December 05, 2025

พร้อมมอบสิ่งของจำเป็นช่วยผู้ประสบอุทกภัย และสนับสนุนการสื่อสารทีมเจ้าหน้าที่ภาครัฐ กองทัพ ทีมแพทย์

ทรู คอร์ปอเรชั่น จัดทีมเน็ตเวิร์กพร้อมตั้งวอร์รูม 24 ชั่วโมง วิเคราะห์ “พายุคาจิกิ” พร้อมปฏิบัติการด่วนรับมือดูแลการสื่อสาร จากที่กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์จะกระทบไทยทำให้ฝนตกหนักถึงหนักมาก ทีมทรูห่วงใยเกรงซ้ำรอยพายุวิภาที่กระทบไทยช่วงกรกฎาคมที่ผ่านมา ตั้งทีมวางแผนวิเคราะห์พร้อมดูแลการสื่อสารทั้งมือถือและเน็ตบ้านในหลายจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดเตรียมเครื่องปั่นไฟ น้ำมันสำรอง ประจำสถานีฐานหลักป้องกันกรณีถูกตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัยของชุมชนกรณีน้ำท่วม พร้อมนำโครงนั่งร้านตั้งอุปกรณ์สูงพ้นแนวน้ำท่วม

ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเรื่อง “พายุไต้ฝุ่นคาจิกิ” มีแนวโน้มเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ก่อนอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนและพายุดีเปรสชัน จะปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของไทยในเช้าวันที่ 26 สิงหาคม และเคลื่อนเข้าสู่ภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดน่านในช่วงเย็นวันเดียวกัน ส่งผลให้หลายพื้นที่มีโอกาสเผชิญฝนตกหนัก ลมแรง น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก

นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัยระบบสารสนเทศ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทีมเน็ตเวิร์กเราเร่งดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฉุกเฉินในทุกพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะจังหวัดน่าน พร้อมจัดตั้ง War Room ที่ศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ BNIC ทำงานร่วมกับระบบ AI เพื่อเฝ้าตรวจสอบและบริหารจัดการเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ประชาชนยังคงสื่อสารได้ในทุกสถานการณ์”

ทรู คอร์ปอเรชั่น นำบทเรียนจากการรับมือพายุวิภา (WIPHA) เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มาปรับใช้กับแผนรับมือพายุไต้ฝุ่นคาจิกิ เพื่อให้ระบบสื่อสารทั้งมือถือและเน็ตบ้านยังคงใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในจังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม ได้แก่ น่าน เชียงราย และแพร่ เป็นต้น

ผลกระทบของสถานีฐานในการให้บริการจากกรณีศึกษาของพายุวิภา (WIPHA) คือ กรณีถ้าเกิดฝนตกหนักติดต่อกัน และน้ำท่วม จะเกิดการตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ทำให้สถานีฐานจะต้องถูกตัดกระแสไฟฟ้าตามไปด้วย ดังนั้น ทีมเน็ตเวิร์กได้เตรียมโครงนั่งร้านที่สูงพ้นแนวน้ำท่วมเดิมที่ได้รับ

ผลกระทบจากพายุวิภา สำหรับตั้งอุปกรณ์เครื่องปั่นไฟ พร้อมเตรียมน้ำมันสำรอง ณ สถานีฐานที่เป็นจุดหลักเพื่อให้การบริการมือถือใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง

มาตรการเร่งด่วนของทรู คอร์ปอเรชั่น เพื่อรับมือพายุไต้ฝุ่นคาจิกิ

1. เตรียมเครื่องปั่นไฟ น้ำมันสำรอง และแบตเตอรี่เข้าสู่พื้นที่สถานีฐาน กรณีไฟฟ้าถูกตัดจากน้ำท่วม

2. เตรียมรถโมบายล์สถานีฐาน (Cell-On-Wheel: COW) เพื่อเสริมสัญญาณในจุดวิกฤต

3. เตรียมยานพาหนะ 4WD และเรือท้องแบนสำหรับเข้าพื้นที่น้ำท่วม

4. เตรียมอุปกรณ์สำรองและทีมซ่อมบำรุงฉุกเฉินเพื่อให้บริการได้ต่อเนื่อง

5. ประสานงานหน่วยงานรัฐและเอกชนเพื่อร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัย

6. BNIC ศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ พร้อม AI พร้อมดูแลและบริหารเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังร่วมมือกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในการส่งข้อความแจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast Service (CBS) และ SMS โดย ปภ. จะเป็นผู้กำหนดและออกประกาศเตือนภัยไปยังประชาชนในพื้นที่เสี่ยง

ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังคงมุ่งมั่นดูแลระบบสื่อสารให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนสามารถติดต่อสื่อสารได้แม้ในยามวิกฤต พร้อมทั้งทำงานใกล้ชิดกับ กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานผลกำไรหลังหักภาษีประจำไตรมาส 2/2568 เป็นมูลค่ากว่า 2.0 พันล้านบาท ซึ่งนับเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกันที่ผลการดำเนินงานของบริษัทพลิกกลับมาทำกำไร โดยมีกำไรสุทธิหลังหักภาษีและหลังปรับปรุงรายการพิเศษ (Normalized Net Profit) อยู่ที่ 4.2 พันล้านบาท ในส่วน EBITDA ยังคงมีแนวโน้มการปรับตัวที่ดีอย่างต่อเนื่อง ภายหลังการควบรวมกิจการ โดยเป็นผลจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการ (Synergy)

นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานทางการเงินในไตรมาสที่ 2 ยังคงทรงตัว ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายและเหตุการณ์โครงข่ายขัดข้องชั่วคราว โดยทรู คอร์ปอเรชั่น สามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน ตามความมุ่งมั่นของเราต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นอกจากนี้ การที่ทรูชนะการประมูลคลื่นความถี่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ทรูครอบครองคลื่นความถี่ครบและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราจะใช้ประโยชน์จากการจัดสรรคลื่นความถี่นี้มาเพื่อเพิ่มความสามารถของเครือข่าย รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแห่งอนาคต รวมถึงการเร่งผลักดันบริการทางดิจิทัลใหม่ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของทั้งลูกค้ารายย่อยและลูกค้าองค์กร และเพื่อให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เราจึงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนการเติบโตแบบพลิกโฉม ผ่านการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน การแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และการเสริมสร้างความเป็นผู้นำในตลาดอย่างยั่งยืน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งเน้นการสร้างฐานลูกค้าที่มีคุณภาพ จากความพยายามลดจำนวนผู้ใช้งานใหม่จากการหมุนเวียนของฐานลูกค้าเดิมลง (rotational gross adds) รวมทั้งการปรับปรุงโครงสร้างค่าใช้จ่ายด้านคอมมิชชั่นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ จำนวนผู้ใช้บริการยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยลดลง จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในไตรมาส 2/2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 47.5 ล้านเลขหมาย ลดลง 2.9 ล้านเลขหมาย หรือลดลง 5.8% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส2/2567 ขณะที่จำนวนผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 3.8 ล้านราย และ ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 จำนวนผู้ใช้บริการ 5มีจำนวน 14.7 ล้านเลขหมาย

นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า “ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2/2568 มีกำไรสุทธิหลังหักภาษี เป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน ทั้งนี้ การเติบโตของรายได้หลักชะลอตัวลงในระหว่างไตรมาสที่สอง ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากเหตุการณ์โครงข่ายขัดข้องชั่วคราว ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อรายได้จากบริการธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่

ไตรมาส 2/2568 รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย IC ลดลง 0.6% เทียบกับปีก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการลดลงของกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิก ชดเชยบางส่วนจากการเติบโตของธุรกิจออนไลน์ เมื่อปรับปรุงผลกระทบจากเหตุการณ์โครงข่ายขัดข้องชั่วคราว และการลดลงของรายได้จากการให้บริการข้ามโครงข่ายภายในประเทศ รายได้จากการให้บริการปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และไตรมาสก่อน ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานรายได้รวมลดลง 2.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการลดลงของรายได้จากการให้บริการ การลดลงของรายได้ค่าเช่าโครงข่ายอันเป็นผลจากการโอนย้ายผู้ใช้บริการออกจากคลื่น 850 MHz ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาในเดือนสิงหาคม 2568 และรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ลดลงจากปัจจัยตามฤดูกาล

สำหรับไตรมาส 2/2568 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย หรือ D&A ลดลง 8.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน ต้นทุนโครงข่ายลดลง 7.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากค่าไฟฟ้าที่ลดลงและการประหยัดต้นทุนจากการดำเนินการพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ลดลง 12.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับผลประโยชน์จากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการ จากการปรับโครงสร้างองค์กรให้ทันสมัยและการริเริ่มกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ๆ ด้วยการบูรณาการกรอบการดำเนินงานที่มุ่งเน้นความสามารถในการทำกำไรอย่างยั่งยืนและวินัยทางการเงินที่แข็งแกร่ง ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังคงสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง”

ทรู คอร์ปอเรชั่น บันทึกการปรับตัวดีขึ้นของ EBITDA จำนวน 5.5 พันล้านบาท นับตั้งแต่การควบรวมกิจการ สะท้อนถึงความสามารถทางการเงินที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องของ EBITDA สำหรับ EBITDA ในไตรมาส 2/2568 ปรับตัวดีขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่ลดลง 1.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยได้รับผลกระทบเชิงลบจากการลดลงของรายได้ อันเป็นผลจากเหตุการณ์โครงข่ายขัดข้องชั่วคราว และรายได้จากการให้บริการข้ามโครงข่ายภายในประเทศที่ลดลง สำหรับ EBITDA ที่ปรับปรุงแล้วยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน EBITDA ยังคงได้รับประโยชน์จากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการ ประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการรักษาวินัยทางการเงิน อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการปรับตัวดีขึ้น 2.2 จุดเปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 60.8% สำหรับไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 อัตราส่วนหนี้สินต่อกำไรของทรู คอร์ปอเรชั่น อยู่ที่ 4.0 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 ลดลง 0.7 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อน และลดลง 0.1 เท่า เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

สำหรับไตรมาส 2/2568 ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานกำไรสุทธิหลังหักภาษี 2.0 พันล้านบาท ทรู คอร์ปอเรชั่น บันทึกผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (one-time costs) จำนวน 2.5 พันล้านบาทที่เกี่ยวข้องกับการด้อยค่าสินทรัพย์จากการดำเนินการพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย และการยุติบริการคลื่น 850 MHz เมื่อปรับปรุงผลกระทบจากรายการครั้งเดียวและผลประโยชน์ทางภาษีในไตรมาส 2/2568 จำนวน 368 ล้านบาท กำไรสุทธิหลังหักภาษีมีจำนวน 4.2 พันล้านบาท ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) สำหรับไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 7.2 พันล้านบาท ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นต้นทุนการบูรณาการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย

จากภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่เป็นอุปสรรคต่อประเทศไทยในปี 2568 การปรับลดแนวโน้มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ และผลกระทบจากเหตุการณ์โครงข่ายขัดข้องชี่วคราวต่อรายได้จากการให้บริการธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ คณะผู้บริหารบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จึงได้ปรับเป้าหมายการดำเนินงานปี 2568 คณะผู้บริหารคาดว่ารายได้จากการให้บริการจะทรงตัว ถึงเติบโต 1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย IC และการให้บริการข้ามโครงข่ายภายในประเทศกับ NT แนวโน้ม EBITDA เติบโต 7-8% สำหรับทั้งปี ขณะที่เงินลงทุน (CAPEX) คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 2.8-3.0 หมื่นล้านบาทสำหรับปี 2568 (ไม่เปลี่ยนแปลง) และจะยังคงมีกำไรตลอดทั้งปี 2568 ตามรายงานงบการเงิน (ไม่เปลี่ยนแปลง)

ตัวเลขทางการเงินที่สำคัญสำหรับไตรมาส 2/2568

  • รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย IC: 1พันล้านบาท ลดลง 1.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และลดลง 0.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
  • EBITDA: 25.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ลดลง 1.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
  • อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการ: 60.8%
  • กำไรสุทธิหลังหักภาษี (NPAT): 2.0 พันล้านบาท, ปรับปรุงรายการจากผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว จะอยู่ที่ 2 พันล้านบาท

เกี่ยวกับบริษัท

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำของประเทศไทย มุ่งมั่นเสริมสร้างศักยภาพเพื่อทุกคนและธุรกิจด้วยโซลูชันการเชื่อมต่อที่ช่วยพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน บริการด้านเสียงและดาต้าชั้นนำระดับโลกของทรู เปิดประตูสู่ระบบนิเวศด้านไลฟ์สไตล์อย่างครบวงจร ตั้งแต่ความบันเทิงระดับโลก สิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับสมาชิก ไปจนถึงการเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อ ด้วยนวัตกรรมที่ผสานพลังของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทรูมีส่วนสำคัญในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ยกระดับสุขภาพ และเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับสังคม

ในภาพ จากซ้ายไปขวา: นายขจร เจียรวนนท์ กรรมการบริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานกรรมการ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น และดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหาร ด้านความยั่งยืนองค์กรและการพัฒนากลยุทธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์

กรุงเทพฯ 25 กรกฎาคม 2568 – จากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทรู คอร์ปอเรชั่น ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อทุกความสูญเสียที่เกิดขึ้น รวมทั้งขอส่งกำลังใจและความห่วงใยให้ประชาชนตลอดจนทหารและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทุกคนได้ปลอดภัยและขอให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ววัน

ในฐานะภาคเอกชนไทยที่พร้อมเคียงข้างพี่น้องชาวไทยในทุกสถานการณ์...ล่าสุด ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้เป็นส่วนหนึ่งของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในโครงการซีพีอาสา เคียงข้างคนไทย ดูแลช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ย้ำความตั้งใจที่จะยืนหยัดช่วยเหลือคนในสังคมไทยให้สามารถก้าวผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ไปด้วยกัน โดยสนับสนุนด้านการสื่อสารแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่อพยพ 4 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ

· มอบซิมทรูมูฟ เอช จำนวน 1,000 ซิม เพื่ออำนวยความสะดวกให้ใช้ในการติดต่อสื่อสาร สามารถโทร ออก รับสาย ส่งข้อความ และใช้งานดาต้าเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้

· ติดตั้ง WiFi พร้อมให้บริการใช้งานอินเทอร์เน็ตฟรี และให้บริการทรูวิชั่นส์ ในพื้นที่ศูนย์อพยพ เพื่อให้ผู้ประสบภัยสามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว และคลายความกังวลเพลิดเพลินกับสาระ ความบันเทิง

ในภาพ: นายซิกเว่ เบรกเก้ (ซ้าย) ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น และนายมนัสส์ มานะวุฒิเวช (ขวา) ประธานคณะผู้บริหาร ด้านธุรกิจข้อมูลและลูกค้าองค์กร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น

นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังร่วมดูแลลูกค้าทรูมูฟ เอชและดีแทคที่อยู่ในประเทศกัมพูชา ให้สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ 24 – 31 กรกฎาคม 2568 (ตามเวลาประเทศกัมพูชา) ได้ที่

· สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ +855 77 888 114

· สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเสียมราฐ +855 86 608 999

· True Call Center +66 99 998 1242

ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทรู คอร์ปอเรชั่น ขอแจ้งปิดบริการ True Shop และ dtac Center ชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป (จนกว่าจะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลง) และขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ โดยสาขาที่ปิดชั่วคราว ได้แก่

· สุรินทร์ : ดีแทค เซ็นเตอร์ สาขาโลตัส สังขะ | ดีแทค เซ็นเตอร์ สาขาโลตัส ปราสาท | ทรู ช็อป สาขาโลตัส สังขะ | ทรู ช็อป สาขาโลตัส ปราสาท

· ศรีสะเกษ : ดีแทค เซ็นเตอร์ สาขาโลตัส ขุขันธ์ | ดีแทค เซ็นเตอร์ สาขาโลตัส ตลาดขุนหาญ | ดีแทค เซ็นเตอร์ สาขาโลตัส กันทรลักษ์

จากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทรู คอร์ปอเรชั่น ตระหนักถึงความห่วงใยและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ชายแดน เร่งเดินหน้าให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าทรูและดีแทคในพื้นที่ประสบภัยอย่างเต็มที่ ทั้งการมอบอินเทอร์เน็ตฟรี โทรฟรี ขยายเวลาชำระค่าบริการ พร้อมทั้งร่วมดูแลประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ส่งรถโมบายล์สถานีฐานเคลื่อนที่เร็ว (Cell-On-Wheel: COW) เสริมสัญญาณในพื้นที่ศูนย์อพยพต่างๆ เช่น สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ บริการ Free Wi-Fi และบริการดูทีวีทรูวิชั่นส์ เพื่อประชาชนในช่วงเวลาวิกฤตนี้

ความช่วยเหลือสำหรับลูกค้าแบบรายเดือนและแบบเติมเงิน ทรูมูฟ เอช และดีแทค ประกอบไปด้วย สิทธิพิเศษเพื่อลูกค้า:

· เน็ตฟรี 10 GB ใช้ได้ 7 วัน : กด *900*7162# โทรออก

· โทรฟรี 100 นาที ใช้ได้ 7 วัน : กด *900*7161# โทรออก

· กดรับสิทธิภายในวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 (เฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบ รอรับ SMS ยืนยัน)

นอกจากนั้นยังจัดสิทธิเพิ่มเติม 

· ลูกค้าเติมเงิน: ขยายวันใช้งานเพิ่มอีก 7 วัน

· ลูกค้ารายเดือน: ขยายเวลาชำระค่าบริการถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 เพื่อให้ใช้งานได้ต่อเนื่อง

โดยพื้นที่ที่ได้รับสิทธิคือ 13 อำเภอใน 4 จังหวัดได้แก่ บุรีรัมย์: อำเภอบ้านกรวดใ,สุรินทร์: อำเภอกาบเชิง พนมดงรัก สังขะ ปราสาท บัวเชด ,ศรีสะเกษ: อำเภอกันทรลักษ์ ขุนหาญ ภูสิงห์ และ อุบลราชธานี: อำเภอน้ำยืน นาจะหลวย น้ำขุ่น ทุ่งศรีอุดม

ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่นยังส่งรถสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Cell-On-Wheel: COW) ไปเสริมสัญญาณในพื้นที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เป็นที่เรียบร้อย เพิ่มสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 5G และ 4G พร้อมทั้งติดตั้งบริการ Free Wi-Fi ในสนามช้างที่เปลี่ยนมาเป็นศูนย์พักพิงผู้อพยพ เพื่อให้เป็นที่อยู่ชั่วคราวสำหรับประชาชนมากกว่า 10,000 คน จาก 4 ตำบล ที่ต้องหลบภัยออกจากบ้านเรือนมาหาที่ปลอดภัย นอกจากนี้ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงยังช่วยสนับสนุนการทำงานของแพทย์ พยาบาล ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย ที่เข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบภัย

 

Page 1 of 23
X

Right Click

No right click