November 07, 2024

SCG Decor หรือ SCGD คว้าผลประเมิน CGR ระดับ 5 หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง จากการประเมินการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2567 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม รับผิดชอบต่อสังคมเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน การประเมินดังกล่าวจัดขึ้นโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) โดยการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2567 (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies: CGR)

นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCG Decor (SCGD) ผู้นำธุรกิจเซรามิก วัสดุตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า “SCGD ได้รับคะแนนอยู่ใน Quartile ที่ 1 จากการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นทุ่มเทของพนักงานที่มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ ก้าวสู่การเป็นเบอร์ 1 ของอาเซียนด้วยกลยุทธ์การเติบโต มีรายได้เป็น 2 เท่า ภายในปี 2573 พร้อมกับการกำกับดูแลกิจการตามหลักบรรษัทภิบาลที่ดี ทั้งในมิติ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม นำมาซึ่งการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้มีส่วนได้เสีย นักลงทุน และนักลงทุนสถาบัน ด้วยผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการเดินหน้าขยายธุรกิจพร้อมกับสร้างความยั่งยืนให้โลก พัฒนากระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานสะอาดอย่างโซลาร์เซลล์

ล่าสุดได้ส่งมอบนวัตกรรมมูลค่าเพิ่มสูง ที่คุ้มค่าตอบโจทย์ลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ เช่น “Smart Flexible by COTTO หรือ LT by COTTO” นวัตกรรมวัสดุปูพื้น SPC ที่ติดตั้งง่าย ใช้งานสะดวก ป้องกันปลวก ป้องกันน้ำ 100% ลวดลายสวยงาม สัมผัสเสมือนธรรมชาติ รักษ์โลก ปราศจากสารเคมีอันตราย และยังเป็น Non-Firing ที่ไม่มีกระบวนการเผาในการผลิต นอกจากนี้ วัสดุปิดผิวและกระเบื้องกลุ่ม ECO Collection ของ COTTO ยังลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติใหม่สูงสุดถึง 80% ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 75% นำน้ำใช้แล้วมาหมุนเวียนถึง 25% เช่น กระเบื้องรุ่น อิโค สคิสโซ (ECO-SCHIZZO) ซึ่งนอกจากมีคุณสมบัติดังกล่าวแล้ว  ยังปราศจากสารเคมีระเหย โลหะหนัก  ลดคาร์บอนจากการขนส่ง  เป็นการประยุกต์เรื่องความยั่งยืนมาผสานกับนวัตกรรมการอยู่อาศัยได้อย่างลงตัว  ส่งผลให้ได้รับรางวัลชนะเลิศ THAILAND GREEN DESIGN AWARD 2024  ประเภทการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (resources efficiency จากงาน Thailand Green Design Awards 2024 หรือ TGDA 2024”

สำหรับปี 2567 มีบริษัทจดทะเบียนเข้าร่วมการประเมิน Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2024 : CGR ทั้งสิ้น 808 บริษัท ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ย 84% แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญด้านการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน คำนึงถึงสิทธิและการปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียม มีความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสีย การเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใส และความรับผิดชอบของคณะกรรมการ

งบฯ ลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท  ขยายโรงงานกระเบื้อง สุขภัณฑ์ เพิ่มช่องทางจำหน่าย พร้อมลดต้นทุน ใช้ออโตเมชั่น พลังงานสะอาด

กลยุทธ์แบรนด์แข็งแกร่ง ช่องทางจำหน่ายครอบคลุมอาเซียน พร้อมเติบโตทุกสถานการณ์ตลาด  มั่นใจเศรษฐกิจไทย-อาเซียนฟื้นตัว เร่งเครื่องโครงการลงทุน 1.1 พันล้านเพิ่มกำลังการผลิต

SCG Decor โชว์นวัตกรรมดิจิทัลพลิกโฉม Smart Bathroom รับเทรนด์การใช้ชีวิต ยุคใหม่ใส่ใจสุขภาพ สะอาดปลอดภัย พร้อมโชว์เอไอ หุ่นยนต์ช่วยการผลิต เร่งบุกตลาดสุขภัณฑ์อาเซียนคาดมูลค่าตลาดสูงถึง 7 หมื่นล้านบาท

นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD ซึ่งเป็นบริษัทแกนหลักของ เอสซีจี ในการดำเนินธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ (Decor Surfaces & Bathroom) ผ่านบริษัทย่อยและบริษัทร่วม โดยปัจจุบันเป็นผู้นำธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ที่มีฐานผลิตกระเบื้องปูพื้น บุผนัง ในประเทศไทย ประเทศเวียดนาม ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศอินโดนีเซีย และมีฐานผลิตสุขภัณฑ์ในประเทศไทย กล่าวว่า “หลังโควิด19 ส่งผลให้วิถีใช้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไปใน 3 ด้าน คือการคำนึงถึงสุขอนามัย ป้องกันเชื้อโรค (Hygiene) - ความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต (Convenience) – การใช้ห้องน้ำเป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อน (Entertainment/ Emotion)  SCG Decor จึงได้พัฒนานวัตกรรมและออกแบบสินค้าเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคดังกล่าว เช่น กลุ่มธุรกิจตกแต่งพื้นผิว ได้พัฒนากระเบื้องฟอกอากาศพร้อมประจุลบในสารเคลือบกระเบื้อง กระเบื้องยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย กระเบื้องกันลื่น ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีทั้งในประเทศไทย เวียดนาม ส่วนกลุ่มธุรกิจสุขภัณฑ์ได้พัฒนานวัตกรรมสุขภัณฑ์ Smart Toilet ที่มีระบบสัมผัสอัตโนมัติ ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ที่ประเทศไทย โดยมองว่าตลาดสุขภัณฑ์ในประเทศไทยรวมถึง Smart Bathroom ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เช่นเดียวกับตลาดในอาเซียน คาดว่าจะมีมูลค่า 78,700 ล้านบาทในปี 2569  สูงกว่าตลาดในไทยกว่า 6 เท่าตัว จึงเป็นโอกาสของ SCG Decor คว้าโอกาสในตลาดนี้”

นายสิทธิชัย สุขกิจประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามซานิทารีแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสุขภัณฑ์และก๊อกน้ำ COTTO เปิดเผยว่า “เพื่อให้การดำเนินธุรกิจสุขภัณฑ์สอดรับกับกลยุทธ์หลักของ SCG Decor และความต้องการของผู้บริโภค COTTO จึงได้พัฒนาและสรรหานวัตกรรม “ดิจิทัล-ออโตเมชัน” สำหรับ Smart Bathroom จากแหล่งต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น สุขภัณฑ์อัตโนมัติ (Smart Toilet) รุ่น VIZIO นวัตกรรมเพื่อสุขอนามัยกับ “คอตโต้ ไอออนมิส” ด้วยน้ำประจุบวกที่ผ่านกระบวนการแยกประจุและพ่นเป็นละอองน้ำภายในโถสุขภัณฑ์ เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรีย ก๊อกน้ำอัจฉริยะ (Sensor Faucetสั่งการแม่นยำ ลดการสัมผัส Smart Towel Dryer ราวตากผ้าอัจฉริยะระบบเป่าผ้าแห้งไว ลดการสะสมของเชื้อราสาเหตุของกลิ่นอับในห้องน้ำ พร้อมฆ่าเชื้อด้วยแสงยูวีไม่ทำลายเนื้อผ้าและผิวสัมผัส ควบคุมด้วยแอปพลิเคชันจากสมาร์ทโฟน Smart Mirror TV กระจกอัจฉริยะมัลติฟังก์ชัน เชื่อมต่อความบันเทิงได้หลากหลายพร้อมเช็คข้อมูลสุขภาพประจำวันจากเครื่องตรวจสภาพผิวและเครื่องชั่งน้ำหนักวัดมวลกล้ามเนื้อ-ไขมันได้ทันที ชุดฝักบัวหน้ากว้างพร้อมแสงไฟ LED โดยไม่ต้องต่อไฟฟ้าและเชื่อมต่อเสียงเพลงได้ เป็นต้น”

นอกจากนี้ COTTO ยังได้นำระบบอัตโนมัติ หรือออโตเมชันมาใช้ควบคู่ไปกับการบริหารกำลังการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าได้รับสินค้าคุณภาพสูง ลดขั้นตอนการทำงานที่เสี่ยงต่อสุขภาพของพนักงาน ส่งเสริมให้พนักงานพัฒนาทักษะและศักยภาพตนเองให้พร้อมสำหรับการขยายธุรกิจต่อไปด้วย

“COTTO ได้นำระบบออโตเมชันมาใช้ ภายใต้แนวคิด หุ่นยนต์ทำงานร่วมกับคน หรือ Man & Machine Automation Smart Factory นำความเชี่ยวชาญในการผลิตสุขภัณฑ์ มาสอน ออกแบบ และควบคุมให้หุ่นยนต์สามารถทำงานได้อย่างประณีต แม่นยำ เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับสินค้าคุณภาพสูง พร้อมกับการคำนึงถึงความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงาน โดยนำมาใช้ในกระบวนการผลิตหลัก ๆ อาทิ การขึ้นรูปหม้อน้ำสำหรับโถสุขภัณฑ์ด้วยเครื่องหล่อแรงดันสูง ที่ใช้สายพานและระบบลำเลียงอัตโนมัติ ช่วยลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บจากการทำงานในการเคลื่อนย้ายชิ้นงานด้วยแรงงานคน ระบบพ่นสีเคลือบอัตโนมัติด้วยหุ่นยนต์ ทำให้สีที่เรียบเนียนสม่ำเสมอได้มาตรฐานและยังช่วยลดการสัมผัส สูดดมสีของพนักงาน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้นำเทคโนโลยีชั้นสูงอื่น ๆ มาใช้ในห้องปฏิบัติการทดสอบ เช่น เทคโนโลยีการประมวลภาพ หรือ Image Processing เพื่อเพิ่มความละเอียดแม่นยำในการตรวจสอบและวิเคราะห์คุณภาพสินค้าก่อนส่งถึงมือลูกค้า เป็นต้น

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click