December 05, 2025

“ธนาคารเกียรตินาคินภัทร” ผนึกกำลัง เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์)” ออกประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) แบบใหม่ ชูจุดเด่นเลือกความคุ้มครองชีวิตได้สูงสุดถึง 30 เท่าของเบี้ยประกันภัยหลักรายปี คุ้มครองชีวิตยาวสูงสุด 12 ปี ชำระเบี้ยระยะสั้นเพียง 5 ปี มาพร้อมกับทางเลือกที่ยืดหยุ่นให้ลูกค้าขยายความคุ้มครองได้ถึงอายุ 99 ปี ปรับเปลี่ยนความคุ้มครองตามต้องการ และสับเปลี่ยนกองทุนได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งโดยไม่มีค่าธรรมเนียม เพื่อเป้าหมายทางการเงินที่แตกต่างในแบบประกันเดียว

 

นางเกษรา เลียงชเยศ ประธานสายธนบดีธนกิจและหัวหน้าฝ่ายตลาดผลิตภัณฑ์การเงิน ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสินค้าและบริการที่ออกแบบมาอย่างเข้าใจความต้องการเฉพาะบุคคล ไม่ว่าด้านสุขภาพ ที่อยู่อาศัย หรือการเงิน  ผลิตภัณฑ์ KKPGEN WEALTH PRIVÉ LINK 12/5 จึงถูกพัฒนาขึ้นมาด้วยความเข้าใจความต้องการและเป้าหมายทางการเงินที่หลากหลายของลูกค้า เช่น กลุ่มลูกค้าที่วางแผนอนาคตสำหรับครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นแผนการศึกษาของลูก หรือการสะสมความมั่งคั่งสำหรับลูกหลาน หรือกลุ่มลูกค้าที่ไม่มีครอบครัวแต่ต้องการเตรียมพร้อมสำหรับการดูแลตัวเองในอนาคต หรือแม้แต่กลุ่มคนทำงานที่มีแผนเกษียณเร็ว คือหยุดทำงานเมื่ออายุไม่มากและออกไปใช้ชีวิตอย่างอิสระโดยยังมีเงินออมเอาไว้ดูแลตัวเองเมื่ออายุมาก

เนื่องจากผลิตภัณฑ์นี้เป็นยูนิต ลิงค์ จึงมีจุดเด่นอยู่ที่การให้ทั้งความคุ้มครองและผลตอบแทนจากการลงทุน ทำให้มีโอกาสรับผลตอบแทนจากการเติบโตของกรมธรรม์ที่มากกว่าประกันชีวิตทั่วไป และยังสามารถเลือกปรับเปลี่ยนความคุ้มครองและจัดสัดส่วนด้านการลงทุนได้ตามความต้องการ จึงเอื้อต่อการออกแบบแผนการเงินตามวัตถุประสงค์ในแต่ละจังหวะของชีวิตเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยโอกาสการเติบโตขึ้นอยู่กับผลตอบแทนในสินทรัพย์ที่ลูกค้าเลือกลงทุน โดยลูกค้าสามารถสับเปลี่ยนกองทุนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และเพิ่มเงินลงทุนได้ตามจังหวะที่เหมาะสม สำหรับลูกค้าที่ไม่เคยมีประกันรูปแบบนี้ ธนาคารมีผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการวางแผนทางการเงินเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับลูกค้า” คุณเกษรา กล่าว

 

นางยุวดี งานทวีกิจ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจ บริษัท เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ประกันชีวิตควบการลงทุน หรือ ยูนิต ลิงค์ ยังคงเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ลูกค้าให้ความสนใจ จะเห็นได้จากการเติบโตในภาพรวมของยูนิต ลิงค์ของปี 2567 เติบโตถึง 7.8%   สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มยูนิต ลิงค์ที่ขายผ่านธนาคารเกียรตินาคินภัทรมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในปี 2567 เติบโตถึง 86% จากปีก่อนหน้า และมียอดขายเบี้ยประกันเป็นอันดับ 5 เมื่อเทียบกับตลาดประกันชีวิต ตามข้อมูลจากสมาคมประกันชีวิตไทยซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือผลประโยชน์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความคุ้มครองและการลงทุน และการร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป้าหมายกลุ่มต่าง ๆ ของธนาคารเกียรตินาคินภัทร ตั้งแต่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นวางแผนทางการเงินไปจนถึงลูกค้าสินทรัพย์สูง  ทำให้ปัจจุบันเรามี ยูนิต ลิงค์ หลายรูปแบบให้ลูกค้าได้เลือก ประกอบกับการมอบประสบการณ์ที่สะดวกสบายและทันสมัยผ่านแอปพลิเคชัน GEN 365 ที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการแบบออนไลน์ได้ด้วยตัวเองทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นการดูข้อมูลความคุ้มครองและรายละเอียดการลงทุน การสับเปลี่ยนกองทุน และดาวน์โหลดใบแจ้งรายงานสถานะทางการเงินของกรมธรรม์ นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ผ่านการร่วมกิจกรรมสะสมคะแนน สะท้อนให้เห็นว่าเจนเนอราลี่ให้ความใส่ใจในความต้องของลูกค้าในทุกมิติในฐานะลูกค้าคนสำคัญเรา” นางยุวดีกล่าว

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ KKPGEN WEALTH PRIVÉ LINK 12/5

  • รองรับการวางแผนระยะสั้นและระยะยาว จ่ายเบี้ยระยะสั้นเพียง 5 ปี คุ้มครองชีวิต 12 ปี และสามารถขยายความคุ้มครองได้ถึงอายุ 99 ปี*
  • ปรับเปลี่ยนความคุ้มครองให้สอดคล้องกับความต้องการได้ ตั้งแต่ 5 เท่าถึง 30 เท่า ของเบี้ยประกันภัยหลักรายปี โดยขึ้นอยู่กับอายุรับประกันภัยที่กำหนด
  • การันตีความคุ้มครองชีวิต 5 เท่า ของเบี้ยประกันภัยหลักตลอดระยะเวลา 12 ปีแรก**
  • หมดกังวลเรื่องสภาพคล่อง สามารถถอนเงินบางส่วนจากกรมธรรม์มาใช้*** หรือหยุดพักชำระเบี้ยได้หลังชำระเบี้ยประกันภัยหลักมาครบ 3 ปี
  • ออกแบบการลงทุนได้เอง ด้วยกองทุนคุณภาพที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี และสามารถสับเปลี่ยนกองทุนได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

*มูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนต้องเพียงพอสำหรับชำระค่าใช้จ่ายกรมธรรม์อย่างต่อเนื่องและมีสุขภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนด

 **แม้มูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนมีไม่เพียงพอต่อการชําระค่าใช้จ่ายกรมธรรม์ ทั้งนี้ต้องชำระเบี้ยประกันภัยหลักครบตามกำหนดทุกงวดโดยไม่มีการหยุดพักชำระเบี้ย (Premium Holiday) ไม่เคยมีการถอนเงินจากกรมธรรม์บางส่วนจากการขายคืนหน่วยลงทุนของเบี้ยประกันภัยหลัก และไม่เคยลดเบี้ยประกันภัยหลัก

***เป็นไปตามตารางค่าธรรมเนียมในการถอนเงินจากกรมธรรม์

ผู้ที่สนใจสามารถขอคำปรึกษาแผนประกันควบการลงทุนได้ที่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทรทุกสาขา หรือโทร. 0 2165 5555 รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ KKPGEN WEALTH PRIVÉ LINK 12/5 คลิก  https://link.kkpfg.com/cN53D


หมายเหตุ:

  • ธนาคารเกียรตินาคินภัทรในฐานะนายหน้าประกันชีวิต การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ บมจ. เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์)
  • ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เท่านั้น ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) เป็นประกันชีวิต ไม่ใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยง  ผู้ขอเอาประกันภัยอาจได้รับเงินลงทุนคืนมากกว่าหรือน้อยกว่าเงินที่ได้ลงทุนไป  ผู้ขอเอาประกันภัยควรทำความเข้าใจรายละเอียดข้อกำหนดในลักษณะผลิตภัณฑ์ เงื่อนไขของความคุ้มครอง เงื่อนไขผลตอบแทน  และความเสี่ยง รวมถึงศึกษา อ่าน และทำความเข้าใจในเอกสารประกอบการเสนอขายและหนังสือชี้ชวนของกองทุน ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยและลงทุนทุกครั้ง
  • การถอนเงินจากกรมธรรม์บางส่วนจะทำให้มูลค่าบัญชีกรมธรรม์ลดลง มีผลทำให้ผลประโยชน์กรณีเสียชีวิตลดลง ทั้งนี้ การถอนเงินเป็นไปตามตารางค่าธรรมเนียมในการถอนเงินจากกรมธรรม์

ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นโลก บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) จัดงานสัมมนา Finding the Right Gems in Global Stocks แนะนำ 5 หุ้นต่างประเทศคุณภาพสูงที่น่าจับตา ได้แก่ Netflix, MUFG, Rheinmetall, Mastercard และ Microsoft ซึ่งล้วนมีศักยภาพที่จะเติบโตต่อเนื่องและได้เปรียบทางการแข่งขันในระดับโลก จากการคัดสรรโดยทีม Equity Solutions พร้อมเตรียมเปิดตัว DR06 ผลิตภัณฑ์การลงทุนหุ้นต่างประเทศภายในการดูแลของ บล.เกียรตินาคินภัทร ณ โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568

นายฟิลิป ฟินช์ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุนตราสารทุน (Equity Solutions) เผยว่าเศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากนโยบายกำแพงภาษี (Tariff) ส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ร่วงลงมาใกล้แตะ 5,000 จุด อย่างไรก็ตาม ทีม Equity Solutions อยากเน้นย้ำความสำคัญของการ ‘มองหาโอกาสเมื่อทุกคนตื่นตระหนก’ เพราะแม้ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมาก็มีสิ่งที่ทำให้ต้องหวาดกลัวอยู่เสมอ ไม่ว่าวิกฤติสงครามหรือภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่การลงทุนอย่างต่อเนื่องและจัดการกับอารมณ์มักจะให้ผลตอบแทนระยะยาวที่ดีกว่าการพยายามจับจังหวะตลาดในช่วงเวลาที่ผันผวน

“การเลือกหุ้นแบบจากล่างขึ้นบน (Bottom-Up) ซึ่งเน้นการวิเคราะห์เจาะลึกข้อมูลของหุ้นแต่ละบริษัท ไม่ใช่เพียงวัฏจักรเศรษฐกิจมหภาคและตลาด มีความสำคัญมากในสถานการณ์เช่นนี้ โดยทีม Equity Solutions ได้คัดสรรหุ้นคุณภาพสูง 5 ตัว ได้แก่ 1) Netflix ซึ่งกำลังเดินหน้ากลายเป็นบริการที่แพร่หลายและพบเห็นได้ทั่วไปเทียบเท่าทีวี 2) MUFG ที่จะได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นของญี่ปุ่น 3) Rheinmetall ได้ประโยชน์จากการเสริมสร้างกองทัพยุโรป ตลอดจน 4) Mastercard และ 5) Microsoft ซึ่งยังคงเป็นผู้นำโลกในอุตสาหกรรมของตน ยิ่งกว่านั้น ในวันนี้นักลงทุนยังสามารถลงทุนผ่าน Depositary Receipts (DR) ที่สามารถซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้อีกด้วย การเข้าถึงหุ้นเหล่านี้จึงเป็นไปได้อย่างสะดวก”

ทีม Equity Solutions ของบล.เกียรตินาคินภัทร ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2566 เพื่อนำเสนอมุมมองการลงทุนที่จะสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับลูกค้า ผ่านการผสานความเชี่ยวชาญของนักวิเคราะห์ระดับสากล นักกลยุทธ์จากบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำทั่วโลก และผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์การลงทุน ภายใต้การนำของนายฟิลิป ฟินช์ ผู้มีประสบการณ์ในตลาดทุนมากว่า 25 ปี โดยทีม Equity Solutions มีแนวทางการลงทุนที่เน้นบริษัทคุณภาพสูง ได้เปรียบทางการแข่งขัน ซึ่งกำไรเติบโตได้อย่างสม่ำเสมอและสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้น ภายใต้วินัยทางการลงทุนที่ดี โดยนับตั้งแต่ก่อตั้งทีมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2567 ผลตอบแทนของพอร์ตอยู่ที่ 30% ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนรวมของหุ้นโลกถึง 20%

นายณฤทธิ์ โกสาลาทิพย์ ประธานสายงานที่ปรึกษาและบริหารการลงทุนลูกค้าบุคคล กล่าวถึงบทบาทของทีม Equity Solutions ต่อการสนับสนุนนักลงทุนไทยว่า “การลงทุนในหุ้นต่างประเทศเป็นประตูสู่โอกาสการเติบโตจากธุรกิจระดับโลก และช่วยกระจายความเสี่ยงจากทั้งวัฏจักรเศรษฐกิจและประเภทอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ทีม Equity Solutions ได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยให้นักลงทุนไทยเข้าถึงข้อมูลและโอกาสนี้ได้ง่ายขึ้น พร้อมยังสนับสนุนด้วยข้อมูลคุณภาพ และผลิตภัณฑ์ลงทุนที่เหมาะสม เช่น DR ที่ช่วยลดภาระภาษีจากการลงทุนต่างประเทศ”

ในการนี้ บล.เกียรตินาคินภัทร ได้เตรียมเปิดตัว DR ชุดแรกจำนวน 10 รุ่น ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 ตอกย้ำจุดแข็งของบล.เกียรตินาคินภัทรในการเชื่อมต่อโอกาสจากตลาดทุนโลกสู่นักลงทุนไทย ภายใต้ความเชี่ยวชาญในด้านการสร้างสภาพคล่องให้กับ DR แม้ในช่วงเวลาที่ตลาดต่างประเทศปิดทำการ การบริหารอัตราแลกเปลี่ยน และความเชี่ยวชาญในการคัดสรรหุ้นจากตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ เพื่อนำเสนอบริการด้านการลงทุนต่างประเทศอย่างครบวงจร

เงินสดคือเส้นเลือดของธุรกิจ เป็นทั้งโอกาสขยายตัวและเกราะป้องกันในช่วงเวลาท้าทาย หากบริหารจัดการเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจจะสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง ในขณะที่การละเลยอาจนำไปสู่ปัญหาทางการเงินที่ยากจะแก้ไข ด้วยเหตุนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) จึงได้จัดงานสัมมนาพิเศษ "Strategic Cash Management for Business Excellence" ขึ้นเมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนสามารถเข้าใจแนวทางการบริหารเงินสดที่มีประสิทธิภาพและนำไปใช้ได้จริง

ภายในงานสัมมนา ผู้เข้าร่วมได้รับฟังแนวทางการจัดการเงินสดเพื่อการลงทุน โดยมีทีมที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (Independent Financial Advisor: IFA) และทีมผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์การลงทุน (Investment Solution) มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการเงินสดเพื่อการลงทุน เพื่อให้ธุรกิจสามารถวางแผนการใช้เงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งแนะแนวทางการลงทุนในตราสารหนี้ที่ช่วยเพิ่มผลตอบแทนโดยไม่กระทบกระแสเงินสดหลักขององค์กร นอกจากนี้ ยังมีเวิร์คชอปที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้วิธีสร้างความมั่นคั่งผ่านกระแสเงินสดของบริษัท รวมถึงการตัดสินใจทางการเงินที่สามารถนำไปปรับใช้ในองค์กร เพื่อสร้างความมั่งคั่งจากการลงทุนไปพร้อมๆ กับการเติบโตของธุรกิจ

นายวศิน สุขวัฒน์วิบูลย์ หัวหน้าฝ่ายวางแผนการเงินส่วนบุคคล กล่าวว่า "การบริหารเงินสดไม่ใช่แค่การควบคุมค่าใช้จ่ายหรือการรักษาสภาพคล่องเท่านั้น แต่เป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตทางธุรกิจ การมีแผนการจัดการเงินสดที่ดีจะช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของตลาด และใช้โอกาสในการลงทุนได้อย่างเหมาะสม"

ทั้งนี้ การบริหารจัดการเงินอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้เป็นเพียงเรื่องขององค์กร แต่ยังเป็นโอกาสของบุคคลทั่วไป อาชีพที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) จึงมีบทบาทสำคัญในการช่วยลูกค้าบริหารเงินสดและพอร์ตการลงทุน รวมถึงวางกลยุทธ์ให้ลูกค้าสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมั่นคง บล.เกียรตินาคินภัทร เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจด้านการเงินและการลงทุนได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมาก่อน ผ่านการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะจากผู้เชี่ยวชาญ พร้อมการสนับสนุนด้านเครื่องมือและแพลตฟอร์มการลงทุนที่ครบวงจร ผู้ที่เข้าร่วมจะได้รับข้อมูลเชิงลึกจากนักวิเคราะห์การลงทุนและที่ปรึกษาทางการเงินมืออาชีพ รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในทุกกลุ่ม ซึ่งจะช่วยให้สามารถให้คำปรึกษาด้านการลงทุนแก่ลูกค้าองค์กรและบุคคลทั่วไปได้อย่างมั่นใจ พร้อมสร้างรายได้ที่มั่นคงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นโอกาสของผู้ที่กำลังมองหาเส้นทางอาชีพที่ท้าทายและมีโอกาสเติบโตอย่างไม่จำกัด

 ผู้สนใจติดต่อร่วมงานได้ที่ Line : @KKPSIFA หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://edge.co.th/ifa

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) มุ่งหน้าดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ปล่อยสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) มูลค่า 370 ล้านบาทแก่ บริษัท ซีเอ็นอีเอส ดีวัน จำกัด (D1) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CNT เพื่อนำไปพัฒนาโครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) จำนวน 10 โครงการ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้า 19.40 เมกะวัตต์ ติดตั้งในอาคารขนาดใหญ่ อาทิ โรงพยาบาลและโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งมีความต้องการใช้พลังงานสูง ช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าและเพิ่มการใช้พลังงานสะอาดให้กับภาคธุรกิจ

การสนับสนุนสินเชื่อดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำของ KKP ผ่านแนวทาง ESG (Environment, Social and Governance) โดยมุ่งเน้นการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม พร้อมส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอย่างเป็นรูปธรรม ในขณะที่ด้าน CNT มีวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้การสนับสนุนครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือสำคัญระหว่างภาคการเงินและภาคธุรกิจที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมาย Net Zero ในอนาคต

นายสุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ ประธานสายสินเชื่อธุรกิจและประธานสายสินเชื่อบรรษัท ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ธนาคารเกียรตินาคินภัทรดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว ผ่านทั้งการสนับสนุนสินเชื่อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการส่งเสริมองค์ความรู้มาอย่างต่อเนื่อง สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ของ D1 ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการเพิ่มการใช้พลังงานทดแทนในภาคธุรกิจ สะท้อนบทบาทสำคัญของสถาบันการเงินในการขับเคลื่อนแนวทาง ESG อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อร่วมสร้างธุรกิจและเศรษฐกิจไทยที่มีความยั่งยืนให้เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง"

ด้านนายคูชรู คาลี วาเดีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จำกัด (มหาชน) (CNT) กล่าวว่า “CNT ภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ KKP ในโครงการที่มีความสำคัญนี้ ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้ CNT สามารถเติบโตต่อไปและส่งมอบการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ที่ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมไทยในการใช้พลังงานสะอาดได้มากขึ้น ซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่อนาคตพลังงานที่ยั่งยืนของประเทศไทย”

ทั้งนี้ คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) หรือ CNT เป็นบริษัทชั้นนำด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างที่มีประสบการณ์ยาวนานในประเทศไทย โดยมีวิสัยทัศน์ในการขยายธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียน เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดพลังงานสะอาดที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) ก้าวขึ้นระดับ AA ในฐานะองค์กรที่ดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืน จากการจัดอันดับหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่ง KKP ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 80 บริษัทจดทะเบียนที่ได้รับการยอมรับในระดับ AA และยังคงสถานะหุ้นยั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการแสดงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ เพื่อประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างสมดุลและยั่งยืน

นอกจากนั้น ความโปร่งใสของ KKP ยังได้รับการยอมรับในระดับประเทศ โดยได้รับรางวัล Sustainability Disclosure Award ประจำปี 2567 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 จากการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนที่โปร่งใสและเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสียอีกด้วย

นางสาวพัทนัย เหลืองตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสำนักสื่อสารองค์กรและการตลาด กล่าวว่าการขึ้นสู่ระดับ AA คือผลลัพธ์จากความมุ่งมั่นต่อเนื่องขององค์กร ในการบูรณาการความยั่งยืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์องค์กร ภายใต้เจตนารมณ์ ‘มุ่งมั่นขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่อประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียอย่างยั่งยืน’  โดยพัฒนาธุรกิจด้วยนวัตกรรมและธรรมาภิบาลที่เป็นไปเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวก ภายใต้ 3 มิติ ESG ดังนี้

  1. สิ่งแวดล้อม (Environment): ลดคาร์บอน สู่เศรษฐกิจสีเขียว KKP ให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว โดยมีโครงการสำคัญที่ตอบโจทย์เป้าหมายนี้ เช่น การรีโนเวทสำนักงานใหญ่ KKP Tower ให้เป็นอาคารสีเขียวตามมาตรฐาน LEED ที่ช่วยลดการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อมให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทย และโครงการ KKP Shaping Tomorrow สนับสนุนผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน โดยสนับสนุนสินเชื่อแก่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นถึง 45% ในปี 2566 และจะยังคงตั้งเป้าที่จะสนับสนุนอย่างต่อเนื่องต่อไป
  1. สังคม (Social): ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านนวัตกรรมทางการเงินKKP ให้ความสำคัญต่อการสร้างผลกระทบเชิงบวกแก่สังคม โดยสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงินและการลงทุนผ่านนวัตกรรมที่ทันสมัย ตลอดจนการสร้างความรู้ทางการเงินให้แก่ผู้คนในสังคม ผ่านช่องทางของ KKP เช่น แอปพลิเคชัน Dime! แพลตฟอร์มดิจิทัลที่ช่วยให้คนไทยเข้าถึงบริการทางการเงินและการลงทุนได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 5 เท่า และมีนักลงทุนใหม่ในตลาดหลักทรัพย์มากกว่า 37,000 ราย อีกทั้ง ในปี 2567 โครงการ KKP Financial Literacy ได้ให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชน ผ่านการจัดอบรมมากกว่า 4,000 คน และผ่านช่องทางออนไลน์ โดยมีผู้เข้าชมกว่า 6 ล้านครั้ง
  2. การกำกับดูแลกิจการ (Governance): โปร่งใสและยึดมั่นในธรรมาภิบาล

เพื่อให้การดำเนินธุรกิจมีความยั่งยืนในระยะยาว KKP ได้วางกรอบการทำงานอย่างเข้มงวดและชัดเจน เช่น ESG Lending Policy หรือนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม และจรรยาบรรณคู่ค้า (Supplier Code of Conduct) เพื่อให้คู่ค้าปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลที่สอดคล้องกับแนวทางของ KKP

ทั้งนี้ การประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความสามารถขององค์กรไทยในการพัฒนาธุรกิจที่สมดุลระหว่างผลกำไรและความรับผิดชอบต่อโลก โดยการยกระดับก้าวขึ้นสู่ระดับ AA ครั้งนี้ได้ทำให้ KKP เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างมาตรฐานให้กับการดำเนินธุรกิจในยุคที่โลกให้ความสำคัญกับ ESG และการพัฒนาอย่างยั่งยืนในฐานะความจำเป็นสำหรับอนาคต

“ความยั่งยืนไม่ใช่แค่เป้าหมาย แต่เป็นเส้นทางที่เราต้องเดินด้วยความตั้งใจและความรับผิดชอบ KKP พร้อมเดินหน้าสู่ปีแห่งการเปลี่ยนผ่าน สู่การพัฒนาที่ก้าวไกลและยั่งยืนยิ่งขึ้น เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกในระยะยาว ทั้งต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจไทย” นางสาวพัทนัยกล่าว

Page 1 of 8
X

Right Click

No right click