

เอ็น.ซี.ซี. และหน่วยงานพันธมิตร จัดงาน EdTeX 2025 มหกรรมเทคโนโลยีการศึกษาใหญ่ที่สุดในไทย หนุนใช้เทคโนโลยี AI ในระบบการเรียนการสอนทุกระดับ พร้อมนำทัพผู้พัฒนาเทคโนโลยีการศึกษากว่า 50 ราย จัดแสดงนวัตกรรมการศึกษาล่าสุด หวังใช้ AI พัฒนาผู้เรียนอย่างเฉพาะเจาะจงรายบุคคล และเข้าถึง AI อย่างเท่าเทียม คาดมีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 7,000 ราย เงินสะพัดกว่า 200 ล้านบาท
มหกรรมแสดงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ ปี 2568 นำทัพผู้ประกอบการกลุ่มดำน้ำ กอล์ฟ ท่องเที่ยวกลางแจ้ง กว่า 600 ราย จัดโปรโมชั่นลดราคาสุดพิเศษ พร้อมกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นอีกมากมาย คาดมีผู้เข้าชมงานกว่า 6 หมื่นคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10% หนุนดึงดูดนักท่องเที่ยวมูลค่าสูงเข้าประเทศ

นายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า การจัดงาน THAILAND GOLF & DIVE EXPO plus OUTDOOR FEST 2025 หรืองานแสดงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ ปี 2568 ที่จัดขึ้นในวันที่ 22 – 25 พฤษภาคม 2568 ได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการในธุรกิจนี้เป็นอย่างมาก โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 600 คูหา เช่น สนามกอล์ฟ อุปกรณ์กอล์ฟ สถาบันสอนดำน้ำ อุปกรณ์ดำน้ำ บริษัทนำเที่ยว เรือนำเที่ยว อุปกรณ์เดินป่า ที่พัก และอุปกรณ์ถ่ายภาพ ฯลฯ ซึ่งมาร่วมจัดโปรโมชั่นในราคาพิเศษมอบส่วนลดสูงสุดถึง 80% อีกทั้งในปีนี้ได้จัด Business Matching หรือกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ โดยเชิญกลุ่มผู้ซื้อจากประเทศเวียดนามและมาเลเซียมาพบกับผู้ประกอบการไทยด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย เช่น การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โครงการสร้างบ้านปะการังเทียม กิจกรรม “TDEX You Give.. We Share” ครั้งที่ 4 เชิญชวนบริจาคชุดดำน้ำและอุปกรณ์ดำน้ำมือสองสภาพดี เพื่อมอบให้มูลนิธิหรือหน่วยงานต่างๆ นำไปใช้ในสาธารณประโยชน์ เป็นต้น และสัมมนาไดร์เวอร์ทอร์ค ร่วมแชร์ประสบการณ์การดำน้ำให้ความรู้กับผู้ที่สนใจ

รวมถึงยังมีกิจกรรมการประกวดภาพถ่ายใต้น้ำ "18th TDEX Underwater Photo Contest" ในปีนี้ได้เปิดโอกาสให้ช่างภาพใต้น้ำทั้งมือเก่า มือใหม่ และมืออาชีพ ได้ส่งผลงานเข้าร่วม โดยมีผู้ส่งภาพเข้าประกวดสูงถึง 164 คน รวมทั้งสิ้น 889 ภาพ และการประกวดคลิปวิดีโอใต้น้ำ "TDEX Underwater Moment Video Contest" ครั้งที่ 2 มีผลงานรวมทั้งหมด 117 คลิป โดยผลงานทั้งหมดจะถูกคัดเลือกและตัดสินจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อชิงเงินรางวัลรวมกว่า 400,000 บาท โดยจะประกาศผลงานในวันที่ 22 พ.ค. 2568 นี้ ซึ่งผลงานที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจะนำมาจัดแสดงในช่วงวันจัดงาน

ทั้งนี้ การจัดงาน THAILAND GOLF & DIVE EXPO plus OUTDOOR FEST 2025 ยังได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อย่างเต็มที่และต่อเนื่องมาหลายปี เนื่องจากเป็นมหกรรมแสดงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ ที่เป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นการท่องเที่ยวกลุ่มมูลค่าสูง เพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะจำเป็นต้องซื้อ หรือเช่าอุปกรณ์ดำน้ำ อุปกรณ์กอล์ฟ สนามกอล์ฟ หรืออุปกรณ์แคมปิ้งเดินป่าที่มีมูลค่าสูงกว่าการท่องเที่ยวทั่วไปมาก และยังได้รับการสนับสนุนจาก Chang Cold Brew Cool Club ในครั้งนี้ โดยเฉพาะในส่วนของงาน Thailand Golf Expo ซึ่ง “ช้าง" ได้ส่งเสริมกีฬากอล์ฟในทุกด้านมาอย่างต่อเนื่อง
“การจัดงานฯในปีนี้ มั่นใจว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 60,000 คน เพิ่มขึ้นกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีเงินสะพัดภายในงานนี้กว่า 200 ล้านบาท สูงกว่าปีที่ผ่านมา 10–15% เพราะกิจกรรมกลางแจ้งเหล่านี้ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากทั้งชาวไทยและต่างประเทศ” นายสุรพล กล่าว

ด้าน นายกิตติพงษ์ ประพัฒน์ทอง รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท. ได้มุ่งเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มมูลค่าสูงมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มรายได้ด้านการท่องเที่ยว และกระจายรายได้ไปยังชุมชนท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยการเจาะตลาดการท่องเที่ยวกลุ่มกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีศักยภาพสูง ซึ่งนักท่องเที่ยวดำน้ำ กีฬาทางเรือ การเล่นกอล์ฟ และการเดินป่าตั้งแคมปิ้ง ก็เป็นกลุ่มสำคัญที่มีการใช้จ่ายสูง โดยมีค่าเฉลี่ยในการเข้าพักประมาณ 3-4 วัน มีการใช้จ่ายตกวันละ 3–4 พันบาท สูงกว่าการท่องเที่ยวปกติประมาณ 20% ซึ่งในปี 2568 คาดว่าประเทศไทยจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวดำน้ำมากกว่า 8,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึงเกือบ 2,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่สูงถึง 12% ต่อปี

นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยโดยภูมิภาคภาคใต้ ยังได้ร่วมกับสำนักงานในพื้นที่ 4 สำนักงาน คือ สำนักงานชุมพร สำนักงานเกาะสมุย สำนักงานกระบี่ และสำนักงานพังงา โดยได้นำตัวแทนสมาคมและชมรมต่าง ๆ ในพื้นที่มาร่วมออกบูธภายในงาน THAILAND GOLF & DIVE EXPO plus OUTDOOR FEST 2025 เพื่อนำเสนอข้อมูลการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ ทั้งกอล์ฟ ดำน้ำ กิจกรรมกลางแจ้ง โดยคาดว่าในการจัดงานครั้งนี้จะมีผู้ซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวจากผู้ที่เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นแพ็กเกจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคึกคักให้กับการท่องเที่ยว และส่งเสริมการท่องเที่ยวพรีเมียม ให้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ
“การท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ และกีฬากลางแจ้ง ยังขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากในการท่องเที่ยวกลุ่มนี้ยังมีคู่แข่งน้อย เพราะแหล่งท่องเที่ยวของไทยโดยเฉพาะภาคใต้มีจุดแข็งสูงทั้งฝั่งอันดามัน และอ่าวไทย รวมทั้งการให้บริการของไทยก็ดีกว่าในราคาที่สมเหตุสมผล จึงทำให้ตลาดการท่องเที่ยวกลุ่มนี้สามารถสร้างรายได้เพิ่มได้อีกมหาศาล” นายกิตติพงษ์ กล่าว

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมความเคลื่อนไหวของกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกีฬากอล์ฟได้ทาง Facebook Page "Thailand Golf Expo" หรือเว็บไซต์ www.ThailandGolfExpo.com สำหรับกิจกรรมดำน้ำสามารถติดตามได้ที่ Facebook Page "Thailand Dive Expo (TDEX)" และเว็บไซต์ www.ThailandDiveExpo.com ส่วนกิจกรรมท่องเที่ยวกลางแจ้ง Outdoor Fest สามารถดูรายละเอียดได้ผ่านทาง Facebook Page "Traveler & Outdoor Expo" หรือเว็บไซต์ www.traveloutdoorexpo.com อย่าพลาดโอกาสสำคัญในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมหกรรมที่ยิ่งใหญ่แห่งปี เพื่อยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวของคุณ!
เอ็น.ซี.ซี. ผนึกกำลังภาครัฐ และเอกชน จัดงาน THAILAND GOLF & DIVE EXPO plus OUTDOOR FEST 2025 มหกรรมกีฬากอล์ฟ – ดำน้ำ – กิจกรรมกลางแจ้ง ใหญ่สุดในอาเซียน ระดมผู้ประกอบการกว่า 590 คูหา จำหน่ายสินค้าในราคาสุดพิเศษ คาดจะมีผู้เข้าร่วมงานทั้งชาวไทยและต่างชาติกว่า 59,000 คน ด้าน ททท. หนุนการท่องเที่ยวด้านกีฬา ยกระดับการท่องเที่ยวสูงพรีเมียม คาดปี 68 ธุรกิจดำน้ำมูลค่าทะลุ 8.5 พันล้านบาท โตเฉลี่ย 12% ต่อปี
นายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า เอ็น.ซี.ซี. ได้ร่วมมือกับพันธมิตรจัดงาน “THAILAND GOLF & DIVE EXPO plus OUTDOOR FEST” ติดต่อกันมาอย่างยาวนานถึง 21 ปี และเห็นถึงเห็นถึงการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีผู้เข้าร่วมชมงาน และผู้ประกอบการมาเข้าร่วมเพิ่มขึ้นทุกปี จนทำให้การท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟ ดำน้ำ และกิจกรรมการแจ้ง เป็นหนึ่งในสาขาของการท่องเที่ยวที่รายได้เข้าประเทศได้อย่างมหาศาล และยังส่งผลให้ไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวและเล่นกีฬากลางแจ้งที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก รวมทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับการท่องเที่ยวของไทยไปสู่การท่องเที่ยวที่มีมูลค่าสูง หรือการท่องเที่ยวแบบพรีเมียม ตามเป้าหมายของรัฐบาล

โดยการจัดงานฯ ในปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย โดยมีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 55,000 คน เพิ่มขึ้นกว่า 10% จากปีก่อนหน้า มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
สำหรับการจัดงาน THAILAND GOLF & DIVE EXPO plus OUTDOOR FEST 2025 หรืองานแสดงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ ปี 2568 ประกอบด้วย กลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกว่า 590 คูหา ได้แก่ สนามกอล์ฟ อุปกรณ์กอล์ฟ สถาบันสอนดำน้ำ อุปกรณ์ดำน้ำ บริษัทนำเที่ยว เรือนำเที่ยว อุปกรณ์เดินป่า ที่พัก อุปกรณ์ถ่ายภาพ ฯลฯ พร้อมด้วยการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อาทิ การเสวนาด้านการท่องเที่ยว การอนุรักษ์ทะเลไทย เทคนิคการถ่ายภาพใต้น้ำ และกิจกรรม “TDEX You Give.. We Share” ครั้งที่ 4 เชิญชวนบริจาคชุดดำน้ำและอุปกรณ์ดำน้ำมือสองสภาพดี เพื่อมอบให้มูลนิธิหรือหน่วยงานต่างๆ นำไปใช้ในสาธารณะประโยชน์ เป็นต้น โดยการจัดงานฯ ในปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานเพิ่มขึ้น 10% และมีมูลค่าซื้อขายเกิดขึ้นภายในงานและต่อเนื่องไปในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกว่า 200 ล้านบาท

นอกจากนี้กิจกรรมที่ได้รับความสนใจ คือ การประกวดภาพถ่ายใต้น้ำ "18th TDEX Underwater Photo Contest" ในปีนี้ได้เปิดโอกาสให้ช่างภาพใต้น้ำทั้งมือเก่า มือใหม่ และมืออาชีพ ได้ส่งผลงานเข้าร่วม โดยมีผู้ส่งภาพเข้าประกวดสูงถึง 164 คน แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. ประเภท Animal Portrait : 386 ภาพ 2. ประเภท Animal in their Environment : 312 ภาพ และ3. ประเภท Human & Underwater Nature : 191 ภาพ รวมทั้งสิ้น 889 ภาพ
รวมทั้งยังได้จัดประกวดคลิปวิดีโอใต้น้ำ "TDEX Underwater Moment Video Contest" ครั้งที่ 2 มีผลงานรวมทั้งหมด 117 คลิป โดยผลงานทั้งหมดจะถูกคัดเลือกและตัดสินจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการถ่ายภาพชั้นนำของเมืองไทย เพื่อเฟ้นหาผู้ชนะเลิศที่เหมาะสมที่สุด รวมทั้งรางวัลอื่น ๆ ที่มีมูลค่ารวมกว่า 400,000 บาท โดยจะประกาศผลงานในวันที่ 22 พ.ค. 2568 นี้ ซึ่งผลงานที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจะนำมาจัดแสดงในช่วงวันแสดงงาน

ในส่วนของงานแสดงสินค้าครั้งนี้เรามีการจัด Business Matching โดยเชิญกลุ่มผู้ซื้อจากประเทศเวียดนาม และมาเลเซียมาพบกับผู้ประกอบการไทยด้วย ซึ่งในปีนี้มีผู้ประกอบการชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศมากมายขนสินค้า และบริการที่มีคุณภาพมาจัดโปรโมชั่นในราคาพิเศษ โดยมีผู้ประกอบการชั้นนำ เช่น บริษัท Dynamicnord แบรนด์อุปกรณ์ดำน้ำน้องใหม่จากเยอรมนี จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ดำน้ำหลากหลายประเภทอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับดำน้ำลึกและฟรีไดฟ์ ที่ทีมวิจัยและพัฒนาของเยอรมนี ออกแบบโดยอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความต้องการและความปรารถนาของนักดำน้ำ ภายใต้แนวคิด: "นวัตกรรม - ความน่าเชื่อถือ - การใช้งานได้จริง" นอกจากนี้ยังมีแบรนด์อุปกรณ์ดำน้ำชั้นนำอีกมากมายมาจัดโปรโมชั่นราคาพิเศษภายในงาน
นายขจรฤทธิ์ ขวัญมงคล ผู้อำนวยการกองตลาดภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มดำน้ำเติบโตในระดับสูงทั้งในแง่ของรายได้และจำนวน โดยมีผู้สนใจดำน้ำเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งในปี 2568 คาดว่าประเทศไทยจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวดำน้ำมากกว่า 8,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึงเกือบ 2,000 ล้านบาท ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่สูงถึง 12% ต่อปี

สำหรับปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้ตลาดดำน้ำไทยขยายตัว ได้แก่ การขยายตัวของชนชั้นกลางที่กระตุ้นให้คนรุ่นใหม่ ที่มีอายุในช่วง 20–40 ปี เข้าสู่วงการผจญภัยทางทะเล จนกลายเป็นกลุ่มหลักกว่า 70% ของนักดำน้ำทั่วโลก และไทยยังมีโครงสร้างพื้นฐานด้านดำน้ำที่เข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ฝึก PADI/SSI เรือ Liveaboard คุณภาพสูง และระบบจองออนไลน์ที่ทันสมัยที่ช่วยลดอุปสรรคในการเข้าถึงกิจกรรมนี้
โดยประเทศไทยมีแหล่งดำน้ำยอดนิยมระดับโลกหลายแห่งที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคใต้ ทั้งแหล่งดำน้ำในฝั่งอันดามัน อาทิ หมู่เกาะสิมิลัน เกาะพีพี รวมถึงฝั่งอ่าวไทย อย่างเกาะเต่า และหมู่เกาะชุมพร ก็ยังคงเป็นจุดหมายสำคัญที่รองรับการดำน้ำในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่ดำน้ำตื้นตามแนวปะการัง ไปจนถึงการดำน้ำลึกไปชมซากเรือ และการดำน้ำแบบ Freediving อย่างเกาะเต่านับเป็นแหล่งเรียนดำน้ำที่ได้รับความนิยม และมีคุณภาพมาตรฐานระดับโลก
ในแง่ของพฤติกรรมผู้บริโภคมีข้อมูลว่า การใช้จ่ายเฉลี่ยของนักดำน้ำอยู่ที่ราว 4,300 บาทต่อวัน โดยแต่ละทริปใช้เวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 2.5 วัน ได้แก่ ไดฟ์บอร์ด การดำน้ำแบบเทคนิค และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ซึ่งสะท้อนความต้องการที่ลึกซึ้งและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไทยเองมีโอกาสต่อยอดตลาดเหล่านี้ ด้วย หลักสูตรดำน้ำเชิงลึก และกิจกรรม “ดำน้ำฟื้นฟูปะการัง” เป็นต้น

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ความสนใจกับกลุ่มสินค้าและบริการท่องเที่ยว Premium มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดของกิจกรรมดำน้ำและกอล์ฟ บทบาทของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในงานนี้คือการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งด้านการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้การท่องเที่ยวในรูปแบบไลฟ์สไตล์ไปยังนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดย ททท. ได้ให้การสนับสนุนการจัดงาน THAILAND GOLF & DIVE EXPO plus OUTDOOR FEST มาอย่างต่อเนื่อง งานดังกล่าวจะเป็นจุดเชื่อมโยงให้ผู้ประกอบการในด้านกีฬากอล์ฟ การดำน้ำ และการท่องเที่ยวกลางแจ้ง ได้มาพบบปะกับผู้ที่สนใจ ตลอดจนเป็นการแสดงถึงความพร้อม และศักยภาพของสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวด้าน กีฬากอล์ฟ ดำน้ำ และกิจกรรมกลางแจ้งของประเทศไทย
ภายในงาน THAILAND GOLF & DIVE EXPO plus OUTDOOR FEST 2025 นอกเหนือไปแพ็กเกจการท่องเที่ยวที่น่าสนใจราคาพิเศษแล้ว ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยโดยภูมิภาคภาคใต้ ยังร่วมกับสำนักงานในพื้นที่ 4 สำนักงาน คือ สำนักงานชุมพร สำนักงานเกาะสมุย สำนักงานกระบี่ และสำนักงานพังงา ได้นำตัวแทนสมาคมชมรมในพื้นที่มาร่วมออกบูธนำเสนอข้อมูลการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ ทั้งกอล์ฟ ดำน้ำ กิจกรรมกลางแจ้ง สำหรับผู้เข้าชมงานที่อยากทราบข้อมูลการท่องเที่ยวเพิ่มเติม โดย ททท. คาดหมายว่าในงานนี้จะมีผู้ซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวจากผู้ที่เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นแพ็กเกจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคึกคักให้กับการท่องเที่ยว และส่งเสริมการท่องเที่ยวพรีเมียม ให้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ
นางสาวณิชาภา อุรุวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญพัฒนา SME สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) กล่าวว่า ในขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในธุรกิจท่องเที่ยวกว่า 471,706 ราย มีมูลค่าธุรกิจรวมประมาณ 835,832 ล้านบาท และยังมีธุรกิจผลิตสินค้า และบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวอีกกว่า 10,000 ราย ดังนั้น หากภาครัฐ และเอกชนร่วมกันผลักดันเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจท่องเที่ยว ก็จะช่วยยกระดับรายได้ให้กับประเทศไทยได้อีกมหาศาล และยังเป็นส่วนสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจของไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตสงครามการค้าในปีนี้ไปได้

ทั้งนี้ เพื่อผลักดันธุรกิจการท่องเที่ยวให้มีรายได้เพิ่มสูงขึ้น ISMED จึงได้ออกมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ที่ดำเนินธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ การจัดหลักสูตรอบรมและฝึกปฏิบัติ หัวข้อการลงทุนในธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท รุ่นที่ 18 ที่เน้นการอบรมและฝึกปฏิบัติการบริหารจัดการในด้านต่างๆเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้ อาทิ ด้านการตลาด ด้านการเงิน ทั้งนี้ ISMED ยังได้จัดให้มีการศึกษาดูงานการดำเนินธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทที่ประสบผลสำเร็จทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากการอบรมดังกล่าว ISMED ยังจัดให้มีการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึก (Consulting) ในการจัดทำมาตรฐานการปฏิบัติงาน (Standard Operation Procedure : SOP) เพื่อบริการที่เหนือชั้น สำหรับธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท ทั้งแผนกการให้บริการส่วนหน้าและแผนกส่วนครัว รวมถึงมีการให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อการขอรับรองมาตรฐานฮาลาลในส่วนครัวหรือร้านอาหารในโรงแรมอีกด้วย

รวมทั้งยังได้ให้การสนับสนุนการจัดงาน THAILAND GOLF & DIVE EXPO plus OUTDOOR FEST 2025 โดยได้นำงาน Thailand Golf และ Outdoor Fest ลงทะเบียนเพื่อเข้าพิจารณาอนุมัติงบประมาณอุดหนุน ภายใต้โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. หากผู้ประกอบการ SME ท่านใด สนใจเข้าร่วมงาน Thailand Golf และ Outdoor Fest ก็จะได้รับเงินสนับสนุนสูงสุดถึง 80% ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการ SMEs ได้เป็นจำนวนมาก
มหกรรมแสดงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ “THAILAND GOLF & DIVE EXPO plus OUTDOOR FEST 2025” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 25 พฤษภาคม 2568 เวลา 11.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5-6 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจเข้าชมงานสามารถลงทะเบียนชมงานล่วงหน้า และติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรมดำน้ำได้ทาง Facebook: Thailand Dive Expo (TDEX) หรือ www.ThailandDiveExpo.com กิจกรรมกีฬากอล์ฟ ติดตามดูรายละเอียดได้ทาง Facebook: Thailand Golf Expo หรือ www.ThailandGolfExpo.com กิจกรรมท่องเที่ยวกลางแจ้ง Outdoor Fest ติดตามดูรายละเอียดได้ทาง Facebook: Traveler & Outdoor Expo หรือ www.traveloutdoorexpo.com
บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เตรียมจัดงาน "Pet Expo Thailand 2025" ระหว่างวันที่ 1–4 พฤษภาคม 2568 ณ ฮอลล์ 5–8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ รับกระแสตลาดสัตว์เลี้ยงโตต่อเนื่อง มูลค่ารวมกว่า 258,703 ล้านบาท พร้อมยกขบวนสินค้า นวัตกรรมล้ำสมัยจากทั้งในและต่างประเทศจัดแสดง กว่า 850 บูธ คาดตลอด 4 วันผู้เข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 200,000 คน

นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการบริหาร บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า การจัดงาน Pet Expo Thailand 2025 งานสัตว์เลี้ยงที่ดีที่สุดเพื่อเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ ในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “มิตรภาพเพื่อนรัก ไร้พรมแดน – Friendship Beyond Frontier” ซึ่งสะท้อนความรัก ความผูกพัน และความหลากหลายของชุมชนคนเลี้ยงสัตว์ในยุคใหม่ โดยมุ่งเน้นการขยายพื้นที่และตอบโจทย์ความต้องการคนรักสัตว์ให้ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อรองรับทั้งจำนวนผู้ร่วมแสดงสินค้าและผู้เข้าชมงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้แสดงสินค้ากว่า 300 บริษัท 850 บูธ ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ เข้าร่วมจัดแสดงสินค้า บริการ และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงอย่างครบวงจร คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 200,000 คนตลอดระยะเวลา 4 วัน
จากกระแสความนิยมในการเลี้ยงสัตว์ของคนไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่ระบุว่าในปี 2566 ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยมีมูลค่าผลประกอบการรวมกว่า 258,703 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8% จากปีก่อนหน้า โดยมีผู้ประกอบการในกลุ่มนี้มากกว่า 5,000 รายทั่วประเทศ และมีกำไรสุทธิรวมกว่า 14,990 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจสัตว์เลี้ยงในไทยมีรากฐานที่มั่นคง เพราะคนไทยจำนวนมากพร้อมลงทุนเพื่อดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างจริงจัง โดยกว่า 94.6% ของเงินลงทุนในธุรกิจนี้เป็นของผู้ประกอบการไทย ซึ่งแสดงถึงศักยภาพของไทยในการพัฒนาและขยายธุรกิจไปสู่ตลาดต่างประเทศ ทั้งในด้านการผลิตอาหารสัตว์ บริการด้านสุขภาพ และนวัตกรรมสำหรับสัตว์เลี้ยง

แนวโน้มธุรกิจสัตว์เลี้ยงปี 2568 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์การดูแลสัตว์เลี้ยงในฐานะสมาชิกครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นอาหารพรีเมียม วิตามิน ของใช้เฉพาะทาง ไปจนถึงการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เทคโนโลยี และการส่งเสริมพฤติกรรมสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของเทรนด์สำคัญที่เกิดขึ้นทั่วโลก ได้แก่ การเลี้ยงสัตว์เสมือนลูก (Pet Parent or Pet Humanization), การเลือกสินค้าคุณภาพสูง (Premiumization) และการใช้นวัตกรรมอัจฉริยะเพื่อการดูแลสัตว์ (Smartization) โดยคนรุ่นใหม่ในกลุ่ม SINK & DINK ซึ่งไม่มีบุตร หันมาเลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อนคลายเหงาและเติมเต็มความผูกพัน ขณะที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงทั่วไปก็ยินดีใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 20,000–40,000 บาทต่อปี เพื่อสัตว์เลี้ยงที่เปรียบเสมือนคนในครอบครัว

ในปีนี้ Pet Expo Thailand 2025 จึงเตรียมเนรมิตพื้นที่จัดแสดงให้เป็นจุดศูนย์กลางของชุมชนคนรักสัตว์เลี้ยง ที่เปิดโอกาสให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงได้มาพบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้ และร่วมสัมผัสนวัตกรรมใหม่ๆ ไปพร้อมกัน โดยรวบรวมเทคโนโลยีล้ำสมัยไว้มากมาย อาทิ ปลอกคอ GPS, กล้องติดตามสัตว์เลี้ยง, เครื่องให้อาหารอัตโนมัติ, อุปกรณ์ IoT ตลอดจนแอปพลิเคชันที่สามารถบันทึกข้อมูลสุขภาพสัตว์เลี้ยงอย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังมีโซนสัตว์เลี้ยง Exotic, โซนสัตว์ฟันแทะ, โซนเวทีกิจกรรมที่จะได้พบกิจกรรมแฟชั่นโชว์สัตว์เลี้ยง การแข่งขันสนุกๆ และพื้นที่กิจกรรมครอบครัว พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสสินค้าใหม่ๆ ก่อนใครในราคาพิเศษ รวมถึงกิจกรรมการแข่งขันและการประกวดชิงรางวัลสนุกๆ ของเพื่อนสัตว์เลี้ยงตัวน้อย พร้อมของรางวัลแบบจัดเต็มตลอดระยะเวลา 4 วัน

สำหรับโซนกระต่าย และสัตว์ฟันแทะ กับมากับความน่ารักแบบจัดเต็ม! โดยปีนี้ ขนขบวนความคิวต์ของแก๊งขนปุยมาให้คุณใจละลาย ทั้งกระต่ายหลากหลายสายพันธุ์, หนูเควี่สีสันสุดแปลกตา, แฮมสเตอร์ขนหยิกน่ากอด, และชินชิล่าตัวกลมฟู ไฮไลท์พิเศษ! กระต่าย French Lop หูตกยักษ์ฉลาดที่สุดในโลกสี Blue Point เป็นสีหายากหนึ่งเดียวในเอเชีย! นอกจากนี้สาวกสัตว์ฟันแทะห้ามพลาด พบกับฟาร์มกระต่าย, หนูเควี่, และแฮมสเตอร์ ชั้นนำ ยกทัพมาแชร์เคล็ดลับการเลี้ยงและเพาะพันธุ์แบบมืออาชีพ ส่วนสายประกวดต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพราะเสาร์ที่ 3 และอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม 2568 จะมีการประกวดกระต่ายระดับโลก ARBA, การประชันความน่ารักของหนูเควี่และแฮมสเตอร์

โซนสัตว์ Exotic Pet หรือโซนสัตว์พิเศษได้รวบรวมสัตว์ต่างๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสัตว์พิเศษที่หาดูได้ยาก เช่น เต่ายักษ์อัลดาบร้า เป็นเต่าบกที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เต่าซูคาต้า หนูจิงโจ้ สกั๊งค์ กบต้นไม้ งูหลามบอล แมงมุมทารันทูล่า และสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย พร้อมชมการประกวดเหมียวเพื่อนซี้ ในวันศุกร์ที่ 2 และการประกวดงูใหญ่ ในวันอาทิตย์ที่ 4 และกิจกรรมอีกมากมาย
โซน Pet Village ท่านจะได้พบกับนกแก้วซันคอนัว นกเค้าแมวยักษ์ นกเค้าหน้าขาว นกเค้าแมวอินทรีไซบีเรีย นกแก้วแอฟริกันเกรย์ นกแก้วเอคเล็คตัส บ๊อบบี้ คาพิบาราและเพื่อน และอีกมากมาย

“Pet Expo Thailand 2025 ไม่ใช่เพียงงานแฟร์สินค้า แต่คือพื้นที่แห่งมิตรภาพและแรงบันดาลใจระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยง เราอยากให้ที่นี่เป็นเวทีให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงทุกคนได้พบประสบการณ์ใหม่ๆ แลกเปลี่ยนความรู้ และเติมเต็มความสุขร่วมกับเพื่อนรักสี่ขาอย่างอบอุ่นและสร้างสรรค์” นายศักดิ์ชัยกล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ งานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1–4 พฤษภาคม 2568 ณ ฮอลล์ 5–8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่เวลา 10.00–20.00 น. (วันเสาร์–อาทิตย์เริ่มเวลา 09.30 น.) ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.petexpothailand.net หรือ เฟซบุ๊ก Petexpoclub หรือช่องทางทวิตเตอร์ @PetexpoclubTH1
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) หนุน บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด จัดงาน OEM Manufacturer & e-BIZ Expo 2024 หวังสร้างสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ ให้เริ่มต้นธุรกิจได้ง่ายยิ่งขึ้น และตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกธุรกิจทั้งด้านการผลิตและเทคโนโลยีดิจิทัล พร้อมช่วยต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน คาดจะมีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 12,000 คน เกิดการจับคู่ทางธุรกิจกว่า 570 คู่ และสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 500 ล้านบาท

นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัล ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินชีวิต รวมไปถึงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ และการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในทุกระดับ ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้เล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริมและพัฒนาสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ ให้เริ่มต้นธุรกิจได้ง่ายยิ่งขึ้น และตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกธุรกิจทั้งด้านการผลิตและเทคโนโลยีดิจิทัล โดยได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ดำเนินการตามนโยบาย RESHAPE THE FUTURE : โลกเปลี่ยน อุตสาหกรรมปรับ พร้อมรับอนาคต ผ่านการผนึกกำลังความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน หรือ "DIPROM CONNECTION" ร่วมผลักดันพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากการพัฒนาธุรกิจเอสเอ็มอี จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายเข้ามาเติมเต็มในทุกด้าน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการที่มีความหลากหลายในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านการผลิต ด้านการบริหารจัดการ ด้านการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาเสริมศักยภาพ รวมถึงการบุกเบิกตลาดในน่านน้ำใหม่ ๆ ซึ่งการจัดงาน OEM Manufacturer & e-BIZ Expo 2024 มหกรรมแสดงสินค้าและนวัตกรรมที่ครบวงจรที่สุดสำหรับธุรกิจ OEM และ e-Commerce ในประเทศไทย โดยบริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด จะเป็นส่วนสำคัญในการติดอาวุธด้านเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับผู้ประกอบการ และยังเป็นทางลัดเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพรุ่นใหม่ได้สร้างธุรกิจของตัวเองได้เร็วยิ่งขึ้น ผ่านการจ้างธุรกิจที่รับการผลิตแบบ OEM ให้ผลิตสินค้าที่ตรงกับความต้องการของตลาด
นอกจากนี้ ความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการหน้าใหม่กับธุรกิจ OEM ยังเป็นการแชร์การเพิ่มผลผลิต (Productivity) ทำให้ช่วยลดต้นทุนจากการรวมความต้องการ (Demand) ที่ผลิตสินค้าจำนวนมาก และโรงงานก็สามารถเพิ่มประสิทธิผลจากการใช้สายการผลิตได้อย่างเต็มกำลัง ที่สำคัญยังเป็นตัวช่วยให้ผู้ประกอบการรายใหม่ผลิตสินค้าได้ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม รวมทั้งการจัดร่วมกับงาน eBiz Expo ยังเป็นการสนับสนุนช่องทางตลาดออนไลน์ให้กับธุรกิจรายย่อย จึงทำให้การจัดงานในครั้งนี้มีความครบสมบูรณ์ และยังเป็นการสนับสนุนการสร้างอาชีพสำรอง หรือรายได้เสริมให้กับประชาชน

นายปรนนท์ ฐิตะวรรโณ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่ออุตสาหกรรมสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท. ให้การสนับสนุนการจัดงาน OEM Manufacturer & e-BIZ Expo มาอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้ได้นำผู้ประกอบการในกลุ่มรับจ้างผลิตสินค้า (OEM) ที่เป็นสมาชิกของ ส.อ.ท. มาร่วมจัดแสดงสินค้ากว่า 19 ราย ซึ่งครอบคลุมสินค้าทุกประเภท เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารเสริม, อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง, อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม, อุตสาหกรรมเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และเครื่องหนัง อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และแพ็คเกจจิ้ง, อุตสาหกรรมโรงงานที่ผลิตแบรนด์, อุตสาหกรรมสินค้าสำเร็จรูป เป็นต้น ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการที่ต้องการสินค้าจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของตนเอง และเพื่อให้ได้สินค้าคุณภาพสูงจากผู้รับจ้างผลิตชั้นนำของประเทศไทย
“อุตสาหกรรม OEM เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งในปัจจุบัน ส.อ.ท. มีสมาชิกที่เป็นผู้ผลิตที่มีศักยภาพสูง และได้มาตรฐานกว่า 16,000 ราย ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศพร้อมเข้ามาช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการหน้าใหม่ให้สามารถสร้างธุรกิจของตัวเองได้ง่าย และรวดเร็วขึ้น”
โดยในงาน OEM Manufacturer & e-BIZ Expo 2024 ในครั้งนี้ผู้ที่เขาร่วมงานจะได้พบปะผู้ประกอบการ OEM ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และร่วมฟังสัมมนาจากกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านการทำธุรกิจ รวมทั้งการจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจ (Business Matching) เพิ่มโอกาสในการมองหาพาร์ทเนอร์ที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมต่อยอดและขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต

ด้าน นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการบริหาร บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า การจัดงาน OEM Manufacturer & e-BIZ Expo 2024 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 สิงหาคม 2024 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ซึ่งภายในงานจะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก คือ OEM Manufacturer Expo และ e-BIZ Expo สำหรับงาน OEM Manufacturer Expo จะเน้นการแสดงสินค้าจากผู้ผลิตในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลความงาม อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ สินค้าออร์แกนิค สินค้าอุปโภคบริโภค แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ บรรจุภัณฑ์และการพิมพ์ และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด รวมไปถึง อาหารเสริมสำหรับสัตว์เลี้ยงและอาหารแห่งโลกอนาคตที่กำลังเป็นเทรนด์ในปัจจุบัน

โดยผู้ผลิตในอุตสาหกรรมเหล่านี้ พร้อมที่จะช่วยผู้ประกอบการหน้าใหม่ในการผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐาน และตรงกับความต้องการ จึงทำให้ไม่ต้องกังวลในเรื่องการผลิตที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง และเทคนิคในการผลิตมากมายทำให้เริ่มต้นทำธุรกิจได้ง่าย โดยผู้ประกอบการหน้าใหม่เพียงแต่มุ่งไปที่การสร้างแบรนด์ การวางแผนการตลาด การบริหารจัดการ และการจัดส่งสินค้า
ในส่วนของ e-BIZ Expo จะเน้นการจัดแสดงเทคโนโลยีบริการดิจิทัลและโซลูชั่นทางธุรกิจ เช่น การตลาดดิจิทัล โซลูชั่นทางธุรกิจ (SAP, ERP, MRP) FinTech โลจิสติกส์และการจัดการ ระบบความปลอดภัยการชำระเงินออนไลน์ คลาวด์ AI IoT และ 5G ผู้เข้าร่วมงานจะได้รับประสบการณ์และโอกาสในการพบปะกับผู้ให้บริการที่สามารถสนับสนุนการเติบโตในยุคดิจิทัล
นอกจากนี้ งาน OEM Manufacturer & e-BIZ Expo 2024 ยังเป็นช่องทางที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงเครื่องมือที่จำเป็นในการพัฒนาธุรกิจ ทั้งการเรียนรู้เทรนด์ใหม่ ๆ การพบปะกับผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรทางธุรกิจ และการได้รับคำแนะนำในการปรับตัวพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งยังมีการจัดการเสวนาเกี่ยวกับวิธีการขยายธุรกิจ การหาตลาดใหม่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมงานยังสามารถพบปะกับนักลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพ ซึ่งสามารถนำไปสู่การร่วมทุนและการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จึงทำให้ในงานครั้งนี้เหมาะสมกับผู้ที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจ หรือผู้ที่กำลังมองหาโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 12,000 คน เกิดการจับคู่ทางธุรกิจ 570 คู่ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 500 ล้านบาท