

กรุงเทพฯ – รายงานฉบับใหม่จาก SiteMinder แพลตฟอร์มระดับโลกด้านการจัดจำหน่ายห้องพักและจัดการรายได้ของธุรกิจโรงแรม เผยว่า ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในปีหน้า โดยติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของตลาดสำคัญในภูมิภาคทั้งหมด โดยประเทศไทยติดอันดับ 5 ในหมู่นักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ (16%) อันดับ 8 ในหมู่นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย (12%) นักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซีย (12%) และนักท่องเที่ยวชาวจีน (6%) รวมถึงติดอันดับ 9 ในหมู่นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียอีกด้วย (7%) นอกจากนี้ ในหมวดเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม กรุงเทพฯ ติดอันดับ 6 ของนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ (13%) และอันดับ 7 ของนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย (10%)
รายงาน SiteMinder’s Changing Traveller Report 2026 เป็นการสำรวจด้านที่พักที่ใหญ่ที่สุดในโลก และได้ทำการสำรวจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวกว่า 12,000 คนจาก 14 ตลาดนักท่องเที่ยว อาทิประเทศไทย จีน ฝรั่งเศส อินเดีย สเปน สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ญี่ปุ่นยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในปี 2569 โดย 56% มีแผนเดินทางไปญี่ปุ่น ในขณะที่ 33% วางแผนไปเกาหลีใต้ 27% วางแผนไปจีน และอีก 13% วางแผนไปสิงคโปร์และไต้หวัน นอกจากนี้ 4 ใน 5 เมืองปลายทางยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวชาวไทยอยากไปมากที่สุดที่ญี่ปุ่น ได้แก่ โตเกียวที่ 42% โอซาก้าที่ 23% เกียวโตที่ 17% และภูเขาฟูจิที่ 16% โดยโซลเป็นเมืองเดียวที่อยู่นอกญี่ปุ่นและติด 5 อันดับแรกเมืองปลายทางยอดนิยมที่ 27%
ผลสำรวจนี้เกิดขึ้นในช่วงที่นักเดินทางทั่วโลก 49% ระบุว่า มีความต้องการที่จะเดินทางมากขึ้นในปี 2569 แม้จะมีความผันผวนด้านเศรษฐกิจ เหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ และปัญหาสภาพภูมิอากาศก็ตาม สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ความต้องการนี้สูงถึง 64% โดยมีเพียง 15% เท่านั้นที่บอกว่าความต้องการที่จะเดินทางลดลง

คุณสุภกฤษฎิ์ แผนสมบูรณ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท SiteMinder กล่าวว่า “รายงานล่าสุดของ SiteMinder นี้เป็นสัญญาณที่ดีมากเมื่อเรากำลังก้าวเข้าสู่ปีใหม่ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง การเห็นความต้องการที่จะเดินทางเพิ่มขึ้นและการที่ประเทศไทยยังคงเป็นที่จดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เป็นแรงผลักดันให้โรงแรมต้องเตรียมพร้อมเพื่อตอบสนองความคาดหวังที่สูงขึ้นของนักท่องเที่ยวยุคใหม่”
พฤติกรรมการเดินทางใหม่ ๆ จากแรงขับเคลื่อนในการเดินทางที่สูงขึ้น
ความต้องการเดินทางที่มากขึ้นส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวไทยปรับเปลี่ยนรูปแบบการวางแผนในปีหน้า โดย 38% ระบุว่าจะจองที่พักล่วงหน้ามากขึ้น และ 31% เลือกพักใกล้บ้านมากขึ้น ซึ่งสูงที่สุดเมื่อเทียบกับทุกประเทศในการสำรวจ รวมถึงอีก 32% ที่จะใช้จ่ายน้อยลงเพื่อยืดหยุ่นงบการท่องเที่ยวให้มากขึ้น
ในขั้นตอนการค้นหาและจองที่พัก กว่า 27% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยเริ่มจาก OTA ขณะที่ 13% เริ่มต้นจากบล็อกท่องเที่ยวออนไลน์ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดในโลก สำหรับช่องทางการจองที่พัก OTA ยังคงครองอันดับหนึ่งที่ 47% ตามด้วยเครื่องมือค้นหาที่ 22% และการจองตรงผ่านเว็บไซต์ โทรศัพท์ หรืออีเมลของโรงแรมที่ 20%
ในด้านประเภทห้องพัก Standard Room (ห้องพักมาตรฐาน) ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ 58% สูงที่สุดในนักท่องเที่ยวทุกประเทศ ตามด้วยห้อง Superior 24% และ Deluxe 12% ในส่วนของประเภทที่พัก คนไทยมีแนวโน้มเลือก Bed & Breakfast สูงที่สุดในโลกที่ 21%
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวชาวไทย:
คุณสุภกฤษฎิ์กล่าวเสริมว่า “ไม่ว่าจะเป็นการเห็นด้วยกับการปรับราคาตามดีมานด์ หรือการลงทุนกับประสบการณ์ที่น่าจดจำ นักท่องเที่ยวชาวไทยกำลังเปิดรับมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับการวางแผนที่พักและประสบการณ์ในโรงแรม เพื่อใช้เวลาในปี 2569 ให้คุ้มค่าที่สุด และเมื่อเทคโนโลยีกลายเป็นหัวใจสำคัญ ตั้งแต่ AI ไปจนถึงการปรับแต่งประสบการณ์ด้วยข้อมูล โรงแรมที่สามารถคาดการณ์และตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้ จะเป็นผู้ที่ดึงดูดและสร้างความประทับใจให้ผู้เข้าพักในปีหน้าได้ดีที่สุด”
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับรายงาน Changing Traveller Report 2025 ของ SiteMinder ได้ที่นี่
เกี่ยวกับ SiteMinder
SiteMinder Limited (ASX:SDR) เป็นบริษัทภายใต้ SiteMinder ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่จะเข้ามาช่วยขยายฐานลูกค้า รวมถึงปลดล็อกศักยภาพในการสร้างรายได้เต็มรูปแบบให้กับโรงแรม และ Little Hotelier ซึ่งเป็นระบบการจัดการที่พักแบบครบวงจรที่จะช่วยให้การทำงานของผู้ให้บริการที่พักรายย่อยง่ายขึ้น โดยบริษัทระดับโลกมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ซิดนีย์ และยังมีสำนักงานในกรุงเทพฯ บาร์เซโลนา เบอร์ลิน ดัลลาส กัลเวย์ ลอนดอน มะนิลา เม็กซิโกซิตี และปูเณ และด้วยเทคโนโลยี รวมถึงระบบเครือข่ายพาร์ทเนอร์และพันธมิตรที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมโรงแรมระดับโลก ทำให้ SiteMinder สามารถสร้างรายได้จากการจองมากกว่า 130 ล้านครั้ง มูลค่ากว่า 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับลูกค้าโรงแรมในแต่ละปี สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่ siteminder.com
ทราเวลโลก้า (Traveloka) แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประกาศการเป็นหนึ่งในผู้จัดจำหน่ายบัตรล่องเรือสำราญ Disney Cruise Line ในประเทศไทย
หลังจากการเปิดตัวเส้นทางการล่องเรือสำราญสุดหรูนี้ในเอเชียที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน เรือ Disney Adventure ประกาศกำหนดการเตรียมมาเทียบท่าที่สิงคโปร์ ประเทศเพื่อนบ้าน และเริ่มออกเดินทางในปี 2568 มอบโอกาสให้ผู้โดยสารจากประเทศไทยได้สัมผัสกับมนต์เสน่ห์และความมหัศจรรย์ของโลกดิสนีย์กลางมหาสมุทร พร้อมนำเสนอเมนูอาหารในธีมดิสนีย์อันเป็นเอกลักษณ์และกิจกรรมหลากหลายที่น่าสนใจ นับเป็นการเดินทางสุดแสนพิเศษที่น่าจดจำและเหมาะสำหรับผู้โดยสารทุกช่วงวัย
ซีซาร์ อินทรา (Caesar Indra) ประธานบริษัททราเวลโลก้า กล่าวว่า “การเปิดตัวเรือสำราญดิสนีย์ลำแรกในเอเชีย ถือเป็นโอกาสใหม่ที่น่าตื่นเต้นสำหรับผู้ชื่นชอบการเดินทางที่จะได้สัมผัสโลกแห่งการผจญภัย โดยผู้ใช้งานจากประเทศไทยสามารถเริ่มลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสารบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของทราเวลโลก้า และรอดื่มด่ำไปกับประสบการณ์อันน่าหลงใหลของการล่องเรือดิสนีย์กับเราได้ก่อนใคร ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนแบบครอบครัว แบบคู่รัก หรือแนวผจญภัย ทราเวลโลก้ามุ่งมั่นที่จะมอบสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายและเติมเต็มความฝันให้ลูกค้าของเราในช่วงวันหยุด การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญต่อภารกิจของเราในการยกระดับการเดินทางให้แก่ลูกค้า เมื่อไหร่ที่ Disney Adventure เปิดให้จองตั๋วในประเทศไทย ทราเวลโลก้าพร้อมมอบแพ็กเกจหลากหลายที่ไม่ควรพลาดทันที รวมถึงแพ็กเกจ Fly-Cruise สุดพิเศษสำหรับวันหยุดพักผ่อนในสิงคโปร์ที่มาคู่กับการล่องเรือ Disney Adventure และตัวเลือกอีกมากมาย ที่จะทำให้ลูกค้าทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครและตอบโจทย์ทุกความต้องการอย่างเต็มที่”
อโกด้า แพลตฟอร์มการเดินทางออนไลน์ นำฐานข้อมูลการค้นหาของลูกค้ามาต่อยอดทางการตลาดเพื่อเปิดช่องทางใหม่ให้โรงแรมและพาร์ทเนอร์ที่พักเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ด้วยการสร้างหน้าเพจพิเศษ (Landing Page) ที่ตอบโจทย์การค้นหาที่พักในธีมที่ได้รับความนิมยมในหมู่นักเดินทาง
อโกด้าใช้ฐานข้อมูลเชิงลึกที่มีสร้างหน้าเพจ “ที่พักที่ใช่ในสไตล์ที่ชอบ” ตอบโจทย์นักเดินทางในประเทศไทย ด้วย 16 ธีมที่จัดมาให้ตรงใจนักเดินทาง โดยธีมเหล่านี้มีตัวเลือกหลากหลายตามงบท่องเที่ยวและความสนใจของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเกาะส่วนตัว วิลลาติดทะเล บังกะโลริมชายหาด ที่พักสำหรับครอบครัวและเป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยง โดยแต่ละหน้าเพจจะมีรายชื่อที่พักที่ทางผู้เชี่ยวชาญของอโกด้าคัดสรรมาอย่างดี ตัวเลือกที่คัดมาให้ตรงกับความสนใจเหล่านี้จะช่วยให้นักเดินทางวางแผนท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้น ได้รับประสบการณ์ท่องเที่ยวตรงใจ และพร้อมออกเดินทางเสมอ นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสอันดีสำหรับโรงแรมและผู้ให้บริการที่พักในการเข้าถึงลูกค้าที่พร้อมจองได้มากขึ้นด้วย
คุณ Pierre Honne, ผู้อำนวยการอาวุโสของอโกด้าประจำประเทศไทย เผยว่า “นักท่องเที่ยวหลายคนมีเป้าหมายชัดอยู่แล้วว่าวันหยุดอยากไปเที่ยวแบบไหน เราจึงจัดทำหน้าเพจพิเศษนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยให้นักเดินทางเหล่านี้หาโรงแรมดีๆ โดนใจได้อย่างง่ายดาย โดยเราแบ่งหมวดหมูให้เสร็จสรรพ เช่น ที่พักที่ต้อนรับสัตว์เลี้ยง หรือโรงแรมมีดาดฟ้าในกรุงเทพฯ สำหรับพาร์ทเนอร์ที่พัก การใช้หน้าเพจพิเศษยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่อโกด้าช่วยสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจและขยายฐานลูกค้าให้ที่พัก”
การปล่อยหน้าเพจใหม่ในครั้งนี้ตอกย้ำว่าอโกด้าเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและใช้สิ่งนี้สนับสนุนพาร์ทเนอร์ที่พักเพื่อการเติบโตทางธุรกิจ โดยรวบรวมข้อมูลเชิงลึกซึ่งอ้างอิงจากรูปแบบการค้นหาที่พักของลูกค้าในปัจจุบัน
“หน้าเพจใหม่นี้ไม่ใช่แค่ตัวช่วยในการค้นหาที่พักแบบเจาะจงตรงใจสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ยังเปิดช่องทางใหม่ให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้มองเห็นและเข้าถึงโรงแรมและผู้ให้บริการที่พักเพิ่มขึ้นด้วย หน้าเพจที่จัดทำขึ้นพิเศษตามธีมนี้ ทำหน้าที่เหมือนสะพานเชื่อมที่พักกับผู้บริโภคที่มีเป้าหมายแน่ชัดว่าต้องการอะไรให้มาเจอกัน” คุณ Pierre กล่าวแถมท้ายว่า “ด้วยการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือวิเคราะห์และเก็บข้อมูลเชิงสถิติของผู้เข้าเว็บไซต์ซึ่งเป็นงานถนัดของอโกด้า โรงแรมและที่พักจึงมีโอกาสที่จะตามเทรนด์การท่องเที่ยวล่าสุดได้สูงและมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”
โรงแรมและที่พักสามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับหน้าเพจพิเศษนี้ได้กับเจ้าหน้าที่ Account Manager ของอโกด้าที่ดูแลที่พักของตน
อโกด้าจะเปิดตัวหน้าเพจที่นำเสนอที่พักตามธีมทางลิงก์เหล่านี้
1. เกาะส่วนตัว - agoda.com/privateislandth
2. วิลลาติดทะเล - agoda.com/seasidevillas
3. บังกะโลริมชายหาด - agoda.com/beachcabanas
4. วิลลาติดทะเลสำหรับครอบครัว - agoda.com/familybeachvillas
5. ที่พักริมทะเลราคาประหยัด - agoda.com/budgetfriendlybeach
6. หมู่บ้านชาวเขา - agoda.com/hilltribevillageth
7. เกสต์เฮาส์แบบดั้งเดิม - agoda.com/traditionalguesthouseth
8. ที่พักในย่านประวัติศาสตร์เชียงใหม่ - agoda.com/historicchiangmai
9. โรงแรมบูติกในกรุงเทพ - agoda.com/boutiquehotelsbangkok
10. เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในกรุงเทพ - agoda.com/servicedapartmentsbangkok
11. โรงแรมมีดาดฟ้าในกรุงเทพ - agoda.com/bangkokrooftophotels
12. ที่พักบรรยากาศโรแมนติก - agoda.com/romanticgetawayth
13. ที่พักต้อนที่ยินดีต้อนรับสัตว์เลี้ยง - agoda.com/petfriendlyth
14. ที่พักเหมาะกับครอบครัว - agoda.com/familyfriendlyth
15. รีสอร์ตวิวภูเขา - agoda.com/mountainviewretreatsth
16. ที่พักมีสไลต์นอกเมืองใหญ่ - agoda.com/uniquethaicountryside
โรงแรมม็อกซี่ แบงคอก ราชประสงค์ ขอมอบประสบการณ์ใหม่ การเข้าพักแบบไลฟ์สไตล์ชิล ๆ ด้วยห้องพักสุดเก๋ในราคาสุดคุ้ม เข้าเช็กอินที่บาร์สุดชิค รับโบนัสพอยต์ Marriott Bonvoy สูงสุดถึง 5,000 พอยต์ต่อคืน! เริ่มต้นเพียง 3,400++ บาทต่อคืนเท่านั้น
พิเศษยิ่งกว่า! พักผ่อนสบายกว่าเดิมถึง 24 ชั่วโมง แบบเอาใจชาว fun-hunters ที่ไม่ว่าจะปาร์ตี้ดึก หรือเที่ยวหนักแค่ไหน ก็ชิลได้แบบไม่ต้องรีบเช็กเอาต์! มาปลดล็อกความสนุก รับดีลสุดคุ้ม Get Your Moxy On! ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 พฤษภาคม 2567 โดยสามารถสมัครเป็นสมาชิก Marriott Bonvoy วันนี้ เพื่อรับสิทธิพิเศษก่อนใคร และสามารถจองห้องพักได้ที่ moxybangkokratchaprasong.com และอีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ชิลคูณสอง เอาใจสายกิน ดื่ม ชิล ในโรงแรม กับโปรโมชันอิ่มท้อง Munch & Match ชวนจับคู่เมนูเครื่องดื่มซ่าส์ ๆ จากเมนู Never Go Out of Style กับกองทัพอาหารจานเด็ดจาก Moxy All-Day Selection ที่สามารถอิ่มอร่อยได้ทั้งวัน สนุกกับการลิ้มลองรสชาติอาหารฟิวชั่นแบบใหม่ในสไตล์ม็อกซี่ กับการดึงวัตถุดิบและกลิ่นอายความเป็นอาหารไทย 4 ภาค มายกระดับให้อาหารที่ม็อกซี่ แบงคอก ราชประสงค์ ไม่เหมือนใคร ทั้งรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และงานศิลปะบนจานอาหารที่จะมาสร้างความประทับใจแบบไม่รู้ลืม อาทิ เมนู CAT OR FISH การนำปลาดุกสายพันธุ์ไทยมาผ่านกรรมวิธี Dry Aged ก่อนจะนำมาย่างไฟหอม ๆ พร้อมทาซอสสูตรพิเศษ เสิร์ฟคู่กับสลัดผักสะเดา น้ำสลัดน้ำปลาหวาน ออนท็อปด้วยหอมเจียวกรอบ ๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมนูอาหารไทยอย่างปลาดุกย่างสะเดาน้ำปลาหวาน และเมนูอื่น ๆ อีกมากมาย ด้วยโปรโมชัน Munch & Match เพียง 399++ บาทเท่านั้น! ตั้งแต่วันนี้ - 30 เมษายน 2567 ที่ Moxy Bar & Restaurant ชั้น 9 โรงแรมม็อกซี่ แบงคอก ราชประสงค์ ตั้งแต่เวลา 10:30 - 1:00 (เปิดทุกวัน) หรือติดต่อโรงแรมเพื่อจองโต๊ะล่วงหน้าโทร 02 209 5999
*ข้อกำหนดและเงื่อนไขเป็นไปตามที่โรงแรมกำหนด
YouTrip (ยูทริป) ผู้ให้บริการดิจิทัลวอลเล็ตรองรับหลายสกุล (Multi-currency wallet) ประกาศความสำเร็จจากการระดมเงินทุนรอบ Series B คว้าเงินลงทุนมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.84 พันล้านบาท นำโดย Lightspeed บริษัท Venture Capital ชั้นนำระดับโลก ที่ลงทุนใน Grab, Snap, OYO Rooms เป็นต้น จากความสำเร็จในการระดมทุนครั้งนี้ส่งผลให้ YouTrip มียอดระดมทุนมากกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3.68 พันล้านบาท นับตั้งแต่เปิดให้บริการเป็นต้นมา
เงินทุนใหม่นี้จะนำไปใช้เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในด้านเทคโนโลยีของบริษัทให้ดียิ่งขึ้น สร้างผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมการชำระเงินที่ตอบโจทย์การใช้งานที่สะดวกสบายและไร้รอยต่อ รวมถึงการขยายทีมเพิ่มอีกกว่าหนึ่งร้อยคนเพื่อเตรียมความพร้อมในการขยายการให้บริการไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม

นางสาวซีซีเลีย ชู ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ YouTrip กล่าวว่า “YouTrip เปิดตัวและเริ่มให้บริการในปี 2561 ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนที่ต้องการมอบประสบการณ์ใช้จ่ายสกุลเงินต่างประเทศที่สะดวกสบายให้ทุกคนสามารถใช้จ่ายได้คุ้มค่ายิ่งขึ้น แม้จะมีการแพร่ระบาดโควิด-19 เรายังคงเติบโตอย่างก้าวกระโดดและกลายเป็นผู้นำด้านการชำระเงินระหว่างประเทศสำหรับลูกค้าบุคคลภายใต้บริการ YouTrip และลูกค้าธุรกิจภายใต้บริการ YouBiz ในภูมิภาคนี้”
“การระดมทุนรอบล่าสุดถือเป็นการระดมทุนครั้งใหญ่ที่สุดของ YouTrip ตอกย้ำถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งของเราในด้านการชำระเงินระหว่างประเทศ เรามั่นใจว่าบริการของเราที่เข้าถึงได้ง่าย สะดวกสบาย จะตอบโจทย์ผู้ใช้งานหลายล้านคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจะทำให้การชำระเงินระหว่างประเทศเติบโตมากยิ่งขึ้น” นางสาวซีซีเลีย ชู กล่าวเสริม
เร่งการเติบโตในยุคทองของดิจิทัลวอลเล็ต
ด้วยการใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศของผู้บริโภคในประเทศไทยและสิงคโปร์ที่เติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงสองปีที่ผ่านมาจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ และการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ ส่งผลให้ฐานลูกค้าของ YouTrip เติบโตขึ้นสามเท่า ยอดการทำรายการทั่วโลกเติบโตขึ้นสี่เท่า และกลายเป็นตัวเลือกหลักในการใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศ
![]()
นางสาวจุฑาศรี คูวินิชกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง YouTrip ประเทศไทย กล่าวว่า “การปิดการระดมทุน Series B ของ YouTrip ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัท และเป็นก้าวที่น่าตื่นเต้นสำหรับลูกค้าชาวไทย เพราะนอกเหนือจากการรีเฟรชแบรนด์ปรับโฉมของ YouTrip ให้ทันสมัยแต่ยังคงตอบโจทย์ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีและความปลอดภัยในการใช้จ่ายแบบไร้เงินสดในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ด้วยเงินลงทุนนี้ เราจะนำมาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์และขยายการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าชาวไทย”
นอกจาก YouTrip แล้ว ทางด้านผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าธุรกิจ YouBiz ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริหารจัดการบัตรองค์กร (corporate card) และการใช้จ่ายสำหรับ SMEs ในสิงคโปร์ก็เติบโตขึ้นอย่างมากเช่นกัน โดยตั้งแต่เปิดตัวให้บริการในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ภายในปีแรก YouBiz ได้ให้บริการแก่องค์กรต่างๆ มากกว่า 3,000 แห่ง และตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนเป็นสองเท่าภายในปี 2567 อีกด้วย
ขนาดของเงินลงทุนจาก Lightspeed เป็นการแสดงออกถึงความมั่นใจในความสามารถของ YouTrip ในการนำเสนอนวัตกรรมและโซลูชันที่เหมาะสมกับตลาดในแต่ละประเทศ และทีมผู้บริหารที่สามารถสร้างแผนธุรกิจที่สามารถขยายตัวและเติบโตได้สูงสอดรับกับศักยภาพของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นางสาวพัชร ล้อจินดากุล นักลงทุนจาก Lightspeed กล่าวว่า “จากประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับปัญหาของระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ ตอกย้ำความเชื่อมั่นของเราในสิ่งที่ YouTrip สร้าง บริการดิจิทัลวอลเล็ตและระบบชำระเงินรองรับหลายสกุลที่ช่วยให้ผู้ใช้งานทุกคนได้รับประสบการณ์ในการใช้เป็นจ่ายสกุลเงินต่างๆที่ดียิ่งขึ้น ประหยัด สะดวก และปลอดภัย เรารู้สึกตื่นเต้นกับวิสัยทัศน์และแนวคิดทางธุรกิจที่มีความลึกซึ้ง และพร้อมที่จะร่วมมือกับ YouTrip ในช่วงต่อไปของการเติบโตและขยายตลาดไปยังประเทศต่างๆ”
ผลักดันนวัตกรรมด้านการชำระเงินสำหรับลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ
ทุกวันนี้ระบบดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในทุกภาคส่วนในชีวิตประจำวันรวมถึงการใช้จ่าย ทำให้ผู้คนในภูมิภาคอาเซียนแสวงหาบริการทางการเงินที่ให้ความสะดวกสบายและมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น YouTrip จะเพิ่มการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้วยเทคโนโลยี Artificial Intelligence (ระบบ AI) และเทคโนโลยีใหม่อื่นๆ เพื่อนำเสนอบริการที่เจาะจงเฉพาะบุคคลมากขึ้น เช่น การกำหนดงบประมาณอัจฉริยะและข้อมูลเชิงลึกทางการเงินที่ปรับแต่งเองได้ และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง
YouTrip ยังวางแผนที่จะขยายบริการเพื่อช่วยให้ SMEs เติบโตข้ามประเทศในเศรษฐกิจดิจิทัลได้เร็วขึ้น ซึ่งรวมไปถึงการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานธุรกิจ และการนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ เช่น วงเงินสินเชื่อ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของธุรกิจในขณะที่ขยายตัวและเติบโต
YouTrip เป็นผู้บุกเบิกรายแรกในอุตสาหกรรมฟินเทคและการชำระเงินดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียน ที่นำเสนอบริการดิจิทัลวอลเล็ตรองรับหลายสกุลที่ให้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีมากกว่า 150 สกุลเงิน ไม่มีค่าธรรมเนียมทุกการใช้จ่าย ประหยัด ใช้จ่ายสะดวกสบายไร้รอยต่อยิ่งขึ้น โดยก่อตั้งขึ้นในประเทศสิงคโปร์ก่อนจะขยายการให้บริการมายังประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายน 2562 โดยร่วมมือกับ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) YouTrip เป็นผู้นำตลาดด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ การรีเฟรชแอป YouTrip 2.0 และฟีเจอร์ใหม่บนแอป YouBiz 2.0 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้งาน
นอกจากนี้ YouTrip ยังได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม โดยได้รางวัลบริษัท FinTech ยอดเยี่ยม อาทิ Most Innovative FinTech Company in Southeast Asia, Best Multi-Currency Mobile Wallet Provider in Asia และ Best SME Finance Management Platform จาก APAC Insider’s 2023 Singapore
Business Awards เร็วๆ นี้ YouTrip ยังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพอันดับต้นๆ ในสิงคโปร์จาก LinkedIn เครือข่ายมืออาชีพบนอินเทอร์เน็ต ตอกย้ำสถานะของบริษัทในฐานะบริษัทฟินเทคชั้นนำในภูมิภาคอีกด้วย