นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เร่งขับเคลื่อนนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรม” มุ่งเซฟผู้ประกอบการไทยให้อยู่รอด และแข่งขันได้อย่างเท่าเทียม พร้อมสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก ผ่านการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) และจังหวัดโทคุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ผลักดันอุตสาหกรรมยุคใหม่ อีกทั้ง ยังได้จัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างภาคอุตสาหกรรมไทย–ญี่ปุ่น เพื่อยกระดับผู้ประกอบการไทยให้เติบโตได้ในตลาดสากล ผ่านการต่อยอดธุรกิจ และสร้างเครือข่ายและพันธมิตรทางการค้า คาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 1,000 ล้านบาท
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ตามนโยบายในการ “ปฏิรูปอุตสาหกรรม” การสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันของ SME ไทย สร้างอุตสาหกรรมใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดย “Save อุตสาหกรรมไทย” เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยได้มอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เร่งหาช่องทางขยายความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยเติบโตต่อไปได้ในตลาดสากลอย่างมั่นคง เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจไทยสู่เศรษฐกิจโลก
ด้าน นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) มุ่งสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล ควบคู่ไปกับการสร้างความเท่าเทียม สร้างรายได้ และสร้างโอกาสทางธุรกิจ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยมีความพร้อมเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานโลก โดยพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ ระหว่าง “ดีพร้อม” และ “จังหวัดโทคุชิมะ” ที่จัดขึ้นในวันนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศญี่ปุ่น ที่เริ่มมีความร่วมมือตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ทำให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายในภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศไทย และในวันนี้ ดีพร้อมได้มีความร่วมมือและเชื่อมโยงธุรกิจกับจังหวัดโทคุชิมะที่เป็นแหล่งพัฒนาเทคโนโลยีด้านเครื่องจักร เทคโนโลยีการเกษตร และเกษตรแปรรูป ซึ่งสอดรับกับนโยบายการปฏิรูปอุตสาหกรรม เกิดการเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมเดิมสู่อุตสาหกรรมใหม่ อาทิ เกษตรอุตสาหกรรม เครื่องมือแพทย์ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ อาหารแห่งอนาคต ที่ล้วนเพิ่มมูลค่าให้เศรษฐกิจไทยได้ ซึ่งคาดว่าจากพิธีลงนามฯ ดังกล่าว จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 1,000 ล้านบาท
ด้านนายโกโตดะ มาซาซูมิ ผู้ว่าราชการจังหวัดโทคุชิมะ กล่าวเสริมว่า จังหวัดโทคุชิมะตั้งอยู่ในภูมิภาคชิโกกุ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 เกาะ ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นเกาะที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์มาก ทำให้จังหวัดโทคุชิมะ มีความโดดเด่นในอุตสาหกรรมเกษตร ประมง และอาหารแปรรูป ตลอดจนอุตสาหกรรมเครื่องจักร ยานยนต์ และแบตเตอรี่ ซึ่งในวันนี้ ได้นำผู้ประกอบการรายใหญ่ของจังหวัดทั้งในอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ยานยนต์ และเครื่องจักร หลายรายมาร่วมในกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจเพื่อพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทย–ญี่ปุ่น โดยหวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าและสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน ตามที่ทั้งสองหน่วยงานมีความตั้งใจจะขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมยุคใหม่ และทำให้เศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่นได้เติบโตควบคู่ไปด้วยกันได้อย่างสมดุล มั่นคง และยั่งยืน นายโกโตดะ กล่าวทิ้งท้าย
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม “ปฏิรูปอุตสาหกรรม” หนุนอุตสาหกรรมป้องกันภัยพิบัติเป็นอีกหนึ่งในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ นำร่องการสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ โดยมอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) จับมือกับภาคเอกชน ผลิตแผ่นป้องกันน้ำท่วมที่ผลิตจากวัสดุคอมโพสิต หรือขยะพลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเร่งวิจัย และเตรียมขยายผลสู่เชิงพาณิชย์ คาดว่าจะสามารถลดความเสียหายจากเหตุอุทกภัยได้กว่า 3.1 พันล้านบาท
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากสภาวะโลกร้อนที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นจนเป็นสภาวะโลกเดือดในปัจจุบัน ส่งผลให้ภูมิอากาศทั่วโลกแปรปรวนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังจะเห็นได้จากภัยน้ำท่วมอย่างรุนแรง และต่อเนื่องในพื้นที่ต่าง ๆ ในประเทศไทยก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินกว่า 3.1 พันล้านบาท ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม ตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรม ในการสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมผ่านการสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันภัยพิบัติเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ นำร่องการสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ จึงได้มอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เข้าไปส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันภัยพิบัติ เพื่อให้สามารถผลิตอุปกรณ์รองรับภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต โดยเฉพาะอุปกรณ์ในด้านการป้องกันภัยจากน้ำท่วม ที่เป็นปัญหาสำคัญของไทย และเกิดขึ้นได้เกือบทุกปี ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากเหตุอุทกภัย โดยสามารถผลิตได้เองภายในประเทศ ลดการนำเข้าเนื่องจากสินค้ามีราคาสูง รวมทั้งยังสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้อีกด้วย นอกจากนี้ วัสดุที่นำมาใช้มีทั้งที่เป็นนวัตกรรมจากวัสดุคอมโพสิต และวัสดุเหลือใช้ตามแนวคิด BCG ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ด้าน นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ได้ดำเนินการวิจัย และพัฒนาวัสดุ รวมทั้งบูรณาการกับหน่วยงานภาคเอกชนในการส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันภัยพิบัติ เพื่อพัฒนาต้นแบบอุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วม โดยพัฒนาวัสดุกำแพงป้องกันน้ำท่วมผลิตจากนวัตกรรมวัสดุคอมโพสิต หรือเศษขยะพลาสติกเหลือทิ้งนำมาบดขึ้นรูปใหม่ (upcycling Recycle) ตามแนวคิด BCG โดยมีวัสดุทางเลือกจากการวิจัยมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องความแข็งแรงทนทาน มีน้ำหนักเบา และมีราคาถูกกว่าการนำเข้า รวมทั้งยังช่วยลดปริมาณขยะพลาสติก และนำมาสร้างมูลค่าเพิ่มได้ นอกจากนี้ ยังใช้ระบบ KNOCK DOWN ที่สามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว แม่นยํา และปลอดภัย เหมาะสำหรับติดตั้งบริเวณประตูทางเข้าออกของโครงการ หรืออาคาร ทางลงชั้นจอดรถใต้ดิน หน้าบันไดเลื่อน หน้าลิฟต์ และล้อมเครื่องจักรมูลค่ำสูง เป็นต้น อีกทั้ง จะสามารถนำนวัตกรรมนี้ไปถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ประกอบการเพื่อผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ต่อไปในอนาคตได้อีกด้วย นางสาวณัฏฐิญา กล่าวทิ้งท้าย
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ปิดฉากสุดประทับใจสำหรับบิ๊กอีเวนท์กลางกรุง “CRAFT DRINK by DIPROM ศาสตร์และศิลป์เครื่องดื่มไทย นำธุรกิจไกลสู่สากล” ที่เปิดให้ประชาชนและคนรักเครื่องดื่มจากทั่วประเทศไทยเข้างานฟรี ภายในงานเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ การจับคู่ธุรกิจ และความสนุกสนาน พร้อมเสิร์ฟเมนูเครื่องดื่มพิเศษที่สร้างสรรค์ด้วยวัตถุดิบท้องถิ่น ผสานกับเทคนิคการผลิตระดับสากล ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์และเรียนรู้ศาสตร์เบื้องหลังการสร้างเครื่องดื่มชั้นเลิศอย่าง กาแฟ โกโก้ และสุราพื้นบ้าน ตั้งแต่วันที่ 5 – 10 กันยายน 2567 ณ ลานศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งตลอดระยะเวลาการจัดงาน 6 วัน ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้มากกว่าแสนคน สร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคมมากกว่า 168 ล้านบาท
นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า การจัดงาน “CRAFT DRINK by DIPROM ศาสตร์และศิลป์เครื่องดื่มไทย นำธุรกิจไกลสู่สากล” ถือเป็นความท้าทายของ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ในการนำเสนอศักยภาพของเครื่องดื่มไทยสู่สายตาระดับสากล ซึ่งไม่เพียงที่จะต้องการส่งเสริมผู้ประกอบการในประเทศ แต่ยังต้องการสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพและความคิดสร้างสรรค์ของผลิตภัณฑ์ไทยให้ก้าวไกลสู่ตลาดโลก งานนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเผยแพร่องค์ความรู้และนวัตกรรมด้านการผลิตเครื่องดื่มที่สามารถต่อยอดสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต ตลอดจนเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นใหม่ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไทยที่มีศักยภาพสู่การแข่งขันในระดับสากล
นายภาสกร กล่าวต่อว่า ภายในงาน “CRAFT DRINK by DIPROM” ประกอบด้วยหลากหลายกิจกรรมเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ไม่ว่าจะเป็นการแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับกระบวนการผลิตเครื่องดื่มที่ผสมผสานระหว่างศาสตร์และศิลป์ การจัดเวิร์กช็อปจากผู้เชี่ยวชาญในวงการเครื่องดื่ม การเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ และการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ยังมีการชิมเมนูพิเศษจากผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มท้องถิ่นที่สร้างสรรค์ขึ้นสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ พร้อมโชว์จากศิลปินชื่อดังที่ผลัดเปลี่ยนกันมาสร้างความสนุก และพิเศษสุดกับการเนรมิตรโซนกิจกรรมที่น่าสนใจเต็มพื้นที่หน้าลานศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อมอบความรู้ควบคู่ไปกับความบันเทิง ซึ่งตลอดระยะเวลาการจัดงาน 6 วัน มีประชาชนเข้าร่วมงาน 105,000 คน สร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคมมากกว่า 168 ล้านบาท ทั้งนี้ ความสำเร็จของงาน CRAFT DRINK by DIPROM สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความสำคัญของของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทยที่สามารถก้าวสู่ตลาดสากลได้อย่างมั่นคง ตลอดจนเป็นเวทีสำคัญในการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ช่วยเสริมสร้างเครือข่ายและโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
งาน “CRAFT DRINK by DIPROM” ถือเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่เกิดจากความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงสมาคมฯ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการเครื่องดื่มไทย โดยในงานมีหนึ่งไฮไลต์สำคัญอย่างกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ หรือ Business Matching ในหัวข้อ "เวทีจับคู่เครื่องดื่มไทยนำธุรกิจไกลสู่สากล" ซึ่งช่วยเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยกับตลาดต่างประเทศ สร้างโอกาสในการขยายธุรกิจร่วมกัน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไทยทั้ง 3 กลุ่ม ได้พบปะกับผู้ซื้อและผู้จัดจำหน่ายจากประเทศชั้นนำ อาทิ CP Extra, Tops Supermarket, บริษัท พีเค โกโก้ แอนด์ ช็อกโกแลต จำกัด, บริษัท คอนเซพท เคส จำกัด รวมถึงตัวแทนจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐอินเดีย ตลอดจนการสนับสนุนด้านการเงินจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SME D Bank เพื่อเสริมศักยภาพการลงทุนและความมั่นคงทางธุรกิจ
นายภาสกร กล่าวเพิ่มเติมว่า “ดีพร้อม ขอขอบคุณทุกความร่วมมือจากเครือข่ายพันธมิตร ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีส่วนให้งาน CRAFT DRINK by DIPROM ศาสตร์และศิลป์เครื่องดื่มไทย นำธุรกิจไกลสู่สากล ผ่านไปได้อย่างสมบูรณ์และประสบความสำเร็จ ซึ่งการร่วมมือและการสนับสนุนจากทุกท่านถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราสามารถนำเสนอแนวทางใหม่ ๆ เพื่อนำมาปรับใช้ในการพัฒนาภาคการเกษตรและการสร้างมูลค่าเพิ่มสู่เกษตรอุตสาหกรรม รวมถึงผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อสร้างอัตลักษณ์ท้องถิ่นและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศของเราไปข้างหน้า โดย ดีพร้อม จะเดินหน้ามุ่งมั่นสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชน อีกทั้งยังหวังว่าจะได้พบกับทุกท่านในกิจกรรมอื่น ๆ ของดีพร้อมต่อไป”
ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ได้ทางเว็บไซต์ www.diprom.go.th และเฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/dipromindustry หรือโทร. 0 2430 6860
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เร่งยกระดับศักยภาพเครื่องดื่มไทยที่ผลิตจากชุมชนใน 3 ผลิตภัณฑ์ที่สำคัญ คือ กาแฟ โกโก้ และสุราพื้นบ้าน พร้อมผลักดันเครื่องดื่มชุมชนสู่ตลาดในวงกว้าง ด้วยการจัดงาน “CRAFT DRINK BY DIPROM ศาสตร์และศิลป์เครื่องดื่มไทย นำธุรกิจไกลสู่สากล” ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างวันที่ 5 – 10 กันยายน 2567 โดยนำผู้ประกอบการเครื่องดื่มชุมชน โกโก้ กาแฟ และสุราชุมชน นำสินค้าเข้าร่วมจัดแสดง และจำหน่ายให้กับผู้ที่เข้าชมงานกว่า 120 ร้านค้า ตั้งเป้ามีผู้ร่วมงานมากกว่าแสนคน และต่อยอดมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 140 ล้านบาท
นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เดินหน้านโยบาย "RESHAPE THE FUTURE: โลกเปลี่ยน อุตสาหกรรมปรับ พร้อมรับอนาคต" ด้วยการมุ่งยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชนเครื่องดื่มไทย ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ให้สามารถเติบโตได้ในระดับสากลและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต จึงได้จัดงาน “CRAFT DRINK by DIPROM ศาสตร์และศิลป์เครื่องดื่มไทย นำธุรกิจไกลสู่สากล” ขึ้น ระหว่างวันที่ 5 - 10 กันยายน 2567 เวลา 10.00 – 22.00 น. ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมเกษตรอุตสาหกรรม และเครื่องดื่มไทยสู่ตลาดโลกอย่างเต็มที่ และตอกย้ำเจตนารมณ์ในการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการไทยให้สามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเป็นเอกลักษณ์ เพื่อแข่งขันในตลาดสากลได้อย่างยั่งยืน โดยชูสินค้า 3 กลุ่มหลักสำคัญ ได้แก่ 1) กาแฟ 2) โกโก้ และ 3) สุราพื้นบ้าน หวังยกระดับสินค้าชุมชน สร้างงาน สร้างอาชีพ พร้อมพัฒนาตลาดสินค้าเครื่องดื่มชุมชนเหล่านี้ให้เป็นที่แพร่หลายไปสู่ระดับโลก
โดยงานนี้ เป็นการสร้างปรากฏการณ์การรวมผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มของไทย ที่มีความหลากหลายและมีอัตลักษณ์ของชุมชนท้องถิ่น เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้เป็นส่วนหนึ่งของซอฟต์พาวเวอร์ในด้านอาหารของไทย อีกทั้งยังได้ร่วมนำเสนอผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มจากกลุ่มผู้ประกอบการ และวิสาหกิจชุมชนจากทุกภูมิภาค เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ ตั้งเป้ามีผู้ร่วมงานมากกว่าแสนคน และต่อยอดมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 140 ล้านบาท ตลอดการจัดงาน 6 วัน
ณรงค์ฤทธิ์ ผลห้า ผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์โกโก้ เจ้าของแบรนด์ Singora chocolate หนึ่งในผู้ประกอบการโกโก้ที่เข้าร่วมออกบูธในงาน “CRAFT DRINK BY DIPROM” เปิดเผยว่า ตลาดเครื่องดื่มโกโก้ หรือช็อกโกแลต ยังมีโอกาสอีกมากในประเทศไทย เนื่องจากคนไทยหันมาสนใจเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเครื่องดื่มโกโก้เข้ามาตอบโจทย์ในเรื่องนี้ได้ดี เพราะโกโก้เป็นแหล่งสำคัญของ polyphenol ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีสรรพคุณช่วยกระตุ้นประสาท ช่วยบรรเทาภาวะของโรคเครียด โรคซึมเศร้า ช่วยลดระดับไขมันในเลือด ช่วยลดความดันโลหิต และช่วยระดับลดน้ำตาลในเลือด รวมทั้งยังเป็นเครื่องดื่มที่ทานได้ทุกเวลา และทุกช่วงวัย
จากการแสความนิยมโกโก้ที่เพิ่มขึ้น ทำให้เราขยายธุรกิจจากวิสาหกิจชุมชนไปสู่การเป็นเอสเอ็มอีโดยใช้จุดเด่นของผงโกโก้ที่มีโกโก้บัตเตอร์ซึ่งเป็นไขมันดีมีประโยชน์ต่อร่างกายสูงถึง 22% มากกว่าผงโกโก้ทั่วไปในท้องตลาดที่มีเพียง 10 – 12% รวมทั้งที่โรงงานยังมีการผลิตอย่างครบวงจรตั้งแต่เครื่องจักร อุปกรณ์ที่ใช้ผลิตโกโก้ ไปจนถึงผงโกโก้ ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ได้จากโกโก้ และยังมีมีคอร์สสอนแปรรูปตั้งแต่ผลสดจนเป็นผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้ โกโก้ของไทยก็มีจุดเด่นที่เกิดจากพื้นที่และภูมิอากาศที่แตกต่างจากที่อื่น ทำให้โกโก้ของไทยจะมีความเปรี้ยวปลายนิด ๆ สดชื่นคล้ายผลไม้เมืองร้อน เป็นรสชาติใหม่ที่ต่างประเทศไม่มี ทำให้โกโก้ของไทยสามารถพัฒนาไปสู่เกรดพรีเมียมได้ รวมทั้งโกโก้ยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นช็อกโกแลตที่เป็นขนมหวานราคาสูง และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่หลากหลาย เป็นที่นิยมของคนทั่วโลก และยังเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่เข้ากับเทรนด์ความต้องการในโลกยุคใหม่ จึงเหมาะกับประเทศไทยที่เป็นผู้แปรรูปอาหารชั้นนำของโลก เป็นโอกาสในการสร้างสินค้าใหม่ทำรายได้เข้าประเทศได้อีกมาก
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังต้องนำเข้าโกโก้จากต่างประเทศเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยผลผลิตเมล็ดโกโก้แห่งภายในประเทศมีไม่ถึง 1 พันตันต่อปี ทำให้ต้องนำเข้ากว่า 5 พันตันต่อปี ดังนั้นยังมีโอกาสขยายกำลังการผลิตได้มากกว่า 5 เท่าตัว โดยพื้นที่เหมาะสมในการปลูกโกโก้จะอยู่ในภาคใต้ ซึ่งโกโก้เป็นพืชที่ปลูกแซมในสวนยาง และสวนผลไม้ต่าง ๆ ได้ดี เพราะไม่ต้องการแสงแดดมาก จึงเหมาะกับเกษตรกรทั่วไปที่จะปลูกโกโก้เพิ่มรายได้ให้มากขึ้นกว่าการปลูกพืชหลักเพียงอย่างเดียว
โดยภายในงาน “CRAFT DRINK BY DIPROM” นี้ จะมีการเปิดตัวเครื่องดื่มโกโก้ในรูปแบบใหม่ คือ ช็อกโกแลตน้ำตาล เป็นการนำน้ำตาลโตนดที่ผลผลิตขึ้นชื่อท้องในถิ่นเข้ามาประยุกต์สร้างเป็นเครื่องดื่มรูปแบบใหม่ทีดีต่อสุขภาพ เพราะน้ำตาลโตนดมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำทำให้ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดช้า บวกกับคุณประโยชน์ของโกโก้ จึงเป็นเครื่องดื่มรูปแบบใหม่ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพสูง รวมทั้งยังนำผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ ลิบบาล์ม หรือ ลิปสติก ซึ่งเป็นการแปรรูปนำบัตเตอร์โกโก้มาผลิต จึงมีคุณสมบัติในการบำรุงริมฝีปากได้ดี โดยมองว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะโตได้อีกมากในอนาคต รวมทั้งยังมีแผนที่จะร้านช็อกโกแลตคราฟท์ ที่เป็นโกโก้คาเฟ่เต็มรูปแบบ เป็นทางเลือกใหม่ที่ทานได้ทุกวัย ซึ่งในปัจจุบันมีร้านโกโก้คาเฟ่แท้ ๆ ทั่วประเทศไม่ถึง 50 ร้าน ดังนั้นจึงมองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง เพราะเป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้ที่รักสุขภาพ
ด้าน สุรีรัตน์ สิงห์รักษ์ ผู้ประกอบการกาแฟแบรนด์ “ลองเลย” เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นในการดำเนินธุรกิจ มาจากแนวคิดที่จะส่งเสริมให้ชาวบ้านใน อ.นาแห้ว จ.เลย เข้ามาร่วมปลูกป่าชุมชนพร้อมกับการปลูกพืชต่าง ๆ เข้ามาเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว ซึ่งส่งผลดีให้กับทุกฝ่าย และยังได้ปรับสภาพ อ.นาแห้ว จากภูเขาหัวโล้นไปสู่ป่าที่อุดมสมสมบูรณ์ด้วยความร่วมมือของคนในท้องถิ่น โดยได้นำกาแฟพันธ์อราบิก้า มาเป็นพืชหลักในการส่งเสริมเพาะปลูกร่วมกับป่า
โดยในช่วงแรกในปี 2557 มีเพียง 5 ครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการนี้ แต่ในปัจจุบันได้ขยายไปเป็น 125 ครัวเรือน และในปี 2560 ได้สร้างโรงคั่วกาแฟ เพื่อแปรรูปกาแฟให้กับชุมชน และในปีนี้ก็มีชาวบ้านเข้ามาร่วมอบรมเข้าโครงการนี้เพิ่มอีก 116 ครัวเรือน จึงทำให้คาดว่าจะมีครัวเรือนที่เข้าร่วมแตะ 300 ครัวเรือนได้ในปีหน้า เนื่องจากชาวบ้านได้เห็นตัวอย่างของผู้ที่เข้าโครงการได้รับรายได้เพิ่มเป็นกอบเป็นกำทุกปี จึงมีผู้สนใจมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดย กาแฟลองเลย ในช่วงแรก เป็นเพียงการนำผลผลิตกาแฟจากชาวบ้านมาแปรรูปจำหน่ายเป็นเมล็ดกาแฟคั่ว และกาแฟคั่วบด ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการเป็นกาแฟพรีเมียมที่มีรสชาตเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น แต่ในช่วงการระบาดของโควิด 19 ทำให้ยอดขายลดลงไปมาก จึงได้ร่วมกับ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) เข้ามาช่วยปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และพัฒนาการผลิตไปสู่การผลิตเป็นแคปซูลกาแฟที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่ รวมทั้งยังได้ช่วยปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ให้มีรูปแบบสวยงามที่เล่าเรื่องราวการสร้างป่า สร้างรายได้ เปลี่ยนภูเขาหัวโล้นให้เป็นป่าที่สมบูรณ์ นำไปสู่การสร้างผลิตที่มีคุณภาพสูงควบคู่กับการสร้างป่าและพัฒนาชุมชน นอกจากนี้ ดีพร้อมยังเข้ามาช่วยพัฒนามาตรฐาน สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ จึงทำให้สินค้าขายได้มากขึ้น และเป็นที่จดจำในตลาดวงกว้าง
“หลังจากที่ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์ ก็ได้รับการตอบสนองจากลูกค้าดีขึ้น ยอดขายเพิ่มขึ้น และคนทั่วไปก็รู้จักสินค้าของเรามากขึ้น โดยในก้าวต่อไปจะมุ่งไปสู่การผลิตเชิงอุตสาหกรรม ที่ตั้งเป้าหมายจะส่งเข้าไปขายในโมเดิร์นเทรดให้ได้ในอนาคต ทำให้คนทั่วไปรู้จักแบรนด์ลองเลยมากขึ้น”
สำหรับการร่วมงาน “CRAFT DRINK BY DIPROM” ในครั้งนี้ ได้นำผลิตภัณฑ์ใหม่ อเมริกาโนฮันนี่เลมอน หรือ กาแฟน้ำผึ้งป่า ซึ่งเป็นการนำผลผลิตจากป่าชุมชน เช่น น้ำผึ้ง และมะนาว เข้ามาประยุกต์ร่วมกับกาแฟของท้องถิ่น ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ลงตัวรสชาติดีจนทำให้ได้รับความนิยมอย่างสูง และเป็นเมนูใหม่ที่ไม่เหมือนใคร สะท้อนอัตลักษณ์ของกาแฟชุมชนของเรา
นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาเพื่อพัฒนาไปสู่การผลิตเป็นกาแฟฮันนีเลมอนสำเร็จรูป ที่เก็บได้นาน และสะดวกในการกระจายสินค้าไปสู่วงกว้าง รวมทั้งการทำธุรกิจแฟรนไชส์ เพื่อขยายแบรนด์ร้านกาแฟลองเลยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไปสู่พื้นที่อื่น ๆ ซึ่งขณะนี้กำลังพัฒนาให้การผลิตในจำนวนมากให้มีรสชาติคงที่ ตั้งเป้าหมายที่จะเปิดร้านกาแฟสาขาในจังหวัดเลย และที่กรุงเทพฯ และยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมที่เป็นเมล็ดกาแฟคัว, กาแฟคั่วบด, กาแฟสกัดเย็น, กาแฟแคปซูล ให้มีคุณภาพและมาตรฐานที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มจุดจำหน่าย และเพิ่มยอดขายผ่านออนไลน์ให้มากขึ้น
"CRAFT DRINK by DIPROM ศาสตร์และศิลป์เครื่องดื่มไทย นำธุรกิจไกลสู่สากล" ครั้งแรกกับความสนุกที่ห้ามพลาด โอกาสพิเศษที่ทุกคนจะได้ดื่มด่ำกับเครื่องดื่มคราฟท์สุดครีเอทีฟ ที่รวบรวมเครื่องดื่มชุมชน ทั้งโกโก้ กาแฟ และสุราชุมชน จากผู้ประกอบการไทยทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งจะพาคุณเดินทางผ่านรสชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย พร้อมด้วยกิจกรรมมากมายที่น่าตื่นตาตื่นใจที่ให้ทุกคนได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใคร และมินิคอนเสิร์ตจากหลากหลายศิลปินชั้นนำของไทย ระหว่างวันที่ 5 - 10 กันยายน 2567 เวลา 10.00 – 22.00 น. งานเครื่องดื่มดีๆ..ที่ทุกคนต้องมา ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
ไฮไลต์ของงานที่ห้ามพลาด! เริ่มจากการประกวด Cocoarista DIPROM Contest ครั้งแรกของ ดีพร้อม ที่เปิดเวทีให้สำหรับคนรักโกโก้ นักปรุงโกโก้จากทั่วประเทศมาประชันฝีมือในการชงโกโก้สุดพิเศษ ซึ่งจะยกระดับโกโก้ไทยให้โด่งดังและได้รับการยอมรับอย่างสูงในวงการ พร้อมชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 20,000 บาท และ Speed Latte Art DIPROM Contest ชวนค้นหาบาริสต้านักวาดตัวจริงในงาน พร้อมสัมผัสความมันส์กับการแข่งขันสร้างสรรค์ศิลปะบนฟองนมในถ้วยกาแฟ กิจกรรมนี้จะทำให้คุณเห็นถึงความคิดสร้างสรรค์และความเร็วในการทำงานของบาริสต้ามืออาชีพ ซึ่งจะทำให้คุณตื่นตาตื่นใจไปกับการวาดฟองนมเป็นลวดลายสวยงาม ตลอดจนร่วมชมโชว์สาธิต บาริสต้า และ บาร์เทนเดอร์ ชื่อดังภายในงานที่สลับกันมาให้ความรู้และความบันเทิงแก่ผู้เข้าร่วมงานทุกคน
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอย่าง Business Matching “เวทีจับคู่เครื่องดื่มไทย...นำธุรกิจไกลสู่สากล” ที่ทาง ดีพร้อม จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ พร้อมด้วยงานเสวนาและWorkshop ต่าง ๆ จากหน่วยงานของดีพร้อมและพันธมิตร ที่มอบสาระความรู้และความบันเทิง จากทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่โกโก้ กาแฟ และสุราชุมชน อาทิ การปรุงช็อคโกแลตไทยให้อร่อยระดับโลก, Workshop : ดริปอย่างไร..ให้คน(มากิน)ซ้ำ, กิจกรรม Spirits & Local Food Pairing สาธิตการปรุงเครื่องดื่มและอาหารโดยเชฟชื่อดัง ตลอดจนงานนี้ยังจัดเต็มความสนุกด้วย มินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชั้นนำ อาทิ SarahSalola, อะตอม ชนกันต์ และคริส พีรวัส ที่จะมาร่วมเติมสีสันให้กับบรรยากาศในงาน ให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับเสียงเพลง พร้อมจิบเครื่องดื่มสุดพิเศษไปพร้อมกัน
มากไปกว่านั้น! ในงาน CRAFT DRINK by DIPROM พบกับ 3 โซนไฮไลต์ที่จะพาคุณท่องโลกแห่งเครื่องดื่มไทย ประกอบด้วย
พบกับ DRINKING AVENUE ที่รวบรวมร้านค้ากลุ่มผู้ประกอบการกาแฟ โกโก้ และสุราชุมชนจากทั่วประเทศกว่า 122 คูหา ที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เพื่อมอบประสบการณ์การดื่มที่หลากหลายและน่าตื่นเต้นให้กับผู้เข้าร่วมงาน พร้อมร่วมสัมผัสรสชาติและคุณภาพจากแหล่งผลิตที่ดีที่สุดของไทยได้ในที่เดียว
พบกับ โซนบูธนิทรรศการ ที่จะมอบความรู้และบริการหลากหลายแก่ผู้เข้าร่วมงาน โดยประกอบไปด้วยบูธจาก DIPROM ที่นำเสนอข้อมูลและบริการที่เกี่ยวข้อง นิทรรศการกาแฟที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้เกี่ยวกับการผลิตและการบริโภคกาแฟ นิทรรศการโกโก้ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตโกโก้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และนิทรรศการสุราชุมชนที่เปิดเผยเรื่องราวและขั้นตอนการผลิตสุราชุมชนจากทั่วประเทศ
พบกับ โซนเวทีกิจกรรม จัดเต็มด้วยสองเวทีที่น่าสนใจ โดย เวทีใหญ่: Co-Drinking Space จะเป็นพื้นที่สำหรับการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการ ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และโอกาสทางธุรกิจ และ เวทีย่อย: DIPROM Drink Lab จะมีการจัดเวิร์กช็อปและเสวนาในหลากหลายหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม เพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะให้กับผู้เข้าร่วมงาน
สำหรับงาน “CRAFT DRINK BY DIPROM” ที่จัดขึ้นครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร พร้อมทั้งสนับสนุนการเติบโตของผู้ประกอบการไทย ตลอดจนเป็นการร่วมผลักดัน Soft Power ผ่านอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศเรา
CRAFT DRINK BY DIPROM เปิดให้เข้าชมฟรี! ระหว่างวันที่ 5 - 10 กันยายน 2567 เวลา 10.00 – 22.00 น. ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page: DIPROM Thailand หรือสอบถามข้อมูลได้ที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) โทร. 0 2430 6860 หรือเว็บไซต์ www.diprom.go.th