เอสซีจี ‘องค์กรแห่งโอกาส’ หนุนพลังคนปล่อยแสง เปลี่ยนไอเดียให้เป็นจริง-พัฒนานวัตกรรมระดับโลก-ร่วมมือทุกภาคส่วน ปั้นนวัตกรรมกรีนโดนใจ คาร์บอนต่ำ มุ่งมั่นสร้างการเติบโตร่วมกันบนสังคมคาร์บอนต่ำ คุณภาพชีวิตดี เศรษฐกิจโต สังคม สิ่งแวดล้อมน่าอยู่ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ปี 67 ตั้งงบพัฒนากระบวนการผลิตคาร์บอนต่ำและนวัตกรรมกรีน 10,000 ล้านบาท

นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า “การพัฒนานวัตกรรมกรีนเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาโลกเดือด และขอเชิญชวนทุกภาคส่วนมาร่วมกันสนับสนุนเลือกใช้นวัตกรรมกรีนที่ตอบโจทย์ การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ไม่ง่าย เพราะต้องปรับเปลี่ยนทั้งเทคโนโลยี ความเข้าใจลูกค้าและตลาด รวมถึงกฎเกณฑ์ใหม่ ๆ ซึ่ง ‘พลังของคน’ เป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงนี้

เอสซีจีจึงเปิดพื้นที่ สร้าง ‘องค์กรแห่งโอกาส’ (Organization of Possibilities) เพื่อให้ทุกคนทั้งพนักงาน พาร์ตเนอร์ คนทุกเจน มีพื้นที่แสดงพลังและปล่อยแพสชันไร้ขีดจำกัด คิดทำนอกกรอบ ทดลองเรียนรู้ เพื่อพัฒนานวัตกรรมกรีนที่ตอบโจทย์ลูกค้า สังคม สิ่งแวดล้อม และสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ เอสซีจี องค์กรแห่งโอกาสต่าง ๆ  ประกอบด้วย 1.) โอกาสเปลี่ยนไอเดียเป็นนวัตกรรม เช่น ให้พนักงานก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการกับโครงการสตาร์ตอัปภายในองค์กร ‘ZERO TO ONE by SCG’ โดยติดอาวุธทักษะความรู้ ตั้งแต่เริ่มทำความเข้าใจลูกค้า ค้นหาปัญหา การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ลูกค้า และการขยายฐานลูกค้าเพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพื่อเป็นเครื่องมือในการพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรม อาทิ Design Thinking, Generative AI, Data Analytics ปัจจุบันมีผู้ร่วมกว่า 800 คน และมีสตาร์ตอัปในโครงการ 100 สตาร์ตอัป เช่น ‘Wake Up Waste’ แพลตฟอร์มรถบีบอัดขยะ ช่วยให้ขยะเล็กลง ขนส่งได้ปริมาณมากขึ้น เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ ‘Dezpax’ แพลตฟอร์มออนไลน์แพคเกจจิ้งครบวงจรรายแรกในไทย สำหรับธุรกิจร้านอาหาร ฟู้ดเดลิเวอรี่ และคาเฟ่ ขณะเดียวกัน ยังเปิดเวที ‘SCG Young Talent Program’ บ่มเพาะนวัตกรรุ่นใหม่จากมหาวิทยาลัยทุกชั้นปี ทุกสาขา ผ่านการทำงานกับเอสซีจี แบบทำจริง เจ็บจริง (Bootcamp) เป็นเวลา 13 สัปดาห์ เพื่อร่วมสร้างนวัตกรรมดิจิทัล ตอบเทรนด์อนาคต มีคนรุ่นใหม่เข้าร่วมแล้วกว่า 850 คน นอกจากนั้น สนับสนุนให้พนักงานทุกระดับเสนอไอเดียพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ได้เสมอ สร้างวัฒนธรรมเปิดใจ ใฝ่เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ พัฒนาตัวเอง ไม่ยึดติดจากความสำเร็จเดิม (Open & Challenge) 2.) โอกาสพัฒนานวัตกรรมระดับโลก สนับสนุนการวิจัยภายในองค์กรและร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เช่น ร่วมกับ Norner AS’ ศูนย์วิจัยและพัฒนาพลาสติก ประเทศนอร์เวย์ และ ‘มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด’ ประเทศอังกฤษ พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน รวมทั้ง ร่วมมือกับสตาร์ตอัปจากสหรัฐอเมริกา ‘Rondo Energy’ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Technology) ที่พลิกโฉมอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ เช่น แบตเตอรี่กักเก็บความร้อนจากพลังงานสะอาด และ 3.) โอกาสร่วมมือทุกภาคส่วน ทั้งเครือข่ายภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม เพื่อรวมพลังสร้างสังคมคาร์บอนต่ำที่เติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน เช่น ขับเคลื่อน ‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์’ สร้างเมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย พาไทยมุ่งสู่ Net Zero ทั้งนี้ ปี 2567 เอสซีจี ตั้งงบพัฒนากระบวนการผลิตคาร์บอนต่ำและนวัตกรรมกรีนกว่า 10,000 ล้านบาท”

กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวต่อว่า “พลังของ ‘องค์กรแห่งโอกาส’ ทำให้เอสซีจีสร้างสรรค์หลากหลายนวัตกรรมกรีนโดนใจ โดยออกแบบกระบวนการผลิตให้ลดคาร์บอนไดออกไซด์ ควบคู่กับเพิ่มฟังก์ชันใช้งานที่ตอบโจทย์ลูกค้า สังคม สิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น อาทิ พลิกโฉมการก่อสร้างและอยู่อาศัยให้กรีนครบวงจร ตั้งแต่นวัตกรรมงานโครงสร้างจนถึงระบบเทคโนโลยีภายในและการตกแต่ง ก่อสร้างบ้าน อาคาร โครงการต่าง ๆ ด้วย ‘ปูนคาร์บอนต่ำและคอนกรีตคาร์บอนต่ำ’ จาก ‘เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน’ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แข็งแรง ได้มาตรฐาน ผิวเรียบ อายุยาวนาน สามารถตอบโจทย์โครงการรักษ์โลกต่าง ๆ ได้อย่างดี ทั้งงานอาคารขนาดใหญ่ งานนิคมอุตสาหกรรม งานท่าเรือ ไปจนถึงงานใต้ทะเล พร้อมยกระดับการอยู่อาศัยให้ดียิ่งขึ้นและเป็นมิตรต่อโลก โดย ‘เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง’ นำเสนอ ‘วัสดุก่อสร้างครบทั้งหลัง’ ดีไซน์สวยงาม ทนทาน และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ได้รับการรับรอง SCG Green Choice และฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ทั้งยังมีเทคโนโลยีเพื่อประสิทธิภาพการใช้พลังงานครบวงจร ตั้งแต่การลดการใช้พลังงานจากระบบปรับอากาศในอาคาร ด้วย ‘SCG Air Scrubber’ และสร้างพลังงานสะอาดสำหรับใช้ภายในบ้าน-อาคารตลอด 24 ชั่วโมง ด้วย ‘SCG Solar Hybrid Solutions’  ตลอดจนโซลูชันใหม่อย่าง ‘Microgrid and Energy Storage System’ ที่ช่วยให้การบริหารจัดการใช้พลังงานมีประสิทธิภาพสูงสุด กักเก็บพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ไว้สำหรับใช้งานในช่วงต่าง ๆ ของวัน นอกจากนั้น ‘เอสซีจี เดคคอร์’ พร้อมเสิร์ฟนวัตกรรมตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ครบวงจร ล่าสุด เปิดตัว ‘COTTO CLAY DECOR COLLECTION’ ดูดซับความร้อนได้ดี ช่วยให้บ้านเย็น ประหยัดพลังงาน และนวัตกรรม ‘ก๊อกน้ำรุ่น GEO Series’ ที่ใช้นวัตกรรมการผลิตแบบ Non-Foundry Process ดีไซน์ก๊อกน้ำที่ใช้ท่อทองเหลืองมาเป็นส่วนหนึ่งในงานออกแบบ สามารถลดใช้พลังงานในการหลอมขึ้นรูป และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่าร้อยละ 10

ยกระดับไลฟ์สไตล์ให้สะดวกผู้ใช้ สบายโลกมากยิ่งขึ้น ด้วยนวัตกรรมจาก ‘SCGP’ ที่ช่วยสร้างความยั่งยืนตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การพัฒนายูคาลิปตัสเพื่อเป็นวัตถุดิบทดแทน (Renewable Resource) การเพิ่มประสิทธิภาพการนำกระดาษรีไซเคิลสู่กระบวนการผลิต พัฒนากระบวนการผลิตให้ลดคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย Machine Learning และปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเพิ่มทางเลือกบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลและใช้ซ้ำได้ เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน รวมถึงมุ่งพัฒนานวัตกรรมในกลุ่มสินค้าใหม่ ๆ อย่างกลุ่มวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อเตรียมรองรับเทรนด์การใส่ใจสุขภาพไปกับความยั่งยืน ขณะที่  ‘เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC)’ มุ่งพัฒนานวัตกรรมพลาสติกรักษ์โลก ภายใต้แบรนด์ SCGC GREEN POLYMERTM พร้อมนำเสนอกรีนโซลูชันตามแนวทาง Low Waste, Low Carbon โดยได้ขยายกำลังการผลิตพลาสติกรีไซเคิลในยุโรป ได้แก่ ‘ซีพลาสต์’ (Sirplaste) โปรตุเกส เพิ่มขึ้น 9,000 ตันต่อปี เป็น 45,000 ตันต่อปี และ ‘คราส’ (Kras) เนเธอร์แลนด์ เพิ่มขึ้น 9,000 ตันต่อปี เป็น 18,000 ตันต่อปี ตอบโจทย์ความต้องการนวัตกรรมกรีนในระดับโลก ขณะที่ในภูมิภาค ร่วมกับคู่ธุรกิจมุ่งเปลี่ยนของใกล้ตัวผู้บริโภคให้กรีนยิ่งขึ้น อาทิ ร่วมกับ HomePro พัฒนา ‘เครื่องใช้ไฟฟ้ารักษ์โลก’ ครั้งแรกในไทย โดยรีไซเคิลพลาสติกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าใช้แล้วให้กลับมาผลิตใช้ใหม่ นอกจากนั้น ร่วมกับ Braskem ผลิต ‘พลาสติกชีวภาพ’ หรือ Bio-Polyethylene ที่เปลี่ยนการใช้วัตถุดิบตั้งต้นจากฟอสซิลเป็นวัตถุดิบชีวภาพ มีปริมาณการปล่อยคาร์บอนเป็นลบ ร่วมกับ Denka ผลิต ‘Acetylene Black’ ซึ่งเป็นสารนำไฟฟ้าสำคัญสำหรับแบตเตอรี่รถยนต์ EV มุ่งสู่ Green Mobility พร้อมทั้งนวัตกรรมสุดล้ำล่าสุดที่ SCGC พัฒนาร่วมกับ Avantium ในการ ‘เปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นพอลิเมอร์คาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นลบ’ (Carbon-Negative Plastic)  นอกจากนี้ SCGC ยังได้รุกสู่ธุรกิจโซลูชันในการปรับปรุงและแก้ปัญหาในโรงงานอุตสาหกรรม (Industrial Solutions) ภายใต้แบรนด์ ‘REPCO NEX’ พร้อมส่งมอบ Innovative & Digital โซลูชันเพื่อความยั่งยืน อาทิ พลังงานสะอาด (Renewable Energy) ระบบการผลิตอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต รวมทั้งลดการใช้ทรัพยากร และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  

สำหรับภาคธุรกิจที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเป็นศูนย์ ‘เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่’ ช่วยก้าวข้ามข้อจำกัดในการใช้พลังงานสะอาดของภาคอุตสาหกรรม เร่งการเปลี่ยนผ่านให้เร็วยิ่งขึ้น ด้วยแพลตฟอร์มซื้อขายพลังงานสะอาดอัจฉริยะ ‘Smart Grid’ เพื่อเข้าถึงพลังงานแสงอาทิตย์สะดวกยิ่งขึ้น รวมทั้งนวัตกรรมแห่งอนาคตอย่าง ‘แบตเตอรี่กักเก็บพลังงานความร้อนจากพลังงานสะอาด’ ทดแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลทำความร้อนหรือไอน้ำในกระบวนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ตลอดจน ‘เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์’ พร้อมเป็นตัวกลางเชื่อมต่อสังคมโลว์คาร์บอน ซัพพอร์ทลูกค้าและคู่ธุรกิจมุ่งสู่เป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ใน Scope 3 ด้วยบริการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ที่นำเทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ ‘กลุ่มธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น’ (Cold Chain Business) มีการใช้เทคโนโลยีจัดเก็บและจ่ายสินค้าอัตโนมัติ (Automated Storage Retrieval System) หรือ ASRS พร้อมด้วยระบบ ‘Solar Roof’ เปลี่ยนสู่การเป็นคลังสินค้าประหยัดพลังงาน ลดการใช้เชื้อเพลิง ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนั้น ยังมีนวัตกรรมด้านกรีนโลจิสติกส์อื่น ๆ เช่น ‘รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า’ ‘ระบบคำนวณเส้นทางอัจฉริยะ (AI Route Optimization)’ ‘หุ่นยนต์ลำเลียงอัตโนมัติ (AGV & Robotics)’ ที่ช่วยสร้างความยั่งยืน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจ”

“เอสซีจีสามารถเดินหน้านวัตกรรมกรีนมาจนถึงวันนี้ มียอดขายนวัตกรรมรักษ์โลก SCG Green Choice ร้อยละ 53 จากยอดขายทั้งหมด และมุ่งสู่เป้าหมายยอดขายร้อยละ 67 ภายในปี 2573 ก็เพราะพลังของทุกคน เราจึงพร้อมเดินหน้าสนับสนุนและชวนทุกคนปล่อยแสงเต็มที่ เพื่อสร้างสังคมคาร์บอนต่ำที่ผู้คนมีคุณภาพชีวิตดี เศรษฐกิจเติบโต สังคม สิ่งแวดล้อมน่าอยู่ เปิดให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ตามแนวทาง Inclusive Green Growth” นายธรรมศักดิ์ สรุปปิดท้าย

เอสซีจี ส่งมอบนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่สร้างสรรค์ โชว์ตัวในงานสถาปนิก’67 "SCG Smart Living" นำเทคโนโลยีเสริมนวัตกรรมวัสดุก่อสร้าง ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตที่ดีผู้อยู่อาศัย และการมีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมทั้งลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “SCG Forward into Future Living: Sustaining Space and Technology” ตอกย้ำผู้นำโซลูชันเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีกว่า ประหยัดพลังงาน รักษ์โลก ควบคู่การลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม เปิดตัวแบรนด์ใหม่ ONNEX by SCG Smart Living รวมนวัตกรรมเพื่อบ้านและอาคารที่ก่อสร้างไว้ที่เดียว ขณะที่ COTTO ภายใต้ SCG Decor แนวคิด “Reform the new Sustainability, made by you” พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยให้สวยงามและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง กล่าวว่า เมื่อเอ่ยถึงเอสซีจี คนจะนึกถึงวัสดุต่างๆ ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ซึ่งปัจจุบันเอสซีจีได้พัฒนาและต่อยอดงานที่ไม่ใช่แค่เพียงวัสดุก่อสร้าง แต่ขยายขอบข่ายไปถึงนวัตกรรมที่ทำให้คุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัยดีขึ้น ทั้งเรื่องของพื้นที่ (Space) เทคโนโลยีอัจฉริยะ (Smart Technology) รวมไปถึงความยั่งยืน (Sustainability) และในปีนี้ได้มีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ONNEX by SCG Smart Living ที่ต่อไปจะได้ยินชื่อแบรนด์นี้มากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเป็นแบรนด์ที่รวมนวัตกรรมเพื่อบ้านและอาคารที่ตอบโจทย์ใน 4 เรื่องหลัก ได้แก่

  1. การประหยัดพลังงาน โดย‘ONNEX Solar Roof Solutions’ ที่ช่วยประหยัดค่าไฟสูงสุดถึง 60%
    ซึ่งให้บริการครบวงจร ตั้งแต่การสำรวจพื้นที่ การออกแบบ การติดตั้งด้วยเทคโนโลยีSolar Fix สิทธิบัตรเฉพาะเอสซีจี ที่ทำให้ลูกค้ามั่นใจเรื่ืองความปลอดภัย และยังแก้ปัญหาหลังคารั่ว พร้อมการรับประกันถึง 25 ปี และบริการหลังการขาย
  2. แก้ไขปัญหาคุณภาพอากาศ โดย‘ONNEX Active Air Quality’ ที่เป็นนวัตกรรมการเติมอากาศดี ที่มีระบบการกรองถึง 6 ชั้น เพื่อบล็อคฝุ่นและเชื้อโรค เพิ่มออกซิเจนในบ้าน และยังมี ‘ONNEX Active Air Flow’ แก้ปัญหาบ้านร้อนอบอ้าว ด้วยระบบถ่ายเทและระบายอากาศ ช่วยให้บ้านเย็นลง 2-5 องศาเซลเซียส
  3. ความปลอดภัยภายในบ้าน‘DoCare’ (Smart Home Solution for Seniors) เพิ่มคุณภาพการดูแลผู้สูงอายุ ด้วยนวัตกรรมเรดาร์ตรวจจับการล้ม เฝ้าระวังและแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน แจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุไปที่ครอบครัว และยังมีอุปกรณ์ขอความช่วยเหลือด้วยเสียง อุปกรณ์ช่วยติดตามสุขภาพประจำบ้าน
  4. แอปพลิเคชั่น ที่ช่วยดูแลงานหลังบ้าน เช่น โซล่าเซลล์วันนี้ผลิตไฟได้เท่าไร

นายวชิระชัย กล่าวว่า ทั้งนี้ นวัตกรรมในบ้านด้วยโซลูชันที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มผู้ใช้งาน ทั้งเจ้าของบ้าน โครงการ อาคารทุกประเภท ห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงโรงงาน มีการแนวโน้มการเติบโตและมีความต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้นในๆ ทุกปี”

ด้าน COTTO ภายใต้ SCG Decor นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด หรือ SCG Decor (SCGD) เล่าว่า โจทย์หลักในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ SCGD และ COTTO คือ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือ Climate Change ในฐานะผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ตกแต่งพื้นผิว และสุขภัณฑ์ในอาเซียน จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต ภายใต้แนวคิด COTTO “Reform the new Sustainability, made by you” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ออกแบบ และกระตุ้นให้ทุกคนใส่ใจกับปัญหาเหล่านี้ ผ่านการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ สร้างผลกระทบสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด พร้อมเทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ที่ลดการใช้พลังงาน ลดปริมารของเสีย

ในงานสถาปนิก 2024 : ASA EXPO ทาง SCGD ได้จัดแบ่งพื้นที่เป็น 4 โซน ได้แก่

  • โซนแรกSEA REFORM สะท้อนปัญหาระดับน้ำทะเลที่กำลังสูงขึ้นเฉลี่ยปีละ 3-5 มิลลิเมตร จากการละลายของธารน้ำแข็ง ส่งผลกระทบให้ระบบนิเวศชายฝั่งเปลี่ยนไป ภายในโซนนี้ นำเสนอวัสดุตกแต่งผิวจากหินธรรมชาติแท้ อย่าง “STONE DECOR COLLECTION” ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตทำให้มีความบางเพียง 1.5-2 มิลลิเมตร โดดเด่นด้านความบาง มุมโค้ง ทรงคลื่น มีความแข็งแรงทนทานต่อรอยขีดข่วน และยังมีกลุ่มกระเบื้องตกแต่ง “ECO Collection” ที่ลดการใช้ทรัพยากรใหม่สูงสุด 50% รวมทั้งสุขภัณฑ์ ก๊อกน้ำ และอุปกรณ์ Smart Lifestyle Bathroom เช่น VIZIO Smart Toilet with Double Protection, Smart LED & Bluetooth Mirror และ Smart Shower เป็นต้น ซึ่งเน้นการนำเสนอฟังก์ชั่นบวกเทคโนโลยี โดยกลุ่มสมาร์ทนี้จะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สู่ตลาดมากขึ้น
  • โซนที่ 2LAND REFORM นำเสนอถึงพื้นที่ดินที่ลดลง ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ จะเป็นนวัตกรรมแผ่นพื้นบุผนังและและเพดาน โดย Ultra Veneer Flooring – LT By COTTO ซึ่งได้รับการรองรับจาก SCG GREEN CHOICE ช่วยส่งเสริมสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยที่ดี ประหยัดพลังงาน ลดโลกร้อน ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ลดการใช้ไม้ ยืดอายุการใช้งาน และยังมมีนวัตกรรมที่ใช้กับสัตว์เลี้ยง ที่ผ่านงานวิจัย ทำให้สิ่งมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวได้ โดยลดความเสื่อมของข้อกระดูกของสัตว์ ลดแบคทีเรีย ลดการขยายของเชื้อโรค และลดกลิ่นจากสัตว์เลี้ยงได้ 40%
  • โซนที่ 3TEMPERATURE REFORM สะท้อนปัญหาการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 1.2 องศาเซลเซียส โดยจัดแสดงกระเบื้องตกแต่งภายในสีสันโทนร้อน และเย็น เพื่อสะท้อนความแตกต่างของเฉดสี พร้อมทั้งการเคลือบแสงจาก Ambient มีความสวยงามตามสไตล์มินิมอล สีพื้นผิวสุขภัณฑ์เป็นสีด้าน เพิ่มความเรียบง่าย
  • โซนสุดท้ายTIDES REFORM สะท้อนถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำ ที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องมากจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมถึงสาเหตุจากการกระทำของมนุษย์ที่ทำให้เกิดผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อระบบนิเวศใต้ทะเล ผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ เช่น ก๊อกน้ำ และ สินค้าอุปกรณ์ตกแต่งห้องน้ำ ที่ประหยัดน้ำ เป็นสมาร์ทฟังก์ชั่นและมีความสวยงาม

ทั้งนี้ Climate Change ถือเป็นตัวเร่งสำคัญ ที่ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีความใกล้เคียงธรรมชาติ มีกระแสตอบรับที่ดี และมีความต้องการเพิ่มขึ้นเรื่ือย ๆ จากที่ผ่านมามมีการเติบโตราว 10% โดย SCGD เตรียมความพร้อมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม SCG GREEN CHOICE เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนมากกว่า 70% จะขยายเพิ่มเติมให้ได้ 80% เพื่อตอบรับความต้องการของตลาด และตอบโจทย์การเดินหน้าสู่เป้าหมาย NET ZERO Carbon Emission ภายในปี 2050

เอสซีจี ได้แต่งตั้ง นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC คนใหม่ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป

สำหรับนาย นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิคร่ำหวอดในธุรกิจปิโตรเคมีมานานกว่า 35 ปี โดยผ่านตำแหน่งบริหารสำคัญ ๆ ใน เอสซีจี และ SCGC หลายตำแหน่ง อาทิ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพาณิชย์ และรองผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจไวนิล เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC, Country Director – Vietnam, SCG เอสซีจี, กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสซีจี เพอร์ฟอร์มานซ์ เคมิคอลส์ จำกัด รวมทั้งตำแหน่งกรรมการในบริษัทย่อย บริษัทร่วม และบริษัทอื่น ๆ ของ SCGC อีกหลายบริษัท

ภายใต้แนวคิด “SCG Forward into Future Living: Sustaining Space and Technology” ตอกย้ำผู้นำโซลูชันเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีกว่า ประหยัดพลังงาน รักษ์โลก

เดินหน้านวัตกรรมกรีนต่อเนื่อง เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด รุกธุรกิจในตลาดเติบโตสูง

Page 1 of 54
X

Right Click

No right click