

ธนาคารกสิกรไทยผนึกกำลังบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BAM) ร่วมลงทุน 1,000 ล้านบาท จัดตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์ อรุณ จำกัด (ARUN AMC) เพื่อช่วยพลิกฟื้นสถานะลูกหนี้ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั้งการดำรงชีพและการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของธนาคาร ซึ่งสอดรับกับนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ส่งเสริมการจัดตั้งกิจการร่วมทุนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้เสีย ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับระบบนิเวศการจัดการด้านสินเชื่อ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ
นายจงรัก รัตนเพียร ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงมีแนวโน้มสูงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทยที่ส่งเสริมการจัดตั้งกิจการร่วมทุนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้เสีย จึงเป็นที่มาของการร่วมลงทุนระหว่างธนาคารกสิกรไทย และบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BAM) จัดตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์ อรุณ จำกัด (ARUN AMC) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับธนาคาร นอกจากนี้ ธนาคารจะได้รับส่วนแบ่งจากผลกำไรของการบริหารหนี้จาก ARUN AMC ในฐานะผู้ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 50 ซึ่งธนาคารลงทุนผ่านบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด (KVISION) อีกด้วย โดยมุ่งหวังว่า ARUN AMC จะช่วยแก้ไขปัญหาสภาพคล่องทางการเงินให้ลูกหนี้มีโอกาสแก้ไขหนี้ และสามารถดำเนินชีวิตและธุรกิจต่อไปได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเช่นกัน
นายบรรยง วิเศษมงคลชัย รองประธานกรรมการ และรักษาการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BAM) เปิดเผยว่า ARUN AMC มีเงินทุนเริ่มต้นในการจัดตั้งบริษัทจำนวน 1,000 ล้านบาท โดยธนาคารกสิกรไทย และ BAM ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50เท่ากัน ซึ่งที่ผ่านมาBAM เป็นผู้นำในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ที่มีศักยภาพ และมีความเชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพในระบบสถาบันการเงินและบริหารสินทรัพย์ รวมทั้งเป็นพันธมิตรที่ดีกับธนาคารกสิกรไทยมาอย่างยาวนาน การร่วมลงทุนจัดตั้ง ARUN AMC ในครั้งนี้ นอกจากจะสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของ BAM ในการพลิกฟื้นสินทรัพย์ ช่วยเหลือลูกหนี้ให้กลับคืนสู่ระบบเศรษฐกิจ และฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มือสองให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยส่งเสริมศักยภาพให้ทั้งธนาคารกสิกรไทยและ BAM มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จ และเป็นการร่วมมือกันเพื่อผลักดันให้เกิดมูลค่าเพิ่มของธุรกิจบริหารสินทรัพย์ได้อย่างแท้จริง
นายสมชาย ธนุรักษ์ไพโรจน์ กรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ อรุณ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ARUN AMC ตั้งเป้าในการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพจากธนาคารกสิกรไทย มูลค่าหนี้รวมประมาณ 50,000 – 60,000 ล้านบาท มาบริหารจัดการภายใต้ทีมงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อพลิกฟื้นสถานะลูกหนี้ รวมถึงให้โอกาสลูกหนี้ฟื้นตัว และสามารถรักษาทรัพย์สินเพื่อใช้ในการดำรงชีพและดำเนินธุรกิจต่อไปได้ อีกทั้งยังมีแนวทางการบริหารที่ตอบรับมาตรการแก้ไขหนี้ของภาครัฐที่ออกมาในปัจจุบัน เช่น โครงการคุณสู้ เราช่วย รวมถึงมาตรการที่อาจออกมาในอนาคต ซึ่งแม้ว่าลูกหนี้ธนาคารกสิกรไทยจะถูกโอนขายหนี้มาที่ ARUN AMC แล้วตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2567 ก็จะยังคงได้รับการช่วยเหลือตามมาตรการแก้ไขหนี้อย่างต่อเนื่อง
ARUN AMC จะดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ "เป็นแสงสว่างให้ลูกหนี้พ้นจากวิกฤตทางการเงิน" โดยช่วยเหลือลูกหนี้อย่างเต็มที่ ด้วยการผสานจุดแข็งของธนาคารกสิกรไทยและ BAM เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ มีต้นทุนการดำเนินงานที่เหมาะสม และสร้างรายได้และกำไรที่ตอบโจทย์ผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ ARUN AMC ได้รับใบทะเบียนบริษัทบริหารสินทรัพย์เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา
KBank Private Banking (เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง) ชี้ภาคธุรกิจทั่วโลกเร่งปรับตัว รับมือกฎเกณฑ์ที่ เข้มงวดขึ้นจากภาวะโลกเดือด และความแปรปรวนด้านสภาพอากาศที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ปีนี้สัมผัสถึงความร้อนระอุได้มากกว่าทุกปี อย่างไรก็ดี ช่วงจังหวะการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนนี้นับเป็นโอกาสสำคัญให้นักลงทุนคัดสรรธุรกิจที่พร้อมจะเติบโตอย่างยั่งยืน มาเริ่มลงมือทำเพื่อโลกที่ดีขึ้น พร้อมรับผลตอบแทนที่ดีไปพร้อมๆ กัน ผ่าน 3 กองทุนโดย KAsset (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด) ได้แก่ K-PLANET และ K-TNZ-ThaiESG ด้วยความร่วมมือด้านการลงทุนเพื่อความยั่งยืนกับลอมบาร์ด โอเดียร์ (Lombard Odier) พาร์ทเนอร์ระดับโลกจากสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึง K-CHANGE โดยทั้ง 3 กองทุนเน้นลงทุนในธุรกิจที่มุ่งมั่นเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่โลกที่ยั่งยืน และมีผลลัพธ์ในการลดผลกระทบต่อโลกได้อย่างแท้จริง
นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า “ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ที่คนไทยทุกคนน่าจะสัมผัสได้ถึงความร้อนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงฤดูร้อนของปีนี้ ผลมาจากที่อุณหภูมิเฉลี่ยโลกที่สูงขึ้นจนปีที่ผ่านมาเข้าสู่ ‘ภาวะโลกเดือด’ ทำให้ทุกภาคส่วนทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยต่างให้ความสำคัญ และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อชะลอการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก สะท้อนได้จากความร่วมมือของผู้นำกว่า 130 ประเทศที่ลงนามในสัญญาปฏิญญา COP28 UAE ว่าด้วยการเกษตร อาหาร และสภาพภูมิอากาศ และการตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Target Net Zero) จึงทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวตามกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เข้มงวดขึ้น KBank Private Banking ในฐานะผู้ให้คำแนะนำด้านการลงทุน ที่มองว่านักลงทุนเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้จริง ที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจชั้นนำระดับโลก ชี้โอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน พร้อมๆ กับช่วยโลกไปด้วยแนะนำกองทุนรวมที่ลงทุนในธุรกิจที่เน้นลงทุนในธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งนักลงทุนที่สนใจสามารถเริ่มต้นลงทุนเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับโลกผ่าน 3 กองทุน ได้แก่
เมื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลกไม่ได้เปลี่ยนแค่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลก ดังนั้นการลงทุนในภาคธุรกิจชั้นนำในแต่ละอุตสาหกรรมที่เริ่มปรับตัวเพื่อรับมือกับผลกระทบ ถือเป็นอีกแนวทางในการแก้ปัญหาที่นักลงทุนสามารถลงมือทำได้ตั้งแต่วันนี้เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่งคั่งและยั่งยืนไปพร้อมกัน
คำเตือน