December 14, 2025

LINE ประเทศไทย เดินหน้าภารกิจสร้างภูมิคุ้มกันทางดิจิทัลให้สังคมไทย ผ่านโครงการผลักดันด้าน “Digital Literacy” มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจและทักษะการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้อง มั่นใจ และปลอดภัยสำหรับคนไทยทุกวัย เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากโลกดิจิทัลได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยในปีนี้ประเดิมด้วยกิจกรรม “LINE CONNECT DAY: Smart Senior 2025” ที่มุ่งเสริมสร้างความรู้ด้านดิจิทัลควบคู่กับความรู้การลงทุนให้กับผู้สูงวัย พร้อมตอกย้ำความสำคัญของการป้องกันความเสี่ยงจากภัยออนไลน์

 

นางสาวณิชารัศมิ์ อาชญาสิทธิวัตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (Chief Marketing Officer) LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “ในยุคที่เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ทักษะการใช้ดิจิทัลอย่างชาญฉลาด รู้เท่าทันและปลอดภัยไม่ใช่เพียงเรื่องเทคนิค แต่เป็นความสามารถสำคัญที่ทุกคนต้องมี LINE ประเทศไทยจึงริเริ่มโครงการผลักดันด้าน ‘Digital Literacy’ ภายใต้แนวคิด Living Smart and Safe on LINE เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในการใช้เทคโนโลยี เชื่อมต่ออย่างมีคุณภาพ และปกป้องตนเองในโลกออนไลน์ สำหรับคนไทยทุกวัยจากความสำเร็จของกิจกรรม Smart Senior ที่เราจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม ในปีนี้ เราเล็งเห็นศักยภาพของผู้สูงวัยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประชากรผู้ใช้ LINE ที่ใช้แอปพลิเคชัน

นอกเหนือจากสื่อสารกับครอบครัวและเพื่อนฝูง แต่ยังใช้เพื่อการดำรงชีวิตในด้านอื่นๆ เราจึงได้ขยายขอบเขตเนื้อหา ไม่เพียงเน้นการป้องกันภัยออนไลน์ แต่ยังเสริมความรู้ด้านการลงทุนอย่างชาญฉลาด และการรับมือกับความเสี่ยงดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อนมากขึ้น นอกจากนี้การสร้างโลกดิจิทัลที่ปลอดภัยต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญในแขนงสาขาต่างๆ ซึ่งครั้งนี้เรารวมพลังกับอีก 3 หน่วยงานสำคัญ โดยมี LINE ในฐานะแพลตฟอร์มกลาง, Young Happy ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคอมมูนิตี้ผู้สูงวัย, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่นำความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนมาถ่ายทอด และ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ การรวมตัวของพันธมิตรทั้ง 4 นี้ ช่วยเสริมความเข้มข้นของเนื้อหาและมอบองค์ความรู้ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันได้อย่างตรงจุด ทั้งหมดนี้สะท้อนบทบาทของ LINE ในการเป็นแพลตฟอร์มกลางที่พร้อมเชื่อมโยงทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันสร้างสังคมดิจิทัลที่แข็งแรง ปลอดภัย และเท่าทันการเปลี่ยนแปลงสำหรับทุกคน และในอนาคต เรามีแผนที่จะขยายขอบเขตเนื้อหาไปด้านอื่นให้ครอบคลุมกลุ่มผู้ใช้ LINE ที่หลากหลายอีกด้วย”

กิจกรรม “LINE CONNECT DAY: Smart Senior 2025” มีผู้สูงวัยเข้าร่วมกว่า 60 คนจากทั่วประเทศ ทุกท่านได้เรียนรู้ตั้งแต่การใช้ LINE อย่างปลอดภัย เช่น วิธีสังเกตบัญชี Official ของจริง, การตั้งค่าความปลอดภัย, การรายงานบัญชีต้องสงสัย ไปจนถึงการรู้เท่าทันกลโกงด้านการเงิน และการรับมือกับภัยคุกคามในโลกออนไลน์ เช่น ฟิชชิ่ง หลอกโอนเงิน หรือแฮกบัญชี โดยมีผู้เชี่ยวชาญจาก LINE และพันธมิตรให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด

“เราเชื่อว่าทักษะการใช้งานเทคโนโลยีอย่างมั่นใจและปลอดภัยจะเป็นทักษะพื้นฐานในการดำรงชีวิตประจำวัน เราจึงเดินหน้าอย่างจริงจังในการส่งเสริมความรู้ด้านดิจิทัลให้คนไทยทุกกลุ่ม โดยเริ่มต้นจากกลุ่มเปราะบางอย่างผู้สูงวัย โดยหวังว่ากิจกรรม LINE CONNECT DAY: Smart Senior 2025 จะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระยะยาวในการยกระดับทักษะดิจิทัลให้กับสังคมไทย” นางสาวณิชารัศมิ์ กล่าวสรุป

LINE ประเทศไทยมีแผนจะต่อยอดกิจกรรมสู่กลุ่มเป้าหมายอื่น ๆ เช่น เยาวชน และกลุ่มคนทำงาน เพื่อใช้ประโยชน์และสร้างความรู้เท่าทันดิจิทัลอย่างต่อเนื่องในอนาคต

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 สังคมไทยเผชิญกับสารพัดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบทั้งในระดับปัจเจกและส่วนรวม ตั้งแต่ราคาทองคำที่พุ่งทะยาน ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับรายได้ ไปจนถึงภัยพิบัติที่สร้างความสะเทือนใจทั่วประเทศ ขณะเดียวกันกระแส T-POP ก็ยังคงแรงไม่หยุด พาเพลงไทยโลดแล่นไกลระดับสากล LINE TODAY ในฐานะแพลตฟอร์มที่มุ่งมั่นเป็นกระบอกเสียงให้กับสังคม ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นจาก “LINE TODAY POLL” เสียงสะท้อนจากมหาชนออนไลน์กว่า 30,000 คน ชี้ให้เห็นว่าครึ่งปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่ต้องเผชิญกับความผันผวนและเร่งปรับตัวอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับแนวโน้มการระมัดระวังในการใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ราคาทองทะลุ 5 หมื่น คนไทยยังไม่กล้าซื้อ-ขอรอดูจังหวะ

สถานการณ์ราคาทองคำยังคงพุ่งสูงอย่างต่อเนื่องจนทะลุ 50,000 บาทต่อบาททองคำ โดยมีปัจจัยมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก ความตึงเครียดระหว่างประเทศในหลายพื้นที่ และการเข้าซื้อของธนาคารกลางประเทศต่างๆ รวมถึงการปรับคาดการณ์ราคาขึ้นโดยสถาบันการเงินใหญ่ ซึ่งท่ามกลางความร้อนแรงของราคาทองคำ ผลสำรวจจาก LINE TODAY POLL พบว่า คนไทยส่วนใหญ่เลือกชะลอการลงทุน โดยอันดับ 1 เลือกโหวตแสดงความเห็นว่า “ยังไม่ซื้อตอนนี้ แต่จะซื้อเมื่อราคาถูกลง” 32.92% ตามด้วย “ซื้อเก็บไว้เพื่อเก็งกำไร” 25.84% และ “ไม่ซื้อ เพราะราคาสูงเกินไป” อยู่ที่ 25.25% สะท้อนความระมัดระวังของผู้บริโภคไทยในภาวะเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง

 เงินเฟ้อกดดันค่าครองชีพ คนไทยรัดเข็มขัดแน่น ลดสิ่งฟุ่มเฟือย

ค่าครองชีพที่พุ่งสวนทางกับรายได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่คนไทยต้องเผชิญ ทั้งจากแรงกดดันระดับโลก อาทิ ราคาน้ำมันสูงขึ้นจากความขัดแย้งในตะวันออกกลางและสงครามยูเครน ไปจนถึงเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าที่ซ้ำเติมต้นทุนการนำเข้า ขณะเดียวกันภายในประเทศเองก็ต้องรับมือกับการเพิ่มขึ้นของต้นทุนแรงงาน ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สูงขึ้นจากภัยแล้งและต้นทุนวัตถุดิบ รวมถึงค่าครองชีพในเมืองใหญ่ที่อยู่ในระดับสูง ทำให้คนไทยต้องปรับตัว เปลี่ยนพฤติกรรมการเงินอย่างเร่งด่วน เลือก “ช้อปปิ้งน้อยลง ไม่ซื้อของที่ไม่จำเป็น” ด้วย ผลโหวตกว่า 33.62% ตามด้วยอันดับ 2 “หาวิธีสร้างรายได้เพิ่ม” 15.5% และอันดับ 3 เลือก “เปรียบเทียบราคาสินค้าก่อนเลือกซื้อ” 15.23%

 ฝุ่น PM2.5 เรื่องกังวลที่คนไทยอยากให้รัฐเร่งแก้

ท่ามกลางภัยพิบัติหลากหลายที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปี ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ น้ำท่วม เครนถล่ม หรือข้อพิพาทชายแดน คนไทยบน LINE TODAY POLL เลือกโหวตให้ “ฝุ่น PM2.5” เป็นปัญหาอันหนึ่งที่อยากให้รัฐบาลเร่งจัดการมากที่สุด ด้วยคะแนนโหวต 30.42% และแม้จะมีความพยายามผลักดัน “ร่างกฎหมายอากาศสะอาด” แต่ปัญหาฝุ่นพิษยังคงวนกลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในทุกปี โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และภาคเหนือที่เจอมลพิษซ้ำซากในฤดูหนาว ขณะที่ “น้ำท่วม” ได้อันดับ 2 ที่ 27.89% และ “ข้อพิพาทชายแดน” ตามมาเป็นอันดับ 3 ที่ 24.74%

T-POP แรงไม่หยุด! ‘Bow Wow’ ของวง BUS คว้าใจมหาชน

นอกเหนือจากเศรษฐกิจและสังคมที่เป็นประเด็นร้อนแรงแล้ว ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาวงการเพลง T-POP ของไทยก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน โดยได้สร้างปรากฏการณ์ที่น่าจับตาทั้งเวทีในประเทศและระดับโลก รวมทั้งยังมีศิลปินรุ่นใหม่หลากหลายสไตล์เกิดขึ้น ดันชื่อเสียงเพลงไทยติดชาร์ตเพลงนานาชาติ จนแฟนเพลงชาวไทยเทใจโหวตให้เพลง “Bow Wow” จากวง BUS เป็นเพลงฮิตประจำครึ่งปี 2025 ที่โดนใจมากที่สุด' ด้วยคะแนนโหวต 30.68% ตามมาด้วย “จนนิรันดร์ (Forever)” ของ NuNew ที่ 18.67% และอันดับ 3 กับเพลง “กอดอุ่น” จากน้อง BUTTERBEAR ที่ 14.26%

จากผลโพลทั้ง 4 หัวข้อ สะท้อนให้เห็นถึงความคิด มุมมอง และความเคลื่อนไหวของสังคมไทยในมิติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงในช่วงครึ่งปีแรก 2568 ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ ปัญหาโครงสร้าง สภาพแวดล้อม หรือวัฒนธรรม ตอกย้ำบทบาทของ LINE TODAY ในฐานะแพลตฟอร์มคอนเทนต์ข่าวสารที่มุ่งมั่นเป็นกระบอกเสียงให้ผู้ใช้งานบน LINE ผ่านพื้นที่ออนไลน์ที่เปิดกว้างพร้อมรับฟังทุกความเห็นและทุกเสียงโหวตอย่างมีคุณภาพ เพื่อร่วมสร้างความเข้าใจ จุดประกายการแลกเปลี่ยน เพื่อขับเคลื่อนสังคมไปข้างหน้าอย่างมีทิศทาง และเตรียมติดตาม LINE TODAY POLL OF THE YEAR 2025 จาก LINE TODAY ที่จะมาสะท้อนเทรนด์ฮิต กระแสฮอต และมุมมองในด้านการเมือง เศรษฐกิจ กีฬา บันเทิง แห่งปี 2568 ได้ในช่วงสิ้นปีนี้

ในวันที่โลกหมุนเร็วเกินจะคาดเดา ความไม่แน่นอนกลายเป็นเพื่อนร่วมทางของทุกธุรกิจ ลูกค้าพร้อมเปลี่ยนใจในเสี้ยววินาที ขณะที่ต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่พุ่งสูงขึ้นไม่หยุด วันนี้ การรักษาหัวใจของลูกค้าเดิมจึงไม่ใช่แค่เป้าหมาย แต่คือ “ภารกิจสำคัญ” ที่จะตัดสินอนาคตของแบรนด์ LINE ในฐานะแพลตฟอร์มสื่อสารอันดับหนึ่งที่อยู่เคียงข้างธุรกิจไทย มุ่งมั่นสนับสนุนธุรกิจและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วย LINE for Business โซลูชันการตลาดแบบครบวงจร ที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่เครื่องมือ แต่คือพลังที่ช่วยแบรนด์ฝ่าฟันทุกความเปลี่ยนแปลง ด้วยกลยุทธ์ “4Cs” ที่ออกแบบมาเพื่อสร้าง ภาพจำในใจลูกค้าอย่างยั่งยืน ที่จะช่วยให้ทุกแบรนด์สร้างประสบการณ์ที่ตรงใจ และอยู่ในความทรงจำของลูกค้าแม้ในวันที่โลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

 

คุณสกุลรัตน์ ตันยงศิริ ผู้อำนวยการธุรกิจ LINE Official Account จาก LINE ประเทศไทย ได้กล่าวถึงเทคนิคการสร้างภาพจำของแบรนด์ในงาน Marketing Oops! Summit 2025 ไว้ว่า “ในยุคที่ลูกค้าเลือกแบรนด์ได้ภายในไม่กี่วินาที สิ่งที่แบรนด์ต้องให้ความสำคัญไม่ใช่แค่การเข้าถึง แต่คือการสร้างความรู้สึกผูกพันที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง เราเชื่อว่าการสร้าง Brand Memory ไม่ใช่เรื่องของการทำการตลาด

ให้ดังที่สุด แต่คือการสื่อสารอย่างมีความหมายในทุกจุดสัมผัส และนี่คือเหตุผลที่ LINE มุ่งพัฒนาโซลูชันที่ช่วยให้ทุกธุรกิจสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างยั่งยืนและเป็นธรรมชาติที่สุด”

ถอดรหัส 4Cs กลยุทธ์เด็ดที่แบรนด์ไม่ควรมองข้าม

การสร้าง "Brand Memory" หรือ ภาพจำแบรนด์ ไม่ได้เกิดขึ้นจากการโฆษณาเพียงครั้งเดียว แต่ต้องอาศัยการออกแบบประสบการณ์ร่วมในทุก Touchpoint อย่างมีระบบ ผ่าน 4 กลยุทธ์สำคัญที่แบรนด์สามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที เพื่อสร้างความผูกพันระยะยาวกับลูกค้า

1. Communicate: สื่อสารให้ตรงใจแบบ Real-time

หัวใจสำคัญคือการสื่อสารแบบเจาะจงกลุ่มด้วยการแบ่งกลุ่มลูกค้า (Customer Segmentation) ให้ชัดเจน ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า "แบรนด์เข้าใจฉัน" พร้อมสื่อสารไปในช่วงเวลาที่ใช่ มีความสอดคล้องกับปัจจุบันในแบบ Real-time และสอดคล้องกับบริบทความสนใจในขณะนั้นหรือ Contextual Marketing เพราะการสื่อสารที่ดี ต้องมาพร้อมกับการสื่อสารที่ตรงใจกับกลุ่มเป้าหมาย ลูกค้าจะหยุดฟังเราก็ต่อเมื่อสิ่งที่เรากำลังสื่อสาร เป็นสิ่งที่ตรงกับความสนใจของลูกค้า

2. Connect: สื่อสารด้วยคอนเทนต์ที่สร้างประโยชน์ต่อลูกค้า

นอกจากการสื่อสารให้ตรงกลุ่มเป้าหมายแล้ว คอนเทนต์ที่ใช้สื่อสารก็สำคัญไม่แพ้กัน แบรนด์จะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการทำคอนเทนต์ให้ลูกค้ารู้ประทับใจ สื่อสารให้ลูกค้าเกิด engagement ต่อแบรนด์ เช่น คอนเทนต์ที่กระตุ้นให้ลูกค้าอยากซื้อ อยากสนใจขึ้นมาทันที อาทิ โปรโมชัน หรือคอลเลกชันพิเศษ เป็นต้น

3. Convert: เปลี่ยนความสนใจเป็นยอดขาย

สร้างแรงจูงใจด้วยแคมเปญและโปรโมชันแบบเฉพาะกลุ่ม (Exclusivity) เพื่อสร้างความรู้สึกพิเศษและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ด้วยประสบการณ์ที่เป็น Seamless Journey เส้นทางการซื้อแบบไร้รอยต่อ เพื่อให้ลูกค้ากดเพียงไม่กี่คลิก การสั่งซื้อก็สำเร็จได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องออกจากแอป LINE ซึ่งสามารถเพิ่มโอกาสการปิดการขายให้กับแบรนด์ได้อย่างมาก

4. CRM: บริหารความสัมพันธ์ด้วยข้อมูล

การทำ CRM ที่ดีคือการเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการ เพื่อพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ และนำไปสู่ Loyalty Program นอกจากนี้การสะสมแต้ม หรือการให้สิทธิพิเศษก่อนเก็บข้อมูลลูกค้า ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าสมัครสมาชิกและให้ข้อมูลในภายหลังได้ดียิ่งขึ้น โดยข้อมูลที่แบรนด์จะเก็บจากลูกค้า ควรกระชับและผ่านการคิดวิเคราะห์มาเป็นอย่างดี เพื่อให้แบรนด์ได้ข้อมูลที่สามารถนำมาพัฒนา สร้างประโยชน์สูงสุดกลับไปสู่ลูกค้าได้จริง

 

เปิด Success Story จากแบรนด์ดังชู “4Cs” สร้างภาพจำแก่ผู้บริโภค

1. Madame Fin 9

Madame Fin 9 ใช้ Emotional Marketing สร้างคาแรกเตอร์เฉพาะให้แก่น้ำหอม ลูกค้าสามารถเลือกน้ำหอมจากคาแรกเตอร์ที่แบรนด์สร้างไว้ พร้อมทำคอนเทนต์แบบ Real-time เช่น ทำคอนเทนต์ในวันที่ 1 และ 16 เพื่อล้อไปกับกระแสหวยออก นอกจากนี้ Madame Fin 9 ยังทำ CRM ได้อย่างน่าสนใจ คือให้แต้มลูกค้าก่อนการสั่งซื้อ ช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ซึ่งชุดข้อมูลที่ขอจากลูกค้าถือว่าสั้น กระชับ แต่สามารถนำไปพัฒนาบริการได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ

2. Heng Heng Seafood

Heng Heng Seafood ผู้จำหน่ายอาหารทะเลสดและสินค้าแปรรูประดับพรีเมียม โดดเด่นด้วยการทำ Partnership กับ Sweet & Green แบรนด์ผัก ผลไม้ และวัตถุดิบอาหารเพื่อสุขภาพ ด้วยจุดมุ่งหมายที่อยากทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสูงสุด ไม่ต้องตามหาวัตถุดิบจากหลายที่ จึงเกิดความร่วมมือในครั้งนี้ ผ่านการใช้ LINE เป็นเครื่องมือหลักในการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า ควบคู่ไปกับการทำ 4Cs

3. Merge.official

Merge.official เน้นการสื่อสารกับลูกค้าโดยใช้ LINE เพื่อรวมฐานข้อมูลลูกค้าไว้ในที่เดียว พร้อมสร้าง Exclusive Product ที่ขายผ่าน LINE OA เท่านั้นได้อย่างน่าสนใจ มีการแจ้งลูกค้าล่วงหน้าเพื่อสร้างความรู้สึกพิเศษ ทำให้ Merge.official ประสบความสำเร็จ และปิดการขายกับลูกค้าบน LINE OA ได้อย่างถล่มทลาย จนเพิ่มยอดขายรายวันสูงกว่าวันปกติถึง 23 เท่า

ด้วยแนวคิด “4Cs” จาก LINE ประเทศไทย นอกจากช่วยให้แบรนด์สามารถสร้าง "ภาพจำ" ที่ดีในใจลูกค้า และยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการปรับตัวให้ทันโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะ LINE ไม่ใช่แค่

แพลตฟอร์มแชท แต่คือ Open Platform ที่เปิดกว้างให้ธุรกิจสามารถออกแบบ Customer Experience ได้อย่างไร้ขีดจำกัด รองรับการเชื่อมต่อและต่อยอดกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นระบบจัดการหลังบ้าน ระบบ CRM หรือ Marketing Automation ต่าง ๆ ทั้งหมดนี้ ทำให้ LINE กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ธุรกิจสามารถสร้างการสื่อสารที่ทรงพลัง เชื่อมต่อกับลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง และเติบโตได้อย่างยั่งยืนในทุกสภาพเศรษฐกิจ

 

Crescendo Lab ผู้นำด้านแพลตฟอร์มการสื่อสารทางธุรกิจแห่งเอเชีย ประกาศ 3 ความสำเร็จครั้งสำคัญที่ช่วยเร่งการเติบโตในประเทศไทย: (1) ได้รับการรับรองเป็น LINE Thailand Expert Developer Partner ซึ่งมีเพียง 4 บริษัทในประเทศไทยที่ได้รับระดับนี้ (2) ปรับกลยุทธ์องค์กรสู่ AI-First เต็มรูปแบบ โดย “ใช้ AI ในการสร้างผลิตภัณฑ์ และสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็น AI” ซึ่งทุกการเปิดตัวนับจากนี้จะขับเคลื่อนด้วยโมเดล AI ขั้นสูง (3) เปิดตัว กลยุทธ์ AI สองแกนหลัก (Dual-Track AI Strategy) ผ่านผู้ช่วยอัจฉริยะ “AiMon” ซึ่งคาดว่าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้ภาคการเงินของไทยได้ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5.15 หมื่นล้านบาท) ต่อปี

ความสำเร็จนี้ส่งผลให้ Crescendo Lab เป็นผู้ให้บริการ SaaS เพียงรายเดียวในเอเชียที่ครองสถานะ LINE Expert Partner ทั้งในประเทศไทย และ LINE Gold Tech Partner ในไต้หวันในคราวเดียวกัน คว้าโอกาสจากผู้ใช้ LINE 56 ล้านคน: Crescendo Lab ได้รับการรับรองสถานะ Expert Developer Partner

จากข้อมูลของ DataReportal ณ เดือนมกราคม 2568 ประเทศไทยมีผู้ใช้งาน LINE ต่อเดือน (Monthly Active Users) ถึง 56 ล้านคน หรือคิดเป็น 85.7% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งประเทศ ทำให้ LINE กลายเป็นช่องทางหลักในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าสำหรับธุรกิจธนาคารและประกันภัย การได้รับสถานะ LINE Thailand Expert Developer Partner ซึ่งเป็นระดับสูงสุดด้านเทคนิคของโปรแกรมนี้ ตอกย้ำความเชี่ยวชาญของ Crescendo Lab ในฐานะผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่นำเสนอโซลูชัน SaaS ที่เป็น AI-Native อย่างแท้จริง ด้วยการทำงานร่วมกันของแพลตฟอร์ม MAAC (Marketing Automation & Analytics Cloud) และ CAAC (Conversational AI & Analytics Cloud) ช่วยให้องค์กรในไทยสามารถใช้ LINE เพื่อสร้างประสบการณ์ด้านการตลาดและบริการลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้อย่างสมบูรณ์ภายในไม่กี่วัน และใช้ประโยชน์จากฐานผู้ใช้ขนาดมหาศาลเพื่อต่อยอดทางธุรกิจ

“AiMon” ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ฝังอยู่ใน MAAC และ CAAC: ยกระดับการตลาด การบริการและการขายแบบ Plug-and-Play

AiMon พร้อมใช้งานใน 3 บทบาทสำคัญสำหรับองค์กร:

● ผู้ช่วยนักการตลาด AI (AI Marketing Assistant): เปลี่ยนข้อความร่างให้เป็นแคมเปญการตลาดที่สร้างยอดขายได้จริงบน LINE OA และ SMS โดยผสานโทนของแบรนด์เข้ากับข้อมูลแบบเรียลไทม์

● ผู้ช่วยบริการลูกค้า AI (AI Customer-Service Assistant): ตอบคำถามที่พบบ่อยได้มากกว่า 80% ลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ลงกว่าครึ่ง พร้อมส่งต่อเคสที่ซับซ้อนให้มนุษย์ได้อย่างไร้รอยต่อ

● ผู้ช่วยฝ่ายขาย AI (AI Sales Assistant): ติดตามพฤติกรรมและความสนใจซื้อของลูกค้า เพื่อระบุกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะซื้อสูง ช่วยให้ทีมขายเข้าถึงลูกค้าได้ในจังหวะที่สำคัญที่สุด

AI มาตรฐาน ISO การันตีช่วยภาคการเงินไทยประหยัด 1.4 พันล้านดอลลาร์ต่อปี

KPMG คาดการณ์ว่า การนำ AI มาใช้อย่างเต็มรูปแบบจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานของภาคธนาคารและประกันภัยในไทยได้ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยส่วนที่จะประหยัดได้มากที่สุดคือศูนย์บริการลูกค้า (Contact Center) และกระบวนการในสำนักงาน (Back-office) โซลูชันของ Crescendo Lab ซึ่งประกอบด้วยสองแพลตฟอร์มหลัก ได้ผ่านมาตรฐาน ISO 27001 และ SOC 2 ทั้งยังสอดคล้องกับกรอบความปลอดภัยของ LINE ทำให้สถาบันการเงินสามารถนำเทคโนโลยี Generative AI, Semantic Search และ Smart Routing ไปใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องเพิ่มความซับซ้อนด้านไอที ซึ่งไม่เพียงช่วยประหยัดต้นทุน แต่ยังสร้างความมั่นใจด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบอีกด้วย

 Muang Thai Life: ยกระดับการมีส่วนร่วมกับผู้ติดตามกว่า 40 ล้านคนบน LINE ด้วย AI อัจฉริยะ

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจประกันชีวิต และสุขภาพของประเทศไทยมากว่า 74 ปี มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

จากความสำเร็จในการบริหารจัดการ นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และการบริการลูกค้า เมืองไทยประกันชีวิตได้รับรางวัลสำคัญ อาทิ รางวัลประกันภัยเกียรติยศสูงสุด (Hall of Fame) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 และ THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2025 ประเภทอุตสาหกรรมประกันชีวิต ต่อเนื่องปีที่ 7 ตอกย้ำศักยภาพองค์กรที่เข้าใจและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจสู่มาตรฐานใหม่ในยุคดิจิทัล

หนึ่งในก้าวสำคัญคือ การนำเทคโนโลยี AI มาเสริมศักยภาพบนแพลตฟอร์ม LINE ที่มีผู้ติดตามกว่า 40 ล้านคน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารและสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าอย่างรวดเร็ว ตรงจุด และตรงใจ (อ้างอิง: LINE Official Muang Thai Life, Muang Thai Life Website)

เมืองไทยประกันชีวิตยังร่วมมือกับ Crescendo Lab นำฟีเจอร์ AI Smart Sending มาใช้ ส่งผลให้อัตราการเปิดอ่านข้อความเพิ่มสูงถึง 75% สะท้อนความสำเร็จในการใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนการสื่อสาร และตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมดิจิทัลของบริษัทในธุรกิจประกันชีวิตไทยและระดับภูมิภาค

เส้นทางสู่การเป็น AI-First: ต่อยอดพอร์ตโฟลิโอ AI ของ Crescendo Lab ทั่วทั้งองค์กร

จิน เสวีย(JinHsueh), ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Crescendo Lab กล่าวว่า ทาง Crescendo Lab ได้กำหนดให้กลยุทธ์ AI-First เป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านองค์กร โดยยึดมั่นในแนวทาง “ใช้ AI ในการสร้างผลิตภัณฑ์และสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็น AI” ซึ่งเป้าหมายของเราคือการมอบ AI ที่ปลอดภัยและคุ้มค่าให้กับองค์กรในไทย ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้ทันทีและขยายขนาดได้ตามความต้องการทางธุรกิจ

“บริษัทจะฝังโมเดล AI ขั้นสูงไว้ในทุกการอัปเดตผลิตภัณฑ์ พร้อมพัฒนาสู่การเป็นที่ปรึกษาอัจฉริยะสำหรับองค์กร (AI Enterprise Advisors) ซึ่งจะเปลี่ยนจากการตอบสนองเชิงรับไปสู่การเป็น "สมองกลใหม่ขององค์กร" ที่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกได้ในเชิงรุก แพลตฟอร์มทั้งหมดถูกสร้างขึ้นบนมาตรฐานความปลอดภัยระดับเดียวกับสถาบันการเงินและสอดคล้องกับข้อบังคับต่างๆ เพื่อขจัดอุปสรรคในการนำ AI ไปใช้ พร้อมส่งมอบคุณค่าทางธุรกิจที่วัดผลได้จริง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Crescendo Lab กล่าวทิ้งท้าย

ในยุคที่เครื่องมือดิจิทัลกลายเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ “โฆษณา” จึงกลายเป็นกลยุทธ์หลักที่ช่วยให้แบรนด์โดดเด่นในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างสรรค์คอนเทนต์คุณภาพแต่มีข้อจำกัดด้านเวลาและทีมดีไซน์ เทคโนโลยี AI จึงเข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญที่เพิ่มศักยภาพในการทำโฆษณา ด้วยความสามารถในการสร้างและปรับแต่งชิ้นงานได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย พร้อมช่วยลดต้นทุนในการผลิตโฆษณา LINE Creative Lab จึงพัฒนาเครื่องมือที่ผสานพลัง AI ช่วยให้ผู้ประกอบการและเจ้าของแบรนด์สามารถสร้างโฆษณาที่โดดเด่นได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานด้านดีไซน์หรือจ้างทีมงานภายนอก ช่วยประหยัดทั้งเวลาและงบประมาณในการทำตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

LINE Creative Lab เป็นเครื่องมือช่วยสร้างชิ้นงานโฆษณาจาก LINE สามารถสร้างได้ทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และวิดีโอ มีจุดเด่นคือใช้งานง่าย สะดวก ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานด้านดีไซน์ก็สามารถเลือกใช้เทมเพลตสำเร็จรูป ปรับแต่งสี ตัวอักษร โลโก้ และรูปภาพได้อย่างอิสระ พร้อมเชื่อมต่อกับโซลูชันยอดนิยมอย่าง LINE Ads และ LINE OA ช่วยให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจสามารถนำผลงานไปใช้งานจริงได้ทันที โดยไม่ต้องโอนย้ายไฟล์ไปมาให้ยุ่งยาก

ข้อควรรู้ในการเริ่มต้นใช้งาน LINE Creative Lab

สำหรับผู้ประกอบการที่ยังไม่เคยใช้ LINE Creative Lab สามารถเริ่มต้นใช้งานได้ง่าย ๆ ผ่าน https://creativelab.line.biz/th (แนะนำให้ใช้งานผ่าน Chrome) เลือกผูกบัญชี LINE OA หรือ LINE Ads กับ LINE Creative Lab ให้เรียบร้อยก่อนเริ่มใช้งาน โดยบัญชี LINE OA หรือ LINE Ads ดังกล่าวต้องเป็นบัญชีที่ล็อกอินด้วย LINE Business ID เท่านั้น จากนั้นสามารถเริ่มสร้างผลงานโฆษณาได้ทันที โดยมีเครื่องมือ ฟังก์ชันหลากหลายให้เลือกใช้ พร้อมไซส์พื้นฐานของชิ้นงานในแต่ละช่องทาง เทมเพลตอย่างง่ายแนะนำให้พร้อมก่อนเริ่มสร้างชิ้นงาน

การใช้งาน 3 ฟีเจอร์ AI จะมีเงื่อนไขในการใช้งานด้วยการใช้ 1 เครดิตต่อการสร้างชิ้นงาน 1 ครั้ง* โดยผู้ใช้งานจะได้รับเครดิตเริ่มต้นจำนวน 30 เครดิตต่อเดือนโดยอัตโนมัติ (เครดิตจะถูกใช้งานสำหรับการสร้างชิ้นงานผ่านฟีเจอร์ AI เท่านั้น ฟีเจอร์ ฟังก์ชันอื่นๆ ทั่วไปใน LINE Creative Lab สามารถใช้งานได้ฟรี ไม่มีเงื่อนไขเครดิตในการใช้งาน) นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับการใช้ Adobe ยังสามารถสร้างชิ้นงานบน LINE Creative Lab ได้เช่นกันผ่านฟังก์ชัน ‘สร้างโดยใช้ Adobe Express’ โดยผู้ใช้ต้องมีบัญชี Adobe อยู่ก่อนแล้วจึงสามารถใช้งานได้ อีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับผู้ประกอบการไทย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย จะสร้างชิ้นงานรูปแบบไหน สะดวกสร้างด้วยวิธีใด และลงช่องทางใดบน LINE ก็สามารถสร้างเองได้ง่ายๆ บน LINE Creative Lab

LINE Creative Lab ช่วยปลดล็อกศักยภาพด้านครีเอทีฟให้กับทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่ ให้สามารถสร้างผลงานโฆษณาได้ด้วยตัวเองอย่างสะดวก รวดเร็ว และมีคุณภาพ พร้อมต่อยอดสู่การตลาดในยุคดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถศึกษาการใช้งานเบื้องต้นผ่านเว็บไซต์ https://creativelab.line.biz/th (แนะนำให้ใช้งานผ่าน Chrome) หรือศึกษาวิธีการเริ่มใช้งานได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=tjJAJbqXu5w

X

Right Click

No right click