December 05, 2025

บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพระดับโลก ด้วยการเปิดตัว “Sony Rental Service” บริการให้เช่าอุปกรณ์กล้อง เลนส์ และอุปกรณ์เสริมจากโซนี่อย่างเป็นทางการ เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งครีเอเตอร์รุ่นใหม่ ผู้ใช้งานทั่วไป ไปจนถึงผู้ที่กำลังพิจารณาอัปเกรดอุปกรณ์ถ่ายภาพ ได้ทดลองใช้งานอุปกรณ์ระดับเรือธงของโซนี่จริงในหลากหลายสถานการณ์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ที่ต้องการความยืดหยุ่นทั้งด้านฟังก์ชันและค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทำคอนเทนต์ เก็บภาพช่วงเวลาสำคัญ หรือใช้งานในโปรเจกต์เฉพาะทาง

โดยมีอุปกรณ์ให้เลือกอย่างครอบคลุม ตั้งแต่กล้องระดับไฮเอนด์ กล้องสำหรับมือใหม่ เลนส์ยอดนิยม ตลอดจนไมโครโฟนและอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ผู้ใช้สามารถนัดหมายวันเข้ารับบริการได้ง่าย ๆ ผ่าน LINE Official Account และรับสินค้าได้ที่ Sony Store สาขาสยามพารากอน เพียงสมัครเป็นสมาชิก My Sony Rewards ก็สามารถใช้บริการได้ทันที นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของโซนี่ในการเปิดกว้างให้คนไทยทุกกลุ่มเข้าถึงประสบการณ์การถ่ายภาพระดับมืออาชีพได้อย่างแท้จริง ทั้งในรูปแบบที่สะดวก คล่องตัว และคุ้มค่าที่สุด

 นายธเนศ จารุธรรมาวงศ์ ผู้จัดการแผนกการตลาดผลิตภัณฑ์กล้องดิจิทัลอิมเมจิ้ง บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด กล่าวว่า “โซนี่เชื่อมาโดยตลอดว่า ‘อุปกรณ์ที่ดี’ คือหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการสร้างสรรค์คอนเทนต์ เราจึงให้ความสำคัญกับการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงและทดลองใช้งาน เพื่อผลักดันให้ผู้คนก้าวสู่เส้นทางของการเป็นครีเอเตอร์อย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้ โซนี่ไทย จึงเปิดตัวบริการ Sony Rental Service เพื่อตอบโจทย์ทั้งครีเอเตอร์รุ่นใหม่ ผู้ที่กำลังมองหาอุปกรณ์ที่เหมาะกับสไตล์ของตนเอง ไปจนถึงผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการเก็บภาพช่วงเวลาพิเศษในชีวิต ให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับเรือธงของโซนี่ได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น การเช่าจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ทั้งสำหรับการทดลองใช้งานจริงในสถานการณ์จริง หรือการใช้งานเฉพาะโอกาส เช่น การเช่าเลนส์เฉพาะทาง หรือไมโครโฟนคุณภาพสูงที่ไม่ได้ใช้งานบ่อย โซนี่เชื่อมั่นว่าบริการนี้จะช่วยให้ผู้ที่มีความฝันสามารถเริ่มต้นเส้นทางสายครีเอเตอร์ได้ง่ายขึ้น พร้อมต่อยอดแนวคิดการสร้างสรรค์คอนเทนต์ด้วยเครื่องมือคุณภาพระดับโลก ในรูปแบบที่สะดวก คล่องตัว และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล”

สำหรับบริการ Sony Rental Service มีรายการอุปกรณ์ให้เลือกใช้อย่างครอบคลุม ทั้งกล้องและเลนส์ระดับเรือธง อาทิ Alpha 1 II, Alpha 9 III, Alpha 7C II, Alpha 7 IV รวมถึงเลนส์ยอดนิยมอย่าง FE 24-70 มม. F2.8 GM II, FE 70-200 มม. F2.8 GM II, FE 16-35 มม. F2.8 GM II และเลนส์รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง FE 50-150 มม. F2 GM สำหรับผู้ที่ต้องการความละเอียดสูง ยังสามารถทดลองใช้งานกล้อง Alpha 7R V และ Alpha 7CR ได้เช่นกัน ขณะเดียวกัน สำหรับครีเอเตอร์มือใหม่ที่คุ้นชินกับการใช้สมาร์ทโฟน แต่ต้องการยกระดับคอนเทนต์ให้มีคุณภาพดีขึ้น ก็สามารถทดลองใช้งานกล้องซีรีส์ ZV ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย และหากผู้ใช้มีอุปกรณ์พื้นฐานอยู่แล้วแต่ต้องการเสริมศักยภาพในการถ่ายทำ ยังสามารถเลือกเช่าไมโครโฟนและแฟลชเพิ่มเติมได้ตามต้องการ

ค่าบริการเช่าเริ่มต้นเพียง 500 บาทต่อวันสำหรับหมวดกล้อง, 250 บาทต่อวันสำหรับหมวดเลนส์ และ 100 บาทต่อวันสำหรับอุปกรณ์เสริม ผู้ใช้งานสามารถจองอุปกรณ์ล่วงหน้าได้ผ่าน LINE Official Account: @SonyStore.Paragon และเข้ารับสินค้า รวมถึงชำระค่าบริการได้ที่ Sony Store สาขา Siam Paragon โดยผู้สนใจสามารถตรวจสอบรายการอุปกรณ์ที่เปิดให้เช่าผ่านทางเว็บไซต์ www.sony.co.th/microsite/camera-rental-service

YDM Thailand ถอดกลยุทธ์คอนเทนต์ครีเอเตอร์ เทรนด์มาร์เก็ตติ้งมาแรงปี 2024 ขานรับดีมานด์ตลาดโต เผยกลเม็ดสร้างแบรนด์ แนะทริคสร้างคอนเทนต์ทรงพลังเพิ่ม Engagement สตอรี่เทลลิ่งผ่านไลฟ์สไตล์ พลิกเกมธุรกิจคว้าโอกาสท่ามกลางการแข่งขันในตลาด โชว์เคสหนุนธุรกิจ Streaming Platform ดึง KOLอินฟลูเอนเซอร์ ผสมคอนเทนต์ครีเอทีฟ สร้าง Engagement เพิ่ม 50% เพิ่มยอด New streaming สูงที่สุดใน South East Asia ในระยะเวลา 1 เดือน

นายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด เผยว่า เทรนด์มาร์เก็ตติ้งปีนี้ การสื่อสารแบรนด์อาจไม่ได้จบเพียงแค่สื่อโฆษณาผ่านทีวี ออนไลน์ หรือป้ายโฆษณา แต่ถึงยุคที่แบรนด์ต้องปรับตัวใช้กลยุทธ์คอนเทนต์ครีเอเตอร์ KOL และอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งเป็นเทรนด์มาร์เก็ตติ้งมาแรงในปี 2567 โดยพบว่าผู้บริโภคมากกว่า 46% เลือกเชื่อข้อมูลแนะนำ หรือการรีวิวใช้จริงในออนไลน์จากผู้บริโภคคนอื่น พอ ๆ กับการเชื่อคำแนะนำจากคนใกล้ชิดหรือครอบครัว ซึ่งสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้เวลาแต่ละวันมากกว่า 5 ชั่วโมงไปกับโซเชียลมีเดีย โดยแต่ละกลุ่มเจเนอเรชั่นต่างเลือกเสพสื่อบนแต่ละแพลตฟอร์มที่ต่างกัน อาทิ ในกลุ่ม Gen X ใช้แพลตฟอร์ม Facebook รองลงมาคือ Youtube, Tiktok Gen Y เลือกใช้แพลตฟอร์ม Facebook รองลงมาคือ Youtube, Instagram, Tiktok และกลุ่ม Gen Z ใช้แพลตฟอร์ม Tiktok มากที่สุด รองลงมาคือ Instagram และ Youtube

 

เมื่อผู้บริโภคเข้าถึงโซเชียลมีเดียบนหลากหลายแพลตฟอร์ม ทำให้มีพื้นที่สื่อสาร สร้างสตอรี่เทลลิ่ง แสดงความคิดเห็นที่เป็นตัวเองมากขึ้น นำไปสู่โอกาส พลิกบทบาทจากผู้เล่นโซเชียลสู่การเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์เพิ่มขึ้น ปัจจุบันประเทศไทยมีคอนเทนต์ครีเอเตอร์มากกว่า 2 ล้านคน ซึ่งยังไม่นับรวมคนไทยที่ใช้งานโซเชียลมีเดีย เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสาร และเพื่อความบันเทิง ทั้งในรูปแบบแสดงความคิดเห็น พูดคุยกันในกลุ่มชุมชนของตนเอง ทำให้แบรนด์จำเป็นต้องเข้าถึงแก่นแท้ของกลเม็ดในการใช้คอนเทนต์ครีเอเตอร์เพื่อการสร้างแบรนด์ ซึ่งการใช้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ให้ทรงประสิทธิภาพที่สุด วายดีเอ็ม แนะ 4 ขั้นตอน ดังนี้

1. กำหนดเป้าหมายแบรนด์ให้ชัดเจน ต้องรู้ตำแหน่งของแบรนด์ในตลาด และกำหนดความต้องการของแบรนด์ในการสื่อสารสู่เป้าหมายให้ชัดเจน เช่น ต้องการสื่อสารกับผู้บริโภคเพื่อสร้างการรับรู้ เพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ สร้างการมีส่วนร่วม หรือเพื่อสร้างยอดขาย เป็นต้น

2. ทำความเข้าใจคอนเทนต์ครีเอเตอร์ โดยเฉพาะบทบาทของคอนเทนต์ครีเอเตอร์แต่ละกลุ่ม ที่มีจุดแข็งต่างกัน เช่น อินฟลูเอนเซอร์ แค่ชูผลิตภัณฑ์ก็สามารถทำให้สินค้าเป็นที่ต้องการจนทำให้ขาดในตลาด และ KOL เน้นมุมมองการแสดงความเห็นอันทรงพลัง พูดอะไรคนก็เชื่อถือ หรือคอนเทนต์ครีเอเตอร์สร้างคอนเทนต์

สตอรี่เทลลิ่งผ่านไลฟ์สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ และ Mix บางคนเป็นหลายอย่าง เป็นทั้ง KOL + คอนเทนต์ครีเอเตอร์ นำเสนอเรื่องราวยาก ๆ ผ่านการทำคอนเทนต์แนวเล่าให้ง่าย สนุก ไปพร้อม ๆ กัน

3. ใช้เทคโนโลยีช่วยเลือก การดึงเทคโนโลยี AI ช่วยวิเคราะห์เลือกใช้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ หรือแคมเปญที่ตอบโจทย์เหมาะกับแบรนด์ ทั้งไลฟ์สไตล์ รูปแบบคอนเทนต์ มีฐานแฟนคลับหรือผู้ติดตามที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในการสื่อสารเดียวกับแบรนด์ โดย YDM มองเห็นบทบาทความสำคัญในส่วนนี้ ในการพัฒนาเครื่องมือ AI ช่วยวิเคราะห์การเลือกใช้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ เพื่อขับเคลื่อนทุกแคมเปญการตลาดให้กับทุกแบรนด์พาร์ทเนอร์อย่างมีศักยภาพที่สามารถวัดผลได้ในระยะเวลาที่กำหนด

4. คอนเทนต์สร้าง Trust ต้องไม่ยัดเยียด ให้พื้นที่คอนเทนต์ครีเอเตอร์ได้สร้างเรียลคอนเทนต์ บนสตอรี่เทลลิ่งผ่านคาแรกเตอร์และไลฟ์สไตล์ของตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ตีกรอบหรือยัดเยียดคอนเทนต์แบรนด์เข้าไปในการสื่อสารมากเกินไป เพราะอาจทำให้กลบจุดเด่นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไม่เป็นตัวเอง คอนเทนต์ก็จะไม่สนุก และอาจจะส่งผลต่อ Engagement

5. วัดผลให้ได้ กำหนดตัวชี้วัดเกณฑ์ความสำเร็จที่ชัดเจน เช่น online วัดผลผ่านการแทรค Offline ต้องทำ Correlation เพื่อหาความสัมพันธ์ในการใช้ KOL กับยอดขาย ส่วน KOL ไม่ใช่ one time marketing แต่จำเป็นต้องทำอย่างสม่ำเสมอจึงวัดผลได้ และที่สำคัญแบรนด์ไม่ควรมองข้ามการลงทุนกับอินฟลูเอนเซอร์กระแสที่มีค่าตัวสูง แม้จะกระตุ้นยอดขายได้เพียงครั้งเดียว ซึ่งหลายแบรนด์อาจมองว่าเหมือนจะไม่คุ้ม หรือขาดทุน แต่ทางกลับกัน การลงทุนดังกล่าวเป็นหนึ่งในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ทำให้คนรู้จัก จดจำแบรนด์ได้ เปิดใจทดลองผลิตภัณฑ์ เพิ่มโอกาสการซื้อซ้ำ

 

“พร้อมกันนี้ แนวคอนเทนต์ทรงพลังเพิ่ม Engagement ให้แบรนด์คือหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญมากในการร่วมงานกับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ซึ่งแนวคิดที่แบรนด์ควรตระหนักคือ 1. ครีเอทีฟคอนเทนต์ที่ไม่เหมือนใคร แตกต่างอย่างมีไลฟ์สไตล์ 2. ตามเทรนด์ กระแสที่ถูกพูดถึงในช่วงเวลานั้น เทรนด์มาต้องทำเลย ก่อนตกเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็น แอคติ้ง เพลง แฮชแท็ก กระแสต่าง ๆ ในโซเชียลแพลตฟอร์ม แต่ข้อควรระวัง คือต้องวิเคราะห์ภาพลักษณ์และความเหมาะสม เพราะไม่ใช่ทุกเทรนด์ที่แบรนด์จะเกาะกระแสได้ 3. Unknown fact การนำเสนอคอนเทนต์แบบที่คนไม่เคยรู้มาก่อน จะสร้างความน่าสนใจ 4. Build Discussion เช่น ทานหมี่หยก “ทีมลวก/ไม่ลวก” คอนเทนต์ที่ให้คนมาแสดงความคิดเห็นหรือถกเถียงกันต่อ และ 5. คอนเทนต์เหมาะกับ Platform เช่น Tiktok ต้องเสนอเป็นวิดีโอสั้น ๆ ดูเรียล Facebook เสนอเป็นภาพหรือ Photo album หรือ IG เน้นรูปสวย Reels ดูดีมีระดับตั้งแต่ภาพแรก” นายธนพล กล่าวเสริม

อย่างไรก็ดี หากแบรนด์ดำเนินกลยุทธ์การตลาดอย่างถูกต้อง จะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจสู่ผลลัพธ์ตามเป้าหมายได้อย่างชัดเจน ยกตัวอย่างโชว์เคสของ YDM จากกลุ่มธุรกิจ Streaming Platform ดึง KOLอินฟลูเอน

เซอร์ ผสมคอนเทนต์ครีเอทีฟ สามารถสร้างผลลัพธ์เพิ่ม Engagement มากขึ้น 50% และเพิ่มยอด New streaming สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในระยะเวลา 1 เดือน

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกี่ยวกับการศึกษาและแนวทางการใช้กลยุทธ์คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ที่สอดรับกับเทรนด์มาร์เก็ตติ้งในปี 2567 ได้ที่วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) https://www.ydmthailand.com

LINE WEBTOON จับมือ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ส่งเสริมความรู้แก่นักศึกษาเยาวชนรุ่นใหม่ ในด้านการออกแบบผลงานการ์ตูนดิจิทัล โอกาสต่อยอดสู่เส้นทางสายอาชีพ โดยมี นายชเวจุนยอง ผู้บริหาร LINE WEBTOON ประจำภูมิภาคจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ NAVER WEBTOON LIMITED (ท่านที่ 2 จากซ้าย) และ ผศ.ดร.อรรยา สิงห์สงบ รองอธิการบดีสายวิชาการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (ท่านที่ 3 จากซ้าย) เป็นผู้ลงนามความร่วมมือ พร้อมด้วย นายคิมโดยอง ผู้บริหาร LINE WEBTOON ประจำประเทศไทย NAVER WEBTOON LIMITED (ท่านที่ 1 จากซ้าย) และ รศ.ดร.ศุภเจตน์ จันทร์สาส์น ผู้ช่วยอธิการบดีสายวิชาการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (ท่านที่ 4 จากซ้าย) ให้เกียรติเข้าร่วมในพิธี ณ สำนักงาน LINE ประเทศไทย

โดยความร่วมมือในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ ในขั้นตอน กระบวนการออกแบบผลงานการ์ตูนดิจิทัลของนักศึกษา ให้มีประสิทธิภาพ และเพื่อเพิ่มทักษะ ต่อยอดศักยภาพการผลิตผลงานการ์ตูนดิจิทัลของนักศึกษา ให้สามารถนำไปใช้งานได้จริงในเส้นทางสายอาชีพ ผ่านความร่วมมือในการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน การจัดกิจกรรมการบรรยายพิเศษ กิจกรรมเวิร์คช้อปต่างๆ และโครงการสมทบอีกมากมาย

โดยมีทั้งครีเอเตอร์ โปรดิวเซอร์ในแวดวงการ์ตูนดิจิทัล และทีมงานผู้เชี่ยวชาญจาก LINE WEBTOON มาร่วมเป็นผู้ให้ความรู้ คำแนะนำตลอดกิจกรรมสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อเป้าหมายในการผลักดันศักยภาพบุคลากรรุ่นใหม่ในวงการครีเอเตอร์ไทย พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการ์ตูนดิจิทัลในประเทศไทย ให้เติบโตขึ้นไปอีกขั้นในระดับสากล

airasia Super App ร่วมกับคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ลงนามความร่วมมือทางวิชาการ (MOU)

X

Right Click

No right click