บนความสำเร็จ “ฮาตาริ” แบรนด์ที่เกิดจากความตั้งใจและแรงบันดาลใจของจุน-คุณสุนทรี วนวิทย์ จากจุดเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ ที่ถึงทุกวันนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ฮาตาริ คือ ผู้ผลิตพัดลมชั้นนำของคนไทยอย่างแท้จริง และอยู่คู่สังคมไทยมายาวนานกว่า 30 ปี วางรากฐานธุรกิจอย่างมั่นคง ควบคู่กับการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ คืนสู่สังคมไปพร้อมกัน

คุณวิทยา พานิชตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮาตาริ อิเลคทริค จำกัด เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนแบรนด์ “ฮาตาริ” ก้าวสู่สหัศวรรษใหม่ในยุคตลาดแข่งขันสูงและมีความท้าทายในทุกมิติ แต่สิ่งที่เรายึดมั่นในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด คือ 1) ความไม่หยุดนิ่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่เข้าใจในทุกไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค และ 2) ความเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม พร้อมใส่ใจต่อชุมชนโดยรอบ ภายใต้จุดมุ่งหมายให้ แบรนด์ ฮาตาริ ก้าวสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมผู้ผลิตพัดลมไฟฟ้าระดับสากลที่คนไทยภาคภูมิใจ

ครองใจคนไทย เจาะตลาดส่งออกเพิ่ม

“นโยบายดำเนินธุรกิจในปี 2567 ฮาตาริยังคงให้ความสำคัญต่อการเติบโตทางธุรกิจตลาดภายในประเทศ แต่ขณะเดียวกันก็มีความพร้อมที่จะขยายสัดส่วนตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เป็นต้น ซึ่งมีสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นเช่นเดียวกันกับประเทศไทย ประกอบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มประชากรที่เพิ่มสูงขึ้น และภาวะตลาดมีโอกาสเติบโตสูงจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ

ซึ่งแน่นอนว่าปีนี้ยังเป็นอีกปีที่ฮาตาริมุ่งเน้นพัฒนาภาคการผลิตและการออกแบบผลิตภัณฑ์ ด้วยดีไซน์ใหม่ที่ทันสมัย ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ตรงใจผู้บริโภคในทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน ควบคู่กับการทำงานร่วมกันกับพันธมิตรใหม่ๆ อาทิ การจับมือกับ Habits Design Studio สตูดิโอออกแบบจากอิตาลีที่เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและมีประสบการณ์ออกแบบให้กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมาแล้วมากมาย เพื่อเพิ่มความน่าตื่นตาตื่นใจ และทำให้แบรนด์ได้ใกล้ชิดและอยู่เป็นส่วนหนึ่งในทุกช่วงชีวิตผู้คนมากยิ่งขึ้น” คุณชัญญา พานิชตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กล่าวเสริม

สานต่อ DNA สร้างสรรค์คุณค่าธุรกิจ คืนประโยชน์สู่สังคม

ปณิธานอันแน่วแน่ที่ คุณจุน-คุณสุนทรี วนวิทย์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ฮาตาริ มุ่งหวังที่จะทำให้ประเทศไทยเติบโตอย่างมั่นคงไปพร้อมกับแบรนด์ฮาตาริ ได้รับการสานต่อและต่อยอดอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้การดำเนินงานของ “กองทุนฮาตาริเพื่อการศึกษา โดย คุณจุน – คุณสุนทรี วนวิทย์” เป็นปีที่สอง ตลอดจนโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับการให้โอกาสด้านการศึกษาแก่วงการแพทย์และพยาบาล ที่ปัจจุบันประสบปัญหาขาดแคลนกำลังคนที่จะดูแลรักษาชีวิตประชาชน ซึ่งในวันนี้ (14 กุมภาพันธ์) ฮาตาริ โดย คุณสุนทรี วนวิทย์ ประธานกรรมการบริหาร เป็นผู้แทนในการส่งต่อความตั้งใจจริงนี้ โดยมอบทุนการศึกษาเป็นจำนวนเงิน 20 ล้านบาท แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อเป็นการสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์รุ่นใหม่ออกสู่สังคม ซึ่งโอกาสนี้ได้รับเกียรติจาก ผศ. ร.ท.ทพ. ชัชชัย คุณาวิศรุต รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ และ รองศาสตราจารย์ ดร.เอมพร รตินธร คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ ให้การต้อนรับ

 

รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ และ คณบดีคณะ

พยาบาลศาสตร์ มอบของที่ระลึกแด่ผู้บริหารกองทุนฮาตาริฯ ผู้บริหารกองทุนฮาตาริฯ เยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้ทางการพยาบาล ศาลายา (ห้อง LRC)

 

กว่า 30 ปีที่ผ่านมา ฮาตาริ ไม่เคยหยุดพัฒนาแบรนด์สัญชาติไทยออกไปสร้างชื่อเสียงและแสดงศักยภาพขีดความสามารถของคนไทยที่ทัดเทียมเวทีโลก ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ฮาตาริ พร้อมก้าวไปข้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่ทำให้คุณภาพชีวิตของทุกคนและดีขึ้น สร้างช่วงเวลาแห่งความสุขและตอบโจทย์ความ

ต้องการของผู้ใช้งานในทุกมิติด้วยราคาที่สมเหตุสมผล มุ่งสู่การเป็นแบรนด์ของคนไทยที่เติบโตเคียงข้างสังคมไทยอย่างยั่งยืน

วันนี้ (23 มกราคม 2567) นางพิทยา วรปัญญาสกุล (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร "เคทีซี" หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) รับมอบรางวัลมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุด (Thailand’s Top Corporate Brand Value 2023) ในหมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ ประจำปี 2566 ด้วยมูลค่าแบรนด์ 92,899 ล้านบาท จากศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร (ขวา) คณบดีและอาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 5 ที่เคทีซีได้รับรางวัลดังกล่าว ในงาน ASEAN and Thailand’s Top Corporate Brands 2023 โดยมีศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.กุณฑลี รื่นรมย์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกก์ ภทรธนกุล หัวหน้าภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ริเริ่มงานวิจัย “การวัดมูลค่าและจัดอันดับแบรนด์องค์กรในอาเซียนและประเทศไทย” ร่วมแสดงความยินดี ณ อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รางวัล ASEAN and Thailand’s Top Corporate Brand เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัย โดยหลักสูตร Master in Branding and Marketing - MBM คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เพื่อพัฒนาการวัดมูลค่าแบรนด์องค์กรอย่างเป็นระบบในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม จากการคำนวณด้วยเครื่องมือวัดค่าแบรนด์องค์กร CBS Valuation (Corporate  Brand Success Valuation) ที่บูรณาการแนวคิดด้านการตลาด การเงินและการบัญชีเข้าด้วยกัน ทำให้สามารถวัดมูลค่าแบรนด์องค์กรออกมาเป็นตัวเลขทางการเงินได้ เพื่อส่งเสริมให้องค์กรธุรกิจตระหนักถึงความสำคัญของการเสริมสร้างแบรนด์องค์กรให้เข้มแข็งเพื่อความยั่งยืนในภูมิภาค 

Pirom Coffee (ภิรมย์ คอฟฟี่) แบรนด์กาแฟโรบัสต้าใหม่ จากแหล่งปลูกในภาคเหนือของไทย ชูผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ Fine Robusta เมล็ดกาแฟคุณภาพสูง ด้วยกระบวนการผลิตจากเทคโนโลยีชีวภาพ คงเอกลักษณ์ของความหนักแน่น เข้มข้น และรสชาติที่เป็นเสน่ห์ของกาแฟโรบัสต้า ชี้กาแฟโรบัสต้าจะเป็นอนาคตของกาแฟ ที่ปัจจุบันทั่วโลกหันมาให้ความสนใจ ตั้งเป้าสร้างกระแสความนิยมกาแฟโรบัสต้า ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพของเมล็ดกาแฟโรบัสต้าสายพันธุ์ไทยสู่สากล โดยส่งเสริมให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าและพัฒนาสายพันธุ์ร่วมกับเกษตรกรไทยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อแก่นแท้ของรสชาติที่ดีในแบบของโรบัสต้าและอัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ให้เป็นอีกทางเลือกสำหรับภาคอุตสาหกรรมเครื่องดื่มกาแฟและผู้บริโภคทั่วไป เปิดตัวครั้งแรกในงาน Thailand Coffee Fest 2023 บูธ M2 ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 - 8 เมืองทองธานี 13 - 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

 

นายจุลพีระ สายตระกูล กรรมการบริหาร บริษัท บี.บี.กรูพส์ เทรดดิ้ง จํากัด บริษัทในกลุ่ม พี บี พาร์ทเนอร์ กล่าวว่า ปัจจุบันทั่วโลกหันมาให้ความสนใจกาแฟตระกูลโรบัสต้า (Robusta) ที่ได้รับขนานนามว่าเป็นอนาคตของกาแฟ สืบเนื่องจากวิกฤตการณ์กาแฟอาราบิก้าที่มีราคาพุ่งขึ้นสูงทั่วโลก และขาดแคลนวัตถุดิบ รวมถึงจากการจุดประกายของการแข่งขัน WORLD BARISTACHAMPIONSHIP 2022 ที่มีการใช้กาแฟโรบัสต้า และชนะรางวัลที่ 4 ด้วยรสชาติที่น่าดึงดูด กลมกล่อม จนทำให้วงการกาแฟของโลกกลับมาให้ความสนใจกาแฟโรบัสต้าที่ไม่ใช่แค่กาแฟสำหรับผลิตเครื่องดื่มสำเร็จรูป จึงทำให้ความต้องการของกาแฟโรบัสต้ามีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าในหรือต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการเปิดตัว Pirom Coffee (ภิรมย์ คอฟฟี่) แบรนด์กาแฟโรบัสต้าใหม่

โดย Pirom Coffee เกิดจากความตั้งใจของ คุณปิยะ ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการบริษัท ฯ ที่ต้องการสร้างกาแฟโรบัสต้าสายพันธุ์ไทยที่มีคุณภาพ ยกระดับคุณภาพของเมล็ดกาแฟโรบัสต้าสายพันธุ์ไทยสู่สากลอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเป็นการสร้างโอกาสสร้างอาชีพให้กับเกษตรกรไทย และผู้ประกอบการไทย โดยที่ผ่านมา

ได้มีการส่งเสริมให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าและพัฒนาสายพันธุ์ร่วมกับเกษตรกรไทยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดน่าน รวมถึงยกระดับกระบวนการผลิตตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟ โดยมีการคัดเมล็ด ซึ่งปกติแล้วเมล็ดกาแฟโรบัสต้าจะไม่มีการคัดแยกเมล็ด ซึ่งคัดแยกเมล็ดกาแฟที่เก็บเกี่ยวได้แล้ว ก็จะนำไปผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งทำให้ได้กาแฟที่มีคุณภาพสูง คงแก่นแท้ของรสชาติที่ดีในแบบฉบับของโรบัสต้าและอัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ลบภาพจำเดิมของเมล็ดกาแฟโรบัสต้าที่มักจะมีกลิ่นหืน ไม่เหมาะสำหรับการชงกาแฟ หรือสร้างสรรค์เครื่องดื่มแบบสดใหม่

สำหรับผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ของ Pirom Coffee ประกอบด้วย Fine Robusta ผ่านกระบวนผลิตอย่างพิถีพิถัน ตอบโจทย์สำหรับการใช้งานที่หลากหลาย มีคุณภาพสูงสามารถใช้ทดแทนเมล็ดกาแฟอาราบิก้าชั้นดี ในราคาคุ้มค่าและเข้าถึงมากกว่า เหมาะสำหรับทั้งผู้ประกอบการธุรกิจคาเฟ่ ห้างร้านรีเทลและร้านค้ารายย่อย หรือแม้กระทั่งคอกาแฟและผู้บริโภคทั่วไป และนอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ Premium Robusta คุณภาพชั้นเลิศสำหรับการรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มกาแฟชั่นเลิศ หรือแม้แต่ใช้ในการประกวดแข่งขัน และ Robusta มีคุณภาพสูงแตกต่างจากกาแฟโรบัสต้าโดยทั่วไป เหมาะสำหรับใช้ในการผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม

Pirom Coffee เป็นผู้เชียวชาญกาแฟโรบัสต้า มุ่งมั่นที่จะยกระดับการแฟโรบัสต้าทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้กาแฟโรบัสต้าเป็นไม้ผลตัวเลือกใหม่ที่เกษตรกรนำมาปลูกทดแทนพืชชนิดอื่น อีกทั้งยังเป็นทางเลือกใหม่ของภาคอุตสาหกรรมเครื่องดื่มกาแฟ ผู้ประกอบการธุรกิจคาเฟ่ ห้างร้านรีเทลและร้านค้า รายย่อย หรือแม้กระทั่งคอกาแฟและผู้บริโภคทั่วไป ด้วยเมล็ดกาแฟมีคุณภาพสูง พร้อมเอกลักษณ์ของ ความหนักแน่น เข้มข้น และรสชาติที่เป็นเสน่ห์ของกาแฟโรบัสต้า ไม่ว่าจะดื่มแบบ Single Origin หรือการ Blend เพื่อมิติในการดื่มที่ดีกว่า

Pirom Coffee เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก ภายในงาน Thailand Coffee Fest 2023 พร้อมให้ทุกคนมาได้ร่วมเปิดประสบการณ์สัมผัสรสชาติแก่นแท้จากกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าของ Pirom coffee และพบกับกิจกรรมชิมกาแฟจาก Special Barista อย่าง ทาริค อัลฮูลี แชมป์ World Es Yen Championship 2021 และ ปิยชาติ ไตรถาวร Drip King Thailand ณ บูธ M2 ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 - 8 เมืองทองธานี 13 - 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จํากัด หรือ SBFT   หนึ่งในผู้นำอาหารเสริมสุขภาพในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เน้นคุณภาพให้กับคนไทยควบคู่กับการตอบแทนสิ่งดีๆ คืนกลับสู่สังคมไทยมาอย่างต่อเนื่อง (Giving Back to Society)

ล่าสุด มอบผลิตภัณฑ์ “แบรนด์” (BRAND’S) ให้กับโรงพยาบาลและมูลนิธิต่างๆ ภายใต้โครงการ “สร้างสุขภาพดีไปกับแบรนด์” เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับบุคลากรของโรงพยาบาลและมูลนิธิ รวมไปถึงผู้พักฟื้นและเด็กๆในมูลนิธิ รวมมูลค่า 9,694,192 บาท

นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 บริษัทฯ ตระหนักถึงภาระหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุข รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลและมูลนิธิต่างๆที่ต้องทำงานกันอย่างหนักจึงได้ส่งมอบความปรารถนาดีทั้งในด้านกำลังใจและสุขภาพที่ดีให้กับแพทย์ พยาบาล และบุคลากรด้านสาธารณสุข ด้วยการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ “แบรนด์” (BRAND’S) ให้กับโรงพยาบาล มูลนิธิ รวมถึงหน่วยงานด้านสาธารณสุขต่างๆ มาโดยตลอด จนถึงปัจจุบันแม้สถานการณ์โรคโควิด-19 จะเริ่มคลี่คลายแต่ก็ยังพบจำนวนผู้ป่วยอยู่ในหลายพื้นที่ บุคลากรทางการแพทย์และมูลนิธิต่างๆ ยังคงต้องทำหน้าที่กันอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด เพื่อเป็นการสานต่อค่านิยม ‘Giving Back to Society’ บริษัทฯ จึงได้ริเริ่มโครงการ “สร้างสุขภาพดีไปกับแบรนด์” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีและส่งต่อกำลังใจให้กับบุคลากรของโรงพยาบาลและมูลนิธิต่างๆ ตลอดจนผู้ป่วยพักฟื้นและเด็กๆในมูลนิธิ เดินสายมอบผลิตภัณฑ์ทั้งแบรนด์ซุปไก่สกัดสูตรต่างๆ ได้แก่ แบรนด์ซุปไก่สกัดสูตรต้นตำรับ ที่ช่วยเติมความกระปรี้กระเปร่าให้กับร่างกาย เพิ่มความพร้อมให้กับบุคลากรที่ทำงานหนัก แบรนด์จูเนียร์ซุปไก่สกัดผสมนม ที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน และช่วยเพิ่มความพร้อมสำหรับการเรียนรู้ของเด็กๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์แบรนด์กลุ่มต่างๆ เช่น แบรนด์เบอร์รี่พลัส ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและบำรุงดวงตา เป็นต้น ให้กับ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติฯ (รพ.เด็ก) โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ศูนย์การแพทย์กาญจนาฯ มหิดล และมูลนิธิเด็ก รวม 8 แห่ง เป็นจำนวนทั้งสิ้น 199,456 ขวด คิดเป็นมูลค่ารวม 9,694,192 บาท ซึ่งบริษัทฯ มุ่งหวังว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยพักฟื้นและเด็กๆในมูลนิธิมีสุขภาพและกำลังใจที่ดี เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสิ่งใหม่ๆ ในปีนี้ ไปด้วยกัน

 บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จํากัด ผู้นำตลาดอาหารเสริมสุขภาพในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย ร่วมกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เดินหน้าสานต่อโครงการ “แบรนด์...พลังเลือดใหม่ ต่อพลังชีวิต 2566” (BRAND’S Young Blood 2023) ต่อเนื่องปีที่ 23 ภายใต้แนวคิด “Give Blood…Give Lives” ชวนคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะนิสิตนักศึกษาระดับอุดมศึกษาทั่วประเทศ ร่วมเป็น “ผู้ให้” ด้วยการเริ่มต้นบริจาคโลหิตสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยบริจาคโลหิต

พร้อมรณรงค์กระตุ้นให้ผู้ที่เคยบริจาคแล้วหันมาบริจาคโลหิตเป็นประจำทุก 3 เดือน รวมถึงจัดการประกวดแต่งเพลงสั้น และประกวดร้อง เต้น และลิปซิงค์ “TikTok Challenge” ชิงโล่พระราชทาน ทุนการศึกษา และรางวัลต่างๆ พร้อมจัดกิจกรรมโรดโชว์ และออกหน่วยรับบริจาคโลหิตไปยังสถานศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ ตั้งเป้าโลหิตที่ได้รับบริจาคในโครงการฯ จำนวน 90,000 ยูนิตทั่วประเทศ

รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวว่า “ภารกิจหลักในปี 2566 ของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย มุ่งมั่นจัดหาโลหิตให้มีปริมาณเพียงพอ และมีคุณภาพสูงสุด โดยตั้งเป้าในการจัดหาโลหิตให้ได้ปีละประมาณ 2,500,000 ยูนิต เพื่อรองรับกับปริมาณการเบิกใช้โลหิตที่เพิ่มขึ้น 8-10% ทุกปี ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันพบว่า การบริจาคโลหิตยังไม่สม่ำเสมอ และมีบางช่วงเวลาที่โลหิตขาดแคลน เช่น ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มีการบริจาคโลหิตลดน้อยลงมาก ดังนั้น ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จึงจำเป็นต้องสร้างเครือข่ายและภาคีร่วมในการรณรงค์ และประชาสัมพันธ์ชวนให้มีการบริจาคโลหิต เพื่อกระตุ้นให้มีผู้บริจาคโลหิตเพิ่มขึ้น และเพื่อจัดหาโลหิตคุณภาพให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ในแต่ละปี รวมถึงจำเป็นต้องมีโลหิตสำรอง เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน หรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่ต้องการใช้โลหิตอย่างเร่งด่วนอย่างน้อย 2-5 วัน”

“ในส่วนกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นผู้บริจาคโลหิตที่มีคุณภาพ คือ กลุ่มนิสิตนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาทั่วประเทศ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีช่วงระยะเวลาการบริจาคโลหิตได้ยาวนานและยั่งยืนในอนาคต ซึ่งโครงการฯ มุ่งหวังให้เยาวชนมีความตระหนักถึงความสำคัญและรับรู้ถึงการบริจาคโลหิตว่า เป็นเรื่องที่จำเป็นและเป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน รวมถึงสร้างจิตสำนึกการเป็น “ผู้ให้” แก่เยาวชนที่มีสุขภาพดีที่ยังไม่เคยบริจาคโลหิตได้เริ่มต้นเป็นผู้บริจาคโลหิตรายใหม่ รวมถึงรณรงค์กระตุ้นให้กลุ่มดังกล่าวบริจาคโลหิตเป็นประจำทุก 3 เดือนอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำมาเป็นโลหิตสำรองคงคลังไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน ตลอดจนยังเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนได้มีส่วนรับผิดชอบสังคมร่วมกัน ด้วยการรณรงค์การบริจาคโลหิตด้วยความสมัครใจ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ โดยในปีนี้ตั้งเป้าโลหิตที่ได้รับบริจาค จำนวน 90,000 ยูนิตทั่วประเทศ”

นางมธุวลี สถิตยุทธการ ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจและองค์กรสัมพันธ์ ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย และอินโดไชน่า กล่าวว่า “บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินงานภายใต้ค่านิยม “Giving back to society” ด้วยการจัดกิจกรรมเพื่อตอบแทนสิ่งดีๆ คืนสู่สังคม ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดีของคนในสังคมไทย บริษัทฯ จึงได้ริเริ่มโครงการ “แบรนด์...พลังเลือดใหม่ ต่อพลังชีวิต” (BRAND’S Young Blood) ร่วมกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติสภากาชาดไทย และดำเนินโครงการฯ มาอย่างต่อเนื่อง สำหรับการดำเนินโครงการฯ ในปีที่ผ่านมาช่วงระหว่างปี 2563-2564 เราได้รับโลหิตจากการบริจาคภายใต้กิจกรรมรณรงค์ของโครงการฯ รวมทั้งสิ้น 68,701 ยูนิต สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังแห่งการให้ของบรรดานิสิต นักศึกษา และเยาวชน ที่มีจิตอาสาอย่างแท้จริง นอกจากนี้เรายังได้มีการจัดกิจกรรมการประกวด BRAND’S Young Blood Game Creator ในหัวข้อ BRAND’S Young Blood Hero การสร้างสรรค์ผลงานเกมจากคอมพิวเตอร์ เสนอแนวคิด พร้อมภาพและเสียงประกอบสื่อสารการรณรงค์บริจาคโลหิต สร้างจิตสำนึก และความภูมิใจของการเป็น “ผู้ให้” โดยทีมของน้องๆ เยาวชนที่ชนะเลิศการประกวดผลงานเกมจากคอมพิวเตอร์ ได้แก่ทีม I am alone จากมหาวิทยาลัยรังสิต

สำหรับโครงการ “แบรนด์...พลังเลือดใหม่ ต่อพลังชีวิต 2566” (BRAND'S Young Blood 2023) ปีที่ 23 โครงการฯ ได้เตรียมออกหน่วยรับบริจาคโลหิตไปยังสถานศึกษาต่างๆ และจัดกิจกรรมโรดโชว์ เพื่อสร้างความรับรู้โครงการฯ ทั่วประเทศ พร้อมเดินหน้าสานต่อกิจกรรมเพื่อให้กลุ่มนิสิตนักศึกษาได้ร่วมแสดงพลัง และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯ โดยมีกิจกรรมหลัก ดังนี้

1. การประกวดแต่งเพลงสั้น ชวนบริจาคโลหิต ในหัวข้อ “Give Blood…Give Lives” เปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาที่มีอายุระหว่าง 17-22 ปี ที่มีพรสวรรค์ ความรู้ ความสามารถด้านการแต่งเนื้อร้อง หรือทำนองเพลง ได้แสดงความคิดเชิงสร้างสรรค์ผ่านทางบทเพลงเชิญชวนเยาวชนคนรุ่นใหม่มาร่วมบริจาคโลหิต และรวมถึงสร้างจิตสำนึก และความภูมิใจของการเป็น “ผู้ให้” โดยผู้ที่ได้รางวัลชนะเลิศจะได้รับโล่พระราชทานจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเกียรติบัตร และทุนการศึกษาจำนวน 30,000 บาท และผลิตภัณฑ์แบรนด์ซุปไก่สกัดดื่มฟรีตลอดปี สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมสามารถส่งผลงานด้วยตนเองหรือทางไปรษณีย์ ได้ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม - 31 มีนาคม 2566 โดยโครงการฯ จะประกาศผลผู้ที่รับรางวัลในวันที่ 31 พฤษภาคม 2566

2. การประกวดเต้น “TikTok Challenge” จากเพลงสั้น “Give Blood…Give Lives” ให้นิสิตนักศึกษาที่มีอายุระหว่าง 17-22 ปี ได้แสดงความสามารถด้วยลีลา ท่าทาง และความคิดสร้างสรรค์ สไตล์ที่เป็นตัวเอง เพียงแค่ร้อง เต้น หรือลิปซิงค์เพลง Give Blood…Give Lives ลงในแพลตฟอร์ม TikTok เพื่อเป็นสื่อชวนเชิญ และสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนคนรุ่นใหม่มาร่วมบริจาคโลหิต โดยผู้ที่ได้รางวัลชนะเลิศจะได้รับเกียรติบัตร พร้อมทุนการศึกษาจำนวน 10,000 บาท และผลิตภัณฑ์แบรนด์ซุปไก่สกัดดื่มฟรีตลอดปี สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมสามารถกรอกใบสมัครเข้าร่วมการประกวดได้ที่ email : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. เริ่มโพสต์ผลงานใน TikTok ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 30 กันยายน 2566 โดยโครงการฯ จะประกาศผลผู้ที่ได้รับรางวัล วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566

นายภูศิลป์ วารินรักษ์ หรือเต๋า ศิลปินและนักร้องชื่อดังที่ร่วมรณรงค์โครงการฯ ในปีนี้ กล่าวว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากครับที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ‘แบรนด์...พลังเลือดใหม่ ต่อพลังชีวิต’ อยากชวนคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะนิสิตนักศึกษาร่วมกันทำความดี ด้วยการบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอ และสำหรับน้องๆ ที่มีความสามารถด้านงานเพลง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งเพลง หรือการร้องและเต้น ผมก็อยากเชิญชวนน้องๆ มาร่วมส่งผลงานประกวดแต่งเพลงสั้น และประกวดร้อง เต้น หรือลิปซิงค์ใน ‘TikTok Challenge’ เพราะนอกจากจะเป็นเวทีให้น้องๆ ได้ฝึกความสามารถให้เก่งยิ่งขึ้นแล้ว ผลงานของเรายังช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เพื่อนๆ หันมาสนใจการบริจาคโลหิตเพื่อเป็นคลังสำรองในยามฉุกเฉินได้อีกด้วย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ผมอยากส่งมอบความห่วงใย และชวนน้องๆ ร่วมกันบริจาคโลหิตได้ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย หรือหน่วยรับบริจาคโลหิตประจำที่ 7 แห่ง และภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่งทั่วประเทศครับ”

ทั้งนี้ นิสิตนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาในสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมในโครงการฯ บริจาคโลหิต และต้องการร่วมกิจกรรมต่างๆ สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.blooddonationthai.com และ www.brandsworld.co.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายจัดหาผู้บริจาคโลหิตและสื่อสารองค์กร โทร. 02-255-4567, 02-263-9600 ต่อ 1743

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click