December 16, 2025

กองทุนประกันวินาศภัย (กปว.) นำโดย นายชนะพล มหาวงษ์ ผู้จัดการกองทุนประกันวินาศภัย ได้จัดโครงการ “ชี้แจงทำความเข้าใจในกระบวนการชำระบัญชีและการชำระหนี้ของกองทุนประกันวินาศภัย” ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีบุคลากรจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าร่วมรับฟังข้อมูลและร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

โครงการนี้จัดขึ้นโดยมีเป้าหมายหลักเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ และภารกิจกองทุนประกันวินาศภัย พร้อมทั้งกระบวนการชำระบัญชีของกองทุนประกันวินาศภัย ในกรณีเมื่อบริษัทประกันวินาศภัยถูกเพิกถอนใบอนุญาต โดยเฉพาะกรณีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนในขณะนี้ ก็คือ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน)

“การชี้แจงกระบวนการชำระบัญชีในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการถ่ายทอดข้อมูลเชิงวิชาการ แต่ยังเป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่บุคลากรสำนักงาน คปภ. จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งทำหน้าที่เป็นสื่อกลางไปยังประชาชนโดยตรง โดยเฉพาะในจังหวัดนครศรีธรรมราชซึ่งมีจำนวนเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัยมากกว่า 10,000 ราย ถือเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากจากกรณีเพิกถอนใบอนุญาตของบริษัทประกันภัยรายดังกล่าว”

ตลอดระยะเวลาของการจัดโครงการ ผู้จัดการกองทุนประกันวินาศภัย ได้กล่าวถึงกระบวนการชำระบัญชี แนวทางการจัดการสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัทประกันวินาศภัยที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต วิธีการพิจารณาและจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกันภัย รวมถึงบทบาท หน้าที่ และภารกิจของ กปว. ในการคุ้มครองสิทธิของเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัย

นอกจากนี้ ยังมีช่วงถามตอบ ให้บุคลากรสำนักงาน คปภ. จังหวัดนครศรีธรรมราช ซักถามข้อสงสัย ซึ่งหลายคำถามเน้นไปที่ความชัดเจนของกระบวนการจ่ายค่าสินไหม การเรียกร้องสิทธิของประชาชนในกรณีบริษัทประกันวินาศภัยถูกเพิกถอนใบอนุญาต และการประสานงานระหว่างหน่วยงานในกรณีเร่งด่วน ซึ่ง กปว. ได้ตอบข้อซักถามอย่างละเอียดและครบถ้วนเพื่อให้เข้าใจง่ายและสามารถนำไปใช้จริงในพื้นที่

“โครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การสื่อสารเชิงรุกของ กปว. เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจนและเข้าถึงได้ง่าย โดยอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานในพื้นที่ อาทิ สำนักงาน คปภ. ส่วนภูมิภาค ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจประกันภัยไปยังประชาชนภายในจังหวัดอย่างต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ กปว. มีแผนที่จะขยายการจัดโครงการลักษณะนี้ไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วประเทศที่มีผู้ได้รับผลกระทบในเหตุการณ์เดียวกันนี้ เพื่อให้เกิดการรับรู้ข้อมูลอย่างทั่วถึง และเสริมสร้างความมั่นใจและสร้างความมีเสถียรภาพให้กับภาคธุรกิจประกันภัย

รศ.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำทีมสื่อมวลชน ลงพื้นที่ติดตามการทำงาน แบบบูรณาการร่วมกัน ระหว่างกรุงเทพมหานคร มณฑลทหารบกที่ 11 และกรมทางหลวง ในการบริหารจัดการน้ำกรุงเทพมหานคร บริเวณจุดเสี่ยงน้ำท่วมถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร

รองผู้ว่าฯ วิศณุ กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร เร่งดำเนินมาตรการรับมือกับปัญหาน้ำท่วม ในช่วงฝนตกหนักหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลโดยเฉพาะพื้นที่ที่เคยประสบปัญหาน้ำท่วมบ่อยครั้ง โดยในปี 2568 กรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นจากปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะจากอิทธิพลของปรากฏการณ์ลานีญา ซึ่งส่งผลให้ปริมาณฝนในเดือนพฤษภาคมมากกว่าค่าเฉลี่ยถึง 17% และในเดือนมิถุนายนมากกว่าค่าเฉลี่ย 1% ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง ระหว่างรอการระบายในหลายพื้นที่

 

ที่ผ่านมา กรุงเทพฯ ต้องเผชิญกับฝนตกหนักแบบเฉียบพลัน หรือที่เรียกกันว่า "Rain Bomb" คือฝนที่ตกลงมาในปริมาณมากภายในระยะเวลาสั้น ส่งผลให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมฉับพลันและระบายน้ำได้ช้า โดยปกติแล้ว หากฝนตกแบบกระจายตัวในพื้นที่ต่าง ๆ ระบบระบายน้ำของกรุงเทพฯ จะสามารถรองรับได้บ้าง เพราะปริมาณน้ำจะถูกทยอยระบายออกไป ไม่สะสมในจุดเดียว แต่กรณีนี้ ฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่องในปริมาณมากภายในช่วงเวลาเพียง 1-2 ชั่วโมง ซึ่งหากปริมาณน้ำฝนสูงเกิน 29 มิลลิเมตร อาจส่งผลให้ท่อระบายน้ำในหลายจุดไม่สามารถรับน้ำได้ทัน ผลกระทบคือเกิดน้ำรอระบายบนถนนหลายสาย การจราจรติดขัด และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในช่วงเวลาเร่งด่วน ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครจึงเร่งดำเนินการแก้ไข ในทุกระดับทั้งระดับเส้นเลือดใหญ่และเส้นเลือดฝอย โดยการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องสูบน้ำ การขุดลอกคลองและท่อระบายน้ำ การใช้ระบบตรวจวัดระดับน้ำบนผิวถนนเชื่อมโยงกับระบบเครื่องสูบน้ำและการเปิดประตูระบายน้ำเร่งการระบายให้น้ำไหลออกเร็วที่สุด เพื่อบรรเทาสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเมือง โดยเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าระวังและติดตามระดับน้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมพัฒนาระบบการจัดการน้ำให้สามารถรับมือกับมวลน้ำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

รองผู้ว่าฯ วิศณุ กล่าวอีกว่า หนึ่งในพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังอย่างต่อเนื่อง คือ ถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งมีจุดน้ำท่วมหลายจุด จากฝนที่ตกหนักในอดีตที่ผ่านมาการระบายน้ำเป็นไปย่างล่าช้า แต่ปัจจุบันสามารถเร่งลดระดับน้ำบนผิวถนนได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น จึงได้นำทีมสื่อสัญจรลงพื้นที่ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำรอระบายและให้เห็นถึงการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันของหลายหน่วยงาน ในการบริหารจัดการน้ำร่วมกันอย่างเป็นระบบ อาทิ กรมทางหลวง ที่ล้างท่อและดำเนินโครงการ Flood Way จากคลองเปรมประชากรถึงแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงการก่อสร้างท่อลอดระบายน้ำร่วมกับ กทม. ขณะที่ มณฑลทหารบกที่ 11 อนุญาตใช้พื้นที่เป็นแก้มลิงและติดตั้งเครื่องสูบน้ำระบายสู่ถนนหมายเลข 10 ด้าน รฟม. สนับสนุนการล้างท่อบริเวณสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู ด้านกรุงเทพมหานคร โดยสำนักการระบายน้ำ ก่อสร้างท่อ บ่อสูบน้ำ เขื่อน สถานีสูบน้ำคลองบางตลาด และจัดหาพื้นที่แก้มลิงและบึงรับน้ำที่มีประสิทธิภาพ เช่น บึงรับน้ำสีกัน สำนักการโยธา ก่อสร้างถนนและบ่อสูบน้ำ เพื่อรองรับน้ำจากถนนหมายเลข 10 เพิ่มการระบายน้ำโดยรวมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

จากการร่วมมือกันอย่างเป็นระบบ ทำให้การระบายน้ำบนถนนแจ้งวัฒนะ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ลดผลกระทบจากน้ำท่วมหลังฝนตกหนัก สามารถระบายน้ำได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ดังนี้ เมื่อเกิดน้ำท่วมขังบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ ช่วงหน้า มทบ.11 น้ำจะถูกส่งผ่านเข้าท่อลอดระบายน้ำขนาด 0.60 เมตร และเข้าสู่บ่อสูบน้ำที่อยู่บริเวณหน้ามทบ.11 จากนั้นน้ำจะไหลเข้าสู่พื้นที่แก้มลิงภายใน มทบ.11 ต่อมา จะมีการเดินเครื่องสูบน้ำภายใน มทบ.11 เพื่อผันน้ำออกไปยังถนนหมายเลข 10 จากถนนหมายเลข 10 จะมีการเดินเครื่องสูบน้ำอีกครั้ง เพื่อระบายน้ำลงสู่คลองแยกบางตลาด เมื่อถึงคลองแยกบางตลาด จะมีการเดินเครื่องสูบน้ำต่อ เพื่อส่งน้ำไปยังคลองบางตลาด และสุดท้าย น้ำจะถูกระบายจากคลองบางตลาดไปสู่คลองเปรมประชากร ซึ่งเป็นคลองหลักในการรับน้ำออกจากพื้นที่

 

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายจุดในพื้นที่ของกรุงเทพมหานครที่มีโครงการก่อสร้างฯ ซึ่งเราพยายามประสานงานและบูรณาการความร่วมมือหน่วยงานต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมถนนเพื่อให้การบริหารจัดการน้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการระบายน้ำ การลดจุดเสี่ยงน้ำท่วมขัง และการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน โดยสามารถเร่งระบายน้ำได้เร็วขึ้น ลดความเสียหายด้านการจราจร และสร้างแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซาก ซึ่งวิธีการทำงานร่วมกันนี้ เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญ ที่กรุงเทพมหานครจะนำเข้ามาปรับใช้ พร้อมเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และดำเนินการป้องกันอย่างทันท่วงที

ทั้งนี้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังได้ โดยการแจ้งพื้นที่น้ำท่วมขัง เข้ามาได้ที่ Traffy Fondue ทั้งในช่องทาง Line@TraffyFondue หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ได้ทั้งระบบ Android และ iOS เพื่อร่วมกันติดตามสถานการณ์ ลดผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมขัง การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่เป็นการติดตามสถานการณ์และประเมินประสิทธิภาพของระบบระบายน้ำเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านความร่วมมือของทุกภาคส่วน ด้วยการวางระบบบริหารจัดการน้ำที่ชัดเจนและเป็นขั้นตอน ทำให้กรุงเทพมหานครสามารถรับมือกับฝนตกหนักแบบเฉียบพลันได้ดีขึ้น พร้อมเดินหน้าปรับปรุงจุดอ่อน พัฒนาระบบสาธารณูปโภค และบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับนโยบาย “เมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน” ของกรุงเทพมหานคร ที่มุ่งเน้นให้เมืองสามารถรับมือกับวิกฤติ ลดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตประชาชน และสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ

NUUI World แบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชั้นนำของไทย ปรับโฉมครั้งใหญ่จาก ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพสู่ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกดีในทุกวัน (From Natural Goodness to Feel Good, Every day) ด้วยแนวคิดใหม่ Feel Good, Every day ที่มุ่งเน้นการทำธุรกิจในรูปแบบ Life Science Brand โดยให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและคุณค่าของธรรมชาติผ่านการคัดสรร สารสกัดจากทั่วโลกอย่างพิถีพิถัน พร้อมมาตรฐานระดับสากล เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและ Wellness Product ที่ลํ้าสมัย พร้อมเปิดตัว NUUI FIBER GOLD ผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายอันดับ 1 ที่ประกอบไปด้วย 3 Biotics (Pre-Pro-Post) และ ผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ใหม่ล่าสุดที่พัฒนาในสูตรใหม่เพื่อเข้าตลาดทั้งไทยและเอเชียในงาน THAIFEX – ANUGA Asia 2025

 

จาก “แบรนด์ที่ดีต่อสุขภาพ” สู่ “แบรนด์ที่ทำให้คุณรู้สึกดีทุกวัน”

นางสาวศิริพร ทองรุจิโรจน์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท NUUI World จำกัด กล่าวว่า “NUUI World เป็น แบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชั้นนำของไทยที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งเรามีภารกิจในการเสริมพลังให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีและเปล่งประกายยิ่งขึ้น ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองทางวิทยาศาสตร์ โดยเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ใช้งานสะดวก และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน”

 

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ

ล่าสุด NUUI World ได้ปรับทิศทางการทำธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดยเปลี่ยนจากการเป็นแบรนด์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั่วไป (Supplement Brand) มาเป็น Life Science & Wellness Brand ซึ่งสะท้อนถึงการพัฒนาและการตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ไม่เพียงแต่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ แต่ยังต้องการผลิตภัณฑ์ที่ทำให้รู้สึกดีในทุกๆ วันด้วยการให้ความสำคัญกับทั้งร่างกายและจิตใจ

“การปรับตัวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของ NUUI World ที่มุ่งมั่นจะมอบประสบการณ์ที่ดีในทุกมิติของชีวิต โดยไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพ แต่ยังเสริมสร้างความมั่นใจในตัวเอง ผ่านการใช้ผลิตภัณฑ์ที่สะดวกใช้งานง่าย และให้ผลลัพธ์ที่เห็นผลจริง” นางสาวศิริพร กล่าวเสริม

นวัตกรรมใหม่และการพัฒนาผลิตภัณฑ์

NUUI Fiber คือหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดย NUUI Fiber Gold คือ ผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายอันดับ 1 ซึ่งประกอบไปด้วย 3 Biotics (Pre-Pro-Post) ที่มีคุณสมบัติช่วยในการกระตุ้นการขับถ่ายและเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น NUUI Fiber Plus Prune, NUUI Fiber Plus Papaya, NUUI Fiber Plus Passion Fruit, NUUI Fiber Plus Tamarind ที่ให้ความสะดวกสบายในการบริโภค และใช้สารสกัดจากธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพ

 

เข้าร่วมงาน THAIFEX – ANUGA Asia 2025

เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น NUUI World ออกบูธในงาน THAIFEX – ANUGA Asia 2025 โดยไฮไลท์สำคัญคือการเปิดตัว NUUI Fiber Gold ที่มาพร้อมสูตรพัฒนาล่าสุด ที่ดีกว่าเดิม และ NUUI Fiber Plus Prune ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด รวมถึงการเปิดตัวสูตรใหม่ถึง 3 ผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ คือ NUUI Fiber Plus Papaya (หนุย ไฟเบอร์ พลัส มะละกอ), NUUI Fiber Plus Passion Fruit (หนุย ไฟเบอร์ พลัส เสาวรส) และ NUUI Fiber Plus Tamarind (หนุย ไฟเบอร์ พลัส มะขาม ) เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรม Meet & Greet ร่วมกับศิลปินชื่อดัง คุณลี-ฐานัฐพ์ เพื่อสร้างความบันเทิงและเชื่อมต่อกับลูกค้าในบูธของ NUUI World

 

ทิศทางอนาคต

NUUI World มุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจทั้งในรูปแบบ B2C และ B2B โดยเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมทั้งการวางแผนการจำหน่ายผ่าน Vending Machines เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังได้ร่วมงานกับนักวาดชื่อดัง TUM ULIT เจ้าของผลงานศิลปะที่สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกอัน เพื่อสร้างคาแรกเตอร์แบรนด์ที่ช่วย สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนหันมารักและดูแลตัวเองอย่างยั่งยืน

อีกทั้ง NUUI Wolrd ยังได้ร่วมงานกับ คุณสมชนะ กังวารจิตต์ นักออกแบบระดับโลก ในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ รวมไปถึงการออกแบบสื่อโฆษณาต่าง ๆ ของแบรนด์ โดยการร่วมงานกันครั้งนี้ถือว่าเป็นการสะท้อนความตั้งใจ และแสดงให้เห็นว่าเราต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ทุกคนรู้สึกดีในทุกวัน และเป็นการตอกย้ำว่าแบรนด์ของเราสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และเข้าใจผู้บริโภคยุคใหม่เป็นอย่างดี

MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง คว้า 5 รางวัล จากการประกวดผลงานนวัตกรรมระดับเวทีนานาชาติในงาน “The 18th International Inventions and Innovations Show” ที่ MEA เข้าร่วมประกวด และจัดแสดงผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรม ภายในงานมีผลงานนวัตกรรมต่างๆ ที่ร่วมประกวด และจัดแสดงนิทรรศการจำนวนกว่า 300 ผลงาน จาก 7 ประเทศ ซึ่ง MEA เป็นหนึ่งในตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมประกวดฯ ระหว่างวันที่ 3-5 มิถุนายน 2568 ณ เมืองคาโตวิเซ สาธารณรัฐโปแลนด์

โดย MEA คว้ารางวัลดังนี้

  • รางวัลเหรียญทอง (Gold medal)
  • รางวัล Platinum Award
  • รางวัล The Best Foreign Innovation Award

จากผลงาน ทดสอบอินเวอร์เตอร์ที่ใช้กับระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยอินเวอนิตี้แอปพลิเคชัน

  • รางวัลเหรียญทอง (Gold medal)

ผลงาน Powerlyze : MEA Energy Data Provider

  • รางวัลเหรียญทอง (Gold medal)

ผลงาน การตรวจสอบและรับรองสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า "ชาร์จชัวร์บายเอ็มอีเอ" Verification and Certification for EV Charging Station "Charge Sure by MEA"

MEA ในฐานะรัฐวิสาหกิจที่จำหน่ายดูแลระบบไฟฟ้าสังกัดกระทรวงมหาดไทย ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ มุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรตามวิสัยทัศน์พลังงานเพื่อวิถีชีวิตคนเมืองมหานคร พร้อมเดินหน้าพัฒนาระบบไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องให้มีความเพียงพอ มั่นคงปลอดภัย สอดรับกับความต้องการใช้ไฟฟ้าของเมืองมหานคร ตลอดจนมุ่งมั่น ส่งเสริม ให้เกิดการพัฒนานวัตกรรม ปรับปรุงกระบวนงานให้มีประสิทธิภาพ เพื่อการบริการผู้ใช้ไฟฟ้า

ยูนิ.ชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด สานต่อพันธกิจ “การสร้างสังคมแห่งการดำรงอยู่ร่วมกันให้เกิดขึ้นเป็นจริง” ภายใต้ Corporate Brand Essence “Love Your Possibilities” ผ่านกิจกรรมวันสิ่งแวดล้อมโลก 2568 ด้วยการส่งเสริมการ “เลือก・ใช้・หมุนเวียน” เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

บริษัท ยูนิ.ชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้คนในทุกช่วงวัย เดินหน้ายกระดับความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม  สานต่อพันธกิจ “การสร้างสังคมแห่งการดำรงอยู่ร่วมกันให้เกิดขึ้นเป็นจริง” ภายใต้แนวคิด “Love Your Possibilities” ผ่านกิจกรรมวันสิ่งแวดล้อมโลก ประจำปี 2568  โดยการส่งเสริมการ “เลือกใช้หมุนเวียน” เพื่อจุดประกายแนวคิดและสร้างการมีส่วนร่วมของสังคมในการดูแลสิ่งแวดล้อม สะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้หลัก ESG (Environment, Social, Governance) อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน พร้อมเปิดตัว “Sofy ถนอมผิว Natural Love” ผ้าอนามัยและแผ่นอนามัย ที่มีนวัตกรรมแผ่น Organic Cotton   โดยมี เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ รับหน้าที่เป็นตัวแทนส่งต่อสิ่งดีๆ ด้วยสัมผัสจากธรรมชาติที่อ่อนโยนต่อผิว และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นายทาดาชิ นาคาอิ (Mr.Tadashi Nakai) ผู้บริหารระดับสูง บริษัท ยูนิชาร์ม คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิ.ชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ยูนิ.ชาร์มให้ความสำคัญกับการดูแลโลกมาโดยตลอด เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้คน  โดยไม่ลดทอนความสะดวกสบาย แต่เพิ่มเติมความ ‘สบายใจต่อโลก’ ให้กับทุกคน ไม่ว่าจะเรื่องประจำเดือน การดูแลเด็ก ผู้สูงอายุ หรือสัตว์เลี้ยง  เป็นโลกที่เราร่วมเดินทางกับผู้บริโภคมาตลอด เราเชื่อว่าความยั่งยืนเริ่มต้นจากการฟังเสียงผู้ใช้ และออกแบบผลิตภัณฑ์รวมถึงกระบวนการทำงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในทุกมิติของธุรกิจ”

ในกิจกรรมวันสิ่งแวดล้อมโลกครั้งนี้ ยูนิ.ชาร์มมุ่งเน้นการสื่อสารให้เห็นถึงการลงมือทำอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย SDGs (Sustainable Development Goals) โดยมีแผนและเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น:

  • ลดการใช้พลาสติก
  • ใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2030
  • ส่งเสริมการใช้วัสดุจากป่าไม้ที่มีการปลูกทดแทน (Programme for Endorsement of Forest Certification : PEFC)
  • ขับเคลื่อน Circular Economy เพื่อเพิ่มมูลค่าและลดของเสีย

เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ยูนิ.ชาร์มได้ดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องและเห็นผลเป็นรูปธรรม เช่น:

  • การติดตั้ง Solar Rooftop (2020)
  • ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นต์องค์กร จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกแห่งประเทศไทย (2021)
  • โครงการคาร์บอนเครดิตจากป่า T-Ver ร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง เพื่อสร้างป่าที่สมบูรณ์   ลดอัตราการเกิดไฟป่า และปัญหาฝุ่น PM 2.5  (2022)
  • การรีไซเคิลกระดาษร่วมกับ SCG (2022-2024) รวมทั้งสิ้น 30,676 กิโลกรัม ลดการตัดต้นไม้ 523 ต้น ลดการปล่อยก๊าซ CO2 ได้ 20,922 กิโลกรัม ลดการใช้น้ำ 799,942 ลิตร ลดการใช้เชื้อเพลิง 43,074 ลิตร ลดการใช้พลังงาน 123,068 กิโลวัตต์
  • โครงการเก็บคืนบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้ว ร่วมกับมหาวิทยาลัยบูรพา (2023-2024)
  • กิจกรรมอนุรักษ์ป่าชายเลน ฟื้นฟูระบบนิเวศริมฝั่ง
  • โครงการ “มือวิเศษกรุงเทพ” ส่งมอบพลาสติกที่ใช้แล้ว Upcycle เป็นชุด PPE เสื้อสะท้อนแสงให้พนักงานรักษาความสะอาด และเก็บคืนพลาสติกยืดร่วมกับโรงพยาบาลรามาธิบดี (2025)
  • โครงการ Solar Floating ร่วมกับ Wellgrow Cleanergy และ SCG Cleanergy (ระหว่างดำเนินการ)

นอกจากนี้ ยูนิ.ชาร์มยังเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ:

  • MamyPoko Anti-mos Pants ครั้งแรกของผ้าอ้อมกันยุงจากมามี่โพโค ด้วยกลิ่นตะไคร้ธรรมชาติ และ MamyPokoPants BedTime ด้วยแนวคิด Powerful Night Lock ใช้เพียง 1 ชิ้นหลับสนิทตลอดคืน ช่วยลดขยะและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  • Lifree ผ้าอ้อมแบบเทป มาพร้อมเมจิกเทปที่สามารถแปะซ้ำได้หลายครั้ง ช่วยลดขยะเมื่อใช้ร่วมกับแผ่นเสริมซึมซับ เพื่อมอบความสบาย สะอาด และความคุ้มค่าที่ดียิ่งขึ้น
  • ห้องน้ำแมว Deo-Toilet พร้อมแผ่นรองซับที่ช่วยลดแบคทีเรีย สาเหตุของการเกิดกลิ่นได้ 99.9% สามารถใช้งานได้ยาวนาน 1 แผ่นต่อ 1 สัปดาห์ ช่วยลดปริมาณขยะ และทรายแมวช่วยลดฝุ่นฟุ้งกระจาย
  • Sofy ถนอมผิว Natural Love ผ้าอนามัยที่มีนวัตกรรมแผ่น Organic Cotton ที่อ่อนโยน ต่อผิว ลดฟอกขาว ลดการใช้พลาสติก และใช้ห่อบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล   โดยในปีนี้มีการขยาย Product Line จากผ้าอนามัยไปสู่ผลิตภัณฑ์แผ่นอนามัยด้วยเช่นกัน

ยูนิ.ชาร์มเชื่อมั่นว่า “ความยั่งยืนไม่ใช่ทางเลือก แต่คือเส้นทางร่วมกัน” ที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ตั้งแต่วันนี้ ด้วยการ “เลือก・ใช้・หมุนเวียน” เพื่อโลก เพื่อคุณ และเพื่ออนาคตที่ดีกว่า

นายทาดาชิ นาคาอิ กล่าวในตอนท้ายว่า “ยูนิ.ชาร์มให้ความสำคัญกับโลกมาโดยตลอด ไม่ใช่แค่เฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม แต่รวมถึงด้านเศรษฐกิจและสังคมด้วย กิจกรรมครั้งนี้จึงเป็นภาพสะท้อนของการลงมือทำอย่างจริงจัง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและชักชวนให้ทุกคนร่วมกันเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เพราะเราเชื่อว่าศักยภาพของทุกคนสามารถขับเคลื่อนโลกให้ดีขึ้นได้”

ยูนิ.ชาร์ม ขอเชิญชวนประชาชนทั่วไปมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสิ่งแวดล้อม ผ่านการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจโลก และร่วมกิจกรรมเพื่อความยั่งยืนที่ยูนิ.ชาร์มจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“Love Your Possibilities” หากร่วมกัน ไม่ว่าเรื่องอะไร ไม่ว่าเมื่อไหร่ ไม่ว่านานแค่ไหน เราก็ทำได้

ด้าน เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ  กล่าวว่า เต้ยรู้สึกดีใจมากที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในครั้งนี้เพราะเต้ยเป็นคนที่ให้ความสำคัญทั้งการดูแลตัวเองและสิ่งแวดล้อม  อยากขอเชิญชวนทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการถนอมโลกกับเรา โดยอาจเริ่มต้นจากเรื่องเล็กๆน้อยๆไม่ว่าจะเป็นการคัดแยกขยะก่อนทิ้ง การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก หรือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นของใช้ในชีวิตประจำวันหรือของใช้ส่วนตัว อย่าง “Sofy ถนอมผิว Natural Love” ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยถนอมโลกและยังอ่อนโยนต่อผิวของเราด้วย เพราะลดฟอกขาว ลดการใช้พลาสติก และใช้ห่อบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล    เต้ยเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเล็กๆจากตัวเราสามารถส่งผลต่อโลกใบนี้ได้ค่ะ

BAM ชูนโยบาย แก้มลิงแห่งชาติ พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนด้วย ESG ย้ำ BAM ทำ CSR in process ตั้งแต่วันแรกของการดำเนินธุรกิจ โดยการปรับโครงสร้างหนี้ด้วยความประนีประนอมและหาข้อยุติร่วมกัน เผยโครงการสุขใจได้บ้านคืน BAM ช่วยลูกหนี้ประนอมหนี้ได้มากถึง 5,963 ราย ขณะที่โครงการคอนโดราคามหาชน สามารถจำหน่ายทรัพย์ให้กับผู้มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยมากถึง 3,331 รายการ

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM กล่าวในงานสัมมนา THAILAND C VISION SUMMIT 2025 ในหัวข้อ “ESG ไม่ทำ = ไม่รอด” จัดโดย Business Plus ณ พารากอนฮอลล์ สยามพารากอน ว่า  BAM ดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการ ESG (Environmental, Social and Governance) เพื่อสร้างสมดุลให้กับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศ ด้วยวิสัยทัศน์การเป็น “แก้มลิงแห่งชาติ” เป็นพื้นที่รองรับหนี้เสียเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้

ทั้งนี้ BAM ทำ CSR in process มาตั้งแต่วันแรกของการดำเนินธุรกิจ โดยการปรับโครงสร้างหนี้ด้วยความประนีประนอมและหาข้อยุติร่วมกัน เพื่อให้ลูกหนี้เหล่านั้นสามารถนำทรัพย์หลักประกันกลับคืนไป ทำให้คนธรรมดาตัวเล็ก ๆ ยังรักษาบ้านหลังนั้นที่เขามีความทรงจำดี ๆ และดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างปกติ โดยโครงการสุขใจได้บ้านคืน BAM สามารถช่วยลูกหนี้ประนอมหนี้ได้มากถึง 5,963 ราย ขณะที่ BAM ช่วยฟื้นคืนธุรกิจ ทำให้เจ้าของธุรกิจ SME ยังสามารถดูแลกิจการและโรงงานของตัวเองได้ เราทำให้กิจการเหล่านั้นรอดไปแล้วกว่า 208 ราย รวมถึง BAM ยังได้จัดทำโครงการคอนโดราคามหาชน ผ่อนถูก กว่าเช่า เพื่อช่วยเหลือหลากหลายอาชีพที่มีรายได้น้อย เช่น แม่บ้าน คนขับรถสามล้อ คนขับแท็กซี่ คนขับวินมอเตอร์ไซด์ ฯลฯ ที่เช่าบ้านได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองในราคาถูก ผ่อนชำระกับ BAM เพียงเดือนละ 500 บาท เท่านั้น โดยในโครงการนี้ BAM สามารถจำหน่ายทรัพย์ให้กับผู้มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยมากถึง 3,331 รายการ เหล่านี้คือสิ่งที่เราใช้ทรัพย์ NPA ของเรามาปรับให้อยู่ในงานที่สามารถสร้างความงดงามให้กับสังคมได้

ดร.รักษ์ กล่าวอีกว่า ในด้านพนักงาน BAM ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี ทำงานอย่างมีความสุข ภายใต้โครงการ BAM CARE  โดยได้จัดทำโครงการ MOU กับโรงพยาบาลเอกชนไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล รวมถึงเพิ่มวันหยุดพิเศษในเดือนเกิด (Birthday leave) ให้กับพนักงาน เพื่อไม่ต้องใช้วันเกิดเป็นวันลา พร้อมทั้งจัดรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น ซึ่งพนักงานสามารถทำงานได้จากที่ไหนก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในออฟฟิศหรือสถานที่ทำงาน (Work from Anywhere) และให้พนักงานมีส่วนร่วมเลือกเวลาการทำงานที่เหมาะสม (Flexi hour) เพื่อให้พนักงานอยู่ร่วมกับอย่างมีความสุข

ขณะเดียวกัน  BAM ให้การดูแลและฟื้นฟูธรรมชาติ ผ่านโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาด อาทิ การปลูกป่าบนพื้นที่ NPA เพื่อเพิ่มมูลค่า/พื้นที่สีเขียวและฟื้นฟูระบบนิเวศ  แผนการติดตั้ง  Solar Roof บนอาคารสำนักงานใหญ่ เพื่อใช้พลังงานแสงอาทิตย์ การเปลี่ยนรถยนต์ภายในองค์กรเป็น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) 100% ภายในปี 2570 การติดตั้งเครื่องผลิต ปุ๋ยอินทรีย์จากขยะเศษอาหาร (Food Waste) เพื่อหมุนเวียนทรัพยากรอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ด้วยบทบาท “หมอหนี้” BAM ทำหน้าที่ Recycling Machine มีเป้าหมายในการเร่งสร้างโรงงานแก้หนี้  (TDR Factory) เพื่อฟื้นฟูให้ลูกหนี้กลับมามีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้เป็นเรื่องง่าย เข้าถึงได้ และยุติธรรม  รวมถึงได้มีการร่วมลงนามใน ข้อตกลงต่อต้านการทุจริต อย่างชัดเจน ภายใต้แนวคิด "เรียกรับ...เราร้อง" เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ขององค์กรในการต่อต้านการคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ

จากเวทีRetail Asia Awards” โชว์ศักยภาพผู้นำค้าปลีกไทยที่สำเร็จโดดเด่นรอบด้าน

พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เชิญลูกค้า PRULegacy ร่วมเปิดประสบการณ์เหนือระดับกับงานแสดงเครื่องเพชรสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ในงานฉลองครบรอบ 96 ปี ยูบิลลี่ ไดมอนด์ (Jubilee Diamond) พร้อมรับชมคอลเลกชันพิเศษที่รังสรรค์อย่างพิถีพิถัน สัมผัสประสบการณ์เหนือระดับ และร่วมสร้างการส่งต่อที่มีคุณค่า ตามแนวคิด “A Mark of Legacy, Inspired by You” ให้ทุกก้าวความสำเร็จในแบบคุณ พร้อมส่งต่อสิ่งที่ดีที่สุดให้คนที่คุณรัก โดยเป็นเอกสิทธิ์ที่มอบให้แก่ลูกค้า PRULegacy ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง (High Net Worth) โดยเฉพาะ

 

นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เปิดเผยว่า “คำว่า “Legacy" สำหรับพรูเด็นเชียลฯ ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ทรัพย์สิน หากแต่ยังครอบคลุมถึงค่านิยม ความตั้งใจ และเป้าหมายชีวิตที่เจ้าของทรัพย์สินต้องการจะส่งต่อให้กับคนรุ่นหลังอย่างมีคุณค่า ในวันนี้ พรูเด็นเชียลฯ ได้เชิญลูกค้า “PRULegacy” และ “PRULegacy+” ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง (High Net Worth) ร่วมเปิดประสบการณ์พิเศษเหนือระดับ กับการร่วมชมคอลเลคชันสุดพิเศษในวาระฉลองครบรอบ 96 ปี ของยูบิลลี่ ไดมอนด์ (Jubilee Diamond) ที่มอบให้แก่ลูกค้าระดับพรีเมียมเท่านั้น”

นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “96 ปีของ Jubilee Diamond ไม่ใช่แค่เส้นทางธุรกิจ แต่คือความผูกพันที่เราได้สร้างร่วมกับคนไทย ผ่านเครื่องประดับที่ส่งต่อความงดงาม ความหวัง และแรงบันดาลใจ” การจัดงานภายใต้แนวคิด “A World Class Treasure – Celebrating Excellence, Legacy & Trust” คือการเฉลิมฉลองคุณค่าอันลึกซึ้งของแบรนด์ พร้อมตอกย้ำเจตนารมณ์ในการคัดสรรเพชรคุณภาพระดับโลก และสร้างสรรค์ผลงานที่ทรงคุณค่า ทั้งในแง่ศิลปะและจิตใจ “เราหวังว่างานนี้จะเป็นมากกว่านิทรรศการเพชร แต่คือประสบการณ์ที่สะท้อนตัวตนของ Jubilee และพันธกิจในการส่งต่อความดีงามสู่สังคมอย่างยั่งยืน"

เอกสิทธิ์สำหรับลูกค้า PRULegacy และ PRULegacy+ ได้รับการออกแบบด้วยแนวคิด ‘ทุกความสำเร็จในแบบของคุณ คุณค่าที่คุณสร้างและส่งต่อให้กับคนที่คุณรัก’ ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ในการร่วมมือระหว่างพรูเด็นเชียล ประเทศไทย และ ยูบิลลี่ ไดมอนด์ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์แห่งความล้ำค่ากับแบรนด์เพชรอันดับหนึ่งในประเทศไทยที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เฉกเช่นเดียวกับ PRULegacy

สำหรับ สมาชิก PRULegacy จะได้รับเอกสิทธิ์พิเศษต่างๆ มากมาย อาทิ บริการจัดทำร่างพินัยกรรม หรือบริการให้คำปรึกษาด้านการวางแผนภาษี จากสำนักงานกฎหมาย Chandler Mori Hamada Limited (CMH), บัตร E-Voucher สำหรับรับประทานอาหารที่ร้านอาหารมิชลิน (ที่ร่วมรายการ) มูลค่า 2,000 บาท, แพ็กเกจตรวจสุขภาพฟรี ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ 21 สาขาทั่วประเทศ, ส่วนลดสำหรับบัตรโดยสาร Bangkok Airways เส้นทางภายในประเทศและต่างประเทศ, บริการลีมูซีนรับ – ส่ง สนามบินใน 9 จังหวัด (กรุงเทพฯ กระบี่ ขอนแก่น เชียงใหม่ ภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี อุดรธานี และอุบลราชธานี) และเอกสิทธิ์พิเศษอีกมากมาย โดยติดตามรายละเอียดได้ที่ https://www.prudential.co.th/corp/prudential-th/th/privilege-programmes/prulegacy/ 

พิเศษยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้า PRULegacy ที่มองหาโซลูชันในการบริหารจัดการสินทรัพย์แบบองค์รวม ครอบคลุมทั้งเป้าหมายชีวิต การบริหารภาษี การจัดสรรทรัพย์สิน รวมถึงการส่งต่อคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่คนรุ่นถัดไป พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต “ทีทีบี อัลติเมท เลกาซี 99/3” และ “ยูโอบี บียอนด์ เลกาซี 3/99” ที่คัดสรรมาเพื่อปกป้อง และเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินส่งต่อมรดก ที่พัฒนาร่วมกับธนาคารพันธมิตร รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ “พรูอินฟินิตี 888 เอ็กซ์ตร้า” ที่ชำระเบี้ยประกันภัยระยะสั้น และรับความคุ้มครองในระยะยาว พร้อมส่งต่อความมั่งคั่งให้ครอบครัว โดยผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ https://www.prudential.co.th/corp/prudential-th/th/privilege-programmes/hnw/ 

เซ็นทรัลพัฒนา ร่วมกับ กระทรวงศึกษาธิการ เชิญชวนเยาวชนทั่วไทยร่วมส่งประกวดคลิปสั้น “รักษ์โลก รักชุมชน” ประกอบเพลง ‘ลองมา(RE)’ ภายใต้โครงการ “เรียนดี มีความสุข สู่อนาคตที่สดใส”

สำหรับเพลง ‘ลองมา(RE)’ เป็นบทเพลงสนุกๆ ที่เชิญชวนให้เด็กรุ่นใหม่มีหัวใจรักษ์โลก ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้รักษ์โลกตามแนวคิด (RE)Lifestyle ด้วยวิธีการง่ายๆ อย่างการรีไซเคิลขยะเหลือใช้รอบตัว ลดการสร้างขยะโดยไม่จำเป็น ซึ่งจะนำไปสู่ประโยชน์ทั้งในแง่การดูแลชุมชน การลดขยะเพื่อสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการสร้างรายได้พิเศษจากการนำขยะรีไซเคิลมาแลกพอยท์ ซึ่งได้ถ่ายทอดผ่านบทเพลงและมิวสิควีดิโอสนุกๆ ที่จะเป็นแรงบันดาลใจในการเริ่มเปลี่ยนแปลงเพื่อโลกของเรา     

โครงการนี้เปิดโอกาสให้นักเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา ปวช. และผู้เรียนในสังกัดกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ร่วมแสดงความคิดสร้างสรรค์ สวมบทบาทตามเนื้อหาในบทเพลง เต้น รวมถึงร้องเพลง ถ่ายทอดเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการส่งเสริมชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดในบทเพลง ‘ลองมา(RE)’ ลงในวิดีโอคลิปความยาวระหว่าง 1 ถึง 2 นาที ที่ออกแบบให้เหมาะสมสำหรับการเผยแพร่บน TikTok หรือ Facebook Reels พร้อมเผยแพร่คลิปวิดีโอลงบนแพลตฟอร์มดังกล่าว โดยผู้ชนะจะได้เกียรติบัตรจากกระทรวงศึกษาธิการและเซ็นทรัลพัฒนา พร้อมรับทุนการศึกษารวมมูลค่า 100,000 บาท จาก 8 รางวัล ได้แก่

  • ระดับชั้นประถมศึกษา จำนวน 2 รางวัล
  • ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 2 รางวัล
  • ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือ ปวช. จำนวน 2 รางวัล
  • ผู้เรียนสังกัดกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (ไม่จำกัดอายุ) จำนวน 2 รางวัล

สามารถส่งผลงานเข้าร่วมได้ทั้งในรูปแบบเดี่ยวหรือเป็นทีม ทีมละไม่เกิน 10 คน และส่งได้ทีมละ 1 คลิป เริ่มเผยแพร่คลิปได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2568

ผลงานที่มียอด Social Engagement (Like, Share, Comment) แบบ Organic สูงที่สุดจำนวน 8 คลิปจากแต่ละประเภท จะเข้าสู่รอบสุดท้าย ได้รับการพิจารณาโดยคณะกรรมการตามหลักเกณฑ์ ได้แก่ ความคิดสร้างสรรค์หรือแรงบันดาลใจ (50%) ความสนุก ความน่าสนใจ และการทำงานเป็นทีม (30%) และความสุภาพเหมาะสม ตรงตามกติกา (20%)

ติดตามมิวสิควิดีโอและบทเพลง “ลองมา(RE)” ได้ที่ https://youtu.be/5Z2HP0WR4ks ผู้สนใจสามารถติดตามกติกาการเข้าร่วม ได้ที่ https://www.centralpattana.co.th/en/shopping/shopping-update/event/1380 หรือFacebook: Central Pattana

ออเนอร์ (HONOR) ผู้ให้บริการอุปกรณ์อัจฉริยะชั้นนำระดับโลก เตรียมเปิดตัว HONOR 400 Series อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้คอนเซปต์ “Advance AI Portrait Master” สมาร์ตโฟนเรือธงระดับเริ่มต้นที่ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับดีไซน์พรีเมียม โดดเด่นด้วยกล้องถ่ายภาพเหนือชั้น 200MP Ultra-clear Advance AI และ Creative Advance AI Editing ที่ให้มามากกว่า 40 ตัว พร้อมฟีเจอร์สุดล้ำอย่าง AI Image to VDO ที่สามารถเปลี่ยนภาพนิ่งให้กลายเป็นวิดีโอเจ้าแรกของโลก ช่วยเพิ่มความสนุกในการการถ่ายภาพ สร้างสรรค์คอนเทนต์ และเติมเต็มจินตนาการได้อย่างไร้ขีดจำกัด

ด้านประสิทธิภาพ HONOR 400 Series มาพร้อมแบตเตอรี่ซิลิคอนคาร์บอนความจุสูง 6,000mAh ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน พร้อมรองรับ 100W HONOR Wired SuperCharge และ 50W HONOR Wireless SuperCharge สำหรับการชาร์จที่รวดเร็วทันใจทุกสถานการณ์ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับครีเอเตอร์ คอนเทนต์เมกเกอร์ และผู้ที่หลงใหลในการถ่ายภาพ เตรียมเปิดตัวพร้อมประกาศราคาในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 มิถุนายน 2568 โดยจะเปิดให้พรีออเดอร์ระหว่างวันที่ 17 – 27 มิถุนายน 2568 พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย ทั้งของแถมและโปรโมชันสุดคุ้ม และจะเริ่มวางจำหน่ายทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป

 

สำหรับ HONOR 400 Series หัวใจสำคัญคือกล้อง 200MP Ultra-clear Advance AI ที่ให้ความคมชัดระดับสูง และรองรับการถ่ายภาพในทุกสถานการณ์อย่างเหนือชั้น พร้อมด้วยฟีเจอร์ Creative Advance AI Editing ที่อัดแน่นด้วยเครื่องมือสุดแอดวานซ์กว่า 40 ฟีเจอร์ในการปรับแต่งภาพแบบมืออาชีพ และยังเป็นเจ้าแรกของโลกที่มาพร้อม AI Image to VDO ที่สามารถแปลงภาพนิ่งให้กลายเป็นวิดีโอได้อย่างน่าทึ่ง ตอบโจทย์การสร้างคอนเทนต์รูปแบบใหม่ที่ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยอีกหนึ่งไฮไลต์ที่น่าจับตามองคือ Harcourt Portrait Mode ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสตูดิโอถ่ายภาพระดับตำนาน Studio Harcourt จากฝรั่งเศส โดยผู้ใช้สามารถเลือกถ่ายภาพบุคคลได้ถึง 3 สไตล์ที่แตกต่าง ได้แก่ Harcourt Vibrant ภาพพอร์เทรตสีสดที่เน้นรายละเอียดคมชัด Harcourt Color สีสันโดดเด่นมีเอกลักษณ์ และ Harcourt Classic ภาพขาวดำสไตล์คลาสสิกเหนือกาลเวลา ผสานการจัดแสงและเงาอย่างประณีต เพื่อมอบประสบการณ์ถ่ายภาพพอร์เทรตคุณภาพระดับสตูดิโอในมือคุณ

ไม่เพียงเท่านี้ HONOR 400 Series ยังมาพร้อมโหมดใหม่ล่าสุด Film Simulation Mode ที่ใช้ AI วิเคราะห์แสงและรายละเอียดของวัตถุในเฟรมอย่างชาญฉลาด เพื่อสร้างเอฟเฟกต์แบบภาพยนตร์ที่สื่ออารมณ์ของภาพได้อย่างลึกซึ้ง ในด้านการใช้งาน สมาร์ตโฟนรุ่นนี้มาพร้อมแบตเตอรี่ซิลิคอนคาร์บอนความจุสูงถึง 6,000mAh รองรับ 100W HONOR Wired SuperCharge และ 50W HONOR Wireless SuperCharge มอบพลังงานยาวนานและชาร์จเร็วทันใจ ตอบโจทย์การใช้งานที่ต่อเนื่องไม่สะดุด

ที่สุดของความพิเศษคือการกลับมาของ “อิงฟ้า วราหะ” ในฐานะ HONOR’s Friend ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง หลังจากประสบความสำเร็จใน HONOR 200 Series โดยในครั้งนี้ อิงฟ้า ได้ร่วมถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ถ่ายทอดประสบการณ์ใช้งาน HONOR 400 Series ในมุมมองของผู้หญิงยุคใหม่ที่มั่นใจ ทันสมัย และเปี่ยมด้วยพลังสร้างสรรค์ สะท้อนภาพลักษณ์อันแข็งแกร่งและความโดดเด่นของ HONOR ได้อย่างชัดเจน

ห้ามพลาด! ร่วมเปิดโลกการถ่ายภาพและสร้างสรรค์คอนเทนต์ในแบบที่คุณไม่เคยสัมผัสมาก่อน! กับ HONOR 400 Series พร้อมกัน ในวันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน 2568 โซน Parade ชั้น B1 โครงการ One Bangkok ตั้งแต่เวลา 14.00 . เป็นต้นไป หรือรับชมบรรยากาศการเปิดตัวแบบสด ๆ ได้ทาง Facebook Page และ YouTube HONOR Thailand ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์  www.honor.com/th หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่เฟซบุ๊ก HONOR Thailand

X

Right Click

No right click