ศึกษา-สื่อสาร-ส่งต่อ  ช่วยลดความขัดแย้ง เพิ่มประสิทธิภาพการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นอย่างยั่งยืน

KBank Private Banking (เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง) ชี้ภาคธุรกิจทั่วโลกเร่งปรับตัว รับมือกฎเกณฑ์ที่ เข้มงวดขึ้นจากภาวะโลกเดือด และความแปรปรวนด้านสภาพอากาศที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ปีนี้สัมผัสถึงความร้อนระอุได้มากกว่าทุกปี อย่างไรก็ดี ช่วงจังหวะการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนนี้นับเป็นโอกาสสำคัญให้นักลงทุนคัดสรรธุรกิจที่พร้อมจะเติบโตอย่างยั่งยืน มาเริ่มลงมือทำเพื่อโลกที่ดีขึ้น พร้อมรับผลตอบแทนที่ดีไปพร้อมๆ กัน ผ่าน 3 กองทุนโดย KAsset (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด) ได้แก่ K-PLANET และ K-TNZ-ThaiESG ด้วยความร่วมมือด้านการลงทุนเพื่อความยั่งยืนกับลอมบาร์ด โอเดียร์ (Lombard Odier) พาร์ทเนอร์ระดับโลกจากสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึง K-CHANGE โดยทั้ง 3 กองทุนเน้นลงทุนในธุรกิจที่มุ่งมั่นเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่โลกที่ยั่งยืน และมีผลลัพธ์ในการลดผลกระทบต่อโลกได้อย่างแท้จริง  

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า “ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ที่คนไทยทุกคนน่าจะสัมผัสได้ถึงความร้อนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงฤดูร้อนของปีนี้ ผลมาจากที่อุณหภูมิเฉลี่ยโลกที่สูงขึ้นจนปีที่ผ่านมาเข้าสู่ ‘ภาวะโลกเดือด’ ทำให้ทุกภาคส่วนทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยต่างให้ความสำคัญ และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อชะลอการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก สะท้อนได้จากความร่วมมือของผู้นำกว่า 130 ประเทศที่ลงนามในสัญญาปฏิญญา COP28 UAE ว่าด้วยการเกษตร อาหาร และสภาพภูมิอากาศ และการตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Target Net Zero) จึงทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวตามกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เข้มงวดขึ้น KBank Private Banking ในฐานะผู้ให้คำแนะนำด้านการลงทุน ที่มองว่านักลงทุนเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้จริง ที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจชั้นนำระดับโลก ชี้โอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน พร้อมๆ กับช่วยโลกไปด้วยแนะนำกองทุนรวมที่ลงทุนในธุรกิจที่เน้นลงทุนในธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งนักลงทุนที่สนใจสามารถเริ่มต้นลงทุนเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับโลกผ่าน 3 กองทุน ได้แก่

  • กองทุน K-PLANET ที่ลงทุนในหุ้นธุรกิจทั่วโลกที่มีศักยภาพกว่า 40-50 หุ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ซึ่งมี 3 ธีมหลัก คือ ระบบพลังงาน เน้นลงทุนบริษัทด้านพลังงานสะอาดที่ดีต่อโลก ระบบพื้นดินและมหาสมุทร ลงทุนในบริษัทที่มุ่งลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม และระบบวัสดุ ลงทุนในบริษัทที่มุ่งพัฒนาให้เกิดการใช้วัสดุน้อยลงทั้งระบบ
  • K-TNZ-ThaiESG ลงทุนธุรกิจชั้นนำของไทยที่ให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อโลกและความยั่งยืน ในอุตสาหกรรมเสาหลักของประเทศ โดยเน้นให้น้ำหนักในหุ้น ESG ในดัชนี SET 100 ที่มีส่วนช่วยในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero โดยบริหารผ่านโมเดลที่ได้รับองค์ความรู้จากลอมบาร์ด โอเดียร์ (Lombard Odier)
  • K-CHANGE ลงทุนในหุ้นเติบโตสูงทั่วโลกที่ดำเนินธุรกิจซึ่งส่งผลบวกต่อสังคม และการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นใน 4 ด้าน ได้แก่ ความครอบคลุมทางสังคมและการศึกษา 2. ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม 3. การดูแลสุขภาพและคุณภาพชีวิต 4. การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางสังคม โดยจะลงทุนผ่านกองทุนหลัก Baillie Gifford Positive Change Fund - Class B accumulation (GBP)

เมื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลกไม่ได้เปลี่ยนแค่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลก ดังนั้นการลงทุนในภาคธุรกิจชั้นนำในแต่ละอุตสาหกรรมที่เริ่มปรับตัวเพื่อรับมือกับผลกระทบ ถือเป็นอีกแนวทางในการแก้ปัญหาที่นักลงทุนสามารถลงมือทำได้ตั้งแต่วันนี้เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่งคั่งและยั่งยืนไปพร้อมกัน


คำเตือน

  • ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
  • กองทุน K-PLANET ป้องกันความเสี่ยงจาก อัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
  • กองทุน K-CHANGE ป้องกันความเสี่ยงจาก อัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ
  • เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจาก อัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจาก อัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
  • สนใจลงทุนและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ kasikornasset.com

 

พร้อมชี้โอกาสของนักลงทุนจากการเปลี่ยนแปลง จากงาน ‘RETHINK SUSTAINABILITY: A Call to Action for Thailand’ โดยธนาคารกสิกรไทย เคแบงก์ ไพรเวทแบงก์กิ้ง ร่วมกับลอมบาร์ด โอเดียร์

ธนาคารกสิกรไทยเดินหน้าลดก๊าซเรือนกระจกทุกมิติมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ปรับการดำเนินงานภายในองค์กรสู่การผลักดันผลิตภัณฑ์และบริการลดคาร์บอน ล่าสุดเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือรถ EV Currency Exchange นำร่องใช้งานจริงแล้วในกรุงเทพฯ และภูเก็ต นอกจากนี้ ยังช่วยให้ลูกค้าของธนาคารได้มีส่วนร่วมในการรักษ์โลกได้ง่ายขึ้น ด้วยการจัดทำบัตรเครดิต/เดบิตที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล พร้อมทยอยเปลี่ยนบัตรกว่า 20 ล้านใบให้ครบทั้งหมดภายใน 7 ปี ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้ 770 ตันคาร์บอนฯ หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 51,333 ต้น

นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยตระหนักถึงความสำคัญเร่งด่วนในการแก้ปัญหาโลกร้อน จึงเดินหน้านโยบายและปรับการดำเนินงานต่างๆ ภายในองค์กร รวมถึงส่งเสริมให้คนไทยเข้าถึงไลฟ์สไตล์กรีนเพื่อมุ่งสู่ Net Zero Commitment ตามที่ธนาคารได้ประกาศไว้เมื่อปี 2564 โดยด้านการดำเนินงานเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกภายในองค์กรเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา ได้มีการเปลี่ยนรถยนต์ของธนาคารจากรถยนต์สันดาปเป็นรถยนต์ไฟฟ้าไปแล้วจำนวน 175 คัน และจะทยอยเปลี่ยนจนครบทั้งหมดภายในปี 2573 มีการทยอยติดตั้งแผงโซลาร์ในอาคารสำนักงานหลักและสาขา โดยตั้งเป้าติดตั้งให้ครบทุกสาขาที่มีศักยภาพในการติดตั้งจำนวน 278 แห่ง ภายใน 2 ปี การปรับเปลี่ยนไปใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปรับกระบวนการทำงานและการให้บริการของธนาคารไปสู่ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น และให้ความสำคัญกับการจัดการขยะในอาคารสำนักงานหลักเพื่อลดปริมาณขยะที่ไปสู่หลุมฝังกลบเป็นศูนย์ รวมทั้งส่งเสริมพนักงานและบุคลากรของธนาคารให้มีความรู้และเกิดพฤติกรรมที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ธนาคารยังมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการรักษ์โลกได้ง่ายขึ้น ผ่านการใช้บริการของธนาคารที่ใส่ใจเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทยได้เปิดตัวนวัตกรรมบริการที่มีเป้าหมายช่วยลดก๊าซเรือนกระจก 2 โครงการ เป็นธนาคารแรกในไทย ได้แก่ การพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือรถ EV Currency Exchange และการจัดทำและเปลี่ยนบัตรเครดิตและบัตรเดบิตเป็นบัตรที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล ซึ่งทั้งสองโครงการได้พัฒนาสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย และมีการนำไปให้บริการจริงแล้ว

สำหรับรถ EV Currency Exchange เป็นรถแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ขับเคลื่อนได้สูงสุด 120 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และใช้แบตเตอรี่ที่ได้พลังงานจากแผงโซลาร์ที่ติดตั้งบริเวณหลังคารถสำหรับการให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราในรถได้ต่อเนื่องสูงสุด 10 ชั่วโมงโดยไม่ต้องเสียบปลั๊กไฟ ปัจจุบันนำร่องเพิ่มความสะดวกสบายในการให้บริการแลกเงินแก่นักท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเริ่มที่ จ.ภูเก็ต เป็นจังหวัดแรก และมีแผนขยายจำนวนรถให้ครอบคลุมมากขึ้นในอนาคต

ด้านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตธนาคารกสิกรไทย มีการเปลี่ยนมาใช้บัตรที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล ซึ่งช่วยลดการผลิตเม็ดพลาสติกใหม่ สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ใบละ 42 กรัมคาร์บอนฯ หรือลดลง 62% จากการใช้วัสดุแบบเดิม โดยเริ่มมีการทยอยนำบัตรแบบใหม่นี้มาใช้ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2566 ให้แก่ลูกค้าที่ออกบัตรใหม่ บัตรทดแทน และบัตรต่ออายุ ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถเปลี่ยนบัตรกว่า 20 ล้านใบได้ครบทั้งหมดภายใน 7 ปี ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 770 ตันคาร์บอนฯ เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 51,333 ต้น

นายพิพิธกล่าวตอนท้ายว่า ในปี 2567 ธนาคารยังคงเดินหน้าผลักดันลูกค้าให้ร่วม GO GREEN Together อย่างต่อเนื่อง ด้วยการสนับสนุนเงินทุน องค์ความรู้ และการพัฒนา Innovation ใหม่ๆ รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้าง Green Ecosystem ให้เกิดขึ้นจริง และร่วมกันพาประเทศสู่ Net Zero อย่างยั่งยืนต่อไป

ผู้ที่สนใจร่วมรักษ์โลกไปกับธนาคารสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครใช้บริการ ได้ที่

 

Page 1 of 4
X

Right Click

No right click