December 05, 2025

‘อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์’ แสดงศักยภาพจัด 5 งานใหญ่ใน 2 ประเทศ เริ่มด้วย ‘International Healthcare Week 2025’ รวม 3 งานใหญ่ในที่เดียว ‘CPHI South East Asia – WHX Kuala Lumpur – WHX Labs Kuala Lumpur 2025’ จัดขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 16 – 18 กรกฎาคม 2568 พร้อมลุยจัดต่อเนื่อง ‘Vitafoods Asia 2025’ และ ‘Food ingredients Asia Thailand 2025’ จัดระหว่างวันที่ 17 – 19 กันยายน 2568 เต็มทุกพื้นที่ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรม Health & Wellness ชูเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ สร้างโอกาสทางการค้า การลงทุน ผลักดันเศรษฐกิจโต รับเทรนด์การดูแลสุขภาพทั่วโลกที่กำลังขยายตัว

สุขภาพเป็นเรื่องที่คนในยุคปัจจุบันให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนยุคนี้ต้องการมีอายุยืนอย่างสุขภาพดี หลายคนหันมาโฟกัสที่สุขภาพจากภายในสู่ภายนอก ความต้องการเหล่านี้เป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ธุรกิจในกลุ่มนี้มีการขยายตัว

ข้อมูลจากสถาบันด้านสุขภาพสากล หรือ Global Wellness Institute (GWI) ประเมินภาพรวมของเศรษฐกิจด้านการดูแลสุขภาพทั่วโลก มีแนวโน้มขยายตัวอย่างสูงถึง 8.6% ต่อปี จนถึงปี 2570 โดยมีมูลค่าตลาดสูงกว่า 8.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 306 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2562 และสูงกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

ขณะที่ตัวเลขจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2568) ประเทศไทยมีนิติบุคคลธุรกิจ Healthcare & Wellness จำนวน 28,536 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 359,321 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 1.13 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจ ดังนี้ 1. บริการสปาและนวดเพื่อสุขภาพ 1,806 ราย ทุน 10,315 ล้านบาท 2. บริการความงาม 2,421 ราย ทุน 6,574 ล้านบาท 3. บริการทางการแพทย์ 9,570 ราย ทุน 218,202 ล้านบาท 4. บริการดูแลผู้สูงอายุ 765 ราย ทุน 4,216 ล้านบาท และ 5. ค้าส่ง – ปลีก เภสัชภัณฑ์ทางการแพทย์ 13,974 ราย ทุน 120,014 ล้านบาท

นอกจากนี้ ภาครัฐตั้งเป้าหมายที่จะเป็นฮับสุขภาพนานาชาติ คาดว่าปี 2570 จะสร้างรายได้จากธุรกิจ Wellness & Healthcare ไม่ต่ำกว่า 8 แสนล้านบาท แนวโน้มการเติบโตของเทรนด์ และตัวเลขมูลค่าทางเศรษฐกิจ สอดรับกับการดำเนินธุรกิจของ ‘อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์’ ที่เป็นผู้นำในการจัดงานแสดงสินค้า Trade Exhibition ที่มองว่าธุรกิจ Health & Wellness ยังมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมจัดงาน International Healthcare Week 2025 ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งประกอบไปด้วยสามงานใหญ่ คือ CPHI South East Asia (การผลิตยา) WHX Kuala Lumpur (อุปกรณ์ในโรงพยาบาล) WHX Labs Kuala Lumpur (อุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์) และ Vitafoods Asia 2025 (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสารสกัด) Food ingredients Asia Thailand 2025 (นวัตกรรมส่วนผสมอาหาร) ที่กรุงเทพฯ เพื่อเป็นแพลตฟอร์มขยายโอกาสของผู้ประกอบการไทยและนักลงทุนหน้าใหม่

นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ กล่าวถึงการเติบโตของธุรกิจ Health & Wellness ว่า ปัจจุบันคนให้ความสำคัญด้านสุขภาพเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งทุกธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมมีแนวโน้มการขยายตัว รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ได้เห็นอุตสาหกรรมนี้ถูกยกระดับขึ้น

“การเติบโตเกิดขึ้นทั้งในมิติของผู้คนและธุรกิจ ในฐานะผู้จัดงาน International Healthcare Week 2025 (CPHI South East Asia, WHX Kuala Lumpur, WHX Labs Kuala Lumpur) Food ingredients Asia Thailand 2025 และ Vitafoods Asia 2025 มองว่านี่เป็นโอกาสธุรกิจที่สำคัญสำหรับผู้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ เภสัชกรรม เทคนิคการแพทย์ นวัตกรรมอาหารผู้ผลิตและผู้ประกอบการด้านสารสกัดและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร” นางสาวรุ้งเพชร กล่าว

“โดยในปีนี้งาน International Healthcare Week 2025 จะเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการไทยที่ได้ไปร่วมจัดแสดงงานที่ประเทศมาเลเซีย ที่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางชั้นนำในเอเชียสำหรับการดูแลสุขภาพ อีกทั้งตลาดเภสัชกรรมของมาเลเซียมีข้อได้เปรียบจากการสนับสนุนของรัฐบาล เปิดโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเข้ามาต่อยอดธุรกิจ” นางสาวรุ้งเพชร กล่าว

ทั้งนี้ International Healthcare Week 2025 ประกอบไปด้วยงาน ‘CPHI South East Asia 2025’ งานแสดงสินค้า เทคโนโลยี และการประชุมด้านอุตสาหกรรมการผลิตยา ครบวงจรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ‘WHX Kuala Lumpur 2025’ งานแสดงสินค้าด้านเครื่องมือแพทย์ ‘WHX Labs Kuala Lumpur 2025’ งานแสดงสินค้า เทคโนโลยี นวัตกรรมทางด้านอุปกรณ์ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงมาก เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมาเลเซีย จัดระหว่างวันที่ 16 – 18 กรกฎาคม 2568 ที่ Malaysia International Trade and Exhibition Centre (MITEC) กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

ด้าน “ไวต้าฟู้ดส์ เอเชีย” (Vitafoods Asia 2025) งานแสดงสินค้า เทคโนโลยี และนวัตกรรมส่วนผสมสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และ “ฟู้ด อินกรีเดียนท์ส เอเชีย 2025” (Food ingredients Asia Thailand 2025) งานแสดงสินค้าเทคโนโลยี และนวัตกรรม ด้านส่วนผสมอาหาร จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 19 กันยายน 2568 เต็มทุกพื้นที่ทุกฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) กรุงเทพฯ

ตอกย้ำจุดยืนในฐานะผู้นำ ด้านนวัตกรรมภาพถ่ายทางการแพทย์และเทคโนโลยี AI เพื่อการวินิจฉัยโรค

ตั้งเป้าสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนทั่วโลก ด้วย Total Healthcare Solution

 บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเดินหน้าสานต่อปณิธานและความมุ่งมั่นขององค์กรภายใต้แคมเปญระดับโลก NEVER STOP ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2019 ยึดมั่นในเจตนารมณ์ที่จะไม่หยุดยั้งสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ช่วยแก้ไขปัญหาทางสังคมและช่วยสร้างสังคมที่ยั่งยืน เพื่อสุขภาวะที่ดีขึ้นของผู้คนในโลก โดยสำหรับในปี 2022 ฟูจิฟิล์ม มุ่งเน้นธุรกิจทางการแพทย์และสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจของฟูจิฟิล์มอย่างเต็มกำลัง ด้วยเป้าหมายในการนำความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการถ่ายภาพและประสบการณ์อันยาวนานในโลกแห่งนวัตกรรมของบริษัท มาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมอย่างครอบคลุม พร้อมนำเสนอคุณค่าใหม่ ๆ ให้แก่สังคมที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ด้วยความมุ่งมั่นในการแสวงหานวัตกรรมล้ำสมัย เพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืน

ฟูจิฟิล์ม เป็นองค์กรชั้นนำระดับสากลและเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิตฟิล์มถ่ายภาพ โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฟูจิฟิล์มได้ปรับตัวเพื่อรองรับความต้องการและโอกาสใหม่ ๆ อยู่เสมอ พลิกโฉมองค์กรอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายธุรกิจและนำเสนอโซลูชันให้แก่หลากหลายอุตสาหกรรม โดยต่อยอดจากความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพเพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สร้างประโยชน์ให้แก่สังคมอย่างไม่หยุดยั้ง ปัจจุบัน ฟูจิฟิล์มเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านการขยายองค์กรที่ครอบคลุม 4 ภาคธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ 2. ธุรกิจนวัตกรรมสิ่งพิมพ์เพื่อธุรกิจ 3. ธุรกิจด้านการถ่ายภาพ และ 4. ธุรกิจทางการแพทย์และสุขภาพ โดย ธุรกิจด้านการแพทย์และสุขภาพ ถือเป็นธุรกิจที่ฟูจิฟิล์มให้ความสำคัญเป็นอย่างสูง ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจพื้นฐานของบริษัทในการแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาทางสังคมและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมที่ยั่งยืน นอกจากนี้ หนึ่งในเป้าหมายหลักภายใต้แผนการส่งเสริมคุณค่าที่ยั่งยืนในปี 2030 ขององค์กร คือการปรับปรุงการเข้าถึงการดูแลรักษาทางการแพทย์ทั่วโลก พร้อมช่วยลดภาระในการดูแลผู้ป่วย ด้วยการจัดหาโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมด้านการวินิจฉัยภาพทางการแพทย์โดยผสมผสานการใช้ AI (ปัญญาประดิษฐ์) และโซลูชันด้านไอที เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถตรวจหาโรคได้ตั้งแต่เนิ่น

มร. โซ มารูโอะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฟูจิฟิล์ม ก้าวสู่ธุรกิจการแพทย์และสุขภาพมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1936 หรือราว ๆ 80 ปีที่แล้ว ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ฟิล์มเอกซเรย์ที่เป็นที่ยอมรับจากวงการแพทย์ทั่วโลก โดยหลังจากประกาศควบรวมกิจการของ Hitachi Healthcare ในปี 2021 และเปลี่ยนชื่อเป็น Fujifilm Healthcare Corporation ธุรกิจทางการแพทย์และสุขภาพของฟูจิฟิล์ม ก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเคย โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับการถ่ายภาพทางการแพทย์ เพราะนอกจากเครื่องเอกซเรย์ดิจิทัล, กล้องส่องตรวจระบบทางเดินอาหาร, เครื่องอัลตราซาวด์, เครื่องแมมโมแกรมตรวจเอกซเรย์เต้านม ก็ยังได้เทคโนโลยี MRI และ CT Scan มาเสริมทัพให้โซลูชันการวินิจฉัยทางการแพทย์ของฟูจิฟิล์มครบวงจรมากยิ่งขึ้น และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเครื่องมือเหล่านี้ได้ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI ทางการแพทย์ขั้นสูงและระบบสารสนเทศทางการแพทย์อย่าง Synapse 3D โปรแกรมสร้างภาพทางการแพทย์รูปแบบสามมิติ ก็ยิ่งยกระดับการตรวจวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้ฟูจิฟิล์มก้าวเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจทางการแพทย์และสุขภาพ ในฐานะผู้ให้บริการ Total Healthcare Solution ชั้นนำอย่างแท้จริง

“ฟูจิฟิล์ม ประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจจากบุคลากรทางการแพทย์มาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่การก่อตั้งสำนักงานในไทยเมื่อปี ค.ศ. 1989 เพราะจุดแข็งของเรา คือ ความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับการถ่ายภาพทางการแพทย์อย่างครบวงจร เพื่อภาพที่เหมาะกับการวินิจฉัยโรคมากที่สุด ตลอดจนการบริการและการบำรุงรักษาอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์อย่างทันท่วงที และที่สำคัญ ในฐานะองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ฟูจิฟิล์มมุ่งมั่นอย่างจริงจังที่จะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสังคมของประเทศไทย โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ ไม่ใช่แค่เพียงสร้างผลกระทบต่อตัวบุคคล แต่ยังสร้างผลเสียต่อสังคมในวงกว้าง เพื่อช่วยให้คนใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาวะที่ดียิ่งขึ้น ตลอดจนสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ ๆ คืนกลับสู่สังคมอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้แคมเปญ NEVER STOP” มร. โซ มารูโอะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเน้นย้ำ

ในอนาคตข้างหน้า ฟูจิฟิล์ม พร้อมเดินหน้าดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้สโลแกน Value from Innovation หรือ นวัตกรรมอันทรงคุณค่า ควบคู่ไปกับการสานต่อพันธกิจของบริษัทในการสร้างสรรค์เทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และการบริการด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัย ช่วยให้โลกสามารถรับมือกับความท้าทายและวิกฤตต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้วยเจตนารมณ์หลัก “NEVER STOP” ที่เป็นดั่ง DNA ขององค์กร ฟูจิฟิล์ม จะไม่หยุดยั้งพัฒนาและสรรค์สร้างโลกที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนสำหรับทุกคน

มหาวิทยาลัยมหิดล จับมือพันธมิตร พัฒนาหลักสูตร "Wellness & Healthcare Business Opportunity for Executives (WHB)" โดยได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล เป็นประธานในพิธีมอบวุฒิบัตร ให้แก่ผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 2 จำนวน 117 คน ขององค์กรชั้นนำต่างๆ ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน

ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างสถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทย ได้รับความชื่นชมจากนานาประเทศ เรื่องการบริหารจัดการและควบคุมการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี ทำให้ประเทศไทยสามารถยกระดับการบริการสุขภาพและการแพทย์ สู่ศูนย์กลางของภูมิภาคและทั่วโลก

"หลักสูตรนี้ เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือระหว่าง มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ อาทิ กระทรวงสาธารณสุข และภาคเอกชน มาพัฒนาธุรกิจด้านสุขภาพและการแพทย์ของไทยให้เป็น World Hub ต้องอาศัยความถนัดจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาช่วยผลักดันให้ถึงเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งโปรเจกต์ Andaman Wellness Corridor (AWC) ของผู้เข้าอบรมรุ่นแรกประสบความเร็จ ได้รับการอนุมัติจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนรุ่นที่ 2 จะเน้นเรื่องของการสร้างแบรนด์ให้ธุรกิจนี้เป็นที่รู้จักของนานาประเทศ" ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล กล่าว

ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จันจิรา วงษ์ขมทอง ผู้อำนวยการหลักสูตร WHB เปิดเผยว่า หลักสูตรนี้เป็นการรวมตัวของผู้อบรมหลากหลายวงการ ได้แก่ ภาคนโยบาย ภาควิชาการ และภาคธุรกิจ ที่จะมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองใหม่ๆ ด้านการบริการสุขภาพ รวมถึงการแพทย์ นำไปสู่การต่อยอดและส่งเสริมเป็นธุรกิจต่างๆ อีกมากมาย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เป็นผู้นำด้าน Wellness & Healthcare ขณะนี้ กำลังเปิดรับสมัครรุ่นที่ 3 เพื่อสร้างโอกาสให้แก่อุตสาหกรรมนี้ต่อไป ซึ่งจะปิดรับสมัครภายในวันที่ 30 พ.ย. นี้

สำหรับกิจกรรมในหลักสูตร WHB ประกอบด้วย การบรรยายให้ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำธุรกิจ พร้อมจัดนิทรรศการและนำเสนอผลงานวิชาการของผู้เข้าอบรม ด้วยกลยุทธ์หลัก 6 ด้าน ได้แก่ "SABAI Wellcation, Sabai Thailand" ดึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ส่งมอบความสบายและผ่อนคลายแบบองค์รวมแก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้ประเทศไทยเป็นที่หนึ่ง ด้าน Wellness Tourism, การถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เกิดการบูรณาการใน Ecosystem โครงการ Framework for Digital Transformation : Empowering Thailand Wellness and Healthcare, Platform การให้บริการด้านสุขภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำ 24 ชม., โครงการ Lady D-Care ดูแลสุขภาพเชิงรุกรับสังคมสูงวัย, "Mindfulness for Wellness" เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำทางด้านการฝึกสติและสมาธิในระดับสากล และการพัฒนาบุคลากรด้าน Wellness ที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทาง รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมบริการทั้งระบบ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19 และสร้างรายได้กลับสู่ประเทศจากการท่องเที่ยว

ทั้งนี้ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ โดย นางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการตลาดกลาง และ นายอภิสิทธิ์ ธีรภาพรุ่งโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการ เป็นหนึ่งในภาคเอกชนที่ร่วมอบรมหลักสูตร WHB รุ่นที่ 2

หลักสูตร Wellness & Healthcare Business Opportunity Program for Executives (WHB) เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน นำโดย มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ บริษัท ไทยพัฒนาสุขภาพ จำกัด, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข, Huawei Technologies (Thailand) และ The Department of Community and Global Health มหาวิทยาลัยโตเกียว เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้อุตสาหกรรมทางการแพทย์ครบวงจร เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมและบริการของประเทศไทย พร้อมกับขับเคลื่อนให้ประเทศเป็นศูนย์กลางการบริการด้านสุขภาพและการแพทย์ของโลก โดยคัดเลือกผู้บริหารและผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการแพทย์ในประเทศ รวมถึงผู้ที่สนใจธุรกิจนี้ตระหนักถึงนวัตกรรมด้าน Wellness เพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจใหม่ ต่อยอดและพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Wellness & Healthcare ต่อไป ./

 

 

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click