December 05, 2025

เอไอเอ ประเทศไทย โดย นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รับรางวัล DAILYNEWS TOP CEO 2025 สาขาธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์จัดขึ้นเพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติผู้บริหารสูงสุดขององค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ที่สร้างผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพื่อให้เป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจให้แก่ผู้บริหารรุ่นใหม่ โดยรางวัลนี้ได้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของนายนิคฮิล แอดวานี ในฐานะผู้นำองค์กร ที่ขับเคลื่อนพันธกิจของเอไอเอให้ก้าวไปข้างหน้า พร้อมสนับสนุนให้ผู้คนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา “Healthier, Longer, Better Lives” รวมทั้งความทุ่มเทในการพัฒนาอุตสาหกรรมประกันชีวิตของไทย ผ่านกลยุทธ์การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีและดิจิทัล สร้างบุคลากรให้มีความแข็งแกร่ง และให้ความสำคัญกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อความยั่งยืน

สำหรับงาน DAILYNEWS TOP CEO 2025 จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อฉลองในวาระเดลินิวส์ครบรอบ 61 ปี โดยงานขึ้น ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา

วงการสาธารณสุขกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยมีความเป็นสหวิชาชีพ ผสมผสานดิจิทัล และขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมากยิ่งขึ้น เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าและการดูแลผู้ป่วยมีความเฉพาะบุคคลมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจึงต้องพัฒนาทักษะให้รอบด้านมากกว่าแค่ความรู้ทางคลินิค ไม่ว่าจะเป็นทักษะการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) การวิเคราะห์ข้อมูล (Data analytics) การสื่อสารกับผู้ป่วย (Patient communication) และเครื่องมือสุขภาพดิจิทัล (Digital health) นอกจากนี้ ยังต้องเข้าใจเรื่องจริยธรรมทางการแพทย์และการจัดการข้อมูลสุขภาพให้ลึกซึ้ง เพื่อก้าวให้ทันกับโลกของสุขภาพยุคใหม่ที่ไม่หยุดนิ่ง

ในยุคนี้ความรู้พื้นฐานด้านสุขภาพไม่ใช่เรื่องของบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนควรมีติดตัว ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียน ผู้ดูแลผู้ป่วย หรือแค่ต้องการเสริมความรู้เพื่อให้ตัดสินใจด้านสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น การเข้าใจวิทยาศาสตร์เบื้องหลังสุขภาพที่ดีเหล่านี้ จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ และสร้างผลลัพธ์เชิงบวกอย่างเห็นได้ชัด

ข้อมูลจาก Coursera ก็สะท้อนให้เห็นเทรนด์การเรียนรู้เรื่องสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดยในประเทศไทยมีจำนวนผู้ลงทะเบียนเรียนหลักสูตรที่เกี่ยวกับสุขภาพเพิ่มขึ้นถึง 200% ตั้งแต่ช่วงโควิด 19 ด้วยวัฒนธรรมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง นวัตกรรม และทักษะข้ามสายงานเป็นหัวใจสำคัญในการทำงาน อนาคตของวงการสาธารณสุขจึงเต็มไปด้วยโอกาสที่น่าตื่นเต้น ไม่ว่าคุณจะกำลังสร้างเส้นทางอาชีพในสายงานนี้ หรือเพียงแค่มุ่งหวังที่จะตัดสินใจด้านสุขภาพอย่างมีข้อมูลมากขึ้น

5 หลักสูตรแนะนำจาก Coursera ประกอบไปด้วย:

1. Sensor Technologies For Biomedical Applications Specialization โดย Indian Institute of Science

หลักสูตรเฉพาะทางนี้จะช่วยให้ผู้เรียนได้เสริมสร้างทักษะพื้นฐานและทักษะภาคปฏิบัติในการออกแบบ วิเคราะห์ และประยุกต์ใช้เซนเซอร์ทางชีวการแพทย์ ผู้เรียนจะได้เรียนรู้วิธีการสร้างและการทำงานของเซนเซอร์เหล่านี้ พร้อมทั้งศึกษาการใช้งานจริงในด้านการดูแลสุขภาพ และลงมือทำโครงการ capstone ในการออกแบบเซนเซอร์วิเคราะห์ลมหายใจด้วยตัวเอง หลักสูตรนี้ยังครอบคลุมถึงการประยุกต์ใช้ AI และกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการทำงานในสายวิศวกรรมชีวการแพทย์และนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีสุขภาพ

2. Introduction to Psychology โดย Yale University

หลักสูตรนี้จะพาผู้เรียนเจาะลึกเข้าสู่ศาสตร์ของจิตวิทยาเพื่อทำความเข้าใจว่าเราคิด รู้สึก และแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ อย่างไร ผู้เรียนจะได้เรียนรู้หัวข้อสำคัญ เช่น การรับรู้ ความจำ การตัดสินใจ อารมณ์ และปฏิสัมพันธ์ทางสังคม พร้อมทั้งเข้าใจการทำงานของจิตใจในชีวิตประจำวัน หลักสูตรนี้จะผสมผสานงานวิจัยเข้ากับตัวอย่างจากสถานการณ์จริง ทำให้จิตวิทยาเป็นเรื่องที่น่าสนใจและสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง และเป็นหลักสูตรที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อยากเข้าใจพฤติกรรมมนุษย์หรือสนใจเรื่องสุขภาพจิต

3. Stanford Introduction to Food and Health โดย Stanford University

หลักสูตรนี้จะพาผู้เรียนสำรวจว่าการเลือกอาหารในแต่ละวันส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวอย่างไร พร้อมเรียนรู้วิธีการที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันเพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกอาหารได้ดียิ่งขึ้น ผู้เรียนจะได้เรียนรู้พื้นฐานของโภชนาการ เข้าใจผลกระทบของอาหารต่อโรคเรื้อรัง เช่น โรคอ้วนและโรคเบาหวาน ทั้งยังค้นพบแนวทางที่ยั่งยืนในการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ หลักสูตรนี้มุ่งเน้นไปที่อาหารที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย แทนที่จะตามกระแสแฟชั่น ช่วยให้สามารถควบคุมพฤติกรรมการกินและดูแลสุขภาพของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจด้านการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข หรือแม้แต่ผู้ที่ต้องการมีวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น

4. Understanding the Brain: The Neurobiology of Everyday Life โดย The University of Chicago

หลักสูตรนี้จะพาผู้เรียนทำความเข้าใจการทำงานของระบบประสาทที่กำหนดพฤติกรรมและมีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวัน เจาะลึกการทำงานของสมองในหัวข้อต่าง ๆ เช่น การรับรู้ การเคลื่อนไหว และพื้นฐานทางระบบประสาทของความผิดปกติทั่วไป ผ่านการบรรยายที่น่าสนใจและตัวอย่างจริง ผู้เรียนจะได้เรียนรู้ว่าสมองประมวลผลข้อมูลและควบคุมการกระทำอย่างไร หลักสูตรนี้จะมอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับรากฐานทางประสาทชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับประสาทวิทยาหรือกำลังพิจารณาอาชีพในสาขาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ

5. Introduction to Genetics and Evolution โดย Duke University

หลักสูตรนี้พูดถึงเนื้อหาพื้นฐานของพันธุศาสตร์และวิวัฒนาการ ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจถึงการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ลักษณะต่าง ๆ และกลไกของการคัดเลือกตามธรรมชาติ หลักสูตรนี้จะช่วยให้ความรู้และแก้ไขความเข้าใจผิดทั่วไปในทางชีววิทยา พร้อมปูทางไปสู่การศึกษาขั้นสูงในด้านพันธุศาสตร์ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่สนใจในชีววิทยา งานวิจัย หรือการแพทย์ หลักสูตรนี้มอบพื้นฐานที่แข็งแกร่งในการทำความเข้าใจพื้นฐานทางพันธุกรรมของชีวิตและวิวัฒนาการ

บริษัทเบอร์สัน (Burson) ผู้นำด้านการสื่อสารระดับโลกที่มุ่งสร้างคุณค่าให้กับองค์กรต่างๆ ได้เปิดเผยผลสำรวจระดับโลกเกี่ยวกับทัศนคติด้านสุขภาพของ Gen Z พบว่ามีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้เรื่องการดูแลสุขภาพรายงาน "Gen Z: เรียกร้องการเข้าถึงและการเปลี่ยนแปลงด้านการดูแลสุขภาพ" เป็นการสำรวจขนาดใหญ่ที่สุดโดยบริษัทด้านการสื่อสาร ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากคน Gen Z อายุ 18-27 ปี จำนวน 5,000 คนใน 10 ประเทศ การศึกษานี้ยังใช้ข้อมูลจาก Decipher Health ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม AI ใหม่ของเบอร์สันที่ช่วยวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของข้อมูลและการเผยแพร่ข่าวสาร เพื่อพัฒนาการสื่อสารระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดในระบบสาธารณสุข

ผลสำรวจพบว่า หลังจากการระบาดของโควิด-19 คน Gen Z ให้ความสำคัญกับสุขภาพกายและสุขภาพจิตในระดับที่ใกล้เคียงกัน โดยมีความกังวลด้านสุขภาพกายร้อยละ 56 และสุขภาพจิตร้อยละ 57 ขณะที่ให้ความสำคัญกับทั้งสองด้านเท่ากันที่ร้อยละ 59 ซึ่งต่างจากความเชื่อทั่วไปที่มองว่า Gen Z สนใจเรื่องสุขภาพจิตมากกว่าสุขภาพกาย

"Gen Z คือปจจุบันของการดูแลสุขภาพ ไม่ใช่แค่อนาคต ถึงเวลาแล้วที่เราต้องสร้างการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเพื่อเสริมศักยภาพให้พวกเขาในฐานะผู้บริโภคด้านสุขภาพยุคใหม่" เบรนนา เทอร์รี่ หัวหน้าฝ่ายลูกค้าสุขภาพระดับโลกของเบอร์สันกล่าว "ผลการวิจัยของเราชี้ให้เห็นว่า มีโอกาสมากมายสำหรับองค์กรด้านสุขภาพในการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาพร้อมเทคโนโลยีดิจิทัลและให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต การเข้าใจความต้องการและความสนใจของ Gen Z จะช่วยให้เราสร้างความไว้วางใจ ส่งเสริมการมีส่วนร่วม และพัฒนาประสบการณ์การดูแลสุขภาพที่ตอบโจทย์พวกเขาได้ดียิ่งขึ้น"

 ผลการวิจัยยังแสดงให้เห็นแนวโน้มสำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของ Gen Z ดังนี้:

1. Gen Z ต้องการการดูแลสุขภาพของตนเองแม้ระบบจะน่าผิดหวัง:

· ร้อยละ 67 ของ Gen Z พอใจกับการดูแลสุขภาพของตนเอง

· แต่ยังพบอุปสรรคด้านค่าใช้จ่าย การสื่อสาร และข้อมูลที่คลาดเคลื่อน

· ร้อยละ 46 รู้สึกว่าการได้รับความสนใจจากบุคลากรทางการแพทย์เป็นเรื่องยาก

2. Gen Z ยังคงเน้นการพบแพทย์แบบตัวต่อตัว

· แม้เป็นคนยุคดิจิทัล แต่ยังไม่เชื่อมั่นข้อมูลสุขภาพออนไลน์และการรักษาทางไกล

· ร้อยละ 80 เคยพบข้อมูลสุขภาพที่ผิดพลาดทางออนไลน์

· มากกว่าร้อยละ 60 ชอบพบแพทย์แบบตัวต่อตัวมากกว่า เพราะรู้สึกได้รับการดูแลที่ดีกว่า

3. Gen Z เปิดรับข้อมูลจากบริษัทด้านการดูแลสุขภาพ

· พร้อมรับฟังข้อมูลที่น่าเชื่อถือและเป็นประโยชน์

· ร้อยละ 55 เชื่อว่าบริษัทด้านสุขภาพสามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้

"ในฐานะคน Gen Z ผลวิจัยนี้สะท้อนประสบการณ์ของดิฉันที่ว่า คนรุ่นของเราต้องการมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของวงการสาธารณสุข" เฮย์ลีย์ สแกนดูรา ผู้บริหารฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของเบอร์สัน และหนึ่งในผู้นำการจัดทำรายงานนี้กล่าว "แม้จะมีความเข้าใจผิดว่าคนรุ่นของดิฉันไม่สนใจดูแลสุขภาพ แต่ดิฉันเชื่อว่าหากผู้ให้บริการด้านสุขภาพและบริษัทต่างๆ ทุ่มเทเวลา ใส่ใจ และสื่อสารกับพวกเรามากขึ้น จะช่วยลดความไม่พอใจที่คนรุ่นเรามีต่อระบบสาธารณสุข และส่งเสริมให้เรามีสุขภาพที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย"

Decipher Health: เครื่องมือวิเคราะห์ความเข้าใจและการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย

นอกจากการสำรวจทั่วโลกแล้ว รายงานนี้ยังใช้ Decipher Health วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่มีผลต่อกลุ่ม Gen Z โดยระบบ AI นี้แสดงให้เห็นความสอดคล้องระหว่างผลการวิเคราะห์กับการสำรวจ ตัวอย่างเช่น การสำรวจพบว่ามีข้อมูลที่ผิดพลาดแพร่หลายในสื่อออนไลน์ที่ Gen Z ใช้ โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย ซึ่ง Decipher Health ให้คะแนนความน่าเชื่อถือสูงถึงร้อยละ 92 แสดงว่ากลุ่ม Gen Z ยอมรับว่าเป็นความจริง เมื่อขยายการวิเคราะห์ไปยังกลุ่ม Millennials และ Gen X พบว่ามีคะแนนความน่าเชื่อถือใกล้เคียงกัน (ร้อยละ 91 และ 89 ตามลำดับ) สะท้อนให้เห็นว่า Gen Z มีความกังวลคล้ายคลึงกับกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ที่วงการสาธารณสุขให้ความสำคัญ

"Decipher Health เป็นเครื่องมือที่ช่วยยกระดับงานวิจัยแบบดั้งเดิมของเรา ทำให้เข้าใจข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Gen Z ได้แม่นยำยิ่งขึ้น เทคโนโลยีใหม่นี้ช่วยให้เราออกแบบการสื่อสารที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายทั้ง Gen Z และกลุ่มอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการคาดเดาในการสร้างเนื้อหา และสามารถทดสอบผลได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เราทำงานได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น" วิกกี้ เลฟโก หัวหน้าฝ่ายสุขภาพดิจิทัลระดับโลกของเบอร์สันกล่าว "ทั้งนี้ บริษัทด้านสุขภาพสามารถติดต่อเบอร์สันทั่วโลกเพื่อขอรับคำปรึกษาในการวางกลยุทธ์การสื่อสารที่เข้าถึงกลุ่ม Gen Z ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้"

 

เส้นทางสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวหรูแห่งเอเชียในปี 2568 ของประเทศไทย ต้องอาศัยการ 'เจาะลึก' ผ่านการยกระดับที่พักอาศัยภายใต้แบรนด์ชั้นนำ ส่งเสริมสุขภาพเชิงฟื้นฟู และสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวด้านอาหาร ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งในภูมิภาค แบรนด์ระดับโลกเดินหน้าผลักดันกรุงเทพฯ สู่การเป็น 'เมืองแห่งความสนุกระดับโลก' พร้อมสร้างนิยามใหม่ของการท่องเที่ยวสายลักซ์ชัวรี ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการยกระดับการท่องเที่ยวหรูในไทย

โดยในงาน Thailand Tourism Forum (TTF) 2025 มีผู้เข้าร่วมกว่า 1,000 คน เพื่อสัมผัสวิสัยทัศน์และเทรนด์อนาคตของอุตสหากรรมนี้ โดยงานนี้จัดขึ้นที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ พร้อมเปิดตัวแนวคิดใหม่ JOMO (Joy of Missing Out) ที่เข้ามาแทนที่ FOMO (Fear of Missing Out) ซึ่งเปลี่ยนการท่องเที่ยวตามกระแสนิยมสู่การเดินทางที่เน้นการพักผ่อนใจ หลีกหนีความวุ่นวาย ดูแลตัวเอง และค้นหาประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

คุณบิลล์ บาร์เน็ตต์ กรรมการผู้จัดการ C9 Hotelworks กล่าวว่า "กระแสใหม่ในตลาดลักซ์ชัวรีขับเคลื่อนโดยกลุ่มธุรกิจด้านสุขภาพที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยมูลค่ากว่า 1.2 พันล้านบาทต่อปี (5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เปรียบเทียบกับกลุ่มที่พักอาศัยแบรนด์หรูที่มีมูลค่าสูงถึง 191 พันล้านบาท (34.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เท่านั้น นอกจากนี้ ธุรกิจสุขภาพนั้นได้ก้าวข้ามขอบเขตของสปา สู่การใช้ชีวิตกลางแจ้งและการสร้างไลฟ์สไตล์ที่ส่งเสริมสุขภาพอย่างยั่งยืน โดยนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่จะอยู่ต่อนานขึ้น และปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย โดยแนวคิดเรื่องการดูแลสุขภาพเพื่ออายุยืนกำลังก้าวขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดลักซ์ชัวรียุคใหม่”

นอกจากนี้ คุณเจสเปอร์ ปาล์มควิสต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลการบริการและรองประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ STR เผยว่า ทำเลในกรุงเทพฯ มีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ทำผลงานได้โดดเด่นในปี 2024 ซึ่งสอดรับกับแนวคิด 'ลักซ์ชัวรียุคใหม่' ที่เน้นเสน่ห์ของธรรมชาติและเอกลักษณ์ด้านอาหารในย่านต่าง ๆ ซึ่งกลายเป็นจุดดึงดูดสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์

งานสัมมนาในหัวข้อ 'การบริหารแบรนด์ไลฟ์สไตล์และแบรนด์ดั้งเดิม' มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแบรนด์อย่างสร้างสรรค์ โดยคุณศิรเดช โทณวณิก รองประธานฝ่ายพัฒนาของโรงแรมดุสิต โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท กล่าวว่า โรงแรมดุสิตธานีแห่งใหม่สะท้อนถึงทิศทางใหม่ของกลุ่มได้อย่างชัดเจน ขณะที่แพททริค ฟินน์ รองประธานฝ่ายพัฒนาของ IHG Hotels & Resorts ได้นำเสนอเทรนด์ 'The Hot List – Top Luxury Travel Trends in Thailand' โดยเน้นว่าในปี 2025 ประสบการณ์ด้านอาหารและเครื่องดื่มที่แท้จริงและเต้มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ จะเป็นจุดเด่นสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว โดย IHG Hotels & Resorts ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการบริการกลุ่มโรงแรมหรูในประเทศไทยด้วยแบรนด์ อินเตอร์คอนติเนนตัล และ คิมป์ตัน โดยเฉพาะ อินเตอร์คอนติเนนตัล เขาใหญ่ รีสอร์ต ที่คว้ารางวัลมาแล้วมากมาย

การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพและอายุยืน หรือ 'longevity tourism' กำลังกลายเป็นเทรนด์สำคัญในตลาดท่องเที่ยวหรูยุคใหม่ของไทย โดยมีสถานที่ล้ำสมัย เช่น VitalLife Scientific Wellness Center Phuket เป็นตัวอย่างที่โดดเด่น โดย ดร.วรรณวิพุธ สรรพสิทธิ์วงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก VitalLife Scientific Wellness Center และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้กล่าวในหัวข้อ 'นิยามใหม่ของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทย' ว่าการดูแลสุขภาพเพื่ออายุยืนกำลังเป็น 'พรมแดนใหม่' ที่ขับเคลื่อนการเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

งาน Thailand Tourism Forum 2025 จัดขึ้นโดย C9 Hotelworks ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำ เช่น IHG Hotels & Resorts, STR, Horwath HTL, JLL Hotels and Hospitality, QUO, AMCHAM Thailand, Delivering Asia, VitaLife, Lighthouse, Phuket Hotels Association, Thaiger โดยมีโรงแรม InterContinental Bangkok เป็นสถานที่จัดงาน

พราะ “ตับ” เปรียบเสมือนหัวใจที่ 2 ของร่างกาย เป็นศูนย์กลางการทำงานของร่างกายและต้องทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา หากสุขภาพตับไม่ดี สุขภาพของเราก็จะไม่ดีตามไปด้วย

จากกรณีศึกษาขององค์กรด้านการแพทย์และสุขภาพในปัจจุบัน ค้นพบดัชนีด้านสุขภาพและสุขภาวะของคนไทยที่เปลี่ยนไปและอยู่ในเกณฑ์ที่น่ากังวล ข้อมูลจาก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า “ประชากรไทยกว่า 71 ล้านคน มีผู้ที่ป่วยเป็นไขมันพอกตับโดยไม่รู้ตัว สูงถึง 25-30% หรือราวๆ 1 ใน 3 ของประชากรทั่วประเทศ ส่งผลให้หลายคนต้องเผชิญกับภัยร้ายจากโรคตับ” สอดคล้องกับข้อมูลทางสถิติ โดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. พบว่า “มะเร็งตับ กลายเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย และมีอัตราเสียชีวิตสูงถึง 16,000 คนต่อปี” ซึ่งพบว่าผู้ป่วยเหล่านี้มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่สนใจต่อ “สุขภาพตับ” ปล่อยให้ตับพังขาดการดูแล อันมาจากหลายปัจจัย เช่น การกินอาหารที่มีไขมันสูง การกินอาหารที่มีรสหวานและน้ำตาลสูง การกินอาหารที่มากเกินความต้องการของร่างกายจนเกิดภาวะอ้วน การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่และได้รับควันบุหรี่มือสองอย่างเป็นประจำ จากลักษณะดังกล่าว คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีข้อสรุปจากงานวิจัยพบว่า “ผู้ที่เป็นมะเร็งตับ ส่วนใหญ่พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงสูงถึง 2-5 เท่า ซึ่งมาจากการขาดวินัยในการดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง”

 

พญ.ณัฐธิดา ศรีบัวทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินอาหารและตับ ได้แชร์ความรู้เรื่องของสุขภาพตับและระดับอาการของโรคตับที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ “โรคตับเป็นโรคที่พบมากขึ้นกับคนไข้ในปัจจุบัน อาการป่วยที่เกี่ยวกับโรคของตับมีอยู่หลายระดับ ซึ่งผู้ป่วยบางรายแทบไม่รู้ตัว หรือรู้ตัวช้าในตอนที่ร่างกายทรุดหนักแล้ว ซึ่งบางเคสก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าเป็นห่วง โดยคนปกติที่มี ‘สุขภาพตับดี’ ตับจะมีผิวเรียบ สีชมพู และไม่มีแผลเป็น ซึ่งเมื่อมีไขมันสะสมอยู่ในเซลล์ตับ จุดนี้จะถือว่า เข้าสู่ภาวะ ‘ไขมันพอกตับ’ จากนั้น หากยังไม่ดูแลสุขภาพหรือได้รับการรักษา จนมีการอักเสบและก่อให้เกิดพังผืด ไปสู่เนื้อเยื่อตับสูญเสียหน้าที่ถาวร ถือว่าเข้ามาสู่ภาวะ ‘ตับอักเสบ’ และหนักไปกว่านั้น เมื่อตับมีลักษณะขรุขระเต็มไปด้วยปุ่ม เซลล์ตับได้ถูกทำลาย นี่คืออาการของภาวะ ‘ตับแข็ง’ และเคสที่หนักที่สุดคือ ‘มะเร็งตับ’ เซลล์ตับมีการแบ่งตัวและ เพิ่มจำนวนอย่างผิดปกติ ทำให้การรักษาผู้ป่วยนั้นเป็นไปได้ยาก ยิ่งสุขภาพตับพังมากเท่าไหร่ เมื่อได้รับการฟื้นฟูช้า ก็ทำให้การรักษาเป็นสิ่งที่หมอต้องทำการบ้านอย่างหนักมากขึ้น ทางที่ดีอยากให้ผู้ที่มีร่างกายปกติและผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับหันมาดูแลสุขภาพของตนเอง รวมถึงหมั่นตรวจสุขภาพร่างกายและตับอย่างเป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อทราบแนวทางดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงยาวนาน”

“นิวทริไลท์” จาก แอมเวย์ ผู้นำตลาดวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ดูแลผู้คนทั่วโลกมา 90 ปี ตระหนักและพร้อมผลักดันให้ผู้คนได้มีสุขภาพและสุขภาวะที่ดี ได้เล็งเห็นถึงปัญหาสุขภาพตับของประชากรไทยที่ต้องเผชิญ จึงขอแนะนำวิธีดูแลสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคตับภัยร้ายใกล้ตัว มีทั้งหมด 7 ข้อ ดังนี้

1. เลือกรับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและอาหารปรุงแต่ง

2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

3. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

4. หลีกเลี่ยงการซื้อยากินเอง รวมถึงอาหารเสริมที่ไม่มีแหล่งที่น่าเชื่อถือมากพอ

5. หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง อาหารหวาน การกินอาหารที่มากเกินความต้องการของร่างกาย

6. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี โดยการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไม่ใช้เข็มฉีดยาหรือของมีคมร่วมกับผู้อื่น

7. เลือกกินอาหารหรือสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการดูแลตับ เช่น ‘สารสกัดจากบรอกโคลี’ ‘สารสกัดจาก ชะเอมเทศ’ และ ‘สารสกัดจากเมล็ดองุ่น’ ที่มีส่วนช่วยกำจัดสารพิษ ช่วยลดการอักเสบและการเกิดพังผืด ช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินของเซลล์ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและปกป้องเซลล์ตับจากการถูกทำลาย รวมถึง ‘เลซิติน’ ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในไข่แดง ถั่ว ถั่วเหลือง นม เมล็ดทานตะวัน ตับ เนื้อสัตว์ บริวเวอร์ยีสต์ และอื่นๆ มีส่วนช่วยในการลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือด ลดความดันโลหิต และมีส่วนช่วยในการลดการอักเสบของตับจากไขมันพอกตับได้

 

ทั้งนี้ การดูแลสุขภาพและสุขภาวะให้เกิดบาลานซ์ที่ดี เริ่มตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวัน การเคลื่อนไหวร่างกาย การออกกำลังกาย การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่การทานวิตามินหรือผลิตภัณฑ์ เสริมอาหารที่มีคุณภาพและจำเป็นต่อร่างกาย จะทำให้ทุกคนมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ห่างไกลจากโรคร้ายอย่างปัญหาไขมันพอกตับและปัญหาที่มาจากโรคของตับได้ไม่ยาก

Page 1 of 5
X

Right Click

No right click