December 05, 2025

ในยุคเศรษฐกิจที่การแข่งขันเข้มข้นและผู้บริโภคมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ธุรกิจจำเป็นต้องมองหา “กลยุทธ์ใหม่” และ “แรงบันดาลใจใหม่” ที่จะพาแบรนด์ยืนหนึ่งในตลาดได้อย่างมั่นใจ LINE for Business เตรียมจัดสองเวทีสัมมนาสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “LINE FOOD TECH 2025” และ “LINE BEAUTY TECH 2025” เจาะลึกอินไซต์ของ 2 อุตสาหกรรมดาวเด่นในไทย ดึงทัพกูรูและผู้บริหารตัวจริงจากทั้งไทยและระดับโลก มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ตรง เทรนด์ที่น่าสนใจ เปิดกลยุทธ์การพลิกความท้าทายให้กลายเป็นโอกาส สร้างความต่างในตลาด ด้วยแนวคิดที่นำไปต่อยอดได้จริง

LINE FOOD TECH 2025 ถอดสูตรเอาตัวรอดในสมรภูมิ Red Ocean จากแบรนด์ระดับท็อปในไทย

เวทีรวมผู้บริหารแบรนด์ระดับท็อปแห่งวงการอาหารและเครื่องดื่มครั้งใหญ่ พร้อมผู้เชี่ยวชาญชั้นนำมากมาย อาทิ LINE MAN Wongnai, Starbucks, Lay’s, เต่าบิน, Hato Hub และ BeTask ที่จะมาเผยประสบการณ์ตรงและกลยุทธ์การเอาตัวรอดในตลาดที่มีการแข่งขันสูงได้ วิถีการนำดาต้ามาใช้ขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างมั่นใจ ช่วยผู้ประกอบการนำพาธุรกิจก้าวข้ามอุปสรรคสู่ทางเลือกใหม่ สร้างความต่างและเติบโตอย่างยั่งยืนได้ด้วยเทคโนโลยี พบกับ LINE FOOD TECH 2025 ได้ในวันที่ 16 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ

*ผู้บริหารและนักการตลาดกลุ่มธุรกิจ F&B ที่สนใจ สามารถกรอกแบบฟอร์มเพื่อสมัครเข้าร่วมงานได้ที่ https://lin.ee/JGzjXc3 สงวนสิทธิ์สำหรับผู้บริหารและนักการตลาดของแบรนด์/องค์กรที่ได้รับเชิญ และได้รับอีเมลยืนยันเท่านั้น

 

LINE BEAUTY TECH 2025 ผ่าเทรนด์ Global ถึง Local ปั้นแบรนด์ให้ยืนหนึ่งในศึกบิวตี้

เปิดโลกธุรกิจสุขภาพและความงามในมุมมองใหม่ เจาะลึกกระแสเทรนด์ความงามที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำอย่าง Wisesight รวมแบรนด์ดังตัวจริงทั้งจากในไทยและระดับโลกอย่าง L’oreal และ ศรีจันทร์ มาร่วมเผยกลยุทธ์สร้างความแตกต่างเพื่อคว้าชัย ยกระดับการทำการตลาดอย่างไรให้ครองใจผู้บริโภค พร้อม Salesforce กับกลยุทธ์การใช้ดาต้าผ่านเทคโนโลยี สร้างความสำเร็จให้ธุรกิจได้อย่างยั่งยืน งาน LINE BEAUTY TECH 2025 จะจัดขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ

* ผู้บริหารและนักการตลาดกลุ่มธุรกิจ Health & Beauty ที่สนใจ สามารถกรอกแบบฟอร์มเพื่อสมัครเข้าร่วมงานได้ที่ https://lin.ee/Mdg0TxR สงวนสิทธิ์สำหรับผู้บริหารและนักการตลาดของแบรนด์/องค์กรที่ได้รับเชิญ และได้รับอีเมลยืนยันเท่านั้น

สองเวทีนี้คือโอกาสพิเศษของผู้บริหารและนักการตลาดไทย ในการเปิดมุมมอง อัปเดตเทรนด์ใหม่ รับรู้กลยุทธ์ตรงจากเหล่าแบรนด์แถวหน้าแห่งเมืองไทย ศึกษาเทคโนโลยีที่จะพลิกเกมการแข่งขันได้ ค้นหาแรงบันดาลใจใหม่เพื่อก้าวข้ามความท้าทาย สู่การสร้างความแตกต่างและการเติบโตอย่างมั่นคงในยุค Tech-driven

ในยุคที่เทคโนโลยีกลายเป็นอาวุธสำคัญในการทำธุรกิจ “ความเร็วในการเข้าถึงลูกค้า” และ “ความสามารถในการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง คือตัวแปรสำคัญที่ช่วยสร้างแต้มต่อให้ผู้ประกอบการยุคใหม่ LINE ในฐานะแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงคนไทยกว่า 56 ล้านคน และเป็นศูนย์กลางที่รวบรวมธุรกิจ ร้านค้าทั้งใหญ่และเล็ก จึงมุ่งมั่นพัฒนาและส่งเสริมให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ บนแพลตฟอร์ม เพื่อยกระดับบริการและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานและภาคธุรกิจให้ได้มากที่สุด

ล่าสุดในงาน LINE THAILAND DEVELOPER CONFERENCE 2025 สองตัวแทนจาก LINE ประเทศไทย นำโดย จิรวัฒน์ กรัณย์วิทยาการ Tech Evangelist และ วริศ วรรณวิธู Developer Relations ได้ร่วมอัปเดตเครื่องมือใหม่เพื่อนักพัฒนาบน LINE พร้อมเผยตัวเลขการเติบโตที่น่าสนใจ ทั้งการเติบโตของชุมชนนักพัฒนา LINE ที่ปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกมากกว่า 53,000 คน จนถือเป็นชุมชนนักพัฒนา LINE ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ยอดการใช้งานเทคโนโลยี Messaging API จากนักพัฒนาไทย ที่เติบโตมากถึง 680,000 แชทบอท และ LIFF (LINE Front-end Framework) กว่า 330,000 แอปฯ นับเป็นความภาคภูมิใจที่ LINE ได้เป็นส่วนหนึ่งช่วยทลายข้อจำกัดให้นักพัฒนาไทย สามารถสร้างบริการ นวัตกรรมตอบโจทย์คนไทยได้อย่างลงตัว

ปลดล็อกศักยภาพ Messaging API ใช้งานง่าย เชื่อมต่อได้สะดวกขึ้น

ภายในงาน LINE ได้เปิดตัว LINE Bot MCP Server ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อ AI Agent เข้ากับ Messaging API ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างบริการที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้อย่างง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดเอง เพียงสั่งงานด้วย Prompt ก็สามารถสร้าง Flex Message หรือ Broadcast ข้อความให้ได้ทันที ทำให้การพัฒนาบริการรวดเร็วและยืดหยุ่นมากขึ้น

ถัดมาคือการปล่อยเทคโนโลยี Coupon API เครื่องมือที่ช่วยสร้างและจัดการคูปองแบบอัตโนมัติได้ ผู้ใช้สามารถกดรับและใช้งานคูปองผ่าน LINE ลดปัญหาคูปองสูญหายหรือชำรุดได้ อำนวยความสะดวกในการกลับมาใช้บริการซ้ำ ในขณะที่ร้านค้าสามารถติดตามและเก็บข้อมูลการใช้งานคูปองได้ง่าย สามารถทำงานร่วมกับ LINE Beacon และ LINE OA Manager เพื่อขยายโอกาสในการสร้าง Engagement ได้ครบวงจร

ในส่วนของเทคโนโลยี LIFF (LINE Front-End Framework) ซึ่งเป็น API ที่ช่วยในการพัฒนาเว็บแอปฯ ให้แสดงผลภายใน LINE ได้โดยตรง ผู้ใช้ไม่ต้องสลับไปมาระหว่างแอป LINE และเว็บเบราว์เซอร์ให้วุ่นวาย ทำให้ประสบการณ์ใช้งานลื่นไหลและต่อเนื่อง ได้มีการเพิ่มฟังก์ชันใหม่ Seamless LIFF Switching ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปิดและสลับการใช้งาน LIFF หลายตัวพร้อมกันได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลที่กรอกไว้ก่อนหน้าจะหายไปเมื่อต้องย้ายไปอีกหน้าจอ พร้อมอัปเกรด LIFF CLI เพื่อให้กระบวนการพัฒนาและ debug บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเองสะดวกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ช่วยให้นักพัฒนาทำงานได้คล่องตัวและรวดเร็วกว่าที่เคย

ติดปีกธุรกิจโตไวด้วย LINE MINI App  


อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ คือการแนะนำ LINE MINI App โซลูชันช่วยให้แบรนด์สร้างบริการรูปแบบ “App-in-App” บน LINE ได้ โดยผู้ใช้ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปฯ เพิ่ม สามารถค้นหาและเข้าถึงบริการของแบรนด์ได้ง่ายและรวดเร็วทันใจ เพียงพิมพ์ชื่อบริการในแท็บ Home ของ LINE หรือเลือก “ปักหมุด” ไอคอน LINE MINI App ของแบรนด์ไว้บนหน้าจอสมาร์ทโฟนนอกแอป LINE อีกทั้ง แบรนด์ยังสามารถสร้างลิงก์เข้า LINE MINI App ที่เป็นชื่อเฉพาะของแบรนด์ (Custom Path URL) ได้ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและนำไปโปรโมตในช่องทางโซเชียลมีเดียหรือสื่อออนไลน์ได้สะดวก

ไม่เพียงในเชิงการเข้าถึงที่ง่าย LINE MINI App ยังช่วยเพิ่มโอกาสสร้าง Engagement ระหว่างธุรกิจกับผู้ใช้ได้ ด้วยฟังก์ชัน Service Messages ส่งข้อความแจ้งเตือนจากการใช้บริการบน LINE MINI App ได้ฟรี เช่น ยืนยันจองคิว ยืนยันคำสั่งซื้อ ฯลฯ พร้อมฟังก์ชันเพิ่มเพื่อน LINE OA อัตโนมัติ ทำให้แบรนด์สามารถเก็บ Customer Insight เชื่อมโยงกับ LINE OA ได้ลึกขึ้น ธุรกิจสามารถสร้าง LINE MINI App ให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบสมาชิก จองคิวนัดหมาย ไปจนถึงกิจกรรม แคมเปญต่าง ๆ ตอบโจทย์ธุรกิจที่ต้องการมอบประสบการณ์ที่สะดวกและราบรื่นให้ผู้ใช้ อีกทั้งยังช่วยประหยัดต้นทุนและบุคลากรในการสร้างและ Maintenance เพราะระบบรองรับทั้ง iOS และ Android ได้ในคราวเดียว

ปัจจุบันมีหลายแบรนด์ชั้นนำในไทยที่เลือกใช้ LINE MINI App เพื่อยกระดับประสบการณ์การให้บริการลูกค้า เช่น FINNOMENA, Q-CHANG, TQM, MedCare และล่าสุด Dusit Central Park ได้นำ LINE MINI App มาใช้เป็นศูนย์กลางการบริการลูกค้าแบบครบวงจร ตั้งแต่การสมัครสมาชิก ดูข้อมูลการใช้บริการโซนต่าง ๆ พร้อมให้กดจองและชำระค่าบริการสถานที่ได้ ไปจนถึงการสะสมแต้มแลกของรางวัลมากมาย นับเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ใช้ LINE MINI App สร้างประสบการณ์เข้าถึงบริการได้ง่าย สะดวก ทันใจและไร้รอยต่อ

เปิดไอเดียผู้ประกอบการญี่ปุ่น ใช้ LINE MINI App อย่างไรให้ปัง

ในญี่ปุ่น หลากหลายธุรกิจมีการประยุกต์ใช้ LINE MINI App เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์สร้างโอกาสทางธุรกิจได้อย่างน่าสนใจ ตัวอย่างเช่น ร้านขายของที่ระลึก มีการใช้ LINE MINI App ผสานเทคโนโลยี AI Photogrammetry สร้าง “ร้านขายของฝากเสมือนจริง” ในรูปแบบ 3D ผู้ใช้สามารถเลือกชมสินค้าภายในร้านเสมือนจริงแบบอินเทอร์แอคทีฟ เมื่อเจอของที่ถูกใจ ก็สามารถกดชำระเงินได้ทันทีผ่าน LINE Pay ทำให้ประสบการณ์ช้อปปิ้งสะดวกสบาย แก้ปัญหานักท่องเที่ยวมักลืมซื้อของฝากก่อนกลับได้อย่างสร้างสรรค์

อีกหนึ่งกรณีศึกษาที่โดดเด่นคือ HIKKY Metaverse ที่ใช้ LINE MINI App เปิดประสบการณ์เข้าร่วมอีเวนต์เสมือนจริงแบบ 3D โดยใช้เทคโนโลยี WebGL ช่วยสร้างโลกเสมือนที่สมจริง ให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกเหมือนได้เดินอยู่ในงานอีเวนต์หรือคอนเสิร์ตจริง และสามารถโต้ตอบกับผู้เข้าร่วมคนอื่นแบบเรียลไทม์ได้ รวมถึงเลือกซื้อสินค้าภายใน LINE MINI App ได้ทันที ช่วยเพิ่มทั้ง Engagement และโอกาสสร้างรายได้ใหม่ให้กับแบรนด์

ไม่เพียงแค่นั้น ธุรกิจประเภทอื่นในญี่ปุ่น อาทิ ธุรกิจซาลอน และธุรกิจร้านอาหาร ยังมีการใช้ LINE MINI App เป็นช่องทางให้ลูกค้าจองคิวเข้ารับบริการล่วงหน้าได้ง่าย ลูกค้าเพียงสแกน QR code ที่โต๊ะก็สามารถเลือกเมนู สั่งอาหาร และสะสมแต้มผ่าน LINE MINI App ได้ทันที ไม่เพียงช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้บริการของลูกค้าให้สะดวกและประทับใจ แต่ยังช่วยให้ร้านค้าเก็บข้อมูล Customer insight กลับไปใช้ในการวิเคราะห์เพื่อทำการตลาด สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและกระตุ้นการกลับมาใช้บริการซ้ำในอนาคต

ปิดท้ายด้วยหนึ่งโปรแกรมสำคัญจาก LINE อย่าง LINE Developer Partner ประตูแห่งโอกาสสำหรับองค์กรนักพัฒนาไทยเพื่อพบปะและเชื่อมโยงกับองค์กรธุรกิจ ร้านค้าที่ต้องการสร้างการเติบโตบนแพลตฟอร์ม LINE ได้ โดย LINE พร้อมทำหน้าที่เป็นตัวกลาง เชื่อมโยงความต้องการธุรกิจให้เหมาะกับองค์กรนักพัฒนาที่ใช่ ด้วย Certified Badge ใน 3 ระดับ ได้แก่ Authorized, Professional และ Expert ช่วยให้ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการสามารถเลือกพาร์ตเนอร์เชิงเทคนิคได้อย่างมั่นใจ และเพิ่มโอกาสให้นักพัฒนาไทยนำไอเดียต่อยอดเป็นโซลูชันที่ใช้ได้จริงในโลกธุรกิจ

ทั้งหมดนี้คืออัปเดตเทคโนโลยีใหม่จาก LINE ที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาเครื่องมือเพื่อเสริมพลังนักพัฒนาไทยในการสร้างประสบการณ์ดิจิทัลยุคใหม่ให้ผู้ใช้งาน และมอบ “ทางลัด” ให้ผู้ประกอบการ ธุรกิจองค์กรไทยที่มองหานวัตกรรมขับเคลื่อนธุรกิจ นักพัฒนาผู้สนใจในเทคโนโลยีบนแพลตฟอร์ม LINE และกิจกรรมดีๆ จาก LINE เพื่อเสริมพลังนักพัฒนาไทย สามารถติดตามได้ที่ LINE: @linedevth เฟซบุ๊กเพจ LINE Developers Thailand และเฟซบุ๊กกรุ๊ป LINE Developers Group Thailand สำหรับภาคธุรกิจ สามารถติดตามอัปเดตข่าวสารได้ที่เว็บไซต์ LINE for Business, LINE: @linebizth และเฟซบุ๊กเพจ LINE for Business 

บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรมเพื่อยกระดับ “ประสบการณ์ลูกค้า” อย่างรอบด้าน จับมือ LINE ประเทศไทย เปิดตัวบริการ แจ้งเตือนผ่าน LINE Official Notification (LON) เสริมความสะดวก มั่นใจ และปลอดภัยสูงสุดในการสื่อสารกับลูกค้า ผ่านช่องทางดิจิทัลที่น่าเชื่อถือ ภายใต้ LINE Official Account: @DhipayaInsurance ซึ่งเป็นบัญชีพรีเมียมที่ได้รับการรับรอง (โล่สีเงิน) จาก LINE

การเปิดตัวครั้งนี้นำโดย คุณสุภาพ ประดับการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการขายและการตลาด 1 คุณณัฐญา ธนะรัชต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจภาครัฐและการตลาดตรง และ คุณธรรมรดี ไพรพิรุณโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ คุณศรีสุภาคย์ อารีวณิชกุล ผู้อำนวยการธุรกิจองค์กร LINE ประเทศไทย

คุณสุภาพ ประดับการ กล่าวว่า “บริการ LINE Official Notification (LON) ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของทิพยประกันภัยในการพัฒนา Ecosystem การให้บริการลูกค้าอย่างไร้รอยต่อ (Seamless) รองรับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง โดย LON จะเข้ามาแทนการแจ้งเตือนผ่าน SMS ที่เสี่ยงต่อการถูกปลอมแปลง ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าทุกข้อความที่ได้รับมาจากทิพยประกันภัยโดยตรง 100% อีกทั้งยังสามารถดาวน์โหลดกรมธรรม์ ติดตามสถานะการให้บริการ
ต่ออายุประกันภัย และใช้บริการต่าง ๆ ได้ครบจบในที่เดียวผ่าน LINE Official Account ของเรา”

ขั้นตอนการใช้บริการสะดวก ปลอดภัย และรวดเร็ว

  • ครั้งแรกเพียงกดยืนยันหมายเลขโทรศัพท์กับ LINE และกรอกรหัส OTP เพื่อเชื่อมต่อบัญชี LINE กับเบอร์โทรศัพท์
  • หากเคยยืนยันตัวตนแล้วกับ LINE สามารถเปิดดูข้อความจากทิพยประกันภัยผ่าน LON ได้ทันที

ทุกข้อความถูกส่งจากระบบที่ได้รับการตรวจสอบและรับรอง ช่วยลดปัญหาข้อความสแปม และป้องกันการแอบอ้างจากมิจฉาชีพได้อย่างสิ้นเชิง

คุณศรีสุภาคย์  อารีวณิชกุล ผู้อำนวยการธุรกิจองค์กร LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “LINE มีผู้ใช้งานกว่า 56 ล้านคนทั่วประเทศ ทำให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารของผู้บริโภคยุคดิจิทัล ระบบ LON มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง ถูกออกแบบเพื่อให้แบรนด์สามารถแจ้งเตือนลูกค้าได้โดยตรง และลดปัญหาข้อความหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรามั่นใจว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารของทิพยประกันภัยและสร้างความเชื่อมั่นสูงสุดแก่ลูกค้า”

นอกจากความปลอดภัยแล้ว LON ยังช่วยอำนวยความสะดวกยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าทิพยประกันภัยที่ได้รับ กรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ (E-policy) ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดเก็บไว้ในโทรศัพท์ หากต้องการดูย้อนหลังสามารถเข้าไปที่ LINE Official Account @DhipayaInsurance เพื่อดาวน์โหลดได้ตลอด 24 ชั่วโมง หมดกังวลเรื่องเอกสารสูญหาย และยังสามารถใช้แทนกรมธรรม์กระดาษเมื่อต้องแจ้งเคลมได้ทันที

ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ของทิพยประกันภัยในการก้าวสู่การเป็น “Next Generation Insurance Leader” ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ความเข้าใจเชิงลึกในพฤติกรรมลูกค้า และการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทั้งวันนี้และอนาคตอย่างยั่งยืน

หาหมอบน LINE ได้แล้ววันนี้! LINE ประเทศไทย เปิดตัว “LINE HEALTH” ทางเลือกใหม่ของการดูแลสุขภาพสำหรับคนไทยอย่างเป็นทางการ เชื่อมต่อผู้ใช้ LINE ทั่วไทยเข้ากับ 4 ผู้ให้บริการหมอออนไลน์ Clicknic – Health at Work – หมอคู่คิดส์ – ooca ผ่านบัญชีทางการเดียว (@linehealth) เพียงเพิ่มเพื่อน เข้าปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ รอรับยาที่ส่งถึงบ้าน ดูแลครอบคลุมทั้งสุขภาพกาย ใจ และหมอเด็ก เข้าถึงง่าย สะดวก ปลอดภัย ไม่ต้องเดินทาง พร้อมรองรับสิทธิบัตรทอง 42 กลุ่มอาการโรคทั่วไปและประกันกลุ่ม สะท้อนเจตนารมณ์ของ LINE ในการยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนบริการสาธารณสุขของประเทศ  

รัฐธีร์ ฉัตรดํารงค์ศักดิ์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ (Chief Commercial Officer), LINE ประเทศไทย “การเปิดตัว LINE HEALTH คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญของ LINE ประเทศไทย ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ด้วยการนำบัญชีทางการ (Official Account) มาสร้างเป็นแพลตฟอร์มกลางเพื่อสนับสนุนและยกระดับระบบสาธารณสุขไทย เรามุ่งหวังว่าด้วยศักยภาพของ LINE ที่เข้าถึงคนไทยกว่า 56 ล้านคนทั่วประเทศ LINE HEALTH จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพดิจิทัล ที่ช่วยให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพได้อย่างเท่าเทียม LINE HEALTH จึงได้เชื่อมต่อกับ 4 พันธมิตรผู้ให้บริการด้านเทเลเมดิซีนชั้นนำของไทยที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านครอบคลุมทุกความต้องการพื้นฐานด้านสาธารณสุขของคนไทยในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นหมอสุขภาพกาย หมอสุขภาพจิต และหมอเด็ก ตอบโจทย์ผู้ใช้สิทธิบัตรทอง ผู้ใช้สิทธิประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก ผู้ใช้สิทธิประกันกลุ่ม ทั้งหมดนี้ช่วยเสริมศักยภาพให้ LINE HEALTH ครอบคลุมการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจของคนไทยอย่างแท้จริง”

4 พันธมิตรผู้ให้บริการเทเลเมดชั้นนำที้ให้บริการบน LINE HEALTH ได้แก่

  • Health at Work แพลตฟอร์มที่มุ่งเน้นบริการสุขภาพสำหรับวัยทำงาน ให้คำปรึกษาแพทย์ผ่าน LINE ได้โดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล พร้อมบริการส่งยาถึงที่ ลดเวลาและค่าใช้จ่าย รองรับสิทธิประกันกลุ่ม และประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก (OPD) ช่วยเสริมสร้างสวัสดิการเชิงรุกที่ตอบโจทย์พนักงานองค์กรยุคใหม่
  • หมอคู่คิดส์ แพลตฟอร์มเทเลเมดิซีนสำหรับพ่อแม่และเด็กอันดับหนึ่งของไทย สามารถปรึกษาหมอและพยาบาลเด็กได้ตลอดเวลา ครอบคลุมทั้งเรื่องการเจ็บป่วยทั่วไปและพัฒนาการเด็ก พร้อมฟีเจอร์เสริม เช่น การบันทึกวัคซีน และการติดตามพัฒนาการลูก
  • ooca แพลตฟอร์มสุขภาพจิตออนไลน์ชั้นนำของไทย ให้คำปรึกษาโดยจิตแพทย์และนักจิตวิทยาที่ผ่านการรับรอง ผ่านวิดีโอคอลหรือแชทออนไลน์ เน้นการเข้าถึงง่าย ลดการตีตราทางสังคม และรักษาความเป็นส่วนตัวสูงสุดสำหรับผู้ใช้บริการ
  • Clicknic แพลตฟอร์มเทเลเมดิซีนของไทยที่ให้บริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ผ่านวิดีโอคอลได้ทันที ทุกที่ โดยเชื่อมต่อกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อรองรับผู้ใช้สิทธิบัตรทอง โดยเปิดให้ประชาชนสามารถพบแพทย์ออนไลน์ รับยา และจัดส่งยาถึงบ้านได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ครอบคลุม 42 กลุ่มอาการทั่วไป เช่น ไข้หวัด ปวดศีรษะ หรือท้องเสีย ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการพบแพทย์อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลหรือคลินิก

นายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่าLINE เป็นมากกว่าแพลตฟอร์มสื่อสาร แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีศักยภาพสูง ด้วยการเชื่อมต่อผู้ใช้งานกว่า 56 ล้านคนในประเทศไทย สปสช.เชื่อมั่นว่า LINE จะมีบทบาทสำคัญในการยกระดับระบบสุขภาพของประเทศ และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการสิทธิบัตรทองอย่างแท้จริง ทั้งการลดข้อจำกัดด้านระยะทาง ลดความแออัดในโรงพยาบาล และเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ห่างไกล รวมถึงกลุ่มเปราะบาง สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างสะดวกและมีคุณภาพอย่างเท่าเทียม”

นอกจากนี้ยังสามารถพบกับ WHALE บริการเสริมจาก LINE HEALTH ที่รวบรวมสินค้าคุณภาพในกลุ่มวิตามินและอาหารเสริม รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมและบำรุงความงาม ที่ให้ผู้ใช้บริการสามารถช้อปสินค้าได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย จากการคัดสรรค์ภายใต้มาตรฐานของ LINE โดยสามารถเข้าถึงได้ผ่าน Rich Menu ของ LINE HEALTH

LINE HEALTH พร้อมให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้บนแอปพลิเคชัน LINE ให้คนไทยทุกคนเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้ง่าย สะดวก และปลอดภัย เพียงเปิดแอป LINE แล้วพิมพ์ค้นหา @linehealth หรือเข้าไปที่ https://lin.ee/acRu9SY เพื่อเพิ่มบัญชีทางการ LINE HEALTH เป็นเพื่อน จากนั้นก็สามารถเลือกใช้บริการต่างๆ ได้ทันที

 

LINE ประเทศไทย เดินหน้าภารกิจสร้างภูมิคุ้มกันทางดิจิทัลให้สังคมไทย ผ่านโครงการผลักดันด้าน “Digital Literacy” มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจและทักษะการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้อง มั่นใจ และปลอดภัยสำหรับคนไทยทุกวัย เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากโลกดิจิทัลได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยในปีนี้ประเดิมด้วยกิจกรรม “LINE CONNECT DAY: Smart Senior 2025” ที่มุ่งเสริมสร้างความรู้ด้านดิจิทัลควบคู่กับความรู้การลงทุนให้กับผู้สูงวัย พร้อมตอกย้ำความสำคัญของการป้องกันความเสี่ยงจากภัยออนไลน์

 

นางสาวณิชารัศมิ์ อาชญาสิทธิวัตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (Chief Marketing Officer) LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “ในยุคที่เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ทักษะการใช้ดิจิทัลอย่างชาญฉลาด รู้เท่าทันและปลอดภัยไม่ใช่เพียงเรื่องเทคนิค แต่เป็นความสามารถสำคัญที่ทุกคนต้องมี LINE ประเทศไทยจึงริเริ่มโครงการผลักดันด้าน ‘Digital Literacy’ ภายใต้แนวคิด Living Smart and Safe on LINE เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในการใช้เทคโนโลยี เชื่อมต่ออย่างมีคุณภาพ และปกป้องตนเองในโลกออนไลน์ สำหรับคนไทยทุกวัยจากความสำเร็จของกิจกรรม Smart Senior ที่เราจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม ในปีนี้ เราเล็งเห็นศักยภาพของผู้สูงวัยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประชากรผู้ใช้ LINE ที่ใช้แอปพลิเคชัน

นอกเหนือจากสื่อสารกับครอบครัวและเพื่อนฝูง แต่ยังใช้เพื่อการดำรงชีวิตในด้านอื่นๆ เราจึงได้ขยายขอบเขตเนื้อหา ไม่เพียงเน้นการป้องกันภัยออนไลน์ แต่ยังเสริมความรู้ด้านการลงทุนอย่างชาญฉลาด และการรับมือกับความเสี่ยงดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อนมากขึ้น นอกจากนี้การสร้างโลกดิจิทัลที่ปลอดภัยต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญในแขนงสาขาต่างๆ ซึ่งครั้งนี้เรารวมพลังกับอีก 3 หน่วยงานสำคัญ โดยมี LINE ในฐานะแพลตฟอร์มกลาง, Young Happy ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคอมมูนิตี้ผู้สูงวัย, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่นำความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนมาถ่ายทอด และ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ การรวมตัวของพันธมิตรทั้ง 4 นี้ ช่วยเสริมความเข้มข้นของเนื้อหาและมอบองค์ความรู้ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันได้อย่างตรงจุด ทั้งหมดนี้สะท้อนบทบาทของ LINE ในการเป็นแพลตฟอร์มกลางที่พร้อมเชื่อมโยงทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันสร้างสังคมดิจิทัลที่แข็งแรง ปลอดภัย และเท่าทันการเปลี่ยนแปลงสำหรับทุกคน และในอนาคต เรามีแผนที่จะขยายขอบเขตเนื้อหาไปด้านอื่นให้ครอบคลุมกลุ่มผู้ใช้ LINE ที่หลากหลายอีกด้วย”

กิจกรรม “LINE CONNECT DAY: Smart Senior 2025” มีผู้สูงวัยเข้าร่วมกว่า 60 คนจากทั่วประเทศ ทุกท่านได้เรียนรู้ตั้งแต่การใช้ LINE อย่างปลอดภัย เช่น วิธีสังเกตบัญชี Official ของจริง, การตั้งค่าความปลอดภัย, การรายงานบัญชีต้องสงสัย ไปจนถึงการรู้เท่าทันกลโกงด้านการเงิน และการรับมือกับภัยคุกคามในโลกออนไลน์ เช่น ฟิชชิ่ง หลอกโอนเงิน หรือแฮกบัญชี โดยมีผู้เชี่ยวชาญจาก LINE และพันธมิตรให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด

“เราเชื่อว่าทักษะการใช้งานเทคโนโลยีอย่างมั่นใจและปลอดภัยจะเป็นทักษะพื้นฐานในการดำรงชีวิตประจำวัน เราจึงเดินหน้าอย่างจริงจังในการส่งเสริมความรู้ด้านดิจิทัลให้คนไทยทุกกลุ่ม โดยเริ่มต้นจากกลุ่มเปราะบางอย่างผู้สูงวัย โดยหวังว่ากิจกรรม LINE CONNECT DAY: Smart Senior 2025 จะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระยะยาวในการยกระดับทักษะดิจิทัลให้กับสังคมไทย” นางสาวณิชารัศมิ์ กล่าวสรุป

LINE ประเทศไทยมีแผนจะต่อยอดกิจกรรมสู่กลุ่มเป้าหมายอื่น ๆ เช่น เยาวชน และกลุ่มคนทำงาน เพื่อใช้ประโยชน์และสร้างความรู้เท่าทันดิจิทัลอย่างต่อเนื่องในอนาคต

Page 1 of 23
X

Right Click

No right click