December 05, 2025

“อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์” เตรียมจัดงาน ‘Vitafoods Asia 2025’ ดันธุรกิจเสริมอาหารช่วยผู้ประกอบการไทยไปเวทีโลก ข้อมูลงานวิจัย Market Minds Advisory ชี้ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเอเชียแปซิฟิกพุ่งแรง แตะ 1.76 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2577 ท่ามกลางกระแสรักสุขภาพ ความตระหนักรู้ด้านสุขภาพและความนิยมในโภชนาการเชิงป้องกัน ดันตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในเอเชียแปซิฟิกเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ทีมวิจัย Grand View Research เผยข้อมูลตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเทศไทยจะเติบโตด้วยอัตราเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ 5.1% ตั้งแต่ปี 2568-2573 ชวนผู้สนใจร่วมชมงาน ‘Vitafoods Asia 2025’ จัดระหว่างวันที่ 17 – 19 กันยายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC)

นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการ – ภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เปิดเผยว่า อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ในฐานะผู้จัดงาน “ไวต้าฟู้ดส์ เอเชีย 2025” (Vitafoods Asia 2025) งานแสดงสินค้าเทคโนโลยีและนวัตกรรมสารสกัดและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยว่า ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยแรงผลักดันจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและการป้องกันโรคมากขึ้น โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสมจนทำให้เกิดโรค เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และโรคอ้วน จากข้อมูลบริษัทวิจัยเอกชน Market Minds Advisory คาดว่าตลาดเสริมอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีมูลค่าราว 9.15 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 และคาดว่าจะพุ่งสูงถึง 1.76 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2577 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 8% ขณะที่ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศไทยเอง ก็มีทิศทางการเติบโตที่สอดรับกัน โดยปี 2567 สร้างรายได้กว่า 133.6 แสนล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 179.9 แสนล้านบาท ภายในปี 2573 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ 5.1% ตั้งแต่ปี 2568 ถึง 2573 (ข้อมูลจาก Grand View Research)

ทั้งนี้มองปัจจัยส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมเสริมอาหารมาจาก ความตระหนักรู้ด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ควบคุมน้ำหนัก และดูแลสุขภาพองค์รวม ขณะเดียวกันภาครัฐและองค์กรต่าง ๆ ก็เร่งรณรงค์ให้ความรู้เรื่องโภชนาการที่สมดุล การเติบโตของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ความนิยมในเครื่องดื่มประเภทพกพา เช่น โปรตีนเชค เครื่องดื่มโปรไบโอติก ฯลฯ กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่ผู้ผลิตเดินหน้าใช้เทคโนโลยีคิดค้นสูตรใหม่ที่ตอบโจทย์สุขภาพเฉพาะด้าน เช่น การชะลอวัย สุขภาพลำไส้ และการควบคุมน้ำหนัก พร้อมใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น ขมิ้น ชาเขียว พืชสมุนไพรต่าง ๆ เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพเชิงองค์รวม

นอกจากนั้น การเติบโตของช่องทางออนไลน์ อีคอมเมิร์ซกลายเป็นช่องทางหลักที่ช่วยขยายการเข้าถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยเฉพาะการนำเสนอโปรโมชั่นและคำแนะนำเฉพาะบุคคล ช่วยกระตุ้นการซื้อซ้ำและเพิ่มยอดขายอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่ เข้ามาในตลาดค้าขายออนไลน์ หรือ อีคอมเมิร์ชมากขึ้น

“การเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งมีแนวโน้มการบริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น การเติบโตของตลาดนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านสู่การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และความต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์เชิงหน้าที่ โดยครอบคลุมทั้งอาหารเสริมและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพซึ่งตอบโจทย์การใช้ชีวิตสมัยใหม่ ส่งผลให้ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารสุขภาพ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเทคโนโลยีโภชนาการ มีโอกาสขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต” นางสาวรุ้งเพชร กล่าว

การจัดงาน ‘Vitafoods Asia 2025’ ในปีนี้จึงถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทย รวมถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมที่จะช่วยกันยกระดับ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้เพิ่มมากขึ้น หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงานในปีนี้ ยังมีพื้นที่จัดแสดงพิเศษ New Ingredients & New Products Zone นำเสนอผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ส่วนผสม และนวัตกรรมสุขภาพ ที่เพิ่งเปิดตัวจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ดังนั้น งานนี้จะเป็นเวทีสำคัญที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วนของห่วงโซ่อุตสาหกรรมเสริมอาหาร ตั้งแต่วัตถุดิบส่วนผสม การพัฒนา ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปพร้อมจำหน่าย การบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงผู้รับจ้างผลิต (OEM/ ODM) ที่มาจากกว่า 650 แบรนด์ โดยคาดว่าจะมีผู้เข้ามาร่วมงานมากกว่า 13,000 ราย จาก 38 ประเทศ ทั่วโลก

 ด้าน ศาสตราจารย์ (วิจัย) ดร. ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ประธานกรรมการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ให้มุมมองว่า การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้วยงานวิจัยวัตถุดิบของไทยมีความสำคัญอย่างยิ่ง และถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่ง บพข. มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและยั่งยืน ผ่านการสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาด้าน Functional Ingredients และ Functional Foods เพื่อเป้าหมายสำคัญในการสร้างระบบนิเวศน์ที่แข็งแกร่ง ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ นอกจากนี้ บพข. ยังมีบทบาทในการผลักดันการขึ้นทะเบียนจัดทำรายชื่อสารสำคัญ (Positive List) สารประกอบฟังก์ชัน สารสกัดจากธรรมชาติ หรือ สมุนไพร การกล่าวอ้างทางสุขภาพให้เป็นตามมาตรฐานสากล ฯลฯ ซึ่งถือเป็นกลไกลสำคัญที่ยกระดับอาหารและสมุนไพรไทยให้ได้มาตรฐานและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยงาน “ไวต้าฟู้ดส์ เอเชีย 2025” เป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้ยกระดับองค์ความรู้และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้วย

นอกจากนี้ การขึ้นทะเบียนกระบวนการจัดทำรายชื่อสารสำคัญ (Positive List) เป็นกลไกสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ โดยช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ มูลค่า และขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพและปลอดภัย และเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย

นายนาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวเสริมว่า อุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพและธุรกิจเสริมอาหารในประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการเติบโตที่แข็งแกร่ง ด้วยแรงขับเคลื่อนจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เทรนด์สินค้าที่หลากหลาย และการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งงาน “ไวต้าฟู้ดส์ เอเชีย 2025” ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญและมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยที่เสริมทัพ ส.อ.ท. ที่มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการ “ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริโภค”

ดร. พัชร์ เอกปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นิวทรีชั่น เอสซี จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความสำคัญในการทำการตลาดและการสร้างแบรนด์ผ่านงาน “ไวต้าฟู้ดส์ เอเชีย 2025” ว่าเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับบริษัทฯ ในการเข้าถึงลูกค้า

เป้าหมาย สร้างความน่าเชื่อถือ ขยายเครือข่ายธุรกิจ และขับเคลื่อนยอดขายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทที่ต้องการเป็นผู้นำและสร้างคุณค่าให้กับอุตสาหกรรมสุขภาพและโภชนาการ

ขณะที่ Ms. Jeannie Kwa Senior HCP Marketing Manager, APAC, Representative from Kaneka Corporation กล่าวว่า อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เน้นด้านการชะลอวัย (Healthy Ageing) และการยืดอายุขัย (Longevity) กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผู้บริโภคมีความสนใจในการดูแลสุขภาพเชิงรุกและป้องกันความเสื่อมของร่างกายก่อนวัยอันควรมากขึ้น ทำให้เกิดการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาส่วนผสมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยส่วนผสมสำคัญที่กำลังมาแรงและเป็นที่จับตามอง อาทิ สารเพิ่มระดับ NAD+, สารกลุ่ม Senolytics, สารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง (Potent Antioxidants), วิตามินและแร่ธาตุสำคัญ เช่น วิตามินดี แมกนีเซียม โอเมก้า 3 ฯลฯ รวมถึง คอลลาเจน เป็นต้น

ทั้งนี้ ภายใน ‘Vitafoods Asia 2025’ ยังมีสัมมนาจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมที่จะเจาะลึกประเด็นสำคัญต่าง ๆ กว่า 50 หัวข้อ ไม่ว่าจะเป็น โภชนาการเฉพาะบุคคล (Personalized Nutrition) ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ไมโครไบโอม เทรนด์ส่วนผสมและสารสกัดเพื่อเสริมด้าน Healthy aging ไปจนถึงอัปเดตกฎระเบียบการจดทะเบียนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่าง ๆ ให้ผู้ร่วมชมงานพร้อมก้าวนำในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ดังนั้น ไม่ว่าผู้ประกอบการหน้าใหม่ ผู้สนใจเริ่มต้นแบรนด์สุขภาพของตัวเอง หรือ ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพ งานนี้คือโอกาสสำคัญในการเข้าถึงโซลูชันล้ำสมัยจากซัพพลายเออร์ทั่วโลก พร้อมรับมุมมองและข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ ภายในงาน ‘Vitafoods Asia 2025’ จัดโดย อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ระหว่างวันที่ 17 – 19 กันยายน 2568 ณ ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC)

นายอลี บาดาร์เนห์ (คนแรกซ้าย) หัวหน้าหน่วยความมั่นคงทางอาหารและระบบอาหาร กรมพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรและโครงสร้างพื้นฐาน ยูไนเต็ด เนชั่น อินดัสเทรียล ดิเวลเลิพเมินท ออกาไนซ์เซชั่น หรือ ยูนิโด้ (UNIDO), ออสเตรีย (United Nations Industrial Development Organization : UNIDO) นางลูเซียนา เปลเลกรีโน (ที่สองจากซ้าย) ประธานองค์กรบรรจุภัณฑ์โลก (World Packaging Organization : WPO) ดร. โจเซฟ รอส เอส. จอคสัน (คนแรกขวา) ประธานสหพันธ์บรรจุภัณฑ์แห่งเอเชีย (Asian Packaging Federation : APF) และนายสรรชาย นุ่มบุญนํา (ที่สองจากขวา) ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย แสดงความร่วมมือเป็นพันธมิตรในการสนับสนุนและพัฒนาการจัดงาน ProPak Asia เพื่อยกระดับให้เป็นงานสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิต แปรรูป และบรรจุภัณฑ์ระดับโลก พร้อมประกาศย้ายสถานที่จัดงาน ProPak Asia 2026 ไปที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อรองรับบริษัทชั้นนำของโลกที่ต้องการเข้าร่วมงานและผู้เข้าเยี่ยมชมงานจากนานาชาติที่เพิ่มขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้

งาน ProPak Asia 2026 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-13 มิถุนายน 2569 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ผู้สนใจข้อมูลรายละเอียดการจัดงานฯ เยี่ยมชมได้ที่ www.propakasia.com

นางสาวสุภาภรณ์ อังศรีสุรพร ผู้จัดการฝ่ายบริหารโครงการอาวุโส อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน Food & Hospitality Thailand (FHT) 2025 กล่าวถึง ภาพรวมการท่องเที่ยวที่ส่งผลต่อธุรกิจอุปกรณ์และเครื่องใช้ในโรงแรมว่า การท่องเที่ยวไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การลดลงของนักท่องเที่ยวจีน ล้วนส่งผลต่อการท่องเที่ยวเชิงปริมาณ อย่างไรก็ตามการท่องเที่ยวไทยก็มีปัจจัยที่อาจพลิกกลับเป็นบวกได้ ในส่วนของการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ เพราะล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มีการปรับระดับคำแนะนำการเดินทางให้ไทยอยู่ในระดับ 1 ที่มีความปลอดภัยสู่เทียบเท่าญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว นอกจากนั้น ททท. ยังออกมาเปิดเผยถึงสัญญาณการเติบโตที่ดีเป็นตัวเลข 2 digit อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ของท่องเที่ยวยุโรป ตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา และโอเชียเนีย ที่เป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง โดยนักท่องเที่ยวจากยุโรปเติบโต 13% เป็นเยอรมนี 71% อิตาลี 28% สวิตเซอร์แลนด์ 24% ส่วนกลุ่มตะวันออกกลางมีการเติบโต 55% เป็นซาอุดีอาระเบีย 61% โอมาน 54% U.A.E 51% อิสราเอล 32.49% ตัวเลขการเติบโตดังกล่าวมีนัยยะอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนเป้าหมายใหม่ของการท่องเที่ยวไทย ในการเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพของโลก (Quality Destination)

ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ร้านอาหาร และการบริการ จำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับเป้าหมายใหม่นี้ พร้อมกับเรียนรู้พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ที่ต่างไปจากนักท่องเที่ยวกลุ่ม Mass Tourism ทั้งในแง่การใช้จ่าย ความสนใจ และค่านิยมด้านการท่องเที่ยว อาทิ มีวางแผนการเดินทางล่วงหน้า อยู่นาน 2-3 สัปดาห์ หรือมากกว่านั้น จ่ายสูงเพื่อคุณภาพและบริการที่ดี เน้นการท่องเที่ยวเพื่อสร้างประสบการณ์ ชอบเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นมากกว่าเช็คอินจุดท่องเที่ยวยอดนิยม รักสุขภาพ เลือกที่พักและกิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมใส่ใจด้านความยั่งยืน

ดังนั้นเพื่อส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ร้านอาหาร และการบริการ การจัดงาน Food & Hospitality Thailand 2025 ครั้งนี้ จึงรวมรวมผู้จัดผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องใช้ในธุรกิจท่องเที่ยว อาหาร และการบริการจากทั่วโลก ที่มีคุณภาพสูง มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการช่วยลดต้นทุน เสริมคุณภาพ และประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจและบริการ พร้อมกับมีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนที่กำลังเป็นแนวทางปฏิบัติหลักในด้านการท่องเที่ยวของโลกปัจจุบัน ซึ่งภายในงานมีผู้ร่วมจัดแสดงงานทั้งกลุ่มวัตถุดิบอาหาร อุปกรณ์เครื่องใช้ และโซลูชันที่ใช้ในธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และการบริการกว่า 3,000 แบรนด์ จากไทยและนานาชาติร่วมจัดแสดงในงานฯ พร้อมด้วยกิจกรรมเสริมความรู้ผู้ประกอบการจากผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจและอุตสาหกรรม อาทิ เวที CEO Forum ในหัวข้อ “Amazing Grand Thailand” และการสัมมนาจากสมาคมโรงแรมไทย, การประชุมสุดยอดอาเซียนด้านการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ 2025, การมอบรางวัล Thailand Spa and Well-being Awards 2025 ฯลฯ ซึ่งผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดการจัดงานและกิจกรรมในงาน Food & Hospitality Thailand 2025 พร้อมลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้แล้ววันนี้ที่เว็บไซต์ www.fhtevent.com

ด้านนายพรทัต อมตวิวัฒน์ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท ดูนิ (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในผู้ร่วมจัดแสดงงาน เผยถึงมุมมองต่อธุรกิจกลุ่มโฮเรก้า (โรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจจัดเลี้ยง) ว่าการฟื้นตัวของ

ธุรกิจหลังโควิดถือว่าไม่เร็วมากนัก ซึ่งเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย ผู้ประกอบการแต่ละรายมีการปรับตัวที่แตกต่างกัน สิ่งสำคัญคือการบริหารต้นทุนและติดตามเทรนด์ของโลกในเรื่องของความยั่งยืน (Sustainability) การท่องเที่ยวจะช้าหรือเร็วก็ต้องกลับมา บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายกระดาษเช็ดปาก (Napkin) สำหรับกลุ่มลูกค้าโฮเรก้า (HoReCa) ซึ่งมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมมากกว่า 30 ปี มีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งในประเทศและยังเป็นผู้ส่งออกไปยังประเทศต่างๆอีก 30 กว่าประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นฐานการผลิตของกลุ่ม Duni Group ซึ่งเป็นบริษัทฯ จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสวีเดน ในจุดเด่นของผลิตภัณฑ์อยู่ที่คุณภาพ ความหลากหลาย การออกแบบที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า อยู่ในงบประมาณที่กำหนด รวมทั้งยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงความยั่งยืนที่ทุกคนให้ความสำคัญ ซึ่งการร่วมงานกับ Food & Hospitality Thailand ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง จากการเป็นศูนย์รวมของผู้ซื้อและผู้ขายที่เป็นผู้ประกอบการตัวจริงทั้งในและต่างประเทศ โดยในงานฯ ปีนี้บริษัทฯ ได้เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ กระดาษเช็ดปากคุณภาพสูง (Premium Napkin) ที่ให้สัมผัสหรูหราเทียบเท่าผ้าเช็ดปากที่ทำมาจากผ้าลินิน (Linen Napkin) พร้อมบริการพิมพ์โลโก้หรือลวดลายเฉพาะแบรนด์ เพิ่มความโดดเด่นและน่าจดจำในทุกโอกาส และใช้งานได้สะดวกในทุกสถานที่ จึงอยากเรียนเชิญให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเยี่ยมชมนวัตกรรมผลิตภัณฑ์กระดาษของบริษัทฯ ที่ลูกค้าทั่วโลกให้การยอมรับ

ส่วนนายปวัน เอี่ยมเจริญยิ่ง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ บริษัท แมททีเรียล เวิลด์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายสินค้าสำหรับธุรกิจโรงแรม โรงพยาบาล ร้านอาหาร และการให้บริการ กล่าวถึง ภาพร่วมของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในธุรกิจบริการ (Hospitality Product) ว่า ปีนี้ยังมีการเติบโตได้ไม่สูงนักตามสถานการณ์การท่องเที่ยว แต่การตลาดและการขายมีการแข่งขันที่สูงขึ้น ซึ่งการดำเนินธุรกิจของ แมททีเรียล เวิลด์ ยังเน้นในการรักษาจุดแข็งและยึดมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ Premium คุณภาพสูง อาทิ แบรนด์ Rubbermaid จากสหรัฐอเมริกา ที่เป็นอุปกรณ์จัดเก็บ อุปกรณ์ทำความสะอาด และของใช้ในธุรกิจบริการที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกด้านประสิทธิภาพ ความทนทาน และการใช้งานง่าย ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักของแบรนด์ส่วนใหญ่กลุ่มโรงแรมเชนระดับ 5 ดาว โดยทางบริษัทฯ เป็นผู้จัดจำหน่ายหนึ่งเดียวในประเทศไทย

สำหรับการร่วมจัดงานกับ Food & Hospitality Thailand 2025 นั้น เนื่องจากเป็นงานสำคัญของคนในธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจบริการของอาเซียนอย่างแท้จริง ทำให้บริษัทฯ ได้มีโอกาสพูดคุย เพื่อต่อยอดธุรกิจกับลูกค้าได้โดยตรง โดยไฮไลท์ที่นำมาร่วมจัดแสดงและเปิดตัวในปีนี้ คือ ผลิตภัณฑ์ Housekeeping Carts จากแบรนด์ Rubbermaid ที่มีนวัตกรรมมอเตอร์ไดร์ช่วยทุนแรงในการเข็นใช้งาน และยังมีอีกหลายผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ จึงอยากเชิญชวนให้ผู้ประกอบการแวะมาเยี่ยมชมสินค้าหรือพูดคุยที่บูธของเราได้

ในส่วนของนางสาวพรหมปรียา มานะวิริยะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเอ็ม อินเตอร์มาร์ท จำกัด กล่าวถึงโอกาสของธุรกิจอุปกรณ์เครื่องใช้ในธุรกิจโรงแรมว่า ธุรกิจโรงแรมจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เครื่องใช้อยู่สม่ำเสมอ เพื่ออำนวยความสะดวก สร้างประสบการณ์ และความประทับใจแก่ผู้เข้าพัก รวมถึงการเกิดขึ้นของโรงแรมใหม่ๆ เป็นปัจจัยที่สร้างโอกาสให้กับธุรกิจกลุ่มนี้ โดยบริษัทฯ เป็นผู้จัดจำหน่าย นำเข้า และส่งออกสินค้าอุปกรณ์สำหรับกลุ่มโรงแรม รีสอร์ท เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ โรงพยาบาล ภัตตาคาร ที่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น ตู้เซฟ มินิบาร์ กาต้มน้ำ สิ่งของจำเป็นในห้องพัก ฯลฯ พร้อมให้คำปรึกษาในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงมีการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์และมีนวัตกรรมที่น่าสนใจอยู่ตลอดเวลา รวมถึงยังมีบริการหลังการขายที่มีคุณภาพเป็นจุดเด่นที่ลูกค้าให้ความเชื่อถือ

โดยการร่วมจัดงาน Food & Hospitality Thailand 2025 นั้น แม้จะเป็นปีแรก แต่ได้มาสังเกตการณ์ทุกปี ซึ่งพบว่าผู้เข้าชมงานเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีอำนาจตัดสินใจ เป็นผู้บริหารระดับสูง และเป็นผู้ประกอบการ จากทั้งโรงแรมเชน โรงแรมเปิดใหม่ หรือโรงแรมที่มีการปรับปรุง ที่มาเดินเลือกหาสินค้าภายในงานฯ การร่วมงานฯ ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสให้ทำให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์และบริษัทฯ มากขึ้น ส่วนไฮไลน์ที่นำมาจัดแสดงเป็นตู้เย็นมินิบาร์ ที่มีนวัตกรรมประหยัดพลังงาน และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ใช้ในธุรกิจโรงแรมและบริการที่ครบวงจรอย่างแท้จริง

สำหรับงาน Food & Hospitality Thailand (FHT) 2025 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 สิงหาคม 2025 ชั้น G ฮอลล์ 1-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจข้อมูลการจัดงานสามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.fhtevent.com Facebook : Food & Hospitality Thailand

‘อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์’ แสดงศักยภาพจัด 5 งานใหญ่ใน 2 ประเทศ เริ่มด้วย ‘International Healthcare Week 2025’ รวม 3 งานใหญ่ในที่เดียว ‘CPHI South East Asia – WHX Kuala Lumpur – WHX Labs Kuala Lumpur 2025’ จัดขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 16 – 18 กรกฎาคม 2568 พร้อมลุยจัดต่อเนื่อง ‘Vitafoods Asia 2025’ และ ‘Food ingredients Asia Thailand 2025’ จัดระหว่างวันที่ 17 – 19 กันยายน 2568 เต็มทุกพื้นที่ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรม Health & Wellness ชูเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ สร้างโอกาสทางการค้า การลงทุน ผลักดันเศรษฐกิจโต รับเทรนด์การดูแลสุขภาพทั่วโลกที่กำลังขยายตัว

สุขภาพเป็นเรื่องที่คนในยุคปัจจุบันให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนยุคนี้ต้องการมีอายุยืนอย่างสุขภาพดี หลายคนหันมาโฟกัสที่สุขภาพจากภายในสู่ภายนอก ความต้องการเหล่านี้เป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ธุรกิจในกลุ่มนี้มีการขยายตัว

ข้อมูลจากสถาบันด้านสุขภาพสากล หรือ Global Wellness Institute (GWI) ประเมินภาพรวมของเศรษฐกิจด้านการดูแลสุขภาพทั่วโลก มีแนวโน้มขยายตัวอย่างสูงถึง 8.6% ต่อปี จนถึงปี 2570 โดยมีมูลค่าตลาดสูงกว่า 8.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 306 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2562 และสูงกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

ขณะที่ตัวเลขจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2568) ประเทศไทยมีนิติบุคคลธุรกิจ Healthcare & Wellness จำนวน 28,536 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 359,321 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 1.13 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจ ดังนี้ 1. บริการสปาและนวดเพื่อสุขภาพ 1,806 ราย ทุน 10,315 ล้านบาท 2. บริการความงาม 2,421 ราย ทุน 6,574 ล้านบาท 3. บริการทางการแพทย์ 9,570 ราย ทุน 218,202 ล้านบาท 4. บริการดูแลผู้สูงอายุ 765 ราย ทุน 4,216 ล้านบาท และ 5. ค้าส่ง – ปลีก เภสัชภัณฑ์ทางการแพทย์ 13,974 ราย ทุน 120,014 ล้านบาท

นอกจากนี้ ภาครัฐตั้งเป้าหมายที่จะเป็นฮับสุขภาพนานาชาติ คาดว่าปี 2570 จะสร้างรายได้จากธุรกิจ Wellness & Healthcare ไม่ต่ำกว่า 8 แสนล้านบาท แนวโน้มการเติบโตของเทรนด์ และตัวเลขมูลค่าทางเศรษฐกิจ สอดรับกับการดำเนินธุรกิจของ ‘อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์’ ที่เป็นผู้นำในการจัดงานแสดงสินค้า Trade Exhibition ที่มองว่าธุรกิจ Health & Wellness ยังมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมจัดงาน International Healthcare Week 2025 ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งประกอบไปด้วยสามงานใหญ่ คือ CPHI South East Asia (การผลิตยา) WHX Kuala Lumpur (อุปกรณ์ในโรงพยาบาล) WHX Labs Kuala Lumpur (อุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์) และ Vitafoods Asia 2025 (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสารสกัด) Food ingredients Asia Thailand 2025 (นวัตกรรมส่วนผสมอาหาร) ที่กรุงเทพฯ เพื่อเป็นแพลตฟอร์มขยายโอกาสของผู้ประกอบการไทยและนักลงทุนหน้าใหม่

นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ กล่าวถึงการเติบโตของธุรกิจ Health & Wellness ว่า ปัจจุบันคนให้ความสำคัญด้านสุขภาพเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งทุกธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมมีแนวโน้มการขยายตัว รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ได้เห็นอุตสาหกรรมนี้ถูกยกระดับขึ้น

“การเติบโตเกิดขึ้นทั้งในมิติของผู้คนและธุรกิจ ในฐานะผู้จัดงาน International Healthcare Week 2025 (CPHI South East Asia, WHX Kuala Lumpur, WHX Labs Kuala Lumpur) Food ingredients Asia Thailand 2025 และ Vitafoods Asia 2025 มองว่านี่เป็นโอกาสธุรกิจที่สำคัญสำหรับผู้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ เภสัชกรรม เทคนิคการแพทย์ นวัตกรรมอาหารผู้ผลิตและผู้ประกอบการด้านสารสกัดและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร” นางสาวรุ้งเพชร กล่าว

“โดยในปีนี้งาน International Healthcare Week 2025 จะเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการไทยที่ได้ไปร่วมจัดแสดงงานที่ประเทศมาเลเซีย ที่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางชั้นนำในเอเชียสำหรับการดูแลสุขภาพ อีกทั้งตลาดเภสัชกรรมของมาเลเซียมีข้อได้เปรียบจากการสนับสนุนของรัฐบาล เปิดโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเข้ามาต่อยอดธุรกิจ” นางสาวรุ้งเพชร กล่าว

ทั้งนี้ International Healthcare Week 2025 ประกอบไปด้วยงาน ‘CPHI South East Asia 2025’ งานแสดงสินค้า เทคโนโลยี และการประชุมด้านอุตสาหกรรมการผลิตยา ครบวงจรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ‘WHX Kuala Lumpur 2025’ งานแสดงสินค้าด้านเครื่องมือแพทย์ ‘WHX Labs Kuala Lumpur 2025’ งานแสดงสินค้า เทคโนโลยี นวัตกรรมทางด้านอุปกรณ์ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงมาก เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมาเลเซีย จัดระหว่างวันที่ 16 – 18 กรกฎาคม 2568 ที่ Malaysia International Trade and Exhibition Centre (MITEC) กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

ด้าน “ไวต้าฟู้ดส์ เอเชีย” (Vitafoods Asia 2025) งานแสดงสินค้า เทคโนโลยี และนวัตกรรมส่วนผสมสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และ “ฟู้ด อินกรีเดียนท์ส เอเชีย 2025” (Food ingredients Asia Thailand 2025) งานแสดงสินค้าเทคโนโลยี และนวัตกรรม ด้านส่วนผสมอาหาร จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 19 กันยายน 2568 เต็มทุกพื้นที่ทุกฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) กรุงเทพฯ

นายสรรชาย นุ่มบุญนํา ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวถึงการเติบโตและโอกาสของประเทศไทยในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มโลก ข้อมูลจาก Credence Research บริษัทวิจัยตลาดและที่ปรึกษาระดับโลกคาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มจะมีการขยายตัวจาก 6.2 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2024 เป็นเกือบ 9.8 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2032 โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ความต้องการอาหารสะดวกซื้อ-อาหารพร้อมทาน การให้ความสำคัญกับสุขภาพและหากเจาะลึกในระดับภูมิภาคจะพบว่าเอเชีย-แปซิฟิกเติบโตเร็วที่สุด โดยเฉพาะจีน อินเดีย ไทย และเวียดนาม การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภค รวมถึงนวัตกรรมการผลิตอาหารและเครื่องดื่มทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ

โดยในปีนี้ ProPak Asia 2025 ที่พึ่งจบไปมีผู้ร่วมจัดแสดงงานสูงถึง 2,000 แบรนด์ จาก 42 ประเทศ มีผู้เข้าเยี่ยมชมงานกว่า 72,000 คน จากทั่วโลก ใช้พื้นที่จัดแสดงงานถึง 55,000 ตารางเมตร และสร้างมูลค่าการค้าการเจรจาธุรกิจสูงกว่า 5.5 พันล้านบาท ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในทุกครั้งของการจัดงานและความต้องการพื้นที่จัดงานที่เพิ่มขึ้นจากทั้งผู้เข้าร่วมจัดงานแสดงสินค้าและบริษัทชั้นนำรายใหม่ๆ ที่ต้องการเข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้สถานที่จัดงานเดิมไม่สามารถรองรับการเติบโตของการจัดงานที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตได้

ดังนั้น การจัดงาน ProPak Asia 2026 จึงมองหาสถานที่จัดงานใหม่ที่มีความเหมาะสม โดยศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค (IMPACT) เมืองทองธานี เป็นสถานที่จัดงานฯ ใหม่ และมีพื้นที่เพียงพอต่อการขยายงานให้ใหญ่ขึ้น การเดินทางที่สะดวกยิ่งขึ้น ด้วยรถไฟฟ้า รถยนต์ส่วนตัว หรือรถขนส่งสาธารณะ ใกล้สนามบิน และง่ายต่อการเดินทางจากนิคมอุตสาหกรรม อาทิ ชลบุรี อยุธยา ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ฯลฯ อีกทั้งยังสามารถรองรับเป้าหมายการพัฒนาการจัดงานฯ ที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการจัดงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมการผลิต แปรรูป และบรรจุภัณฑ์ระดับโลกอย่างแท้จริง

ProPak Asia 2026 นับเป็นการก้าวสู่มิติใหม่แห่งการขยายตัวอย่างไร้ขีดจำกัด ที่จะเดินหน้าสู่การยกระดับการจัดงานฯ ให้เป็นงานสำคัญของอุตสาหกรรมแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในปี 2027 และก้าวขึ้นสู่การเป็นงานระดับโลก (World Class) ในปี 2028 โดยระหว่างการจัดงาน ProPak 2025 มีผู้ร่วมแสดงสินค้า และผู้สนใจงานร่วมจองพื้นที่จัดงานล่วงหน้าของ ProPak Asia 2026 แล้วถึง 95% เป็นการเสริมความเชื่อมั่นให้กับผู้เข้าร่วมชมงานว่า ProPak Asia 2026 จะเป็นศูนย์กลาง ที่รวมเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ ในอุตสาหกรรม แปรรูปและบรรจุภัณฑ์โดยจะเชื่อมโยงผู้เข้าร่วมแสดงสินค้า ผู้ประกอบการ หน่วยงาน และ ผู้เข้าเยี่ยมชมงาน เข้ากับ ProPak Connect ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมข้อมูลและเครือข่ายธุรกิจจากการจัดงาน ProPak ทั่วโลก ช่วยให้ทุกส่วนของระบบนิเวศในอุตสาหกรรมฯ เชื่อมต่อกันได้ในทุกมิติ

ด้านนางลูเซียนา เปลเลกรีโน ประธานองค์กรบรรจุภัณฑ์โลก (World Packaging Organization : WPO) เผยถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ว่า มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นไปในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร เครื่องดื่ม ยา สินค้าอุปโภคบริโภคและธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยมูลค่าของอุตสาหกรรมฯ คาดว่าจะขยายตัวจาก 1.28 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 เป็น 1.69 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2034 โดยแนวโน้มสำคัญขณะนี้ คือ บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับบทบาทของ WPO ในการส่งเสริมเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ ความยั่งยืน และนวัตกรรมด้านบรรจุภัณฑ์ ควบคู่ไปกับการเผยแพร่ข้อมูลและสนับสนุนความร่วมมือระหว่างองค์กรบรรจุภัณฑ์ระดับนานาชาติ ทั้งนี้ WPO ได้ยกให้ ProPak Asia เป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักที่มีบทบาทสำคัญ และรู้สึกยินดีต่อความสำเร็จของงานในแต่ละปี สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่จะเกิดขึ้นในปี 2026 ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ พร้อมเปิดรับความท้าทายเพื่อก้าวสู่การเป็นงานแสดงระดับโลกอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต ซึ่ง WPO พร้อมให้การสนับสนุนงาน ProPak Asia ต่อไปอย่างเต็มที่

ส่วน ดร. โจเซฟ รอส เอส. จอคสัน ประธานสหพันธ์บรรจุภัณฑ์แห่งเอเชีย (Asian Packaging Federation : APF) กล่าวถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกว่า อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีขนาดใหญ่และการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมูลค่าของอุตสาหกรรมฯ จะอยู่ที่ 190.55 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2025 และคาดว่าจะเติบโตที่ CAGR 4.98% ตั้งแต่ปี 2025 ถึง 2033 จากบทบาทในฐานะศูนย์กลางการผลิตระดับโลก โดนเฉพาะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงยังได้รับประโยชน์จากการบริโภคภายในภูมิภาคที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากการมีประชากรจำนวนมาก สำหรับแนวโน้มสำคัญของอุตสาหกรรมที่ต้องติดตาม ได้แก่ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ การใช้วัสดุที่ยั่งยืนมากขึ้น การเติบโตของบรรจุภัณฑ์ระดับพรีเมียมและเฉพาะบุคคล รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยทางสหพันธ์ฯ ได้ร่วมมือกับงาน ProPak Asia มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนและผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาค จากความร่วมมืออย่างเข้มแข็งทำให้วันนี้งาน ProPak Asia เติบโตและพัฒนาไปในอีกก้าวสำคัญ ซึ่งจะสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้ผลิตและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ทั่วทั้งภูมิภาค โดยทางสหพันธ์บรรจุภัณฑ์แห่งเอเชียจึงพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนการจัดงาน ProPak Asia 2026 และปีต่อๆ ไปอย่างเต็มที่ เพื่อขับเคลื่อนอนาคตและการเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลก

ขณะที่นายอลี บาดาร์เนห์ หัวหน้าหน่วยความมั่นคงทางอาหารและระบบอาหาร กรมพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรและโครงสร้างพื้นฐาน ยูไนเต็ด เนชั่น อินดัสเทรียล ดิเวลเลิพเมินท ออกาไนซ์เซชั่น หรือ ยูนิโด้ (UNIDO), ออสเตรีย กล่าวว่า องค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) เป็นหน่วยงานเฉพาะทางของสหประชาชาติที่ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างครอบคลุมและยั่งยืน ในฐานะพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระยะยาวของ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ และ งาน ProPak Asia รู้สึกยินดีอย่างยิ่ง ที่วันนี้งาน ProPak Asia กำลังก้าวเข้าสู่บทบาทใหม่ของการเติบโต โดย UNIDO ยืนยันที่จะร่วมสนับสนุนการจัดงาน ProPak Asia 2026 และปีต่อๆ ไปอย่างเต็มที่ เพื่อเร่งสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีการผลิต การแปรรูป และบรรจุภัณฑ์ พร้อมทั้งส่งเสริมความรู้ระดมความคิด

ระหว่างผู้นำในอุตสาหกรรม ผู้กำหนดนโยบาย และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมอาหาร ที่จะร่วมสร้างห่วงโซ่คุณค่าและการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกของอุตสาหกรรมฯ ให้เป็นโซลูชันที่นำไปใช้ได้จริงในระดับท้องถิ่น ซึ่งหลายพื้นที่ของโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างเร่งด่วนจากภาวะความหิวโหยที่เพิ่มขึ้น การสูญเสียและขยะอาหาร รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ ดังนั้น UNIDO หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือนี้จะสะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการสร้างระบบอาหารที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาคและทั่วโลก

สำหรับงาน ProPak Asia 2026 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-13 มิถุนายน 2569 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ผู้สนใจข้อมูลรายละเอียดการจัดงานฯ สามารถเยี่ยมชมได้ที่www.propakasia.com

Page 1 of 6
X

Right Click

No right click