November 08, 2024

สมาคมผู้จัดพิมพ์ และผู้จำหน่ายหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (PUBAT) เผยคนไทยอ่านหนังสือมากขึ้นเฉลี่ย 113 นาทีต่อคนต่อวัน ล่าสุดในปี 2566 มูลค่ารวมของตลาดหนังสือมีความหวังฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ในระดับประมาณ 17,000 ล้านบาท จากปัจจัยราคาหนังสือต่อเล่มที่สูงขึ้นประมาณ 30% หลังวิกฤตโควิด ทางภาคเอกชน ‘เคทีซี’ เดินหน้าร่วมมือกับพันธมิตรร้านค้าหนังสือ สํานักพิมพ์ชั้นนําทั่วประเทศ จัดแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อแบ่งเบาภาระ และมอบโปรโมชันในมหกรรมงานหนังสือทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด หวังสนับสนุนคนไทยรักการอ่านและขยายฐานกลุ่มสมาชิกบัตรฯ ให้อ่านหนังสือเพิ่มมากขึ้น 

นายสุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์ และผู้จำหน่ายหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้ร่วมกับคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำรวจนักอ่าน 1,500 คน ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงผู้สูงวัย พบว่า ตอนนี้คนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ย 113 นาทีต่อคนต่อวัน โดยกลุ่มผู้สูงวัยเป็นกลุ่มที่ชื่นชอบการอ่านหนังสือมากที่สุดและนิยมอ่านในช่องทาง E – Book เพราะสามารถขยายตัวหนังสือสำหรับการอ่าน และมีระบบอ่านออกเสียงได้ ส่วนกลุ่มมนุษย์เงินเดือนวัยทำงานเป็นกลุ่มที่อ่านหนังสือน้อยที่สุดเนื่องจากมีภาระหน้าที่การงาน ทำให้ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ โดย 5 อันดับประเภทหนังสือยอดนิยมจะเป็น การ์ตูน นิยาย จิตวิทยา How to ให้กําลังใจ และธรรมะ ตามลำดับ  

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมธุรกิจหนังสือเคยมีมูลค่าตลาดสูงที่สุดประมาณ 25,000 ล้านบาทในปี 2557 ก่อนที่จะลดมูลค่าลงจนถึงจุดต่ำที่สุดประมาณ 12,000 ล้านบาทในปี 2563 จากการถดถอยและสูญหายไปของตลาดหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ล่าสุดในปี 2566 พบว่ามูลค่าตลาดรวมของหนังสือฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ในระดับ ประมาณ 17,000 ล้านบาท โดยอาจเกิดจากราคาหนังสือต่อเล่มที่สูงขึ้นประมาณ 30% หลังวิกฤตโควิด ขณะที่ยอดขายและจํานวนการผลิตหนังสือยังมีความเปราะบางต่อภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากหนังสือเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคอาจตัดสินใจตัดลดค่าใช้จ่ายหากประสบปัญหารายจ่ายในครัวเรือน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อวงการหนังสืออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  

นายธีรพจน์ โชคอนันตัง ผู้อำนวยการ การตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัทบัตรกรุงไทย (จำกัด) มหาชน เปิดเผยว่า ในฐานะภาคเอกชนเคทีซีตระหนักถึงความสําคัญของการอ่านหนังสือ ซึ่งเป็นกุญแจสําคัญในการเปิดโลกแห่งการเรียนรู้ โดยพฤติกรรมนักอ่านยุคใหม่นอกจากการอ่านหนังสือเป็นรูปเล่มแล้วยังนิยมอ่านในช่องทางออนไลน์ซึ่งมีรูปแบบที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น มีการทำการตลาดตาม "ความสนใจเฉพาะกลุ่ม" (Niche Market) มากขึ้น อาทิ นิยายวาย จิตวิทยา การตลาด และสร้างแรงบันดาลใจ ล่าสุดเดินหน้าร่วมมือกับพันธมิตรร้านหนังสือ สํานักพิมพ์ชั้นนําทั่วประเทศ อาทิ เอเซียบุ๊คส / B2S / ศูนย์หนังสือจุฬาฯ  / สำนักพิมพ์ดีเอ็มจี / นายอินทร์ / ซีเอ็ดบุ๊ค / สุริวงศ์บุ๊คเซ็นเตอร์  และแจ่มใส จัดแคมเปญส่งเสริมการขาย มอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีดังนี้ 1) รับส่วนลดสูงสุด 20% หรือ สูงสุด 450 บาท 2) แลกรับเครดิตเงินคืน 18% เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีทุก 500 บาท และใช้คะแนน KTC FOREVER ทุก 500 คะแนน  สามารถลงทะเบียนได้ 3 ช่องทาง ได้แก่ พิมพ์ BNS เว้นวรรค ตามด้วยหมายเลขบัตรฯ 16 หลัก และส่งมาที่เบอร์โทรศัพท์ 06 1384 5000 / เว็ปไซต์ : ktc.promo.bns และ KTC PHONE 02 123 5000 3) รับสิทธิพิเศษ ผ่อน 0.69% ต่อเดือน นานสูงสุด 10 เดือน เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป (รวมรายการที่มียอดซื้อตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป) ขอรับบริการได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000 ในวันที่ซื้อสินค้าเท่านั้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.ktc.co.th/promotion/book-hobby-entertainment/book-and-publishing/book-in-style  นอกจากนี้ เคทีซียังร่วมกับสมาคมผู้จัดพิมพ์ และผู้จำหน่ายหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (PUBAT) มอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด หวังขยายผลด้านการสนับสนุนและให้สมาชิกบัตรฯ รักการอ่านมากขึ้น  

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE โทรศัพท์ 02 123 5000 หรือติดตาม    โปรโมชันของเคทีซีได้ที่  https://www.ktc.co.th สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ

YDM Thailand ถอดกลยุทธ์คอนเทนต์ครีเอเตอร์ เทรนด์มาร์เก็ตติ้งมาแรงปี 2024 ขานรับดีมานด์ตลาดโต เผยกลเม็ดสร้างแบรนด์ แนะทริคสร้างคอนเทนต์ทรงพลังเพิ่ม Engagement สตอรี่เทลลิ่งผ่านไลฟ์สไตล์ พลิกเกมธุรกิจคว้าโอกาสท่ามกลางการแข่งขันในตลาด โชว์เคสหนุนธุรกิจ Streaming Platform ดึง KOLอินฟลูเอนเซอร์ ผสมคอนเทนต์ครีเอทีฟ สร้าง Engagement เพิ่ม 50% เพิ่มยอด New streaming สูงที่สุดใน South East Asia ในระยะเวลา 1 เดือน

นายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด เผยว่า เทรนด์มาร์เก็ตติ้งปีนี้ การสื่อสารแบรนด์อาจไม่ได้จบเพียงแค่สื่อโฆษณาผ่านทีวี ออนไลน์ หรือป้ายโฆษณา แต่ถึงยุคที่แบรนด์ต้องปรับตัวใช้กลยุทธ์คอนเทนต์ครีเอเตอร์ KOL และอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งเป็นเทรนด์มาร์เก็ตติ้งมาแรงในปี 2567 โดยพบว่าผู้บริโภคมากกว่า 46% เลือกเชื่อข้อมูลแนะนำ หรือการรีวิวใช้จริงในออนไลน์จากผู้บริโภคคนอื่น พอ ๆ กับการเชื่อคำแนะนำจากคนใกล้ชิดหรือครอบครัว ซึ่งสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้เวลาแต่ละวันมากกว่า 5 ชั่วโมงไปกับโซเชียลมีเดีย โดยแต่ละกลุ่มเจเนอเรชั่นต่างเลือกเสพสื่อบนแต่ละแพลตฟอร์มที่ต่างกัน อาทิ ในกลุ่ม Gen X ใช้แพลตฟอร์ม Facebook รองลงมาคือ Youtube, Tiktok Gen Y เลือกใช้แพลตฟอร์ม Facebook รองลงมาคือ Youtube, Instagram, Tiktok และกลุ่ม Gen Z ใช้แพลตฟอร์ม Tiktok มากที่สุด รองลงมาคือ Instagram และ Youtube

 

เมื่อผู้บริโภคเข้าถึงโซเชียลมีเดียบนหลากหลายแพลตฟอร์ม ทำให้มีพื้นที่สื่อสาร สร้างสตอรี่เทลลิ่ง แสดงความคิดเห็นที่เป็นตัวเองมากขึ้น นำไปสู่โอกาส พลิกบทบาทจากผู้เล่นโซเชียลสู่การเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์เพิ่มขึ้น ปัจจุบันประเทศไทยมีคอนเทนต์ครีเอเตอร์มากกว่า 2 ล้านคน ซึ่งยังไม่นับรวมคนไทยที่ใช้งานโซเชียลมีเดีย เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสาร และเพื่อความบันเทิง ทั้งในรูปแบบแสดงความคิดเห็น พูดคุยกันในกลุ่มชุมชนของตนเอง ทำให้แบรนด์จำเป็นต้องเข้าถึงแก่นแท้ของกลเม็ดในการใช้คอนเทนต์ครีเอเตอร์เพื่อการสร้างแบรนด์ ซึ่งการใช้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ให้ทรงประสิทธิภาพที่สุด วายดีเอ็ม แนะ 4 ขั้นตอน ดังนี้

1. กำหนดเป้าหมายแบรนด์ให้ชัดเจน ต้องรู้ตำแหน่งของแบรนด์ในตลาด และกำหนดความต้องการของแบรนด์ในการสื่อสารสู่เป้าหมายให้ชัดเจน เช่น ต้องการสื่อสารกับผู้บริโภคเพื่อสร้างการรับรู้ เพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ สร้างการมีส่วนร่วม หรือเพื่อสร้างยอดขาย เป็นต้น

2. ทำความเข้าใจคอนเทนต์ครีเอเตอร์ โดยเฉพาะบทบาทของคอนเทนต์ครีเอเตอร์แต่ละกลุ่ม ที่มีจุดแข็งต่างกัน เช่น อินฟลูเอนเซอร์ แค่ชูผลิตภัณฑ์ก็สามารถทำให้สินค้าเป็นที่ต้องการจนทำให้ขาดในตลาด และ KOL เน้นมุมมองการแสดงความเห็นอันทรงพลัง พูดอะไรคนก็เชื่อถือ หรือคอนเทนต์ครีเอเตอร์สร้างคอนเทนต์

สตอรี่เทลลิ่งผ่านไลฟ์สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ และ Mix บางคนเป็นหลายอย่าง เป็นทั้ง KOL + คอนเทนต์ครีเอเตอร์ นำเสนอเรื่องราวยาก ๆ ผ่านการทำคอนเทนต์แนวเล่าให้ง่าย สนุก ไปพร้อม ๆ กัน

3. ใช้เทคโนโลยีช่วยเลือก การดึงเทคโนโลยี AI ช่วยวิเคราะห์เลือกใช้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ หรือแคมเปญที่ตอบโจทย์เหมาะกับแบรนด์ ทั้งไลฟ์สไตล์ รูปแบบคอนเทนต์ มีฐานแฟนคลับหรือผู้ติดตามที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในการสื่อสารเดียวกับแบรนด์ โดย YDM มองเห็นบทบาทความสำคัญในส่วนนี้ ในการพัฒนาเครื่องมือ AI ช่วยวิเคราะห์การเลือกใช้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ เพื่อขับเคลื่อนทุกแคมเปญการตลาดให้กับทุกแบรนด์พาร์ทเนอร์อย่างมีศักยภาพที่สามารถวัดผลได้ในระยะเวลาที่กำหนด

4. คอนเทนต์สร้าง Trust ต้องไม่ยัดเยียด ให้พื้นที่คอนเทนต์ครีเอเตอร์ได้สร้างเรียลคอนเทนต์ บนสตอรี่เทลลิ่งผ่านคาแรกเตอร์และไลฟ์สไตล์ของตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ตีกรอบหรือยัดเยียดคอนเทนต์แบรนด์เข้าไปในการสื่อสารมากเกินไป เพราะอาจทำให้กลบจุดเด่นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไม่เป็นตัวเอง คอนเทนต์ก็จะไม่สนุก และอาจจะส่งผลต่อ Engagement

5. วัดผลให้ได้ กำหนดตัวชี้วัดเกณฑ์ความสำเร็จที่ชัดเจน เช่น online วัดผลผ่านการแทรค Offline ต้องทำ Correlation เพื่อหาความสัมพันธ์ในการใช้ KOL กับยอดขาย ส่วน KOL ไม่ใช่ one time marketing แต่จำเป็นต้องทำอย่างสม่ำเสมอจึงวัดผลได้ และที่สำคัญแบรนด์ไม่ควรมองข้ามการลงทุนกับอินฟลูเอนเซอร์กระแสที่มีค่าตัวสูง แม้จะกระตุ้นยอดขายได้เพียงครั้งเดียว ซึ่งหลายแบรนด์อาจมองว่าเหมือนจะไม่คุ้ม หรือขาดทุน แต่ทางกลับกัน การลงทุนดังกล่าวเป็นหนึ่งในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ทำให้คนรู้จัก จดจำแบรนด์ได้ เปิดใจทดลองผลิตภัณฑ์ เพิ่มโอกาสการซื้อซ้ำ

 

“พร้อมกันนี้ แนวคอนเทนต์ทรงพลังเพิ่ม Engagement ให้แบรนด์คือหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญมากในการร่วมงานกับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ซึ่งแนวคิดที่แบรนด์ควรตระหนักคือ 1. ครีเอทีฟคอนเทนต์ที่ไม่เหมือนใคร แตกต่างอย่างมีไลฟ์สไตล์ 2. ตามเทรนด์ กระแสที่ถูกพูดถึงในช่วงเวลานั้น เทรนด์มาต้องทำเลย ก่อนตกเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็น แอคติ้ง เพลง แฮชแท็ก กระแสต่าง ๆ ในโซเชียลแพลตฟอร์ม แต่ข้อควรระวัง คือต้องวิเคราะห์ภาพลักษณ์และความเหมาะสม เพราะไม่ใช่ทุกเทรนด์ที่แบรนด์จะเกาะกระแสได้ 3. Unknown fact การนำเสนอคอนเทนต์แบบที่คนไม่เคยรู้มาก่อน จะสร้างความน่าสนใจ 4. Build Discussion เช่น ทานหมี่หยก “ทีมลวก/ไม่ลวก” คอนเทนต์ที่ให้คนมาแสดงความคิดเห็นหรือถกเถียงกันต่อ และ 5. คอนเทนต์เหมาะกับ Platform เช่น Tiktok ต้องเสนอเป็นวิดีโอสั้น ๆ ดูเรียล Facebook เสนอเป็นภาพหรือ Photo album หรือ IG เน้นรูปสวย Reels ดูดีมีระดับตั้งแต่ภาพแรก” นายธนพล กล่าวเสริม

อย่างไรก็ดี หากแบรนด์ดำเนินกลยุทธ์การตลาดอย่างถูกต้อง จะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจสู่ผลลัพธ์ตามเป้าหมายได้อย่างชัดเจน ยกตัวอย่างโชว์เคสของ YDM จากกลุ่มธุรกิจ Streaming Platform ดึง KOLอินฟลูเอน

เซอร์ ผสมคอนเทนต์ครีเอทีฟ สามารถสร้างผลลัพธ์เพิ่ม Engagement มากขึ้น 50% และเพิ่มยอด New streaming สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในระยะเวลา 1 เดือน

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกี่ยวกับการศึกษาและแนวทางการใช้กลยุทธ์คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ที่สอดรับกับเทรนด์มาร์เก็ตติ้งในปี 2567 ได้ที่วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) https://www.ydmthailand.com

งานเขียนประเภทสารคดีเรื่อง "ผมส่งอาหารในปักกิ่ง" ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนังสือแห่งปี 2023 ในการประกวดหนังสือยอดนิยมครั้งหนึ่งของจีน และ หู อันเอียน ผู้เขียนหนังสือเรื่องนี้ ก็ได้รับการคัดเลือกให้เป็นนักเขียนแห่งปีด้วย ทันใดนั้น หลายคนก็หันมาสนใจผู้ประกอบอาชีพรูปแบบใหม่ ๆ เช่น คนขับรถส่งพัสดุและส่งอาหาร พวกเขาคือ "อัศวิน" ที่สัญจรไปมาตามถนนและตรอกซอกซอยของเมือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแรงงานประกอบธุรกิจรูปแบบใหม่ 84 ล้านคนของจีน อีกทั้งเป็นผู้สร้างและผู้พิทักษ์ชีวิตที่ดีงามด้วย

ในสายตาของเหยียน เทียน รองศาสตราจารย์จากคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยปักกิ่ง อุตสาหกรรมการจัดส่งอาหารของจีนให้บริการที่สะดวกสบายแบบไม่มีใครเทียบได้ในโลก ชาวต่างชาติที่มาจีนต่างประทับใจกับชีวิตที่สะดวกสบายในจีน ที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง คือสามารถสั่งอาหารส่งถึงบ้านได้ทุกที่ทุกเวลา เบื้องหลังความสะดวกสบายนี้ คือ การทำงานหนักของคนขับรถส่งอาหาร และการพัฒนาวิธีการในการระดมแรงงานผ่านแพลตฟอร์มในประเทศจีน

คนขับรถส่งอาหารเป็นกลุ่มอาชีพใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เป็นคนงานปกสีน้ำเงินในอุตสาหกรรมภาคบริการในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เมื่อลูกค้าสั่งซื้อผ่านแพลตฟอร์ม คำสั่งซื้อก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการจัดส่งแบบออฟไลน์ ขั้นตอนการทำงานของคนขับรถส่งอาหารแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่ การรับคำสั่งซื้อ การรับอาหารที่ร้าน การนำส่งอาหาร และ บรรลุงานตามคำสั่ง  เทคโนโลยีดิจิทัลนำเสนอกระบวนการจัดส่งและขั้นตอนการดำเนินงานของคนขับรถส่งอาหารในแอพฯ อย่างง่ายดายและชัดเจน คนขับรถส่งอาหารสามารถคลิก "รับคำสั่งซื้อ" "รายงานไปยังร้านค้า" "ฉันรับสินค้าแล้ว" และ "ส่งถึงแล้ว"  4 ปุ่มเพื่อดูขั้นตอนของงานจัดส่งและเนื้อหางานถัดไป เมื่อคนขับรถส่งอาหารหาตำแหน่งที่ตั้งร้านค้าและลูกค้าไม่เจอ หรือไม่รู้วิธีการวางแผนเส้นทาง พวกเขาสามารถคลิกปุ่ม "ดูข้อมูลตำแหน่ง" และ "การวางแผนเส้นทาง" ในแอพฯ เพื่อได้รับความช่วยเหลือ

เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยขจัดอุปสรรคด้านข้อมูลและเทคโนโลยีให้คนงานสามารถเข้าถึงธุรกิจการขับรถส่งอาหารได้ ลดเงื่อนไขการรับสมัคร และช่วยให้คนขับรถส่งอาหารมือใหมเริ่มงานได้อย่างรวดเร็ว และทำงานจัดส่งอาหารได้อย่างราบรื่น

ในปี 2020 "อาชีพผู้ขับขี่ส่งอาหารออนไลน์" ได้บรรจุไว้ในหมวดหมู่อาชีพแห่งชาติจีน แสดงว่า ผู้ขับขี่ส่งอาหารได้รับการยอมรับให้เป็นอาชีพใหม่ในระดับชาติ อุตสาหกรรมการจัดส่งอาหารถึงบ้านมีบทบาทสำคัญชนิดมองข้ามไม่ได้ในการพัฒนาเศรษฐกิจจีน สำหรับอุตสาหกรรมร้านอาหารแล้ว การจัดส่งอาหารถึงบ้านนับเป็นรูปแบบธุรกิจใหม่ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของอุตสาหกรรมร้านอาหารและเป็นแรงกระตุ้นใหม่ในการพัฒนาอุตสาหกรรมร้านอาหารสถิติจากศูนย์ข้อมูลอินเตอร์เน็ตจีนพบว่า ปี 2022 รายได้จากบริการจัดส่งอาหารถึงบ้านคิดเป็นประมาณ 25.4% ของรายได้จากอุตสาหกรรมร้านอาหารทั่วประเทศจีน ร้านอาหารจำนวนไม่น้อยก็ได้รับคำสั่งซื้อมากขึ้นผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ แบบสอบถามในปี 2020 พบว่า ผู้ค้าที่ตอบแบบสอบถามมี  83% และ 83.4% เห็นว่า การให้บริการจัดส่งอาหารถึงบ้านช่วยเพิ่มรายได้ และมี60% เห็นว่า การจัดส่งอาหารถึงบ้านเพิ่มยอดกระแสรายวันด้วย

การจัดส่งอาหารถึงบ้านมีอิทธิพลตรงต่อการหางานทำ ผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนระบุว่า จนถึงปลายปี 2021 ผู้ขับรถส่งอาหารในตลาดการจ้างงานที่ยืดหยุ่นมีจำนวนถึง 13 ล้านคน ซึ่งเป็นเกือบ  1% ของประชากรทั้งประเทศ ข้อมูลจากเหม่ยถวน (Meituan) แพลตฟอร์มให้บริการชีวิตประจำวันที่ใหญ่ที่สุดของจีนพบว่า ปี 2022 มีผู้ขับรถส่งอาหารกว่า 6.24 ล้านคน มีรายได้จากการที่บริษัทดังกล่าว เปิดรับสมัครผู้ขับรถส่งอาหาร โดยในช่วงฤดูหนาวปี 2023 ทางบริษัทเปิดรับสมัครงานตำแหน่งผู้ขับรถส่งอาหารจำนวน 300,000 ตำแหน่ง และขยายการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง

อาชีพผู้ขับขี่ส่งอาหารมีความเปิดกว้างและมีความเป็นธรรมด้านรายได้ โดยให้โอกาสในการหางานทำสำหรับคนกลุ่มต่าง ๆ และเป็นอาชีพที่ช่วยให้พนักงานเติบโตในระยะยาวด้วย เมื่อผู้ขับรถส่งอาหารคิดจะเปลี่ยนอาชีพอื่น ทักษะต่าง ๆ ที่ได้สั่งสมมาจากประสบการณ์งานดังกล่าว เช่น ทักษะการขับขี่ การสื่อสาร การแก้ปัญหาเร่งด่วน การควบคุมอารมณ์ และการเรียนรู้ด้วยตัวเองจะช่วยพวกเขาได้มาก ทุกวันนี้ ผู้ขับรถส่งอาหารหลายคนเปลี่ยนอาชีพเป็นพนักงานขายรถไฟฟ้า ผู้จัดการร้านอาหาร และเจ้าของเกสต์เฮาส์ พวกเขาต่างยอมรับว่า ระหว่างวิ่งจัดส่งอาหาร ทำให้พวกเขามีโอกาสสั่งสมประสบการณ์มากมาย ซึ่งมีส่วนช่วยต่อตำแหน่งงานต่อไปอย่างมาก

หลายปีมานี้ การดูแลคนงานในธุรกิจรูปแบบใหม่ของจีนเริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ สื่อรายงานว่า การประกันคุ้มครองการบาดเจ็บจากการทำงานสำหรับพนักงานในรูปแบบการจ้างงานใหม่ ซึ่งนำร่องโดยบริษัทแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในเมืองและมณฑล 7 แห่งของจีน รวมถึง เหม่ยถวน, ส่านซ่ง, ฮั่วลาลา, ไขว้โก่วต่าเชอ  ได้ประสบความคืบหน้าในเบื้องต้น จนถึงปลายเดือนกันยายน 2023 คนงานในรูปแบบธุรกิจใหม่มี 6.68 ล้านคน ได้รับการคุ้มครอง และมี 32,000 คนได้รับค่าชดเชยรวม 490 ล้านหยวน เหยียนเทียนเห็นว่า ในการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้ขับรถส่งอาหารนั้น จีนปฏิบัติตามหลักการถือข้อเท็จจริงและประชาชนเป็นที่ตั้ง “จีนเริ่มออกนโยบายและกฎหมายต่าง ๆ เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้ขับรถส่งอาหารตั้งแต่ปี 2020 ถือเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายแรงงานให้สมบูรณ์ขึ้น  และเป็นการมอบประสบการณ์ของจีนให้กับทั่วโลกด้วย”

เขียนโดย  จางเหยียน

พนักงานในธุรกิจใหม่เพิ่มจำนวนมากขึ้น สะท้อนถึงเสรีภาพ

การเปิดกว้าง และประชาธิปไตยของจีน

รูปแบบการจ้างงานใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นได้เพิ่มความสามารถในการรองรับการจ้างงานของเศรษฐกิจจีนอย่างมาก โดยแสดงบทบาทสำคัญในฐานะ “อ่างเก็บน้ำ” และ “เครื่องรักษาเสถียรภาพ”สะท้อนให้เห็นถึงการปรับรูปร่างและการเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานของจีนภายใต้การปฏิวัติทางเทคโนโลยี และสะท้อนให้เห็นถึงชัยชนะร่วมกันด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจีน ขณะเดียวกัน จำนวนพนักงานในธุรกิจใหม่ ๆ ที่เพิ่มขึ้นก็แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของเศรษฐกิจสังคมจีน และยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงเสรีภาพ การเปิดกว้าง และประชาธิปไตยของผู้คนอีกด้วย

เศรษฐกิจแพลตฟอร์มที่พัฒนาอย่างคึกคักภายใต้เศรษฐกิจดิจิทัล กำลังปรับเปลี่ยนรูปแบบการจ้างงานแบบดั้งเดิมของจีน จำนวนคนขับรถส่งอาหาร ส่งพัสดุ และคนขับรถเรียกออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนผู้ดูแลคนป่วยเพื่อรับการรักษาพยาบาล คนทำขนมให้สัตว์เลี้ยง  และคนซ่อมตุ๊กตาด้วย เป็นต้น ล้วนเป็นอาชีพใหม่ที่ปรากฏสู่สายตาสาธารณชน

รูปแบบการจ้างงานใหม่สามารถพบได้ทั้งตามถนนตรอกซอยที่พลุกพล่าน และอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมได้ทุกทิศทุกทาง รูปแบบการจ้างงานใหม่มีข้อดีต่าง ๆ เช่น เกณฑ์รับสมัครที่ต่ำ สามารถรับคนได้จำนวนมาก และมีความยืดหยุ่นมาก และได้กลายมาเป็นภาพแห่งความขยันแข็งขัน และการต่อสู้อย่างกล้าหาญของแรงงานจีน

ผลสำรวจเกี่ยวกับกำลังแรงงานแห่งชาติจีนล่าสุดพบว่า ขณะนี้ จำนวนพนักงานทั้งหมดในประเทศจีนอยู่ที่ประมาณ 402 ล้านคน โดย 84 ล้านคน ทำงานในรูปแบบธุรกิจใหม่ คิดเป็นร้อยละ 21 ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในจีน คนงานในรูปแบบการจ้างงานใหม่ได้กลายเป็นส่วนประกอบสำคัญของกำลังแรงงาน

รูปแบบการจ้างงานใหม่เป็นการผสมผสานระหว่างระบบการผลิตเสมือนจริงกับระบบการผลิตภาคจริง โดยอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างคนงานกับวัสดุการผลิต ภายใต้ภูมิหลังของการพัฒนาความเป็นอัจฉริยะ ดิจิทัล และสารสนเทศ รูปแบบการจ้างงานใหม่เป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นพร้อมกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตและการยกระดับการบริโภคสาธารณชน เป็นรูปแบบการจ้างงานที่มีความยืดหยุ่นสูง

การเติบโตอย่างคึกคักของรูปแบบการจ้างงานใหม่เป็นภาพที่มองเห็นได้และจับต้องได้ และเป็นภาพที่สะท้อนถึงศักยภาพการพัฒนาเศรษฐกิจจีน โอกาสที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และมีอนาคตที่สดใส

เขียนโดย หวังอวี๋ซินหง

ให้คนขับรถส่งอาหารได้ที่พักที่อบอุ่นสบาย

ช่วงหน้าหนาวที่เพิ่งผ่านพ้นไป เป็นหน้าหนาวที่อบอุ่นสำหรับ หวัง ฝูเจา คนขับรถส่งอาหารในเซี่ยงไฮ้ เพราะเขาได้ที่พักที่น่าพอใจ

หวังฝูเจาเกิดหลังทศวรรษ 1995 ปี 2020 เขาเดินทางจากบ้านเกิดเหอเป่ยมาที่เซี่ยงไฮ้ เพื่อทำงานเป็นคนขับรถส่งอาหาร หนุ่มคนนี้ขยันมาก สามารถส่งอาหารได้กว่า 60 คำสั่งต่อวัน ผลงานของเขาจัดอยู่ในกลุ่มที่ดีที่สุดของบริษัท แต่สภาพที่พักของเขาไม่น่าพอใจเลย

เมืองใหญ่ ๆ อย่างนครเซี่ยงไฮ้ หาห้องพักได้ยาก ค่าเช่าบ้านก็แพง ก่อนหน้านี้ หวังฝูเจากับเพื่อนขับรถส่งอาหารอีกสองคน เช่าที่พักร่วมกันในห้องเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ใช้ชีวิตลำบากมาก เพราะแม้ทั้งสามคนแบกรับค่าเช่าร่วมกัน แต่ละคนยังต้องจ่ายเกิน 1,000 หยวนอยู่ดี เมื่อพูดถึงเรื่องเหล่านี้ หวังฝูเจารู้สึกคับข้องใจมาก

ปัญหาที่หวังฝูเจาพบเจอ ไม่ได้เป็นกรณีพิเศษ ในการทำสำรวจกลุ่มคนพนักงานในธุรกิจใหม่ ๆ ของเขตผู่ถัว นครเซี่ยงไฮ้ การปรับปรุงสภาพที่พักอาศัยเป็นความปรารถนาที่เร่งด่วนที่สุดของพวกเขา

“ต้องให้ที่พักที่สะอาดสะอ้านและอบอุ่นน่าอยู่กับพวกเขา”เจ้าหน้าที่ทางการเขตผู่ถัวกล่าว

ทางการเขตผู่ถัวได้ริเริ่มโครงการ “ที่พักใหม่สำหรับผู้ขับรถส่งอาหาร” โดยระดมกำลังทางการท้องถิ่น กลุ่มสมาคม รัฐวิสาหกิจ และทรัพยากรทางสังคม และมีการวางแผนตำแหน่งที่ตั้งโครงการ และกำหนดราคาค่าเช่าบ้านอย่างละเอียด เช่น ต้องหาตำแหน่งที่ตั้งที่พักที่อยู่รอบบริเวณที่มีสถานีจัดส่งอาหารค่อนข้างเยอะ ระยะทางขับรถไม่ให้เกิน 15 นาที ค่าเช่าที่พักต่อเดือนไม่เกินคนละหลายร้อยหยวน และให้ผู้ขับรถส่งอาหารได้ที่พักดีราคาถูก

ในการทำสำรวจที่เป็นเวลาหลายเดือน เจ้าหน้าที่ทางการเขตผู่ถัวสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ ในเขตหลายรอบ ท้ายที่สุด เลือกให้ที่พักเหอซินเป็นที่พักสำหรับผู้มีรายได้น้อย จากการตกแต่ง ที่พักอาศัยไม่เพียงแต่มีเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าจำเป็นที่ครบสมบูรณ์ หากยังได้เตรียมแก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า และผ้าปูเตียงด้วย

ภายในเขตที่พักยังได้เปิดซูเปอร์มาร์เก็ต มีอาหาร และของใช้ชีวิตประจำวันเตรียมพร้อม ได้เปิดโซนออกกำลังกาย โดยจัดโต๊ะพูล สนามบาสเกตบอล บริการจัดการที่พักตลอด 24 ชั่วโมง และยังได้จัดห้องซักผ้า และห้องฉายวิดีโอต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ขับรถส่งอาหารได้ใช้ชีวิตอย่างสบาย พักผ่อนให้ดี และออกกำลังกายได้อย่างสะดวก

หวังฝูเจา ถือว่าโชคดีที่เป็นพนักงานขับรถส่งอาหารกลุ่มแรกที่มีสิทธิ์คัดเลือกที่พัก พวกเขาทำการจับฉลากเพื่อเลือกห้องพักที่ตนชื่นชอบ

ในอนาคต ยังจะมีการจัดที่พักประเภทนี้ให้กับคนงานในธุรกิจใหม่ต่าง ๆ ด้วย เช่น โชเฟอร์รถเรียกออนไลน์ และพนักงานขายของออนไลน์ ปี 2024 เขตผู่ถัว ยังจะสร้าง “ที่พักสำหรับผู้สร้างสรรค์ในยุคสมัยใหม่” ตามโซนพาณิชย์ และอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อจัดเตียงกว่า 1,000 เตียง ให้กับกลุ่มพนักงานในธุรกิจใหม่ทั้งหลาย

เขียนโดย  เหยียนเหวยฉี หวงจินเลี่ยง  และ หวังอวี๋ซินหง

 

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 – การแสดงความรักกำลังเข้าสู่ความเป็นดิจิทัลเมื่อเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของคนไทยวางแผนที่จะซื้อของขวัญทางออนไลน์เพื่อมอบให้คนรักในช่วงวาเลนไทน์ อ้างอิงจากผลการศึกษาฉบับล่าสุดที่จัดทำโดย YouGov ในนามของวีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก โดยการศึกษาฉบับนี้1 มีจุดมุ่งหมายเพื่อวัดพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคก่อนวันวาเลนไทน์ รวมถึงปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ และการกระทำเช่นใดที่ทำให้คนรักใจละลายได้

หนึ่งในสิ่งที่ท้าทายที่สุดคือการอ่านใจว่าคนรักของคุณต้องการอะไร อ้างอิงจากผลการศึกษาฉบับนี้พบว่า เกือบหนึ่งในสาม (59%) ที่เลือกบอกคนรักไปเลยตรงๆ ว่าอยากได้อะไร โดยวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองคือการใช้เอไอ หรือ ปัญญาประดิษฐ์เป็นตัวช่วย ซึ่ง 27 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ตอบแบบสอบถามวางแผนที่จะบอกสิ่งที่ตนปรารถนาโดยการกระซิบใส่สมาร์ตโฟนของคู่รัก และอีก 22 เปอร์เซ็นต์ เลือกที่จะบอกใบ้คนรักและหวังว่าพวกเขาจะเข้าใจสิ่งที่อยากสื่อไปในที่สุด

เมื่อต้องตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อของขวัญแทนใจสำหรับวันวาเลนไทน์จากที่ไหน เกินกว่าครึ่งของของผู้ตอบแบบสอบถาม (57%) วางแผนที่จะซื้อของจากร้านค้าออนไลน์และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ขณะที่เกือบหนึ่งในห้า (20%) ตั้งใจจะซื้อโดยตรงจากร้านค้าบนสื่อโซเชียลอย่าง อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก ติ๊กต็อก และไลน์

ความรักปี 2567 มาพร้อมสนนราคา จากการศึกษาชี้ให้เห็นว่า ราคาและส่วนลด (58%) คือปัจจัยสำคัญให้คนเลือกว่าจะซื้อของขวัญวาเลนไทน์จากที่ใด ตามด้วยความหลากหลายและคุณภาพสินค้า (50%) นอกจากนี้ยังเลือกพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาของโปรโมชันหรือแพ็กเกจ (30%) การมีประสบการณ์ที่ดีในการซื้อครั้งก่อนกับร้านค้า (27%) และชื่อเสียงของแบรนด์ (21%)

นอกจากนี้ การศึกษายังพบอีกว่า เกือบเจ็ดในสิบของผู้ตอบแบบสอบถาม (68%) วางแผนที่จะใช้จ่ายไม่เกิน 1,000 บาท ในขณะที่ 29 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าตั้งใจที่จะใช้จ่ายระหว่าง 1,001 ถึง 10,000 บาท และอีก 3 เปอร์เซ็นต์วางแผนที่จะใช้เงิน 10,000 บาทขึ้นไปกับของขวัญและการฉลองวาเลนไทน์ในปีนี้

เมื่อมาดูในส่วนของประเภทของขวัญที่เลือกซื้อสำหรับวันวาเลนไทน์ พบว่า เกือบหนึ่งในสาม (30%) บอกว่าเครื่องแต่งกาย กระเป๋าถือ และเครื่องประดับแฟชั่นคือตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับหวานใจของพวกเขา ตามด้วยของขวัญแนวสื่อแทนใจอย่างช็อกโกแลต (25%) และดอกไม้ (12%)

สำหรับหลาย ๆ คน วิธีสื่อความในใจไม่ได้จำกัดเพียงแค่ของขวัญเท่านั้น และความโรแมนติกของจริงยังมีอยู่เมื่อการกระทำที่ชวนให้ใจละลายมากที่สุดคือการได้ใช้เวลาอันมีค่าร่วมกัน (41%) แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ คู่ที่เลือกซื้อของแทนใจเพื่อแสดงความรักระหว่างกัน โดยของขวัญวาเลนไทน์หรือโปรโมชันที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ เซ็ตของขวัญคู่รัก (27%) ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง (22%) ตามมาด้วยบริการแกะสลักชื่อบนสินค้าฟรี (15%) และบัตรกำนัลสปาที่โรงแรม (12%)

ย บริษัท คินน์ เวิลด์ไวด์ จำกัด ภายใต้แบรนด์ “คินน์” (KINN) ผู้นำโภชนเภสัช ผนึกกำลัง รพ.ธนบุรี บำรุงเมือง จัดแคมเปญ “Nutraceutical Trend in Perfect Health โภชนเภสัช เทรนด์ใหม่ของการมีสุขภาพดีที่ยั่งยืนยุคดิจิตัล” รับเทรนด์ใหม่ ปรึกษาก่อนป่วย และการแพทย์ เฉพาะบุคคล หนึ่งในเมกะเทรนด์สุขภาพเชิงป้องกัน เติบโตต่อเนื่องมีมูลค่าตลาดกว่า 1.55 ล้านล้านดอลลาร์มีแนวโน้มและเติบโต 5-10% ในแต่ละปี ผุดแคมเปญ“Nutraceutical Trend in Perfect Health โภชนเภสัช เทรนด์ใหม่ของการมีสุขภาพดีที่ยั่งยืนยุคดิจิทัล” แจกบัตรกำนัลใช้บริการศูนย์การแพทย์ ฟรี!! กระตุ้นคนไทยตื่นตัวดูแลสุขภาพ ตรวจความเสี่ยง พร้อมดูแลสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ ช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ ขยายฐานลูกค้า เจาะตลาดคนทำงานและ ผู้สูงอายุ ตั้งเป้ายอดขายแตะ 500 ล้านภายใน 3 ปี

 

นางสาวศิริพร อริยพุทธรัตน์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท คินน์ เวิลด์ไวด์ จำกัด ผู้นำด้านโภชนเภสัช เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้ร่วมมือกับ โรงพยาบาล ธนบุรี บำรุงเมือง ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางที่พร้อมดูแลรักษาด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ สำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย ในการออกแคมเปญ “Nutraceutical Trend in Perfect Health โภชนเภสัช เทรนด์ใหม่ของการมีสุขภาพดีที่ยั่งยืนยุคดิจิทัล” ครั้งแรกในประเทศไทยที่ 2 ผู้นำด้านสุขภาพร่วมมือกันกระตุ้นคนไทยให้คนไทยหันมาดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะวัยทำงานและกลุ่มผู้สูงวัย ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อแต่เรื้อรัง NCD’s (Non Communication Disease) ให้ตื่นตัวเช็คระบบสุขภาพร่างกายประจำปี ตั้งแต่การตรวจวัดระดับคอเลสเตอรอล, วัดระดับไขมัน, ระดับไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งถือเป็นการตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐาน ไปพร้อมกับการสร้างการรับรู้ของทั้งสองแบรนด์ ไปพร้อมกับการขยายฐานผู้ใช้บริการไปยังกลุ่มคนทำงานยุคดิจิทัลและผู้สูงอายุ โดยโรงพยาบาลจะมอบการให้บริการตรวจวัดระดับคอเลสเตอรอล วัดระดับไขมันในเลือด วัดระดับไตรกลีเซอไรด์ วัดระดับไขมันดี HDL ซึ่งเป็นการตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐาน

แคมเปญดังกล่าวเป็นการออกแบบมาให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในการเข้ารักการปรึกษาแพทย์ของผู้คนในสังคมที่กำลังจะเปลี่ยนไปสู่ทรนด์ใหม่ จากการปรึกษาเพื่อที่จะ “ไม่เจ็บป่วย” เป็นการปรึกษา เพื่อที่จะ “ปรับปรุงไลฟ์สไตล์ Lifestyle” การดำเนินชีวิต โดยไม่ต้องรอให้เจ็บป่วย แล้วค่อยไปรักษา จะเป็นการศึกษาหาความรู้เพื่อดูแลสุขภาพทุกมิติ ทั้งด้านการใช้ชีวิต การกิน การอยู่ การออกกำลังกาย

แม้กระทั่งการพักผ่อน ในทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะคนทำงานในยุคดิจิทัลและผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยง- โรคไม่ติดต่อแต่เรื้อรัง ซึ่งประกอบด้วย 4 โรคหลัก ๆ คือ โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคมะเร็งปอด, โรคเบาหวาน และโรคทางเดินหายใจ โดย 90% เกิดจากความเสื่อมชราของร่างกายจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของตัวเอง ส่งผลให้มีความต้องการการรักษาการแพทย์แบบเฉพาะบุคคล หรือที่เรียกว่า Personalized Medicine มากขึ้นและจะเริ่มต้นจากการตรวจปัจจัยเสี่ยง

ทั้งนี้ “คินน์” ในฐานะผู้นำตลาดสุขภาพด้านอาหารเสริมโภชนเภสัช Nutraceutical ได้นำจุดแข็งของบริษัทมาสนับสนุนเทรนด์การดูแลสุขภาพของคนยุคใหม่ ด้วยการค้นคว้าวิจัยคุณประโยชน์ของจุลินทรีย์ Bio Longevity โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย อย่างไบโอ ไต้หวัน ประเทศไต้หวัน ในการนำถั่วนัตโตะธรรมชาติมาสกัด จนได้สารสกัดนัตโตะไคเนส (Nattokinase) ที่มีความเข้มข้น 20,000 ไฟบริโนปรินยูนิตต่อกรัมใน 1 แคปซูล ที่มีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอล, มีส่วนช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ บรรจุอยู่ในแคปซูลมังสวิรัติ ถือเป็นโภชนเภสัชธรรมชาติ 100% ทั้งสารสกัดและแคปซูลบรรจุ นอกจากนี้ยังร่วมการวิจัยกับคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อศึกษาประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คินน์ เรด ยีสต์ ไรด์ พาวเดอร์ และนัตโตะ เฟอร์เมนต์เต็ด พาวเดอร์ ต่อระดับไขมันในเลือด และการส่งเสริมสุขภาพด้านอื่น ๆ ด้วยปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้เรามีความโดดเด่นในตลาดโภชนเภสัชและได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค

ปัจจุบัน บริษัท มีสินค้าจำนวน 4 รายการ แบ่งเป็นกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ โดยมีฐานลูกค้ากว่า 500,000 คน และมีเป้าหมายระยะยาว 3 ปี จะมียอดขายแตะ 500 ล้านบาท สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดสุขภาพเชิงป้องกันได้ 12 % จากปัจจุบันที่ ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ 5% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับภาพรวมธุรกิจในอุตสาหกรรม Health & Wellness ที่มีมูลค่ามากกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี ก่อนและมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้น 5-10% ในแต่ละปี

อย่างไรก็ดี “คินน์” ได้เดินหน้ากลยุทธ์ Wellness For Life เพื่อเดินหน้าสนับสนุนส่งเสริมการมีสุขภาพดีเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนทุกเพศ ทุกวัย และคนรักสุขภาพ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการออกแคมเปญที่ร่วมกับ รพ.ธนบุรี บำรุงเมืองนี้ คินน์ได้มอบโอกาสในการเข้าใช้ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางเมื่อลูกค้าซื้อสินค้าครบ 4,499.- บาท ในการตรวจวัดระดับคอเลสสเตอรอล, ระดับไขมันไม่ดี LDL, ระดับไขมัน ดี และ ระดับไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนวัยทำงาน ผู้สูงอายุ คนรักสุขภาพ เพื่อเน้นย้ำ และขยายการรับรู้ของแบรนด์ คินน์ นัตโตะ ไปยังกลุ่มวัยทำงาน และกลุ่มผู้สูงวัย โรคไม่ติดต่อแต่เรื้อรัง โดยมีตัวช่วยเป็นคินน์ นัตโตะ KINN Natto ซึ่งเป็นตัวช่วยปรับระดับคอเลสเตอรอล โดย เป้าหมายของแคมเปญนี้ การ

ผลักดันนวัตกรรมเสริมอาหารโภชนเภสัช คินน์ นัตโตะ เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคชาวไทยทุกคน ตามสโลแกนของแบรนด์ คินน์ “เพื่อชีวิตยืนยาว อย่างยั่งยืน” และคาดว่าเพิ่มการรับรู้และทำให้คินน์ นัตโตะเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ช่วยต่อยอดและสนับสนุนหน่วยธุรกิจใหม่ หรือ New S-Curve ของบริษัทฯ ได้อีกทางปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโภชนเภสัชอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 4 สูตร คือ คินน์ ถั่งเช่าเอ๊กตร้า, คินน์ ถั่งเช่าคลาสสิค, คินน์ หลืนจือสูตรเข้มข้น และคินน์ นัตโตะ และในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะมีตามมาอีก 4 สูตร ตามโรดแมพของบริษัทที่วางแผนเป็นอาหารเสริมโภชนเภสัชชั้นนำของประเทศไทยด้วยการใช้เทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ในการวิจัย เพื่อการมีชีวิตยืนยาว อย่างยั่งยืน หรือที่เรียกว่า Integrated Longevity Nutraceutical พร้อมคิดค้นสูตรนิวตร้าซูติคอลผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสูตรอื่น ๆ อีกด้วย

Page 1 of 4
X

Right Click

No right click