ในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การเก็บ วิเคราะห์ Data และ Consumer Insight รวมถึงการนำไปใช้ทวีความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ นักการตลาดไม่เพียงต้องวิ่งตามเทรนด์ให้ทันแต่ต้องคิดวางแผนล่วงหน้าเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่ไม่หยุดนิ่ง

หากคุณยังไม่รู้วิธีหา Marketing และ Consumer Insight หรือมี Data แต่ไม่รู้จะนำไปใช้อย่างไร หลักสูตร "Data and insight driven marketing" คือคำตอบ

หลักสูตรนี้จะช่วยให้คุณได้รู้จัก Data-driven Marketing ซึ่งใช้ข้อมูลเชิงลึกทั้งจากพฤติกรรมผู้บริโภคและธุรกิจมาวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างเต็มที่และตรงเป้ายิ่งขึ้น โดยศึกษาจาก case study และได้ลงมือทำจริงผ่าน Workshop และที่สำคัญ..ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานก็เรียนได้เพราะเราสอนตั้งแต่เริ่มต้น 

คุณจะได้เรียนรู้อะไรจากหลักสูตรนี้

● ความแตกต่างระหว่าง Strategy และ Tactics ในการของการทำการตลาด

● วิธีการเก็บ เตรียม วิเคราะห์และแปลข้อมูลเพื่อวางแผนกลยุทธ์และการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมตัวชี้วัด

● Data and Insight Driven Marketing Framework ที่สร้าง business impact ให้กับองค์กรได้จริง

และอีกหลากหลายหัวข้อที่นักการตลาดทุกคนต้องรู้ ?

พบกับ 2 วิทยากรผู้เชี่ยวชาญ “คุณหนุ่ย ณัฐพล ม่วงทำ” เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน ผู้ที่จะย่อยการวิเคราะห์ข้อมูลยาก ๆ ให้เป็นเรื่องง่าย ๆ และ “คุณเอง คุณบังอร สุวรรณมงคล” CEO &

Founder of Hummingbirds Consulting ที่ปรึกษาด้านการวางแผนการตลาดเชิงกลยุทธ์และ Insight and Strategy Expert

ดูรายละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ : https://tinyurl.com/3fk9bhxa

วันอบรม

วันที่ : 2-3 เมษายน 2567

เวลา : 9.00 - 16.00 น.

สถานที่ : โรงแรมเอทัส ลุมพินี

. ค่าลงทะเบียนอบรม

- สมาชิกสมาคม ท่านละ 14,900 บาท

- ผู้สนใจทั่วไป ท่านละ 15,900 บาท

สอบถามเพิ่มเติม: 02-679-7360-3 สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

หรือ Line Official ID: @matsociety

ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จัดพิธีปิดหลักสูตรสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “The 45 Academia” ปี 2023 ภายใต้แนวคิด “Leader of Tomorrow” มุ่งปั้นผู้นำแห่งอนาคตที่มีพลังและสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่สังคมในทุกมิติ โดยมีวัตุประสงค์หลักในการช่วยให้ลูกค้าคนสำคัญสามารถวางแผนส่งต่อความมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างยั่งยืน ด้วยโปรแกรมพัฒนาศักยภาพตนเองอย่างเข้มข้นตลอดระยะเวลากว่า 12 สัปดาห์ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากลูกค้าที่มีต่อ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ เพื่อช่วยรักษาคุณค่าและส่งมอบสินทรัพย์ของครอบครัวสู่รุ่นถัดไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ สอดคล้องกับความมุ่งมั่นขององค์กร “Your Legacy. Our Promise.” อย่างแท้จริง โดยมี นายกฤษณ์ จันทโนทก (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด นางสาวลลิตภัทร ธรณวิกรัย (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด พร้อมด้วย มร.จิมมี่ ลี (Jimmy Lee) (ซ้าย) ประธานประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ธนาคารจูเลียส แบร์ และกรรมการบริหาร จูเลียส แบร์ กรุ๊ป และกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด ให้เกียรติร่วมงานเมื่อเร็ว ๆ นี้

 

มร.จิมมี่ ลี (Jimmy Lee) ประธานประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ธนาคารจูเลียส แบร์ และกรรมการบริหาร จูเลียส แบร์ กรุ๊ป และกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด กล่าวว่า “เราเชื่อมั่นว่าหลักสูตร The 45 Academia จะช่วยเตรียมความพร้อมให้กลุ่มทายาทธุรกิจรุ่นใหม่ (Next Generation) ของเราให้มีทักษะในการบริหารธุรกิจของครอบครัวและความมั่งคั่งในอนาคต เรามุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าของเราอย่างลึกซึ้ง รวมถึงสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ ผ่านโปรแกรม “Julius Baer next-generation” ทั่วโลก ซึ่งสอดคล้องกับจริยธรรมขององค์กรในการสร้างคุณค่าที่เหนือกว่าความมั่งคั่ง (Creating Value Beyond Wealth) เราตระหนักดีว่าความมั่งคั่งเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเชิงบวก ในฐานะผู้นำธุรกิจรุ่นถัดไป เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถรักษาและส่งต่อค่านิยมเหล่านี้เพื่ออนาคตที่

ดีกว่าของรุ่นถัดไปโดยเริ่มต้นจากตัวเราเป็นสิ่งแรก ด้วยความพยายามของพวกเราทุกคนจะช่วยสานต่อมรดกที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่สังคมอย่างแท้จริง”

 

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด กล่าวว่า “ธนาคารไทยพาณิชย์ในฐานะผู้ถือหุ้นของ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่หลักสูตร The 45 Academia ได้สร้าง Community ของกลุ่มทายาทธุรกิจรุ่นใหม่ (Next Generation) ได้ตามที่คาดหวังไว้ เราขอขอบคุณผู้สนับสนุนและผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านที่ได้ร่วมกันออกแบบหลักสูตรที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มทายาทธุรกิจรุ่นใหม่ในทุกมิติ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลักสูตร The 45 Academia จะสามารถสานต่อองค์ความรู้และแนวทางการลงทุน โดยสิ่งสำคัญที่สุด คือ ช่วยให้ลูกค้าคนสำคัญสามารถวางแผนธุรกิจของครอบครัวให้ดำเนินต่อไปได้”

 

ด้าน นางสาวลลิตภัทร ธรณวิกรัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด กล่าวว่า “ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ ในฐานะผู้ก่อตั้งหลักสูตร The 45 Academia รู้สึกยินดีอย่างยิ่งต่อความสำเร็จจากการเดินทางร่วมกันของกลุ่มทายาทธุรกิจรุ่นใหม่ (Next Generation) ในตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา โดยผู้เข้าร่วมหลักสูตรทุกคนแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างแรงบันดาลใจอย่างลึกซึ้ง ผ่านการแบ่งปันมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน พร้อมร่วมกันผลักดันและสร้างสรรค์หลักสูตรในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับหลักสูตรเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันอีกด้วย ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความรู้และประสบการณ์ทั้งหมด รวมถึงมิตรภาพที่ก่อตัวขึ้นภายใต้หลักสูตร “The 45 Academia” จะสามารถเตรียมความพร้อมให้กับกลุ่มทายาทรุ่นใหม่ก้าวสู่ผู้นำแห่งอนาคตที่มีพลังและสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่สังคมในทุกมิติอย่างแท้จริง”

สำหรับ “The 45 Academia” เป็นหลักสูตรที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่กลุ่มทายาทธุรกิจรุ่นใหม่ (Next Generation) ในการรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัว ผ่านการปูพื้นฐานด้านการลงทุนในสินทรัพย์และผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย เพื่อให้เข้าใจถึงการบริหารความมั่งคั่งอย่างเต็มรูปแบบ อาทิ ความรู้ด้านการบริหารธุรกิจและเวลธ์แมเนจเม้นท์ การสร้างความตระหนักด้านความยั่งยืนและปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก (Passion Investment) การสืบทอดธุรกิจครอบครัว (Family Succession) และการพัฒนาศักยภาพของกลุ่มทายาทธุรกิจรุ่นใหม่ (Next Generation Development) ตลอดจนเสริมสร้างความรู้ด้าน Business Disruption และ Business Transformation ผ่านการแชร์ประสบการณ์อันทรงคุณค่าจากซีอีโอชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม ด้วยการให้ข้อมูลเชิงลึกโดยตรง (Firsthand Insight) ทั้งในเรื่องของเทรนด์ในอนาคต เพื่อเห็นโอกาสใหม่ๆ และความท้าทายต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะการคิดในอนาคต (Future Thinking Skills) ที่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกยุคปัจจุบัน อีกทั้งยังรวมถึงการสร้างแรงบันดาลใจและการพัฒนาทัศนคติเชิงบวก (Growth Mindset) ผ่านการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีและสร้างเครือข่าย (Networking) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้ศูนย์รวมของกลุ่มคนรุ่นใหม่

เกมและอีสปอร์ตเป็นความบันเทิงยุคดิจิทัลที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจ ทั้งยังเป็นสื่อกลางที่สามารถเชื่อมโยงเยาวชนเข้ากับทักษะแห่งอนาคตที่กำลังเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานและนำไปปรับใช้กับการทำงานได้จริงในหลากหลายอุตสาหกรรม

การีนา (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการและผู้พัฒนาเกมออนไลน์ชั้นนำระดับโลกภายใต้เครือ Sea (ประเทศไทย) ร่วมกับมูลนิธิโรงเรียนวันเสาร์ (Saturday School) จัดทำหลักสูตร “ห้องเรียนอีสปอร์ต” ชวนครูและนักเรียนมาเรียนรู้อาชีพในอุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ตเพื่อส่งเสริมความสามารถและพัฒนาทักษะจำเป็นในยุคดิจิทัล โดยหลักสูตร “ห้องเรียน อีสปอร์ต” ถูกพัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงความสะดวกในการนำไปใช้ในการเรียนการสอนมากที่สุด

คุณครูที่สนใจสามารถเข้าถึงแผนการสอนหน้าเดียว เค้าโครงการสอน และสไลด์ประกอบการสอนได้ที่เว็บไซต์ Sea Academy

 

เมื่อเร็ว ๆ นี้ การีนา (ประเทศไทย) และมูลนิธิโรงเรียนวันเสาร์ยังได้ร่วมหารือกับกรุงเทพมหานครฯ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ) เพื่อประชาสัมพันธ์และกระจายหลักสูตรไปยังโรงเรียนมัธยมภายในสังกัด ดังนั้น เพื่อช่วยให้คุณครูมีความเข้าใจในการนำหลักสูตรไปปรับใช้จริงในรูปแบบที่เหมาะกับแต่ละโรงเรียน โครงการ “ห้องเรียน อีสปอร์ต” จึงเตรียมจัดการปฐมนิเทศและเวิร์กช้อปสำหรับคุณครูที่สนใจนำหลักสูตรไปใช้ โดยเริ่มเปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ - 21 ต.ค. 2566 ทาง https://bit.ly/GarenaRegister

คุณครูและนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการจะได้เข้ารับการอบรมเพื่อพัฒนาทักษะและความรู้กับผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ตในด้านที่เกี่ยวข้องกับ 5 อาชีพ ดังนี้

1. ทีมผู้ประสานโครงการแข่งขันอีสปอร์ต

2. ทีมโค้ชผู้ฝึกสอนกีฬาอีสปอร์ต

3. ทีมนักพากย์

4. ทีมสื่อวงการเกม

5. ทีมควบคุมสื่อและการถ่ายทอดสด

กิจกรรมปฐมนิเทศและเวิร์กช้อปจะมีขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 – กุมภาพันธ์ 2567 เมื่อนักเรียนและคุณครูได้รับการอบรมและพัฒนาทักษะในอุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ตเสร็จสิ้นแล้วนั้น จะเข้าสู่ช่วงจัดการแข่งขันอีสปอร์ตภายในโรงเรียนและระหว่างโรงเรียน ทั้งยังได้ทดลองปฏิบัติงานจริงในอีสปอร์ตสตูดิโอของการีนา

สิ่งที่คุณครูและโรงเรียนจะได้รับ

· การอบรมการจัดการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต

· ทุนสนับสนุนการดำเนินโครงการ

· โล่ประกาศเกียรติคุณและของที่ระลึกจากโครงการ

สิ่งที่นักเรียนจะได้รับ

· การทัศนศึกษาที่ บริษัท การีนา ออนไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด

· เกียรติบัตรและของที่ระลึกจากโครงการ

 

สามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรห้องเรียนอีสปอร์ตเพิ่มเติมได้ที่ www.SeaAcademy.co สมัครเข้าร่วมกิจกรรมกับโครงการห้องเรียนอีสปอร์ตที่ได้ลิ้งก์และ QR Code นี้ https://bit.ly/GarenaRegister

จากสถิติฐานผู้เรียนและยอดผู้สมัครเรียนเพิ่มขึ้น 400% นับตั้งแต่ช่วงโควิด  Coursera มุ่งขยายตลาดสู่กลุ่มลูกค้าธุรกิจและสถาบันอุดมศึกษากว่า 40 ราย

คอร์สเซรา (Coursera) (NYSE: COUR) แพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ชั้นนำ ประกาศหลายโครงการความร่วมมือและการปรับเสริมหลักสูตรพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อให้ผู้เรียนในประเทศไทยสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียนระดับบุคคลและระดับสถาบันการศึกษาต่างๆ ในไทยได้อย่างครอบคลุมทั่วถึง

คอร์สเซราได้เปิดตัวแคตตาล็อกเนื้อหาการเรียนรู้จำนวนมากในภาษาไทย รวมถึงหลากหลายฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อนำเสนอประสบการณ์การเรียนรู้ออนไลน์ตามความต้องการเฉพาะบุคคลได้มากขึ้น และช่วยให้ผู้เรียนสามารถมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบ (Interactive) กับบทเรียนได้มากขึ้นด้วย สามารถรับชมวิดีโอเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ได้ที่นี่ โดยปัจจุบันผู้เรียนชาวไทยสามารถเข้าถึงหลักสูตรชั้นนำอย่าง The Science of Well-Being จาก Yale University, Excel Skills for Business: Essentials จาก Macquarie University, Programming for Everybody จาก University of Michigan และ What is Data Science? จากไอบีเอ็มซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีเฉพาะภาษาอังกฤษเท่านั้น นอกจากนี้ คอร์สเซรายังได้ประกาศเปิดตัวกลุ่ม

ลูกค้าองค์กรและสถาบันอุดมศึกษารายใหม่ เนื่องจากสถาบันต่างๆ ทั่วประเทศเปิดรับการเรียนรู้แบบออนไลน์เพื่อเสริมทักษะด้านดิจิทัลให้กับพนักงานขององค์กรและนิสิตนักศึกษา ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของคอร์สเซราที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยผู้เรียนมากกว่า 800,000 คนจากประเทศไทยได้ลงทะเบียนเรียนหลักสูตรของคอร์สเซรากว่า 1.5 ล้านหลักสูตร ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นถึงสี่เท่านับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด

 

นายเจฟฟ์ มาจจิออนคัลดา (Jeff Maggioncalda) ประธานกรรมการบริหารของคอร์สเซรา กล่าวว่า "โอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยจำเป็นต้องอาศัยการบ่มเพาะแรงงานบุคลากรที่มีทักษะ ความคล่องตัว และมีความสามารถที่หลากหลาย ภารกิจของเราคือการช่วยให้ผู้คนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพระดับเวิลด์คลาสได้จากทั่วโลก และวันนี้ถือเป็นก้าวแห่งการพัฒนาครั้งสำคัญเมื่อเรานำเทคโนโลยี AI มาปรับใช้เพื่อลดช่องว่างด้านภาษาและการเรียนรู้เพื่อผู้เรียนนับล้านรายทั่วประเทศ ด้วยหลักสูตรที่แปลโดย AI มากกว่า 2,000 หลักสูตรที่เปิดสอนเป็นภาษาไทยในขณะนี้ ผู้เรียนชาวไทยสามารถเข้าถึงบทเรียนที่สอนโดยนักการศึกษาที่ดีที่สุดในโลกได้อย่างหลากหลายและสะดวกสบาย ซึ่งจะช่วยติดอาวุธเพิ่มศักยภาพให้พวกเขาด้วยทักษะที่จำเป็นต่อการเติบโตในโลกดิจิทัลที่มี AI เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญได้”

ไฮไลต์สำคัญ ได้แก่

● ปัจจุบันมีหลักสูตรภาษาไทยมากกว่า 2,000 หลักสูตร รวมถึงหลักสูตรที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย เช่น การเรียนรู้ของเครื่องภายใต้การดูแลการถดถอยและการจำแนกประเภทจาก DeepLearning.AI และ Stanford รวมถึง ตลาดการเงินจาก Yale และวิธีการเรียนรู้ Deep Teaching Solutions ตอนนี้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงการอ่านหลักสูตร คำบรรยายในวิดีโอบรรยายบทเรียน ไปจนถึงแบบทดสอบ การประเมิน คำแนะนำในการทบทวนบทเรียน และคำแนะนำสำหรับการอภิปราย ซึ่งเป็นภาษาไทยทั้งหมด ผู้เรียนจะสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่แปลแล้วได้ในเบื้องต้นเมื่อลงทะเบียนในหลักสูตร Coursera for Business และ Coursera for Government โดยจะเผยแพร่แก่ผู้เรียนทุกคนก่อนสิ้นปี 2566 นี้ ● Coursera Coach (เบต้า) สำหรับสมาชิก Coursera Plus - ผู้ช่วยการเรียนรู้เสมือนจริงที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งให้ข้อเสนอแนะรายบุคคล รวมถึงตอบคำถาม และสรุปวิดีโอการบรรยายและแหล่งข้อมูล ผู้สอนจะสนับสนุนผู้เรียนด้วยการโต้ตอบเป็นภาษาไทย

● ปลั๊กอิน Coursera ChatGPT – นำเสนอการค้นหาบทเรียนแบบส่วนตัวในแคตตาล็อกบทเรียนของคอร์สเซรา ทำให้ผู้เรียนที่ใช้ GPT-4 สามารถแนะนำเนื้อหาและข้อมูลประจำตัวได้อย่างรวดเร็วเพื่อช่วยพัฒนาทักษะในสาขาวิชาหรือสาขาอาชีพที่กำหนด

● การสร้างหลักสูตรโดยใช้ AI - เครื่องมือสร้างหลักสูตรที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งผู้เรียนที่เป็นมนุษย์ต้องทำการป้อนคำแนะนำหรือคำถามที่ต้องการเข้าไป จะสร้างเนื้อหาโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างหลักสูตร คำอธิบาย การอ่าน การบ้าน และอภิธานศัพท์ ลูกค้าองค์กรและมหาวิทยาลัยยังสามารถใช้ฟีเจอร์นี้สำหรับการเขียนงานหรือหลักสูตรแบบเป็นความลับ โดยใช้ผู้เชี่ยวชาญภายในเพื่อสร้างหลักสูตรที่กำหนดเองและผสมผสานเข้ากับเนื้อหาที่แนะนำจากเหล่าพันธมิตรที่เข้าร่วมในคอร์สเซรา ซึ่งขณะนี้ฟีเจอร์ดังกล่าวอยู่ระหว่างการนำร่องปรับใช้เบื้องต้นกับลูกค้าที่ได้รับการคัดเลือก

● ความร่วมมือใหม่และการขยายความร่วมมือกับลูกค้า Coursera for Business 7 ราย ได้แก่ Egg Digital, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), บริษัท Card X จำกัด, กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกสิกรไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) รวมลูกค้าองค์กรในไทยในปัจจุบันทั้งหมด 27 ราย

● ความร่วมมือใหม่และการขยายความร่วมมือกับลูกค้าของ Coursera for Campus 4 แห่ง ได้แก่ ศูนย์การศึกษาทั่วไปและ คณะวิศวกรรมศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ รวมลูกค้าสถาบันอุดมศึกษาในไทย 15 ราย

● นวัตกรรมแพลตฟอร์มเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลและสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่เข้าถึงได้ โดย 44% ของผู้เรียนชาวไทยใช้อุปกรณ์ดีไวซ์พกพาเพื่อเข้าถึงบทเรียนของคอร์สเซรา และช่วยให้ผู้เรียนสามารถดาวน์โหลดหลักสูตร ติดตามความคืบหน้าและแบบทดสอบ จดบันทึกพร้อมไฮไลต์ และเชื่อมต่อเข้าถึงปฏิทินการเรียน ซึ่งปรับให้เหมาะสมสำหรับการใช้ข้อมูลน้อยได้อย่างง่ายดาย

ด้วยความต้องการการเรียนรู้ออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น คอร์สเซรามีเป้าหมายที่จะช่วยลดช่องว่างทักษะดิจิทัลของไทยเพื่อสนับสนุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งแรงงานที่มีทักษะดิจิทัลขั้นสูงจะมีส่วนช่วยให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือ GDP ของไทยเพิ่มมูลค่าประมาณ 75.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ยิ่งไปกว่านั้น ทักษะดิจิทัลยังส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แรงงานในไทยที่ใช้ทักษะดิจิทัลขั้นสูง รวมถึงสถาปัตยกรรมคลาวด์และการพัฒนาซอฟต์แวร์ จะได้รับเงินเดือนสูงขึ้น 57% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ใช้ทักษะเหล่านี้ในการทำงาน

 

“เทคโนโลยีเกิดใหม่ เช่น Generative AI กำลังเข้ามาพลิกโฉมวิธีการที่เราเรียนรู้ สอน และทำงานไปอย่างสิ้นเชิง” นายรากาฟ กุปตา (Raghav Gupta) กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของคอร์สเซรา กล่าว “ด้วยจำนวนงานที่ใช้ทักษะดิจิทัลและการทำงานทางไกลที่เพิ่มมากขึ้น เรามุ่งมั่นที่จะเสริมศักยภาพให้กับผู้เรียนชาวไทยและสถาบันการศึกษาด้วยคุณภาพเนื้อหาบทเรียนและนวัตกรรม AI เพื่อลดช่องว่างระหว่างผู้เรียนในพื้นที่ห่างไกลกับพื้นที่เมือง และสร้างสังคมทักษะแรงงานที่มีความสามารถร่วมกัน" รายงานผลลัพธ์ของผู้เรียนประจำปี 2566 ของคอร์สเซรา เผยว่า ผู้เรียนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้พูดถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียนรู้เนื้อหาบทเรียนบนคอร์สเซรา โดย 86% กล่าวว่าได้ประโยชน์ด้านอาชีพ และ 97% กล่าวว่าได้ประโยชน์ส่วนบุคคลด้วยฐานผู้เรียนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในไทยที่ปัจจุบันสามารถให้บริการเนื้อหาภาษาไทยได้แล้ว คอร์สเซราจึงถือเป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้ชั้นนำที่ช่วยส่งมอบทักษะจำเป็นแห่งอนาคตเพื่อบ่มเพาะความสามารถของเยาวชนไทย

ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2566 คอร์สเซรามอบหลักสูตรภาษาไทยฟรี จำนวน 5 หลักสูตรแก่ผู้เรียนชาวไทยทั่วประเทศ อย่าพลาดโอกาสในการลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านลิงก์นี้ https://www.coursera.org/promo/thai-aug-2023

ติสต์แตกเป็นคำเปรียบเปรยคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูงจนเกินพอดี ว่าเป็นเสมือนศิลปินที่มีโลกส่วนตัวสูง หรือคนที่มีจิตวิญญาณศิลปินสูงจนไม่สนใจสิ่งอื่นรอบข้าง โดยเฉพาะเรื่องธุรกิจและเงินๆ ทองๆ

X

Right Click

No right click