

หลังจากเริ่มให้บริการเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา อเมซ ซูเปอร์แอป (Amaze Super App) แอปช้อปปิ้งคอนเซ็ปต์ใหม่ที่เปลี่ยนทุกพอยท์ของคุณเป็นพลังช้อปจากเครือซีพี ได้ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมเผยความคืบหน้าล่าสุดและโปรโมชั่นสุดคุ้มที่ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคและร้านค้าไทยยุคใหม่ โดยได้รับเสียงตอบรับในเชิงบวกจากผู้ใช้งานจริงถึงความสะดวกในการรวมพอยท์จากหลายแหล่ง ทั้งจากโปรแกรมสมาชิกในเครือซีพี อาทิ ALL POINT, My Lotus's, Makro PRO POINT และ True Point รวมถึงพอยท์จากบัตรเครดิตชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น KrungSri, FirstChoice, POINTX, UOB, BBL, GSB และ KBank เพื่อให้ผู้ใช้ อเมซ ซูเปอร์แอป สามารถรวมพอยท์ทั้งหมดไว้ในกระเป๋าพอยท์เดียว หมดกังวลเรื่องพอยท์กระจัดกระจายและหมดอายุ ทั้งยังสามารถสะสมและใช้พอยท์แทนเงินสดได้สะดวกและคุ้มค่ายิ่งขึ้นแบบไม่มีขั้นต่ำ
![]()
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยถึงการเปิดตัว Amaze Super App ว่า “Amaze เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างสิทธิประโยชน์ให้กับกลุ่มลูกค้า โดยนำเอาผู้ผลิตมาพบกับผู้บริโภคในเครือข่ายฐานลูกค้าของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งมีมากกว่า 100 ล้านผู้ใช้งานทั่วประเทศ นี่คือก้าวสำคัญของยุทธศาสตร์ ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ที่เรากำลังดำเนินการ”
“หัวใจสำคัญของ Amaze คือการมุ่งนำเอาประโยชน์สูงสุดกลับไปสู่ผู้บริโภคและสมาชิก ด้วยการใช้ข้อมูลที่ดี ถูกต้อง และแม่นยำ ทำให้เราสามารถเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น และต่อยอดด้วยจุดแข็งของการเป็นบริษัทไทยที่มีความโดดเด่นด้านบริการหลังการขายและการรับประกันคุณภาพ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการระดับโลก” คุณศุภชัยกล่าว
นอกจากนี้ คุณศุภชัยยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “Amaze คือก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สร้างโดยคนไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการในยุคดิจิทัล และผลักดันให้คุณภาพชีวิตของคนไทยดีขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาว”
![]()
คุณธรินทร์ ธนียวัน ผู้อำนวยการบริหารกลุ่มด้านอีคอมเมิร์ซ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด เปิดเผยว่า Amaze Super App เป็นแพลตฟอร์ม Loyalt E-Commerce และเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยที่เครือซีพีตั้งใจวางรากฐานให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน ด้วยการเชื่อมโยงแต้มสะสมจากหลายแหล่งให้กลายเป็นมูลค่าจริงในชีวิตประจำวัน ผ่านระบบที่ปลอดภัย โปร่งใส และขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยคนไทย
แนวทางการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลในวันนี้ ต้องไม่หยุดเพียงแค่การค้าขายออนไลน์ แต่ต้องสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการใช้ประโยชน์จากข้อมูล (Data) อย่างมีประสิทธิภาพ เคารพสิทธิของผู้บริโภค และเปิดโอกาสให้แบรนด์ไทยสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงจุด ในขณะเดียวกันก็วางพื้นฐานสำหรับการทำ Personalized Commerce และ Retail Media อย่างครบวงจรในอนาคต
ดร. สรินทิพย์ สถิตย์เสถียร กรรมการผู้จัดการ Amaze Super App บริษัท แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ จำกัด กล่าวว่า “อเมซ ซูเปอร์แอป ไม่ได้เป็นแค่แอปที่รวมพอยท์จากหลายแหล่งมาไว้ในที่เดียว แต่คือจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติโครงสร้างการใช้พอยท์ในประเทศไทย เรามองเห็นศักยภาพของพอยท์ที่คนไทยมีอยู่แต่ยังใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงพัฒนา อเมซ ซูเปอร์แอป เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถรวมพอยท์นำไปใช้จ่ายได้ง่าย คุ้มค่ากว่าเดิม และเกิดมูลค่าจริงในชีวิตประจำวัน
โอกาสนี้หน่วยธุรกิจในเครือเจริญโภคภัณฑ์ นำโดยนายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร ด้านธุรกิจข้อมูลและลูกค้าองค์กร ทรู คอร์เปอร์เรชั้น เปิดเผยว่า “Amaze เป็นระบบ CRM ที่ตอบโจทย์ลูกค้ากว่า 40 ล้านบัญชีของทรูมากที่สุด ซึ่งตรงกับยุทธศาสตร์ของทรูที่มีเป้าหมายตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนไทย ซึ่งจะทำให้เกิดความสะดวกสบายของผู้บริโภค“
ด้านนายธนิศร์ เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มสายงานการพาณิชย์สินค้า CP AXTRA เปิดเผยว่า “Amaze สามารถทำให้ลูกค้าของ CP AXTRA ใช้พอยท์ Earn และ Burn ง่ายขึ้นกว่าเดิม และยังช่วยให้สิทธิประโยชน์ของแต่ละกลุ่มธุรกิจเชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อ”
เช่นเดียวกับนายณัฏฐ์วุฒิ อยู่ปราโมทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สำนัก Online Sales & Marketing CP ALL ระบุว่า “Amaze เป็นการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าของ CP ALL ที่มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัน ให้สามารถตอบโจทย์ได้ในทุกระดับ เปลี่ยนจาก Daily life Shopping สู่การเป็น Lifestyle Shopping มากขึ้น”
ขณะที่นางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดกลาง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) เชื่อว่า ศักยภาพด้านการผลิตสินค้าอาหาร จะสามารถร่วมมือกับ Amaze ได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการจับจ่ายใช้สอยสินค้าอาหารของผู้บริโภคที่จะทำให้สะดวกสบายมากยิ่งข้น
สำหรับสิทธิประโยชน์สุดพิเศษสำหรับสมาชิก อเมซ ซูเปอร์แอป ที่จะยกระดับทุกประสบการณ์การช้อป เริ่มจากความสะดวกในการรวมพอยท์จากหลายแหล่งมาเป็น อเมซพอยท์ ได้ในแอปเดียว ใช้จ่ายแทนเงินสดได้ทั้งตะกร้าแบบไม่มีขั้นต่ำ พร้อมสินค้าที่มีให้เลือกมากมายกว่า 100,000 รายการ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้พอยท์สั่งสินค้า 7-Eleven และ Lotus’s ได้ง่าย ๆ พร้อมบริการจัดส่งถึงมือภายใน 1–3 ชั่วโมง และยังได้รับโปรโมชั่นเดียวกับหน้าร้านอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ผู้บริโภคยังสามารถเลือกช้อปสินค้าแท้จากแบรนด์ดังได้ที่ อเมซมอลล์ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องของปลอม พร้อมดีลสุดคุ้มมากมาย อีกทั้งทุกครั้งที่ช้อป ยังได้รับ อเมซพอยท์ สะสมไว้ใช้จ่ายในครั้งต่อไปแบบสบาย ๆ
พิเศษสุดจาก อเมซมอลล์ สำหรับช่วงเปิดตัว รับดีลและข้อเสนอเฉพาะสมาชิกเท่านั้น ได้แก่
● รับฟรีทันที 2,000 อเมซพอยท์ (มูลค่า 20 บาท) ใช้ซื้อสินค้าที่ 7-Eleven, Lotus's และสินค้าแบรนด์ดังในอเมซมอลล์ พร้อมรับคูปองส่วนลดและสิทธิพิเศษจากพาร์ทเนอร์ชั้นนำมากมาย ทั้ง 7-Eleven, Lotus's, Makro, TRUE, TRUE Money และแบรนด์ดังจากอเมซมอลล์ มูลค่ารวมสูงสุดถึง 10,000 บาท!
● โอนพอยท์บัตรเครดิตที่ร่วมรายการ มาเป็นอเมซพอยท์ครั้งแรก รับอเมซพอยท์เพิ่มสูงสุด 150,000 พอยท์ (มูลค่า 1,500 บาท) ต่อ 1 ธนาคาร ยิ่งถือบัตรเครดิตหลายธนาคาร ยิ่งได้รับสิทธิเยอะ
● ช้อปสินค้าดังกับดีลเด็ด ลดสูงสุดถึง 90% กับ Amaze Mall Day ทุกวันพุธ ทุบราคาเริ่มต้นแค่ 9 บาท แถมพอยท์คืน สูงสุด 15%
● สุดคุ้มสำหรับสายตุน - ทุกวันเสาร์ เหมาเซเว่น - รับพอยท์เพิ่ม 11 เท่า เมื่อช้อปอาหารพร้อมทาน เครื่องดื่ม และสินค้าที่เข้าร่วมจาก 7-Eleven ผ่านแอปอเมซ ขั้นต่ำ 300 บาท และใช้คูปองลดเพิ่ม 30 บาท
● ช้อปสินค้า Lotus's ผ่านแอปอเมซครั้งแรก รับทันที คูปองส่วนลด 20 บาท เมื่อซื้อครบ 99 บาท พร้อมรับพอยท์เพิ่ม 10 เท่า ไม่มีขั้นต่ำ
● สามารถดาวน์โหลดอเมซและสมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้ ทั้งบนระบบ iOS และ Android เพียงค้นหา ‘Amaze Super App’
LINE ประเทศไทย ปักธงครบรอบ 12 ปี ตั้งเป้าขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็น Smart Country ด้วย LINE Economy ระบบเศรษฐกิจบนแอปพลิเคชั่น LINE ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้กว่า 54 ล้านคน มุ่งผลักดันการพัฒนาและทำงานร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่างภาคเทคโนโลยีและภาคส่วนผู้ใช้งานต่าง ๆ บน 4 กลยุทธ์ ได้แก่
(1) ผสานจุดแกร่งระบบนิเวศเพิ่มขีดการแข่งขัน (2) ชูการเป็น Smart Platform ขับเคลื่อน Smart Country (3) สร้างคุณภาพชีวิต Life on LINE ที่ดีบนโลกดิจิทัล และ (4) ส่งเสริมการเติบโตยั่งยืนของเทคคอมพานี
![]()
ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “LINE ก้าวสู่ปีที่ 12 เราเติบโตจากแอปพลิเคชั่นสื่อสารมาเป็นแพลตฟอร์มสำหรับโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันที่สำคัญของผู้ใช้งานกว่า 54 ล้านคนในปัจจุบัน (ณ มิถุนายน 2566) โดยมีประชากรผู้ใช้หลากหลายภาคส่วน ธุรกิจ พันธมิตร คอมมูนิตี้ ที่ทำงานร่วมกันกับบริการและโซลูชันส์ต่าง ๆ บนระบบนิเวศจนเกิดเป็นระบบเศรษฐกิจบนแอป LINE (LINE Economy) นำไปสู่โจทย์ทางธุรกิจข้อถัดไปของเราในการสร้างความยั่งยืนบนแพลตฟอร์มที่เติบโตนี้ โดยมีหมุดหมายสำคัญคือการผลักดันแพลตฟอร์ม LINE ด้วยบทบาทในระดับมหภาค บนความมุ่งมั่นของเราที่อยากจะเห็นแอปพลิเคชั่น LINE มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็น Smart Country กล่าวคือ การที่เทคโนโลยีของ LINE มีบทบาท
สำคัญในภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน สอดประสานเข้าด้วยกัน นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย”
4 กลยุทธ์สร้าง LINE Economy ระบบเศรษฐกิจบนแอป LINE ให้ยั่งยืน
1. ผสานจุดแกร่งระบบนิเวศเพิ่มขีดการแข่งขัน
หลังเสริมทัพแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงและจัดกลุ่มธุรกิจใหม่เพื่อปฏิบัติการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มพัฒนาแพลตฟอร์ม, กลุ่มธุรกิจ Consumer Business, กลุ่มธุรกิจ LINE For Business, กลุ่มธุรกิจคอนเทนต์และบริการใหม่ และกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ บริษัทฯ เดินหน้าสร้างพันธมิตร ไปพร้อมกับการผสานจุดแกร่งระหว่างบริการ – โซลูชันส์บนระบบนิเวศ เพื่อนำเสนอโซลูชันส์ในรูปแบบใหม่ ๆ ไปสู่การเพิ่มขีดการแข่งขันให้แก่ลูกค้าธุรกิจในทุกระดับ เป็นการดึงข้อได้เปรียบจากการเป็นแพลตฟอร์มที่มีโซลูชันส์ครบครัน สามารถตอบโจทย์ทางธุรกิจในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
2. ชูการเป็น Smart Platform ขับเคลื่อน Smart Country
หมุดหมายสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยก้าวเข้าสู่การเป็น Smart Country คือการที่ทุกภาคส่วนในประเทศประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมาเพื่อยกระดับการดำเนินการในส่วนต่าง ๆ นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน ซึ่ง LINE มุ่งหวังให้เทคโนโลยีบนแพลตฟอร์มเป็นส่วนช่วยผลักดันในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ภาครัฐ ที่นำเสนอบริการ e-Service ให้ประชาชนทั่วประเทศเข้าถึงและตรวจสอบการดำเนินการผ่านบัญชีทางการ LINE ได้ง่ายๆ ในไม่กี่ขั้นตอน ภาคเอกชน ที่นำโซลูชันส์ต่าง ๆ บนแพลตฟอร์ม LINE มาสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจที่ต้องการแข่งขัน อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า และภาคประชาชน ด้วยประสบการณ์การใช้งานแอป LINE ในชีวิตประจำวันผ่านบริการและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่การสื่อสาร โซเชียลมีเดีย ช้อปปิ้ง คอนเทนต์ข่าวสาร สั่งอาหาร ฯลฯ มากไปกว่านั้น คือการส่งเสริมให้ผู้ใช้สามารถเป็นได้หลากหลายบทบาทในเวลาเดียวกัน ทั้งครีเอเตอร์ แอดมินของคอมมูนิตี้ ผู้ประกอบการ โดยมี LINE เป็นแพลตฟอร์มรองรับ
3. สร้างคุณภาพชีวิต Life on LINE ที่ดีบนโลกดิจิทัล
นอกจากบริการต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของผู้ใช้ บริษัทฯ ได้ริเริ่มแนวคิด LINE Digital Well-being ที่ต้องการปักหมุดในระยะยาวเพื่อให้ความสำคัญในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่บนโลกดิจิทัล โดยที่ผ่านมาได้ทำแคมเปญรณรงค์ในประเด็นที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการบริหารเวลาเพื่อลดความเหนื่อยล้าบนโลกออนไลน์ ความเห็นอกเห็นใจและทัศนคติเชิงบวกบนโลกออนไลน์ การดูแลความสัมพันธ์รอบตัว ซึ่ง LINE ประเทศไทย ก็ได้หยิบยกแง่มุมใหม่ ๆ มานำเสนอเพื่อสร้างการตระหนักรู้ในประชากรผู้ใช้เพื่อสุขภาวะที่ดีบนโลกดิจิทัล
4. ส่งเสริมการเติบโตยั่งยืนของเทคคอมพานี
การดูแล Well-being ของพนักงาน ไปพร้อม ๆ กับการสร้างคนรุ่นใหม่ให้กับอุตสาหกรรมดิจิทัลเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้แก่บริษัทฯ จึงเดินหน้าพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ผ่านโครงการ LINE ROOKIE เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เข้ามาฝึกงานในโลกของการทำงานจริง ซึ่งได้รับความสนใจจากนักศึกษาเป็นจำนวนมากกว่าพันรายในแต่ละปี เพื่อสร้าง New Talent ให้กับตลาดงานและแลกเปลี่ยนแนวคิดจากคนรุ่นใหม่เพื่อนำมาพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังมีแผนความร่วมมือที่จะนำความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมาพัฒนาหลักสูตรร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วประเทศเพื่อสร้างบุคลากรคุณภาพป้อนสู่ตลาดงานในประเทศภายในปี 2566 อีกด้วย
ท่ามกลางบริบทของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงความท้าทายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษใหม่