

สมาคมเคมีแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “โครงการพัฒนาการเรียนการสอนการทดลองวิทยาศาสตร์ด้วยหลักการของปฏิบัติการเคมีแบบย่อส่วนสำหรับโรงเรียนมัธยมศึกษา” พร้อมร่วมมือกันขยายผลการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์แนวใหม่ที่ “ย่อส่วน” การทดลอง เพื่อ “ขยายโอกาส” ทางการศึกษา ให้นักเรียนได้ประสบการณ์การลงมือทำด้วยอุปกรณ์การทดลองขนาดเล็กที่ประหยัด ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนรัฐบาลสังกัด สพฐ. และ โรงเรียนเอกชนสังกัด สช. ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
โครงการนี้เป็นการขยายความร่วมมือในการต่อยอดความสำเร็จโครงการ “ห้องเรียนเคมีดาว” ซึ่ง Dow และ สมาคมเคมีฯ ได้ร่วมดำเนินงานมาครบ 10 ปี ในปีที่ผ่านมา โดยจะเพิ่มโอกาสให้ครูวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาในสังกัด สพฐ. และ สช. ได้เข้าอบรมและสามารถนำเทคนิคไปถ่ายทอดและประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนมากขึ้น เพื่อให้กับนักเรียนได้ใช้ปฏิบัติการเคมีแบบย่อส่วนในการทำการทดลองด้วยตนเอง ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีใจรักในการศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์ที่เป็นสาขาอาชีพที่ยังต้องการมากของประเทศในขณะนี้ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้มีความสามารถสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานและการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต โดยโครงการฯ ในส่วนขยายความร่วมมือนี้ตั้งเป้าจะจัดอบรมให้ครูในโรงเรียนสังกัดมากกว่า 1,000 คน

นายวิชาญ ตั้งเคียงศิริสิน ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า “Dow ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการศึกษาด้านสะเต็ม หรือ STEM Education ที่ประกอบด้วยสาขาวิชาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ในประเทศไทย เพื่อสร้างนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ที่จะคิดค้นนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยในอนาคต การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์แนวใหม่นี้ จะช่วยให้โรงเรียนจำนวนมากสามารถเข้าถึงการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ที่ใช้งบประมาณต่ำ มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูงได้อย่างรวดเร็ว เราจึงมีความชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ สพฐ. และ สช. เล็งเห็นความสำคัญของการทดลองแบบ “ย่อส่วน” เพื่อ “ขยายโอกาส” ทางการศึกษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม โดยทั้งสองหน่วยงานจะเป็นกำลังสำคัญในการขยายผลซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับการพัฒนาบุคคลกรด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศไทยในอนาคต”
ศาสตราจารย์ ดร.วุฒิชัย พาราสุข นายกสมาคมเคมีแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า “สมาคมฯ เป็นผู้ริเริ่มในการนำเทคนิคปฏิบัติการเคมีแบบย่อส่วนมาเผยแพร่ในโรงเรียนมัธยมศึกษาในประเทศไทย โดยได้ออกแบบหลักสูตรการฝึกอบรมและกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับ Dow ในการนำความรู้ความเข้าใจด้านความปลอดภัยในการทำงานกับสารเคมี หลักการเคมีกรีน และการประยุกต์ใช้การทดลองเคมีแบบย่อส่วน มาเสริมการเรียนการสอนในโรงเรียน ทำให้นักเรียนได้ทำการทดลองจริงด้วยตนเองอย่างปลอดภัย และได้สร้างเครือข่ายครูต้นแบบเคมีแบบย่อส่วน เพื่อทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนและต่อยอดองค์ความรู้ได้มากขึ้น ครูต้นแบบจะทำหน้าที่เผยแพร่เทคนิคปฏิบัติการเคมีแบบย่อส่วนแก่เพื่อนครูที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมดังกล่าวได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 10 ปีแล้ว ในความร่วมมือครั้งนี้ สมาคมฯ จะทำหน้าที่บริหารงานด้านวิชาการ จัดหาบุคลากรผู้ชำนาญที่เหมาะสมกับหลักสูตรฝึกอบรม และเป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในการประเมินผลการเรียนการสอนตามแนวทางการสอนแบบใหม่ของโครงการฯ”

ว่าที่ร้อยตรี ดร.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า “สพฐ. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ และได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ วิชาการ และเอกชน ขับเคลื่อนโครงการ ‘ปฏิบัติการเคมีแบบย่อส่วนสำหรับโรงเรียนมัธยมศึกษา’ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านการทดลองที่ปลอดภัย ประหยัด และมีประสิทธิภาพ โครงการนี้มุ่งพัฒนาทักษะผู้เรียนให้คิด วิเคราะห์ และลงมือปฏิบัติจริง พร้อมยกระดับคุณภาพครูและสถานศึกษาให้สามารถจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สพฐ. จะสนับสนุนการนิเทศ ติดตาม และประชาสัมพันธ์โครงการอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งเสริมให้เกิดต้นแบบโรงเรียนที่มีแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ เราต้องการจุดประกายให้นักเรียนรักวิทยาศาสตร์ และสร้างพื้นฐานที่มั่นคงให้การศึกษาไทยก้าวทันโลกอย่างยั่งยืน”

นายมณฑล ภาคสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กล่าวว่า “การเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้โรงเรียนเอกชนสามารถเข้าถึงการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงได้มากขึ้น สช. มีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ และพร้อมที่จะสนับสนุนการพัฒนาครูและนักเรียนในโรงเรียนเอกชนให้มีความรู้และทักษะทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง”
ศาสตราจารย์ ดร.ประณัฐ โพธิยะราช คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “ภาควิชาเคมีได้ริเริ่มนำแนวคิดของการทดลองเคมีแบบย่อส่วนมาใช้ในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ 2543 ภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการเคมีแบบย่อส่วนของภาควิชาเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบัน มีการทดลองเคมีแบบย่อส่วนหลายเรื่อง ที่ได้นำมาใช้สอนในวิชาบริการสำหรับนิสิตสายวิทยาศาสตร์ชั้นปีที่ 1 จึงเป็นที่น่ายินดี ที่ได้เห็นการนำมาประยุกต์ใช้สอนในโรงเรียนมัธยมศึกษาอย่างทั่วถึง จะทำให้ลดความเหลื่อมล้ำด้านการสอนการทดลองวิทยาศาสตร์แก่นักเรียนในโรงเรียนเล็กและห่างไกล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล็งเห็นความสำคัญของโครงการนี้ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากกับการพัฒนาเยาวชนให้มีประสบการณ์ที่ดีในการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เพื่อต่อยอดการเรียนในระดับที่สูงขึ้นไป ในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่เราได้ร่วมลงนามความร่วมมือ ซึ่งจะทำให้เราเข้ามาเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการเพื่อร่วมผลักดันโครงการดี ๆ ให้ไปถึงเด็กไทยทั่วประเทศต่อไป”

จากการดำเนินงานกว่า 10 ปี ของโครงการห้องเรียนเคมีดาว มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1,200 แห่ง อบรมคุณครูไปแล้วกว่า 2,100 คน มีนักเรียนที่ได้รับประโยชน์โดยตรงทั้งสิ้นกว่า 470,000 คน และในปีนี้ จะยังคงมีการจัดประกวดโครงงาน “ปฏิบัติการเคมีแบบย่อส่วน” DOW-CST Award เพื่อเป็นเวทีให้คุณครูและนักเรียนได้นำแนวคิดไปประยุกต์สร้างเป็นการทดลองใหม่ ๆ ด้วยวัสดุและทรัพยากรในท้องถิ่นของตนเอง
สำหรับคุณครูและนักเรียนที่สนใจแนวทางการเรียนวิทยาศาสตร์ด้วย “ปฏิบัติการเคมีแบบย่อส่วน” สามารถเข้าชมข้อมูลได้ฟรีที่เว็บไซต์ http://www.DowChemistryClassroom.com
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เดินหน้าส่งเสริมการเลี้ยงชันโรงให้เป็นธุรกิจเพื่อสังคม สร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับชุมชนไทย ผ่านโครงการ "Big Brothers" ระยะที่ 2 ภายใต้แนวคิด “Big Brothers นำชุมชนสู่วิสาหกิจเพื่อสังคม น้ำผึ้งชันโรง” มุ่งยกระดับการเลี้ยงชันโรงจากอาชีพเสริมสู่ธุรกิจที่สร้างรายได้มั่นคง ด้วยพลังของงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก พร้อมขยายเครือข่ายสู่จังหวัดสระบุรี โดยร่วมกับภาคเอกชนที่เข้ามาเป็น "พี่เลี้ยง" ถ่ายทอดความรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด และการบริหารธุรกิจ เพื่อให้เกษตรกรสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน
ชันโรงเป็นผึ้งพื้นถิ่นที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศ ช่วยเพิ่มอัตราการผสมเกสรให้พืชผลทางการเกษตรโดยเฉพาะไม้ผล เช่น มะม่วง ลำไย และกาแฟ อีกทั้งยังเป็นแมลงเศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูง สามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและชุมชน ด้วยคุณสมบัติที่เลี้ยงง่าย ลงทุนน้อย แต่ให้ผลตอบแทนสูง น้ำผึ้งชันโรงเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีมูลค่าสูง อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและบำรุงสุขภาพ และได้รับความนิยมในตลาดผลิตภัณฑ์สุขภาพ โครงการนี้จะช่วยให้เกษตรกรมีความรู้ในการเลี้ยงชันโรงอย่างเป็นระบบ เพิ่มผลผลิตโดยการใช้อาหารเสริมที่พัฒนามาจากงานวิจัยและเพิ่มมูลค่าของน้ำผึ้งชันโรง รวมถึงการพัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนโดยใช้น้ำผึ้งชันโรงเป็นส่วนผสม เช่น แยมไซรัปเลมอนผสมน้ำผึ้งชันโรง น้ำเลมอนผสมน้ำผึ้งชันโรง การนำเอากากของชันที่ไม่ได้ใช้แล้ว นำไปผลิตเป็นสบู่นมแพะผสมน้ำผึ้งชันโรง เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน
เมื่อปี 2566 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้ประกาศเจตนารมณ์ความร่วมมือ “Big Brothers นำชุมชนสู่วิสาหกิจเพื่อสังคม น้ำผึ้งชันโรง” ในระยะที่ 1 ร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตระยอง และเครือข่ายพันธมิตรภาคเอกชน ประกอบด้วย กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) เป็นการนำเอางานวิจัยมาพัฒนาให้เกิดขึ้นจริงโดยการผลิตอาหารเสริมเพื่อเลี้ยงชันโรงเป็นการเพิ่มผลผลิตของน้ำผึ้งชันโรง เกิดการส่งเสริมการเลี้ยงชันโรงในจังหวัดระยอง ขอนแก่น และสมุทรปราการ เกิดเครือข่ายผู้เลี้ยงชันโรง ขยายตลาด และเกิดการผลิตอาหารเสริมเพื่อเลี้ยงชันโรงขึ้น
การขับเคลื่อนโครงการ "Big Brothers" ในระยะที่ 2 จะขยายสู่จังหวัดสระบุรี โดยเน้นการสร้างต้นแบบการเลี้ยงชันโรงที่เหมาะสมกับพื้นที่ พัฒนาเทคนิคการเก็บเกี่ยว และยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์เพื่อเข้าสู่ตลาดสุขภาพระดับพรีเมียม ซึ่งจะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ และทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ความร่วมมือนี้เป็นอีกก้าวสำคัญของการใช้พลังของงานวิจัยและภาคธุรกิจในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ให้กับเศรษฐกิจฐานรากของไทย

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ซึ่งได้ให้เกียรติร่วมพิธีประกาศเจตนารมณ์ความร่วมมือกับผู้บริหารหน่วยงานพันธมิตรในระยะที่ 2 ณ โรงแรม เอส 31 สุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความสำคัญของความร่วมมือนี้ว่า “น้ำผึ้งชันโรงไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ แต่เป็นโอกาสในการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย โครงการ Big Brothers แสดงให้เห็นว่างานวิจัยที่ดีสามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้จริง เรากำลังช่วยให้เกษตรกรมีทางเลือกใหม่ที่มั่นคง เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ด้วยการนำองค์ความรู้ทางวิจัยมาผสานกับศักยภาพของชุมชน จะช่วยสร้างธุรกิจที่เติบโตได้จริงและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง”
บทบาทสำคัญของ วช. ในโครงการนี้คือการสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของน้ำผึ้งชันโรง รวมถึงการผลักดันให้กลุ่มเกษตรกรสามารถต่อยอดเป็นธุรกิจที่มีมาตรฐาน ขณะที่ภาคเอกชนในฐานะ "Big Brothers" เข้ามาช่วยเติมเต็มในส่วนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ การวางกลยุทธ์ทางการตลาด และการขยายช่องทางการจำหน่าย ทั้งในตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ

พิธีประกาศเจตนารมณ์ครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญของเครือข่าย Big Brothers ในการแสดงพลังของความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชน เพื่อเปลี่ยน “น้ำผึ้งชันโรง” ให้เป็นมากกว่าสินค้า แต่เป็นต้นแบบธุรกิจเพื่อสังคมที่สร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนไทย
สมาคมเคมีแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เชิญคุณครูวิทยาศาสตร์เข้าร่วมเวิร์กช็อปออนไลน์ “การอบรมเทคนิคปฏิบัติการเคมีแบบย่อส่วนสำหรับโรงเรียนมัธยมศึกษา และโครงการห้องเรียนเคมีดาว รุ่นที่ 12” โดยเลือกอบรมภาคทฤษฎีในวันที่ 19 เมษายน 2568 และอบรมภาคปฏิบัติในวันที่ 17-18 พฤษภาคม 2568 ผ่านทางแอปพลิเคชัน Zoom เพื่อเรียนรู้เทคนิคการทดลองที่สามารถนำไปต่อยอดในชั้นเรียนได้จริง ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) จะคัดเลือกและสนับสนุนค่าใช้จ่าย 5,000 บาท/คน สำหรับครู 15 ท่านที่มาจากโรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่ห่างไกลที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการฯ โดยผู้ที่เข้าร่วมอบรมภาคปฏิบัติจะได้รับอุปกรณ์ทดลองเคมีแบบย่อส่วนที่ปลอดภัย ประหยัด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวม8 ชุดการทดลอง มูลค่ากว่า 4,000 บาท ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการเรียนการสอนจริงได้มากกว่า 20 ครั้ง พร้อมทั้งประกาศนียบัตรจาก สพฐ. และสามารถนับชั่วโมงวิทยฐานะได้เมื่อเรียนจบหลักสูตร

สมัครด่วนภายในวันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน 2568 ลงทะเบียนและชำระค่าสมัครผ่าน QR Code หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. โทร. 02-611-7656 ผู้สมัครต้องเข้าร่วมทดสอบระบบและชี้แจงรายละเอียดในวันศุกร์ที่ 18 เมษายน 2568
กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านวัสดุศาสตร์ (Materials Science) ได้รับพระราชทานโล่เกียรติคุณผู้สนับสนุนกิจการงานของมูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 จากการสนับสนุนผลิตภัณฑ์โพลิยูรีเทนในการผลิตขาเทียมที่มีความคงทนแข็งแรง ช่วยลดแรงกระแทกและป้องกันอาการบาดเจ็บ อีกทั้งยังจัดการอบรมด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อมให้แก่เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯ พร้อมปรับปรุงระบบการผลิตให้มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ
ในโอกาสนี้ นายวิชาญ ตั้งเคียงศิริสิน ประธานบริหาร พร้อมกับคณะผู้บริหารของกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ได้เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จฯ และรับพระราชทานโล่เกียรติคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ อาคารมูลนิธิขาเทียม ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

นายวิชาญ ตั้งเคียงศิริสิน กล่าวว่า “Dow รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนมูลนิธิขาเทียมฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 ความร่วมมือตลอด 29 ปีนี้ ไม่เพียงช่วยให้ผู้พิการสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ แต่ยังสะท้อนถึงพันธกิจของ Dow ในการใช้วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน โดยเรามุ่งมั่นที่จะเดินหน้าสร้างสรรค์โซลูชันด้านวัสดุที่มีความหมายต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างโลกที่ดีกว่าสำหรับวันนี้และคนรุ่นต่อไป”
ความร่วมมือระหว่าง Dow และมูลนิธิขาเทียมฯ ไม่เพียงช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้พิการ แต่ยังส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัยและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน โดยผลิตภัณฑ์และการสนับสนุนของ Dow ช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มความสะดวกสบายของผู้ใช้งาน และยกระดับมาตรฐานการผลิตของมูลนิธิฯ ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำความสำคัญของการพัฒนาสังคมไทยในทุกมิติ
กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) เปิดรับสมัครครูและนักเรียนระดับมัธยมศึกษาทั่วประเทศ