาแล้วหลายพันครั้ง พร้อมผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองกว่า 272,000 คนทั่วโลก ที่ช่วยให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และสนับสนุนการใช้งาน AI Agent อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยังคงรักษาการกำกับดูแลตามมาตรฐานขององค์กรไว้ครบถ้วน
อาธีนา คานิอูร่า (Ahina Kanioura) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และการเปลี่ยนแปลงองค์กร PepsiCo กล่าวว่า “การใช้ Agentforce ทำให้ PepsiCo ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงในเส้นทางของการใช้ agentic AI ด้วยการรวมข้อมูลเชิงลึกผ่าน Salesforce Data Cloud เราได้รับภาพรวมแบบองค์รวมของลูกค้าและการดำเนินงาน ซึ่งช่วยให้เราสามารถวางกลยุทธ์ที่ดีขึ้น เสริมสร้างความสัมพันธ์ และสร้างมูลค่าที่สูงขึ้นในทุกตลาดที่เราดูแล”
พร้อมใช้งานแล้ววันนี้:
· Agentforce 3
· ระบบวิเคราะห์การนำ Agentforce ไปใช้งาน (Adoption Analytics)
· การปรับปรุงศูนย์ทดสอบ (Testing Center)
· ฟีเจอร์สำเร็จรูปเฉพาะอุตสาหกรรมมากกว่า 100 รายการ
· SKU เสริมของ Agentforce ใหม่ พร้อมสิทธิ์ใช้งานฟีเจอร์สำหรับพนักงานแบบไม่จำกัด
· การให้บริการโฮสต์เซิร์ฟเวอร์ MCP ผ่าน Heroku
· ความเร็วในการประมวลผลและระบบแสดงผลแบบตอบสนองแบบเรียลไทม์ที่เพิ่มขึ้น
· การสืบค้นข้อมูลผ่าน Web Search สำหรับ Agentforce Data Libraries
· Agentforce สำหรับ Government Cloud Plus ด้วยระบบความปลอดภัยแบบ FedRAMP High Authorization
· การขยายการให้บริการไปยังประเทศแคนาดา สหราชอาณาจักร อินเดีย ญี่ปุ่น และบราซิล และการรองรับภาษาเพิ่มเติม 6 ภาษา ได้แก่ ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน สเปน ญี่ปุ่น และโปรตุเกส