December 05, 2025

ลาซาด้า ประเทศไทย ร่วมมือกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภายใต้โครงการ Amazing Thailand Grand Sale 2025 ผลักดันการท่องเที่ยวไทยสู่กลุ่มนักเดินทางอาเซียนผ่าน LazTravel บริการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักบนแพลตฟอร์มลาซาด้า ชูจุดแข็งฐานผู้ใช้งานครอบคลุม 6 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย สร้างแคมเปญโปรโมตรูปแบบข้ามพรมแดน พร้อมมอบดีลสุดคุ้มสำหรับการจองเที่ยวบินและที่พัก ชูไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวทั้งในประเทศ (Domestic Tourism) และจากต่างประเทศ (Inbound Tourism)

วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า “LazTravel ไม่เพียงช่วยให้การจองทริปเป็นเรื่องง่ายและคุ้มค่า แต่ยังเป็นช่องทางสำคัญในการส่งเสริมและโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวไทย ทั้งเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว ช่วยเปิดประสบการณ์และถ่ายทอดเสน่ห์ความเป็นไทยสู่สายตานักเดินทาง ผ่านบริการท่องเที่ยวแบบครบวงจรบนแพลตฟอร์มของเรา ซึ่งเข้าถึงฐานผู้ใช้ได้มากขึ้นในระดับภูมิภาค ตอกย้ำประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางยอดนิยมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Thailand as a popular destination in Southeast Asia) ขณะเดียวกัน ความร่วมมือกับ ททท. ในครั้งนี้ยังช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคุณภาพได้กว้างขึ้น ในฐานะผู้นำด้านอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคนี้ เราภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ”

ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระบุว่า ในปี 2567 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอาเซียนกว่า 10.6 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 30% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ขณะที่รายงานจาก Visa ยังชี้ว่า นักท่องเที่ยวจาก สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม เป็นกลุ่มที่สร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวสูงสุด 3 อันดับแรกในไทย โดยเฉพาะหมวดที่พัก ช้อปปิง ร้านอาหาร และบริการสุขภาพ

ความร่วมมือระดับภูมิภาคครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Amazing Thailand Grand Sale 2025 ซึ่งเป็นแคมเปญสำคัญของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มุ่งกระตุ้นการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวในช่วงฤดูท่องเที่ยว พร้อมมอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟแก่นักท่องเที่ยวจากอาเซียน ผ่านส่วนลดเที่ยวบินและโรงแรมสูงสุด 15% (เป็นไปตามเงื่อนไขในแต่ละประเทศ)

ขณะเดียวกัน ลาซาด้ายังเดินหน้าสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศผ่านแคมเปญเที่ยววันธรรมดา เพื่อจูงใจให้คนไทยออกเดินทางในช่วงวันจันทร์ - พฤหัสบดี โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ‘เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568’ จากภาครัฐ ซึ่งเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อกระตุ้นการเดินทางในช่วงโลว์ซีซันอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ LazTravel ยังมีบทบาทสำคัญในการขยายการรับรู้และกระตุ้นการเดินทางในระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผลักดันแหล่งท่องเที่ยวทางเลือก เช่น เมืองน่าเที่ยว ให้เป็นที่รู้จักและเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของลาซาด้า อาทิ แบนเนอร์หน้าแคมเปญหลัก การแจ้งเตือนข้อความ และคูปองส่วนลดพิเศษ เช่น

· Amazing Thailand Grand Sale: นักท่องเที่ยวจากอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม รับส่วนลดสูงสุด 15% เมื่อจองตั๋วเครื่องบินและที่พักในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน – 15 สิงหาคม 2568

· เที่ยววันธรรมดา: นักท่องเที่ยวชาวไทยรับส่วนลดสูงสุด 15% สำหรับการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักภายในประเทศ (สูงสุด 150 บาท) ตั้งแต่เดือนมิถุนายน – กันยายน 2568

LazTravel ให้บริการจองตั๋วเครื่องบิน ห้องพัก กิจกรรม และแหล่งท่องเที่ยว ผ่านแอปพลิเคชันลาซาด้า โดยรวบรวมเที่ยวบินจากกว่า 200 สายการบิน ครอบคลุมกว่า 50,000 เส้นทาง พร้อมตัวเลือกโรงแรมมากกว่า 282,000 แห่งใน 7,000 เมืองทั่วโลก ปัจจุบันเปิดให้บริการใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ โดยผู้ใช้งานสามารถวางแผนและจองการเดินทางทั้งในและต่างประเทศได้อย่างสะดวกสบาย ครบจบในแอปเดียว พร้อมความคุ้มค่าสูงสุดจากฟีเจอร์เปรียบเทียบราคาสายการบินและโรงแรม รวมถึงโปรโมชันพิเศษจากแคมเปญต่าง ๆ ตลอดทั้งปี ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักเดินทางยุคใหม่ทั้งในไทยและอาเซียน

 

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารกรุงเทพมหานคร นำทีมสื่อมวลชนเยี่ยมชมศูนย์ควบคุมและติดตามสถานการณ์ความปลอดภัย เตรียมความพร้อมการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568

รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวว่า วันนี้นำทีมสื่อมวลชนเยี่ยมชมศูนย์ควบคุมและติดตามสถานการณ์ความปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมีศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ อยู่ ณ ห้องสุทัศน์ ชั้น 2 ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการควบคุมและติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ภายในศูนย์บัญชาการแห่งนี้ ได้ติดตั้งระบบควบคุมสั่งการแบบเรียลไทม์ พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลจากกล้อง CCTV ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะจุดจัดงานขนาดใหญ่ เช่น ถนนข้าวสาร สีลม สนามหลวง และพื้นที่เสี่ยงอื่น ๆ โดยมีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานทำงานร่วมกันตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประเมินสถานการณ์ วิเคราะห์ความเคลื่อนไหว และสามารถสั่งการตอบโต้เหตุการณ์ได้ทันที

รองผู้ว่าฯ ทวิดา ยังกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ศูนย์บัญชาการ ยังมีการแสดงผล Dashboard สถิติเชิงลึก รายงานจุดเสี่ยงและการเฝ้าระวังในแต่ละพื้นที่ ซึ่งในการดูแลความปลอดภัยของประชาชน ระบบ Dashboard ถือเป็นเครื่องมือหลักที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถมอนิเตอร์และประเมินสถานการณ์แบบเรียลไทม์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งระบบจะนำข้อมูลที่ได้จากกล้อง CCTV เซ็นเซอร์จับความเคลื่อนไหว และอุปกรณ์ตรวจวัดความหนาแน่นของฝูงชน มาประมวลผล ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถระบุพื้นที่ที่มีความเสี่ยงหรือเกิดเหตุการณ์ผิดปกติได้ทันที

สำหรับงานเทศกาลงานสงกรานต์กรุงเทพมหานคร ผนึกกำลังความร่วมมือทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน จัดตั้งกองอำนวยการร่วมกลาง โดยสำนักงานเขต 50 เขต ได้ประสานกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบังคับการตำรวจจราจร กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว และสถานีตำรวจนครบาลในพื้นที่ รวมทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อกำหนดมาตรการและบูรณาการกับทุกภาคส่วน ในการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือสาธารณภัย ตลอดจนการดูแลด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยออกแบบการทำงานอย่างเป็นระบบ เช่น การจัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังอันตราย 43 จุด , จัดกำลังเจ้าหน้าที่สนับสนุนเจ้าพนักงานจราจร ดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน , เป็นศูนย์รับแจ้งเหตุประสานงานและทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลผู้บาดเจ็บที่เข้ารักษาในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล , จัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของ กทม. ตลอด 24 ชม. , ให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว , กองโรงงานช่างกล เตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสนับสนุนกรณีเหตุฉุกเฉิน, จัดชุดเจ้าหน้าที่ตรวจตราดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ , จัดทำข่าวประชาสัมพันธ์การจัดงาน หรือกิจกรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เกิดเป็นระบบการทำงานแบบเรียลไทม์ เชื่อมโยงข้อมูลและการสื่อสารผ่านศูนย์บัญชาการหลัก ที่สามารถติดต่อหน่วยงานสนับสนุนต่าง ๆ ได้โดยทันที เมื่อเกิดความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุ หรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เพื่อช่วยเข้าแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที

จากนั้น รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารกรุงเทพมหานคร นำสื่อมวลชนเยี่ยมชมการเตรียมความพร้อมที่ถนนข้าวสาร เขตพระนคร บริเวณจุดเล่นน้ำขนาดใหญ่อีกหนึ่งจุดในกรุงเทพมหานคร ซึ่งถือเป็นจุดไฮไลต์สายสนุกของเทศกาลปีนี้ กับงาน Khao San World Water Festival 2025 จัดโดยสมาคมผู้ประกอบการค้าถนนข้าวสาร ระหว่างวันที่ 12 – 15 เมษายน 2568 เปิดพื้นที่ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เล่นน้ำอย่างปลอดภัย


โดยพล.ต.อ.อดิศร์ กล่าวว่า ปีนี้ได้มีการนำร่องใช้เทคโนโลยี AI กับกล้อง CCTV สร้างระบบช่วยดูแลความปลอดภัย พร้อมการจัดวางกล้อง CCTV อย่างรัดกุมรอบพื้นที่งาน ซึ่งเทคโนโลยี AI จะช่วยเรื่อง ระบบอ่านและบันทึกป้ายทะเบียน ระบบจดจำใบหน้า ระบบวิเคราะห์ความหนาแน่นของฝูงชนบนถนนข้าวสาร จำนวน 4 กล้อง ระบบนับจำนวนคน ใช้ร่วมกันกับระบบจดจำใบหน้าที่จุดคัดกรอง ระบบค้นหาลักษณะของบุคคลหรือสิ่งของ และจัดหากล้องติดตามตัว ซึ่งระบบ AI นี้ จะตรวจจับใบหน้าเพื่อป้องปรามอาชญากร , จัดการพื้นที่เข้า–ออกงาน และตรวจสอบความหนาแน่นของนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งมีการจัดเจ้าหน้าที่และหน่วยซ่อมบำรุงตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับมือเหตุฉุกเฉินได้ทันที



“นอกจากแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ดังกล่าวแล้ว กรุงเทพมหานครยังวางมาตรการด้านความปลอดภัยให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถร่วมสืบสานประเพณีปีใหม่ไทยได้อย่างสนุกสนานและปลอดภัยภายใต้นโยบาย“สงกรานต์สร้างสรรค์เล่นน้ำอย่างปลอดภัย ภายใต้มาตรการ 5 ป.” ที่ถือเป็นกรอบแนวทางสำคัญในการควบคุมดูแลพื้นที่จัดงาน และส่งเสริมพฤติกรรมที่เหมาะสมของประชาชน ประกอบด้วย 1. ปลอดปืนฉีดน้ำขนาดใหญ่ ห้ามใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงหรือขนาดใหญ่ในพื้นที่จัดงานและพื้นที่สาธารณะ เพื่อลดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บจากแรงดันน้ำ 2. ปลอดแอลกอฮอล์ งดเว้นการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าพื้นที่จัดกิจกรรม โดยเฉพาะในจุดที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก เพื่อป้องกันเหตุทะเลาะวิวาทและสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับทุกวัย 3. ปลอดโป๊ ขอความร่วมมือประชาชนและนักท่องเที่ยวแต่งกายให้เหมาะสม งดเว้นการแต่งกายล่อแหลมหรือไม่สุภาพในที่สาธารณะ เพื่อคงไว้ซึ่งภาพลักษณ์อันงดงามของประเพณีสงกรานต์ 4. ปลอดแป้ง ห้ามพกพาหรือใช้แป้งทาตัวและแป้งเปียกในการละเล่นสงกรานต์ เนื่องจากอาจก่อให้เกิดการแพ้ ผื่นคัน หรือปัญหาในกลุ่มผู้มีโรคผิวหนัง รวมถึงการปะปนของสิ่งสกปรกในพื้นที่ชุมนุม และสุดท้าย 5. ประหยัดน้ำ ส่งเสริมการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าและเหมาะสมในช่วงสงกรานต์ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการใช้น้ำเล่นกันเป็นจำนวนมาก เช่น ถนนข้าวสาร ถนนสีลม และสามย่านมิตรทาวน์ โดยกำหนดจุดให้บริการน้ำสะอาดและเน้นการใช้น้ำหมุนเวียน โดยมาตรการ 5 ป. นี้จะถูกบังคับใช้อย่างเข้มข้นในทุกพื้นที่จัดงานทั่วกรุงเทพฯ โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจในพื้นที่ และหน่วยงานสนับสนุนร่วมตรวจสอบตลอดระยะเวลาการจัดกิจกรรม เพื่อให้เทศกาลสงกรานต์ปีนี้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ปลอดภัย และยังคงไว้ซึ่งคุณค่าทางวัฒนธรรมไทยอย่างแท้จริง” พล.ต.อ.อดิศร์ กล่าว

กรุงเทพมหานคร จึงขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมฉลองเทศกาลสงกรานต์ 2568 อย่างมีความสุข ปลอดภัย และเคารพประเพณีไทย โดยขอความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการ 5 ป. อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การจัดงานสงกรานต์ในปีนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเป็นเทศกาลแห่งรอยยิ้ม ความอบอุ่น และความประทับใจของทุกคนอย่างแท้จริง

ทรู ลีสซิ่ง ผู้ให้บริการรถเช่าทุกประเภทของไทย เดินหน้าขยายธุรกิจ ร่วมยกระดับการท่องเที่ยวในอยุธยาและประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน เปิดตัว “เดอะ วันเดอร์ บลู คลาสสิค โบตเฮาส์ อยุธยา” (The Wonder Blue Classic Boathouse Ayutthaya) แลนด์มาร์คแห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ผสานความคลาสสิคของเรือระดับตำนานเข้ากับเสน่ห์อยุธยาได้อย่างลงตัว 

ชูคอนเซ็ปต์รวมที่สุดแห่งความเป็น “หนึ่งเดียวในโลก” ทั้งโบตเฮาส์ที่รวมคอลเลคชั่นเรือคลาสสิคที่เปิดให้ชมมากที่สุด ท่าเรือส่วนตัวสไตล์อิตาลี แกลลอรี่ชมเรื่องราวประวัติเรือคลาสสิคอันทรงคุณค่า ไพรเวทเล้าจน์ชมไฮไลท์ “โชว์เคสการยกเรือ” ให้บริการล่องเรือคลาสสิคสัมผัสความงดงามสองฝั่งลำน้ำกรุงเก่า พร้อมดื่มด่ำกับมื้ออาหารสุดพิเศษ ณ The Summer House @ Wonder Blue ในบรรยากาศริมโค้งน้ำที่สวยที่สุด ครบทุกมิติแห่งการท่องเที่ยว “กิน ดื่ม เที่ยว” จบในที่เดียว เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 9.00 – 20.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.TheWonderBlueAyutthaya.com

 

นายขจร เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทรู ลีสซิ่ง จำกัด กล่าวว่า “ทรู ลีสซิ่ง ผู้ให้บริการรถเช่าระยะยาว และรถเช่ารายวันที่พร้อมตอบโจทย์ทั้งการเดินทาง ท่องเที่ยวและขนส่ง มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศในจังหวัดสำคัญของแต่ละภูมิภาค ทั้งภาคเหนือที่เชียงใหม่และเชียงราย ภาคใต้ที่ภูเก็ตและกระบี่ ภาคตะวันออกที่พัทยา ส่วนภาคกลางที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และทรู ลีสซิ่ง ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจสู่พื้นที่ยุทธศาสตร์ภาคกลาง ครอบคลุมตั้งแต่ภาคกลางจนถึงภาคกลางตอนเหนือ ปักหมุดอยุธยา อีกหนึ่งจังหวัดศูนย์กลางที่ทรู ลีสซิ่ง เข้าไปดำเนินธุรกิจบริการแบบครบวงจรพร้อมรองรับทั้งลูกค้าปัจจุบัน ลูกค้าใหม่ รวมถึงกลุ่มลูกค้านิคมอุตสาหกรรมต่างๆ โดยล่าสุด ได้ต่อยอดธุรกิจเพื่อร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวอยุธยา ซึ่งยังเป็นจุดยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวในตัวที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เวนิสแห่งตะวันออก” เปิดให้บริการ “เดอะ วันเดอร์ บลู คลาสสิค โบตเฮาส์ อยุธยา” (The Wonder Blue Classic Boathouse Ayutthaya) ซึ่งเป็นโบตเฮาส์ที่รวบรวมเรือแฮคเกอร์-คราฟต์ทั้งหมด เป็นแบรนด์เรือคลาสสิคตำนานระดับโลกที่มีชื่อเสียงมากว่า 100 ปี มีทั้งหมด 12 ลำ แบ่งให้บริการทั้งในกรุงเทพฯ ล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ปี 2561 โดยที่จังหวัดอยุธยา สร้างเป็นโบตเฮาส์เรือคลาสสิคส่วนตัว ท่ามกลางเมืองมรดกโลกที่มีประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่ามาอย่างยาวนาน เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ให้ได้ล่องเรือคลาสสิค สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ โดยไม่ต้องเดินทางไกลไปถึงต่างประเทศ ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าโบตเฮาส์แห่งนี้ จะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ อีกหนึ่งจุดหมายปลายที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาชมทัศนียภาพและประทับใจกับความงดงามของแม่น้ำเจ้าพระยากลางกรุงเก่าในรูปแบบใหม่ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนการท่องเที่ยวจังหวัดอยุธยาร่วมกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ตลอดจนสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป”

 

รวมที่สุดแห่งความเป็นหนึ่งเดียวในโลก

“เดอะ วันเดอร์ บลู คลาสสิค โบตเฮาส์ อยุธยา” (The Wonder Blue Classic Boathouse Ayutthaya) พร้อมมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวสุดเอ็กซ์คลูซีฟ กับ 5 ความเป็นหนึ่งเดียวที่ไม่ควรพลาด ได้แก่

1. แลนด์มาร์คแห่งใหม่ หนึ่งเดียวในโลกที่ผสานความคลาสสิคของเรือระดับตำนานเข้ากับมนต์เสน่ห์อยุธยา เมืองมรดกโลกได้อย่างลงตัว

2. หนึ่งเดียวที่มีคอลเลคชั่นเรือคลาสสิคเปิดให้ชมมากที่สุด โดยทุกลำเป็นเรือคลาสสิคแฮคเกอร์-คราฟต์ (Hacker-Craft) ทั้งหมด ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ดั้งเดิมที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกา มีชื่อเสียงมายาวนานกว่า 100 ปี สร้างจากไม้มะฮอกกานีที่ดีที่สุด จนเป็นที่กล่าวขานว่า “นี่ไม่ใช่แค่เรือ หากแต่เป็นงานศิลปะที่ลอยอยู่บนผืนน้ำ”

3. หนึ่งเดียวที่เปิดประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ให้เยี่ยมชมแกลเลอรี่ สัมผัสเสน่ห์ของเรือคลาสสิคอันทรงคุณค่า ท่ามกลางมนต์เสน่ห์แห่งอยุธยาซึ่งโอบล้อมประวัติศาสตร์ สายน้ำ และสถาปัตยกรรมอันวิจิตรเหนือกาลเวลา

4. หนึ่งเดียวที่ผสานนวัตกรรมเข้ากับศิลปะเรือคลาสสิค ด้วยไฮไลท์ “โชว์เคสการยกเรือ” ลงน้ำให้บริการล่องเรือคลาสสิค ที่สะกดทุกสายตา สร้างความประทับใจไม่รู้ลืม

5. หนึ่งเดียวที่ครบทุกมิติไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยว จากการชมโบตเฮ้าส์ สู่การล่องเรือคลาสสิค พร้อมเพลิดเพลินกับมื้ออาหารสุดพิเศษรสเลิศ ในบรรยากาศริมโค้งน้ำที่งดงามที่สุดของอยุธยา ณ The Summer House @ Wonder Blue นับได้ว่า “กิน ดื่ม เที่ยว” จบครบในที่เดียว

นอกจากนี้ The Wonder Blue Classic Boathouse Ayutthaya ยังมีไพรเวทเล้าจน์ คาเฟ่ร้านอาหาร พื้นที่จัดงาน และบริการรถรับ-ส่ง และรถเช่าทุกประเภทจากทรู ลีสซิ่ง เพื่อให้สถานที่แห่งนี้สมกับเป็น One-Stop-Destination สำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติอย่างแท้จริง เปิดให้บริการทุกวัน จันทร์ถึงอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00 – 20.00 น. โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม และจองออนไลน์สำหรับบริการล่องเรือคลาสสิกที่อยุธยาได้ที่ www.TheWonderBlueAyutthaya.com และสามารถจองออนไลน์เพื่อเช่ารถทุกประเภท และบริการล่องเรือคลาสสิกที่กรุงเทพฯ ได้ที่ www.trueleasing.co.th หรือติดต่อคอลล์ เซ็นเตอร์ True Leasing 1279 ตลอด 24 ชั่วโมง

Booking.com  หนึ่งในแพลตฟอร์มด้านการเชื่อมต่อผู้เดินทางกับตัวเลือกด้านการเดินทางต่าง ๆ ระดับโลกเดินหน้าจัดทำการประกาศผลรางวัล Traveller Review Awards เป็นที่ 13 อย่างต่อเนื่อง โดยได้รวบรวมคะแนนรีวิวของผู้ใช้บริการจริงกว่า 360 ล้านรีวิวบนแพลตฟอร์ม ทำให้ในปี 2568 นี้มีพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการด้านการเดินทางจากทั่วโลกรวมกว่า 1.71 ล้านรายได้รับรางวัล Traveller Review Awards 2025 ทั้งผู้ให้บริการที่พัก (1,711,539 ราย) ผู้ให้บริการรถเช่า (1,329 ราย) รวมถึงผู้ให้บริการแท็กซี่ (124 ราย) ซึ่งเพิ่มขึ้น 16% จากปีที่ผ่านมา

ในปีนี้ มีพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการด้านที่พักและด้านการเดินทางอื่น ๆ จากประเทศไทยจำนวน 14,710 ราย (เพิ่มขึ้นมากกว่า 20% จากปี 2567) ที่ได้รับรางวัล Traveller Review Awards สำหรับการมอบบริการอันยอดเยี่ยมและการต้อนรับอันอบอุ่น โดยมีคะแนนรีวิวเฉลี่ย 8.8 คะแนน อ้างอิงจากการรีวิวของผู้เดินทางกว่า 3.2 ล้านรีวิวทั่วโลก

เมื่อพูดถึงรายชื่อ ‘เมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ดีที่สุด แน่นอนว่าจุดหมายปลายทางที่รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีใส หาดทรายระยิบระยับ และเนินเขาสูงตระหง่านยังคงติดอันดับอย่างไร้ข้อสงสัย อย่างไรก็ตามผู้เดินทางก็ให้ความสนใจกับเมืองรองอย่างต่อเนื่องจนทำให้จังหวัดน่านได้รับความนิยมเป็นที่ปีสองติดต่อกัน ไม่เพียงเท่านั้น จังหวัดสุโขทัยซึ่งเลื่องลือด้านโบราณสถานและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ก็ติดอันดับเป็นปีแรกเช่นเดียวกัน

เครดิตภาพ: สุโขทัย การ์เด้น

เมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในประเทศไทยประจำปี 2568 · จังหวัดกระบี่ · จังหวัดพังงา · จังหวัดน่าน · จังหวัดสุราษฎร์ธานี · จังหวัดสุโขทัย

โรงแรมยังเป็นประเภทที่พักที่ผู้เดินทางชาวไทยชื่นชอบ แม้ว่าอพาร์ตเมนต์จะเป็นประเภทที่พักที่ได้รับรางวัลมากที่สุดมาเป็นอันดับหนึ่ง (847,627 แห่ง) จากการจัดอันดับของ Traveller Review Awards 2025 และครองตำแหน่งติดต่อกันเป็นปีที่ 8 แต่ในปีนี้ที่พักประเภทโรงแรมยังเป็นที่พักที่นิยมมากที่สุดในประเทศไทยด้วยจำนวนโรงแรมที่ได้รางวัลทั้งสิ้น 3,833 แห่ง อย่างไรก็ตามอพาร์ตเมนต์ได้ขึ้นมาเป็นที่พักยอดนิยมอันดับที่สอง (2,457 แห่ง) จากอันดับที่สามในปีก่อน ตามด้วยรีสอร์ท (2,228 แห่ง) วิลลา (1,624 แห่ง) และเกตส์เฮ้าส์ (1,150 แห่ง)

ตั้งแต่ปี 2553 Booking.com ได้ให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าพักกว่า 4.5 พันล้านคน ซึ่งมากกว่า 1 พันล้านคนเลือกที่จะเข้าพักในที่พักแปลกใหม่หรือที่พักที่ไม่ใช่โรงแรม และวันนี้ผู้เดินทางสามารถค้นหาที่พักบน Booking.com ได้มากกว่า 30 ประเภท ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักตากอากาศชานเมือง อพาร์ตเมนต์สไตล์ฟังกี้ใจกลางเมือง วิลลาสุดหรู เบดแอนด์เบรกฟาสต์ ที่พักในฟาร์ม บังกะโล รวมถึงที่พักบนเรือ กระท่อมน้ำแข็ง และบ้านต้นไม้สำหรับผู้เดินทางที่ชื่นชอบการผจญภัย

ผู้ให้บริการด้านการขนส่งโดยสารมีส่วนช่วยทำให้ทริปเต็มไปด้วยความประทับใจ Booking.com ยกย่องผู้ให้บริการด้านการขนส่งโดยสารทั้งผู้ให้บริการรถเช่าและแท็กซี่สนามบินที่มอบบริการอันยอดเยี่ยมให้กับผู้เดินทางอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้เดินทางสามารถออกไปสัมผัสโลกกว้างได้อย่างง่ายดายและไร้รอยต่อยิ่งขึ้น โดยในปี 2568 มีบริษัทผู้ให้บริการรถเช่า 1,329 รายจาก 100 ประเทศทั่วโลกได้รับรางวัล Traveller Review Awards 2025 ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 196% ไม่เพียงเท่านี้ยังมีบริษัทผู้ให้บริการแท็กซี่สนามบิน 124 รายจากทั่วโลกที่ได้รับรางวัลนี้ด้วยเช่นกัน

“ไม่ว่าจะเป็นการแชร์เคล็ดลับการเลือกร้านและเมนูอาหารถิ่นที่ห้ามพลาดจากคนขับแท็กซี่ หรือการเซอร์ไพรส์คู่รักด้วยแชมเปญและดอกไม้จากเจ้าของที่พักและเหล่าพนักงานเพื่อช่วยให้พวกเขาได้เฉลิมฉลองในวันครบรอบ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พาร์ทเนอร์ของเราทำให้การท่องเที่ยวในแต่ละวันเป็นที่น่าจดจำและประทับใจสำหรับผู้เดินทางมากยิ่งขึ้น” นางสาวมิเชล เกา ผู้จัดการประจำภูมิภาคประจำกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงและจีนของ Booking.com กล่าวและเสริมว่า “ดังนั้นรางวัล Traveller Review Awards นี้ไม่เพียงเป็นคำขอบคุณจาก Booking.com แต่ในนามของผู้เดินทางหลายร้อยล้านคนจากทั่วโลกที่ต้องการมอบให้พาร์ทเนอร์ด้านการเดินทางสำหรับความมุ่งมั่นและความตั้งใจในการมอบบริการอันอบอุ่นและร่วมสร้างประสบการณ์การเดินทางอันยอดเยี่ยมให้กับผู้เดินทางได้อย่างไร้ที่ติ”

นับตั้งแต่การเกิดขึ้นของอารยธรรมทางภาษาและการจดบันทึกในยุคอียิปต์โบราณ จนถึงภาษาดิจิทัลและเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งในปัจจุบัน “ข้อมูล” (Data) หรือ เนื้อหาที่ถูกเข้ารหัสทางภาษาในการสื่อสารถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้สังคมมนุษย์และมวลมนุษยชาติก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง สะท้อนได้จาก Generative AI ที่ได้สร้างความมหัศจรรย์และนานาประโยชน์ที่มนุษย์คาดไม่ถึง

อย่างไรก็ตาม การใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่ผ่านมา ยังคงจำกัดอยู่ในแวดวงธุรกิจเป็นหลัก พร้อมยังเป็นที่ถกเถียงถึงแนวทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกแบบนโยบายสาธารณะ ทั้งนี้ ในงาน dataCon 2024 งานสัมมนาที่เชื่อมกลุ่มคนที่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงและคนในวงการข้อมูลให้มาพบกัน เพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ดีขึ้นด้วยดาต้า ที่จัดขึ้น ณ True Digital Park โดยการสนับสนุนของ ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ได้จัดเสวนาหัวข้อ “สร้างนโยบายแห่งอนาคต ด้วยพลังข้อมูล Shaping the Future with Insights”

Mobility Data เพื่อการส่งเสริมนโยบายท่องเที่ยวที่แม่นยำ-ตรงใจ

ผศ.ดร.ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย อาจารย์ภาควิชาวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าถึงการจัดทำแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด โจทย์ใหญ่เพื่อรองรับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวหลังโควิดที่รายได้จากภาคการท่องเที่ยวโดยส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่เพียงไม่กี่จังหวัดเท่านั้น และการจัดเก็บข้อมูลเพื่อสำรวจพฤติกรรมการท่องเที่ยวมีข้อจำกัด ทรู-ดีแทค สดช. คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ และบุญมีแล็บจึงได้ผนึกกำลังวิจัย “ศักยภาพการท่องเที่ยวจังหวัดเมืองรองจาก Mobility Data” ทำให้เห็นข้อมูลที่สำคัญถึงพฤติกรรมในการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทย ทั้งวิธีการเดินทาง รูปแบบการเดินทาง และได้จัดทำข้อเสนอแนะในเชิงนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ซึ่งมี 3 ด้าน ดังนี้

1. การดึงดูดการท่องเที่ยวระยะใกล้ (Micro-Tourism) แบบเช้าไปเย็นกลับ ในระยะทาง 150 กิโลเมตร

2. การส่งเสริมการค้างคืน เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ เพิ่มมูลค่าการใช้จ่าย และระยะเวลาพำนัก

3. การพัฒนาการท่องเที่ยวแบบกลุ่มจังหวัด (คลัสเตอร์) เพื่อส่งเสริมการเดินทางในกลุ่มจังหวัดใน 1 ทริป

“เราได้วิเคราะห์พฤติกรรมการเดินทางแบบกลุ่มจังหวัด (คลัสเตอร์) โดยใช้ Mobility Data ว่าในหนึ่งทริปของการเดินทางผ่านจังหวัดใดบ้าง สรุปออกมาได้เป็น 19 คลัสเตอร์ และมี 7 คลัสเตอร์ที่มีศักยภาพในการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบกลุ่มจังหวัดในระดับสูง ที่สามารถทำกิจกรรม โปรโมตการเดินทางร่วมกันได้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ทั้งระยะเวลาในการพำนักและใช้จ่าย อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นหัวใจสำคัญที่สร้างรายได้ แต่ที่ผ่านมากลับพบปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำในเชิงพื้นที่ท่องเที่ยวและการกระจายรายได้มาโดยตลอด ซึ่งผลวิเคราะห์ Mobility Data นี้เอง จะช่วยเสริมแกร่งให้จังหวัดเมืองรอง สามารถวางกลยุทธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวตามศักยภาพของตนเอง เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่ใช่มายังจังหวัด อันนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและกระจายรายได้สู่เมืองรองได้อย่างยั่งยืน”

นอกจากนี้ ข้อมูลจาก Mobility Data ยังมีศักยภาพสามารถนำมาวิเคราะห์ในด้านการให้บริการสาธารณะด้านอื่น ๆ ได้ เช่น ระบบขนส่งสาธารณะ ระบบสาธารณสุขของประเทศไทย

“การใช้ Mobility Data ไม่เพียงแต่ช่วยให้นโยบายของรัฐสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ภาคเอกชนที่เข้ามาร่วมแก้ปัญหาอย่างทรู-ดีแทคได้มองเห็นโอกาสจากการวิเคราะห์ดาต้าเพื่อการออกแบบนโยบายสาธารณะ ที่เปิดให้ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามาร่วมกันวางนโยบายสำหรับอนาคต” ผศ.ดร.ณัฐพงศ์ กล่าว

ความท้าทายของการใช้ข้อมูล

ดร.โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการ สถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันภาครัฐมีข้อมูลหลายชุด ทั้งดาต้าของแต่ละหน่วยงาน ดิจิทัล ฟุตปรินต์ แต่การบริหารจัดการข้อมูล และนำข้อมูลมาออกแบบนโยบายในภาพใหญ่ของประเทศ ต้องเข้าใจปัญหาให้รอบด้าน และลงลึกถึงกลุ่มที่ภาครัฐต้องการเข้าไปช่วยเหลืออย่างแท้จริง ผ่านการเก็บข้อมูลให้ครบทั้ง 3 มิติ หนึ่ง ครอบคลุมตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน สอง ลงลึกถึงรายละเอียด และสาม ต้องเห็นความเชื่อมโยง

ทั้งนี้ การนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์จะต้องส่องให้ครบ 5 เลนส์สำคัญ คือ

1. Macro but granular ภาพใหญ่แต่ต้องลงลึกให้เห็นรายละเอียด อย่างการทำวิจัยหนี้ครัวเรือนของสถาบันป๋วย ข้อมูลหลักที่ใช้จากเครดิตบูโร ซึ่งอาจยังไม่ครอบคลุม ต้องลงไปดูในพื้นที่ที่มีการกระจุกตัวของหนี้ครัวเรือน เช่น ในเมือง กลุ่มเหล่านี้เปราะบางอย่างไร

2. Near real time ใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ อย่างช่วงโควิดในสหรัฐอเมริกา ใช้ข้อมูลจากแอปพลิเคชันด้านการเงิน เพื่อวิเคราะห์จำนวนผู้ป่วย

3. Lungitudinal ติดตามพัฒนาการของแต่ละเจนเนอเรชั่น อย่างการใช้ข้อมูล tax data เพื่อจะดูว่าพ่อแม่จน ส่วนใหญ่ลูกยังจนอยู่

4. Network/relationship ติดตามความเชื่อมโยง อย่างระบบพร้อมเพย์ จะทำให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างรัฐกับประชาชน ผู้บริโภคกับผู้บริโภค และผู้บริโภคกับภาคธุรกิจ

5. Observe the unobserved ดาต้าจะช่วยให้คนทำนโยบายมองเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

“ดาต้า ทำให้มีหลายเลนส์ที่เห็นกันได้ แต่การทำนโยบายที่ดีที่สุด ต้องนำทุกเลนส์เข้ามาร่วมกัน แต่สิ่งที่เป็นความท้าทายในการนำข้อมูลมาใช้เพื่อออกแบบนโยบาย หนึ่ง คือข้อมูลไม่ครบ การใช้ข้อมูลต้องบูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน สอง การนำข้อมูลมาใช้ต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพของข้อมูล สาม การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานรัฐและเอกชน และสี่ การแชร์ข้อมูล จะสามารถนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการออกแบบนโยบายเพื่อประโยชน์สาธารณะได้อีกมาก” ดร.โสมรัศมิ์ กล่าว

ด้าน LINE MAN Wongnai ในฐานะเป็นบริษัทเอกชนที่ใช้ข้อมูลในการดำเนินธุรกิจ อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ รองประธานฝ่ายนโยบายสาธารณะและรัฐกิจสัมพันธ์ กล่าวว่า บริษัทฯ มีการเก็บข้อมูลจำนวนมาก และเก็บทุกรายละเอียดของธุรกรรมที่เกิดขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นพฤติกรรมของคนไทย ข้อมูลธุรกิจร้านอาหาร และนำไปเผยแพร่บางส่วนเพื่อให้สังคมนำไปวิเคราะห์ได้ สามารถออกแบบนโยบายสนับสนุนผู้ประกอบการได้ โดยเฉพาะร้านอาหารขนาดเล็ก เช่น การสำรวจข้อมูลร้านอาหารในประเทศไทย ดัชนีอาหารจานเดียว (กะเพรา อินเด็กซ์) เพื่อเทียบราคาอาหารกับเงินเฟ้อ รวมถึงการใช้นโยบายคนละครึ่ง มีส่วนช่วยธุรกิจร้านอารหารได้มากน้อยเพียงใด และยังมีข้อมูลอีกมากที่ภาครัฐสามารถนำไปออกแบบนโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชน

“สุดท้าย อยากให้ภาครัฐให้ความสำคัญกับการใช้ข้อมูล ทั้งข้อมูลทางการค้า ข้อมูลส่วนบุคคล อยากให้มีกลไก หรือกรอบทางกฎหมายที่จะทำให้เอกชนมั่นใจว่าการนำข้อมูลไปใช้จะไม่มีปัญหาตามมา ถือเป็นสิ่งสำคัญในการแชร์ข้อมูลระหว่างภาครัฐและเอกชน” อิสริยะ กล่าวทิ้งท้าย

Page 1 of 4
X

Right Click

No right click