ผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคต่อสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ช่วงครึ่งปีแรกของ พ.ศ. 2560 โดยดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เว็บไซต์สื่อกลางอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย พบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความกังวลเกี่ยวกับอนาคตอันใกล้ ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยต่างๆ ทางเศรษฐกิจ แต่ยังคงมีมุมมองในเชิงบวกว่าในอีก 5 ปีข้างหน้ามูลค่าของอสังหาฯ จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การสำรวจดังกล่าว สะท้อนให้เห็นมุมมองของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯ - ปริมณฑลที่อยู่ระหว่างพิจารณาจะซื้อและผู้ที่ซื้อบ้านครั้งแรก รวมไปถึงผู้ที่กำลังขยับขยายหาที่อยู่ใหม่ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2560 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ (ร้อยละ 49) ต่างเชื่อว่ามูลค่าของอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 ภายในห้าปีข้างหน้า อีกร้อยละ 14 คาดว่าราคาอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 10
ทั้งนี้นอกจากมุมมองเชิงบวกแล้ว ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าร้อยละ 60 แสดงความกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาอสังหาฯ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่สภาพเศรษฐกิจของประเทศยังอยู่ในช่วงชะลอตัว
กมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยของ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ ในเครือพร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป กล่าวว่า “ผลสำรวจในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่หลากหลายของผู้บริโภคต่อตลาดที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่รู้สึกว่าตนเองได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว และค่อนข้างกังวลกับราคาอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ ที่แพงเกินไป
แต่ยังคงเห็นได้ถึงสัญญาณบวกเนื่องจากกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากยังคงเชื่อว่าตลาดอสังหาฯ ของกรุงเทพฯ ยังคงโตได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ความเป็นเมืองได้ขยายตัวออกมาสู่พื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ มากขึ้น
ซึ่งเทรนด์ดังกล่าวจะเป็นตัวขับเคลื่อนความต้องการในที่อยู่อาศัยให้ยังคงมีอยู่ ปัจจุบันกรุงเทพฯ ยังคงเป็นหนึ่งในทำเลที่ดีที่สุดของภูมิภาคสำหรับการซื้ออสังหาฯ โดยเฉพาะ คอนโดมิเนียม”
ผลการสำรวจยังได้เผยให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญต่อ “ทำเลที่ตั้ง” เป็นหลัก โดยผู้เข้าร่วมการสำรวจมากถึงร้อยละ 94 ระบุว่าทำเลที่ตั้งเป็นปัจจัยสำคัญลำดับแรกๆ ที่พวกเขานำมาประกอบการพิจารณาซื้ออสังหาฯ สักแห่ง
นอกจากนั้น โครงการระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวก และราคา ก็เป็นปัจจัยอื่นๆที่สำคัญต่อการพิจารณาตัดสินใจซื้อเช่นกัน
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการให้รัฐบาลไทยทำงานในเชิงรุกเพื่อช่วยกระตุ้นให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตขึ้น โดยเกือบร้อยละ 60 ของผู้เข้าร่วมการสำรวจคาดหวังจะได้เห็นมาตรการความช่วยเหลือจากภาครัฐเพื่อช่วยให้พวกเขามีบ้านเป็นของตัวเองได้ง่ายขึ้น
“มาตรการความช่วยเหลือจากรัฐบาล อาทิ โครงการบ้านหลังแรก การยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนที่อยู่อาศัยและค่าจดจำนอง คือสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ และเรายังเชื่ออีกว่าผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ต้องการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น” นางกมลภัทร กล่าวเสริม
ความพึงพอใจผู้บริโภคที่มีต่อตลาดอสังหาฯในกรุงเทพฯ
เมื่อพิจารณาถึงความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดอสังหาฯ ของกรุงเทพฯ โดยรวม พบว่าระดับความพึงพอใจ ลดลงเป็นลำดับจากร้อยละ 68 ในปี พ.ศ. 2558 มาอยู่ที่ร้อยละ 62 ในปี พ.ศ.2559 และร้อยละ 57 ในต้นปีนี้
อย่างไรก็ดีผู้บริโภคถึง 43% วางแผนที่จะซื้ออสังหาฯ ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลในช่วง 6 เดือนต่อจากนี้ โดยประเภทของอสังหาฯ ที่พวกเขาให้ความสนใจซื้อมากที่สุดได้แก่ คอนโดมิเนียมทั้งโครงการเปิดใหม่และโครงการเก่า (รีเซล)
แม้จะมีความรู้สึกต่อสภาพตลาดอสังหาฯ ของประเทศที่ผสมปนเปกันไปทั้งด้านบวกและลบ แต่หากเป็นเรื่องของการลงทุนแล้ว ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เลือกที่จะลงทุนในประเทศ โดยทำเลยอดนิยมยังคงเป็นในเขตกรุงเทพฯ เมื่อถามถึงความตั้งใจในการซื้อคอนโดมิเนียมในต่างประเทศ พบว่ามีเพียงร้อยละ 1 เท่านั้นที่ตอบว่ามีแผนการดังกล่าวในอนาคต
(การสำรวจในหัวข้อนี้ จัดทำขึ้นทุก 6 เดือน โดยมีการสำรวจความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างกว่า 500 คนในกรุงเทพฯ และ 3,300 คนจากทั่วทุกภูมิภาค)