February 23, 2025

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คณะบริหารธุรกิจ ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการผนวกเอาเนื้อหาของหลักสูตร Certified Investment and Securities Analyst (CISA) ระดับ Foundation Knowledge หรือ AISA สำหรับการเรียนการสอนของนักศึกษาปริญญาตรีและปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านการวิเคราะห์การเงินและจัดการลงทุน เพิ่มความน่าสนใจและความทันสมัยของเนื้อหาหลักสูตรการเรียนการสอนสำหรับกลุ่มนักศึกษาคนรุ่นใหม่ และสนับสนุนการสร้างบุคลากรคุณภาพป้อนสู่ตลาดทุนไทย

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คณะบริหารธุรกิจ ร่วมมือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยความร่วมมือทางวิชาการครั้งนี้ เป็นการพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้ด้วยการเชื่อมโยงหลักสูตร Certified Investment and Securities Analyst (“CISA”) ระดับ Foundation Knowledge ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี บริหารธุรกิจ หลักสูตร 3 ปี กลุ่มวิชาการเงินการลงทุน และ ระดับปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต หลักสูตร 1 ปี Investment Analyst (aMBA) เพื่อมุ่งเน้นปูพื้นฐานให้กับผู้เข้าศึกษาต่อเข้าใจถึงเครื่องมือพื้นฐาน (Basic Tools) เกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางการเงิน การวิเคราะห์หลักทรัพย์ และการจัดการการลงทุน ตลอดจนแนวคิดพื้นฐานการประเมินมูลค่าสินทรัพย์แบบต่าง ๆ รวมถึงหลักการพื้นฐานการบริหารกลุ่มสินทรัพย์ลงทุน ภายใต้กรอบของจรรยาบรรณและมาตรฐานการปฏิบัติงาน โดยหลักสูตร AISA ได้แบ่งโครงสร้างเนื้อหาออกเป็น 3 กลุ่มวิชาหลัก ดังนี   กลุ่มวิชาที่ 1 คือ จรรยาบรรณและมาตรฐานการปฏิบัติงาน  กลุ่มวิชาที่ 2 คือ เครื่องมือวิเคราะห์เพื่อการลงทุนและ กลุ่มวิชาที่ 3 คือ การวิเคราะห์หลักทรัพย์และการบริหารกลุ่มสินทรัพย์ลงทุนเพื่อมุ่งการพัฒนาตลาดทุน เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืน

 

รองศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า “มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีความยินดี ที่ได้รับเกียรติจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ความร่วมมือทางวิชาการ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย   มีจุดแข็งหลักสูตรการเงินของที่นี่เน้นการบริหารการเงินและการลงทุนอย่างลึกซึ้ง รวมถึงการวางแผนทางการเงิน การบริหารความเสี่ยง และเทคโนโลยีทางการเงินสมัยใหม่ การเรียนรู้แบบปฏิบัติจริงของนักศึกษา จะได้ลงมือปฏิบัติจริงในการลงทุนแบบจำลองต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้มีประสบการณ์และความเข้าใจในสถานการณ์จริง หลักสูตร CISA ระดับ Foundation Knowledge ตั้งแต่ระดับชั้นปริญญาตรีและปริญญาโท จะเชื่อมโยงเข้ากับหลักสูตรของคณะบริหารธุรกิจ ส่งเสริมและสนับสนุนให้การวางแผนและบริหารจัดการทางการเงินและการลงทุนของนักศึกษา เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น”

 

ดร. ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานพัฒนาความยั่งยืนตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “หนึ่งในภารกิจสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ การส่งเสริมความรู้ด้านการเงินการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนิสิตนักศึกษา เพื่อสร้างบุคลากรด้านการเงินรุ่นใหม่ที่มีความรู้และทักษะที่สอดคล้องกับพัฒนาการของตลาดทุนเพิ่มมากขึ้น ความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการนำองค์ความรู้หลักสูตร AISA ซึ่งเป็นหลักสูตรความรู้ด้านการวิเคราะห์การเงินและจัดการลงทุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ผสานเข้ากับหลักสูตรปริญญาตรีและโท เพื่อส่งต่อองค์ความรู้ไปยังนักศึกษาของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นอกจากจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจและความทันสมัยของเนื้อหาหลักสูตรการเรียนการสอนด้านการเงินแล้ว ยังมีส่วนสนับสนุนการสร้างบุคลากรคุณภาพสู่ตลาดทุนไทย เพื่อให้เข้ามาร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป”

“KCG” บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำผลิตภัณฑ์อาหารตะวันตกเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์ คว้ารางวัล InvestorsChoice Award ครั้งที่ 5 ประจำปี 2567 ด้วยคะแนนประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี (AGM) 100 คะแนนเต็ม ตั้งแต่ปีแรกที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ จากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (Thai Investors Association) ที่สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นบริษัทที่โปร่งใส และปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียอย่างเท่าเทียม รวมถึงการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน ซึ่งสอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล 

นายดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG กล่าวในโอกาสที่เป็นตัวแทนผู้บริหาร และพนักงาน 

บริษัทฯ รับรางวัล Investors’ Choice Award ครั้งที่ 5 ประจำปี 2567 ว่า 

“ปีนี้เป็นปีแห่งความภาคภูมิใจของ KCG ทั้งในเชิงผลประกอบการที่เติบโตสวนกระแส และการได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่อง การได้รับรางวัล Investors’ Choice Award ด้วยคะแนน 100 เต็ม สำหรับการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ตั้งแต่ปีแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นเพียง 1 ใน 3 บริษัทเท่านั้นที่ผ่านการประเมินคุณภาพและสามารถได้รับรางวัลในปีนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ KCG ในการสร้างความโปร่งใสในการดำเนินงาน การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียอย่างเท่าเทียม และเป็นผลมาจากการที่บริษัทดำเนินการตามยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ (7 Business Pillars) ที่ให้ความสำคัญทั้งเรื่องของคนและการเติบโตอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ทั้งองค์กรเดินหน้าไปสู่เป้าหมายพร้อมกันทั้งในเชิงผลประกอบการและความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งบริษัทจะตั้งใจดำเนินการตามยุทธศาสตร์ทางธุรกิจเช่นนี้ต่อไป”  

นายดำรงชัย กล่าว รางวัล Investors’ Choice Award เป็นอีกหนึ่งรางวัลที่สะท้อนถึงความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของ KCG หลังจากได้รับเลือกให้เป็น 1 ในหลักทรัพย์ที่น่าลงทุนกลุ่ม ESG Emerging  

ปี 2567 จากสถาบันไทยพัฒน์ และการได้รับคัดเลือกให้เป็นหุ้นที่อยู่ในทำเนียบ ESG 100 ตั้งแต่ปีแรกที่หุ้น KCG เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงสะท้อนให้เห็นว่า KCG เป็นบริษัทจดทะเบียนที่น่าลงทุนและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืน 

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก้าวสู่ปีที่ 50 ของการดำเนินงาน กำหนดแนวคิด Make it “Work” for Every Future - ร่วมสร้างอนาคต เพื่อโอกาสของทุกคน มุ่งเน้นเดินหน้าสู่เป้าหมายอนาคต ในการยกระดับสู่ตลาดหลักทรัพย์ภูมิภาค โดยขยายโอกาสระดมทุนสนับสนุนธุรกิจทุกขนาดจากทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่ บริษัทต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจในไทย SMEs Startups โดยเน้นสร้างศักยภาพในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ (New Economy) ต่อยอดจากจุดแข็งเดิมของประเทศ พร้อมพัฒนาตลาดทุนแบบดิจิทัลเข้ามาเสริมตลาดทุนดั้งเดิมที่มีความเข้มแข็งในปัจจุบัน นอกจากนี้ จะเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงานและการกำกับดูแล และสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้วยเทคโนโลยี AI ขับเคลื่อนความยั่งยืนทุกมิติ นำไปสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างแข็งแกร่ง พร้อมสร้างสมดุลสิ่งแวดล้อมและอนาคตของสังคมไทยอย่างยั่งยืน

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มเปิดให้มีการซื้อขายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2518 และก้าวสู่ปีที่ 50 ของการดำเนินงานในปีนี้ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งพัฒนาตลาดทุนไทยให้เป็นตลาดทุนแห่งอนาคตที่สนับสนุนผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่ม โดยกำหนดแนวคิดสำหรับการก้าวสู่ปีที่ 50 ว่า Make it “Work” for Every Future - ร่วมสร้างอนาคต เพื่อโอกาสของทุกคน ทั้งการสร้างสรรค์สินค้าและบริการที่ตอบโจทย์เป้าหมายอนาคตของผู้ออมและผู้ลงทุน เป็นกลไกให้ภาคธุรกิจเข้าถึงโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว นำไปสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างแข็งแกร่ง พร้อมสร้างสมดุลสิ่งแวดล้อม และอนาคตของสังคมไทยอย่างยั่งยืน

“มองไปในอนาคต ตลาดทุนจะยังพบความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องทั้งจากปัจจัยภายในและนอกประเทศ ความต้องการของภาคธุรกิจและผู้ลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป การแข่งขันที่เข้มข้น ตลอดจนเทคโนโลยีที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินหน้าสร้างอนาคต เพื่อโอกาสของทุกคน โดยมองบทบาทที่จะเปลี่ยนไปและมุ่งสู่เป้าหมายอนาคต ใน 5 ด้าน 1) ยกระดับสู่ตลาดหลักทรัพย์ภูมิภาค ทั้งในด้านการเป็นแหล่งระดมทุนของบริษัทในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการเพิ่มเติมทางเลือกการลงทุนต่างประเทศผ่านกลไกตลาดทุนไทย 2)  ขยายโอกาสการระดมทุน ให้บริษัททุกขนาดในภูมิภาค โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายทั้งบริษัทขนาดใหญ่ รวมถึงธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่ (Mega Family Business) บริษัทต่างชาติที่มีการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ (New Economy) และ SMEs Startups พร้อมส่งเสริมการพัฒนา Data Platform สำหรับบริษัทจดทะเบียน เพื่อสร้างฐานข้อมูลที่มีคุณภาพ (Data Pools) นำมาต่อยอดเป็นข้อมูลเชิงวิเคราะห์ (Data Analytics) อาทิ Industry Highlights สำหรับเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปผ่านช่องทางของตลาดหลักทรัพย์ฯ และพันธมิตร 3)  พัฒนาตลาดทุนแบบดิจิทัลเข้ามาเสริมตลาดทุนดั้งเดิมที่มีความเข้มแข็งในปัจจุบัน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ระดมทุนและผู้ลงทุนยุคใหม่ 4) เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงานและการกำกับดูแล และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตลาดทุนที่แข็งแกร่ง โดยพิจารณาในการนำเทคโนโลยี AI และ Generative AI เข้ามาช่วยพัฒนางานในหลายด้านเพิ่มขึ้น เช่น ระบบกำกับดูแลการซื้อขายและบริษัทจดทะเบียน ระบบช่วยนักวิเคราะห์ในการจัดทำบทวิเคราะห์หลักทรัพย์โดยเฉพาะขนาดกลางและขนาดเล็ก ระบบแปลเนื้อหาข้อมูลบริษัทจดทะเบียน หรือความรู้ด้านการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนต่างชาติ รวมทั้งแนะนำบริการด้านต่าง ๆ ตามโจทย์พฤติกรรมผู้ลงทุน (Personalization) เป็นต้น และ 5) ขับเคลื่อนความยั่งยืน (Sustainability) ในทุกมิติ โดยมุ่งเน้นการเตรียมบริษัทจดทะเบียน ผู้ลงทุน และบุคลากรตลาดทุน ให้พร้อมรองรับความท้าทายและโอกาสจากประเด็นความยั่งยืน และพัฒนาการของกฎเกณฑ์กำกับใหม่ ๆ อาทิ วิกฤตสภาพภูมิอากาศ (Climate Crisis) ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) และสิทธิมนุษยชน (Human Rights)” นายภากรกล่าว

ตลอด 5 ทศวรรษ ตลาดหลักทรัพย์ฯ พัฒนาธุรกิจและตลาดทุนต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยเป็นแพลตฟอร์มเพื่อการระดมทุนสำหรับธุรกิจทุกขนาดทั้งในภาวะปกติและวิกฤต ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนกว่า 850 บริษัท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกว่า 17.4 ล้านล้านบาท จำนวนผู้ลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องล่าสุดที่กว่า 5.8 ล้านบัญชี และพัฒนาสินค้าบริการเพื่อตอบโจทย์ผู้ลงทุนทุกกลุ่ม รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงต่างประเทศในหลากหลายรูปแบบ อาทิ DR DRx ETF DW ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขยายตัวของตลาด และสนับสนุนการทำงานของอุตสาหกรรมตลาดทุน ซึ่งรวมถึงการมีแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล ควบคู่การนำ ESG เป็นหลักในการดำเนินธุรกิจ และขับเคลื่อนตลาดทุนในมิติต่างๆ การให้ความรู้การเงินการลงทุน ดูแลสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมภาคสังคมให้เติบโตไปพร้อมกัน โดยปัจจุบัน บริษัทจดทะเบียนไทยเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนระดับสากล

ทั้งนี้ ระหว่างปี 2567-2568 ภายใต้วาระตลาดหลักทรัพย์ฯ ก้าวสู่ปีที่ 50 จะมีการจัดกิจกรรมถ่ายทอดพัฒนาการตลาดหลักทรัพย์ฯ อาทิ นิทรรศการ 50 ปี ตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ห้องสมุดมารวย หนังสือ 50 ปี “5 Decades of SET” และจัดทำซีรีส์สื่อสารผ่านช่องทางต่าง ๆ รวมทั้งส่งเสริม ESG ทั้งด้านการขับเคลื่อนภาคเอกชนสู่การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้านสังคมที่มีการดูแลกลุ่มเปราะบาง โดยสนับสนุนรถพยาบาลแก่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เด็กและเยาวชนด้วย Financial Literacy และส่งเสริมสุขภาวะประชาชนผ่านกีฬาเทเบิลเทนนิส และด้านการส่งเสริม CG ภาคธุรกิจ การประกวดงานวิจัยด้าน ESG ที่จะมีขึ้นในปีนี้ รวมทั้งการจัดทำหนังสือเกี่ยวกับกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

SET…Make it ‘Work’ for Every Future”

 

X

Right Click

No right click