ในงานเสวนา “Fly DIRECT, Discover the WORLD with AIR CANADA and KTC” ซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือของสายการบินแอร์แคนาดาและ “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สายการบินแอร์แคนาดาได้ประกาศจุดยืนเน้นการท่องเที่ยวเชิงรักษ์โลก เปิดให้บริการเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยังนครแวนคูเวอร์อีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2567 – วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจไทยที่เพิ่มมากขึ้น โดยเคทีซีได้ร่วมชูจุดยืนสนับสนุนผลิตภัณฑ์กรีนโปรดักส์ผ่านช่องทาง KTC World Travel Service
มิสเตอร์ ซันจีฟ เชาเดอรีย์ ที่ปรึกษา (พาณิชย์) และกรรมาธิการการค้าอาวุโส สถานทูตแคนาดาประจำประเทศไทย กล่าวว่า แคนาดามุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่เน้นความยั่งยืนตลอด 4 ฤดูกาล โดยคำนึงถึงทั้งด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล ด้วยบริการเที่ยวบินตรงจากอเมริกาเหนือสู่ประเทศไทยโดยสายการบินแอร์แคนาดา และโครงการ eTA ใหม่ เป็นปัจจัยเอื้อให้คนไทยสามารถเดินทางไปเยือนแคนาดาได้อย่างง่ายดาย และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แคนาดามีทุกสิ่งที่นักท่องเที่ยวปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นการเล่นสกี เดินป่า แคมปิ้ง พายเรือ หรือกิจกรรมในทุกฤดูกาล นอกจากธรรมชาติอันสวยงามและบริสุทธิ์แล้ว แคนาดายังมีสีสันของเมืองใหญ่ที่พร้อมนำเสนอประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและความบันเทิงต่าง ๆ ให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
มิสเตอร์ ฮอน แลม ผู้จัดการทั่วไปของแอร์แคนาดา ฮ่องกง จีนตอนใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แอร์ แคนาดา กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม 2567 – วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 แอร์แคนาดาประกาศเปิดให้บริการเที่ยวบินตรงกรุงเทพฯ ถึงนครแวนคูเวอร์อีกครั้ง โดยได้เพิ่มความถี่ของเที่ยวบินเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ โดยเที่ยวบินดังกล่าวจะให้บริการด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 787-9 ซึ่งมีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงสูงขึ้นประมาณ 20% สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาการให้บริการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ แอร์แคนาดายังได้ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องของการใส่ใจสิ่งแวดล้อมจึงได้จัดทำแคมเปญ “Leave Less, Do More” ผ่านตัวอย่างกิจกรรมสำคัญภายใต้แนวคิด “Leave Less” มุ่งเน้นลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน โดยได้ร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนชุมชนและลดขยะอย่างต่อเนื่อง รายละเอียดของความสำเร็จจากโครงการ อาทิ การบริจาคชุดอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ยากไร้กว่า 24,000 ชุด บริจาคผ้านวมและแผ่นรองที่นอนกว่า 20,000 ชิ้น ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวกว่า 47.8 ล้านชิ้น และรีไซเคิลสิ่งทอจากเครื่องบินได้กว่า 16 ตัน
นางสาวพัทธ์ธีรา อนันต์โชติพัชร ผู้บริหาร KTC World Travel Service และการตลาดหมวดสายการบิน “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เคทีซีดำเนินธุรกิจบนแนวคิดด้านความยั่งยืนโดยคำนึงถึงทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล และได้ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ยังร่วมส่งเสริมกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนของพันธมิตรหมวดสายการบินผ่านกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เคทีซีจึงได้ร่วมวางแผนกับสายการบินแอร์แคนาดาในหลายรูปแบบเพื่อให้สมาชิกได้สัมผัสประสบการณ์การบินตรงสู่แวนคูเวอร์ได้สะดวก และเดินทางได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้นด้วยข้อเสนอการแบ่งชำระ 0% นานสูงสุด 6 เดือนผ่านช่องทาง KTC World Travel Service และได้จับมือร่วมกับบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวอีก 5 ราย ได้แก่ บริษัท โกลเบิล ยูเนี่ยน เอกซ์เพรส จำกัด (G.U.E.) / มาแจ๊สติก ทราเวล (Majestic Travel ) / ควอลิตี้ เอ็กซ์เพรส (Quality Express) / ยูนิไทย (Unithai) / บริษัท เวิลด์ เอ็กซ์พลอเรอร์ (World Explorer) และ ทราเวลโลก้า* (Traveloka) (*เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด) หรือ เลือกรับคะแนน KTC FOREVER เพิ่ม 10,000 คะแนน เมื่อจองตั๋วเครื่องบินและชำระเต็มจำนวนผ่าน KTC World Travel Service เท่านั้น (สิทธิ์มีจำนวนจำกัด) สามารถจองได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 - วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 และเดินทาง 2 พฤศจิกายน 2567 - วันที่ 31 พฤษภาคม 2568
นอกจากนี้ เคทีซีและสายการบินแอร์แคนาดายังได้จัดแคมเปญในหมวดช็อปปิ้งร่วมกับห้างสรรพสินค้าเช็นทรัล ชิดลม มอบรางวัลตั๋วเครื่องบินสายการบินแอร์ แคนาดาบินตรงสู่แวนคูเวอร์จำนวน 1 รางวัล 2 ที่นั่ง (มูลค่ารวม 140,000 บาท) ให้กับสมาชิกบัตรฯ ที่มียอดใช้จ่ายสูงสุดตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2567 - วันที่ 31 มกราคม 2568 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.ktc.co.th/ktcworld/promotion/air-ticket/domestic-and-overseas-air-ticket/air-canada
ภายในงานเสวนายังได้รับเกียรติจาก คุณปองพล อดิเรกสาร อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่ปัจจุบันได้สวมบทบาทเป็นนักท่องโลก นักเขียน พิธีกรรายการสารคดี ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์การท่องเที่ยวแคนาดาในหัวข้อ The Spirit Bear of Canada คุณปอย - ตรีชฎา หงษ์หยก คุณแพม – สิตามนินท์ สุสมาวัตนะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท OH! RiCH (บริษัท เอสอาร์ที ฟอเร็กซ์ จำกัด) และ ดร. วิทยา สินทราพรรณทร ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดโครงการ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ร่วมถ่ายทอดความประทับใจจากประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวที่ประเทศแคนาดารวมถึงต่อยอดการทำธุรกิจในประเทศไทย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC World Travel Service โทร 02 123 5050 หรือทักแชท https://ktc.cards/KWT-addline-FB
หรือเช็คราคา จองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ด้วยตัวเองได้ที่ https://bit.ly/KTCFlightOB
สนใจสมัครบัตรเครดิตเคทีซี https://ktc.today/apply-card
หรือติดต่อ KTC Phone โทรศัพท์ 02 123 5000 หรือศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ
AION เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวสุดเอ็กซ์คลูซีฟ "Y So Amazing Trip" ให้กับลูกค้า AION Y Plus ได้สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรมแบบปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ สัมผัสอากาศดี ๆ ในเส้นทาง นครราชสีมา - ปราจีนบุรี - นครนายก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และสร้างชุมชน ในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus โดยกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 และมีแผนที่จะจัดกิจกรรมต่อไปอย่างต่อเนื่องในอนาคต เพื่อเสริมสร้างความประทับใจและความภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว AION Y Plus
ทริปนี้เริ่มต้นขึ้นในเช้าของวันที่ 18 ตุลาคม 2567 โดยขบวนคาราวาน AION Y Plus ได้ออกเดินทางจากโชว์รูม AION โกลด์ อินทิเกรท มีนบุรี ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของผู้ร่วมเดินทางที่มารวมตัวกันตั้งแต่เช้า หลังจากลงทะเบียนและรับของที่ระลึก ผู้เข้าร่วมทริปได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมทั้งได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับเส้นทางและรายละเอียดของกิจกรรมก่อนจะเริ่มออกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางแรก คือ จังหวัดนครราชสีมา
จุดหมายแรกของทริปอยู่ที่ ร้านอาหารบ้านไร่ปลายเนิน เพื่อรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ท่ามกลางธรรมชาติและภูเขา ผู้เข้าร่วมทริปต่างเพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศ พร้อมชมทิวทัศน์สวยงามของพื้นที่โดยรอบ
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ขบวนคาราวานได้เดินทางไปยังโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา จังหวัดนครราชสีมา โรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำแบบสูบกลับ (Underground Powerhouse) ซึ่งมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจในฐานะโรงไฟฟ้าใต้ดินแห่งแรกของประเทศไทย ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้เกี่ยวกับพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้า รวมถึงได้สัมผัสกับธรรมชาติรอบข้างที่งดงาม สะท้อนถึงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของ AION ในการสนับสนุนพลังงานสะอาดที่ยั่งยืน
หลังจากจบทริปที่โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา ขบวนคาราวานได้เดินทางต่อไปยังโรงแรมเดอะเภรี เขาใหญ่ เพื่อเข้าพักผ่อนตามอัธยาศัย พร้อมกิจกรรมทำผ้าบาติก ในช่วงเย็นได้จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำในบรรยากาศที่อบอุ่น โดยสมาชิกผู้เข้าร่วมทริปต่างนั่งพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้รถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus ในบรรยากาศที่เป็นกันเอง
วันที่สองของการเดินทาง ขบวนคาราวาน AION Y Plus มุ่งหน้าสู่ GranMonte หนึ่งในไร่องุ่นชื่อดังของเขาใหญ่ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมจากผู้ที่ชื่นชอบไวน์ ผู้เข้าร่วมทริปได้สัมผัสและเรียนรู้กระบวนการทำไวน์ตั้งแต่การปลูกองุ่นไปจนถึงการผลิตไวน์ รวมถึงสัมผัสกับวิถีชีวิตที่เรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติของไร่องุ่นอีกด้วย
หลังจากเยี่ยมชมไร่องุ่นกันอย่างจุใจแล้ว ก็ได้เดินทางต่อไปยังอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่เป็นแหล่งรวมสัตว์ป่าและพืชพรรณหลากหลายสายพันธุ์ ผู้เข้าร่วมทริปได้มีโอกาสเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติ พร้อมทั้งฟังคำบรรยายจากเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับพืชพันธุ์และสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แบบเต็มที่ สร้างความประทับใจให้กับทุกคน ที่ได้สัมผัสความสวยงามและอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ขบวนคาราวานได้มุ่งหน้าต่อไปยังบ้านเล่าเรื่อง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่มีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับการใช้สมุนไพรและอาหารเป็นยา ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้วิถีชีวิตดั้งเดิมและภูมิปัญญาพื้นบ้าน นอกจากนี้ ยังได้แวะชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุและแสดงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของภูมิภาคตะวันออกของประเทศไทย
ในวันสุดท้ายของทริป ขบวนคาราวาน AION Y Plus ได้เดินทางไปยังอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ เขาอีโต้ จังหวัดนครนายก เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมปล่อยปลาลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ เป็นกิจกรรมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูและสร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศ พร้อมทั้งสร้างความตระหนักรู้เรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หลังจากทำกิจกรรมร่วมกัน ผู้เข้าร่วมทริปได้เพลิดเพลินกับการชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของจุดชมวิวผาหินซ้อน และจุดชมวิวเขาอีโต้ ซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่กว้างไกลของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ก่อนจะปิดท้ายการเดินทางด้วยการรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารวินเทจ การ์เด้น ผู้เข้าร่วมทริปร่วมกันถ่ายภาพเพื่อเป็นที่ระลึกและเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
ทริป "Y So Amazing Trip" ครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus ผ่านประสบการณ์การท่องเที่ยวและกิจกรรมที่น่าประทับใจ ไม่เพียงแต่สร้างความพึงพอใจให้กับผู้ร่วมทริป แต่ยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของ AION ในฐานะแบรนด์ที่ใส่ใจลูกค้าและสร้างสรรค์กิจกรรมที่มีคุณค่า นอกจากนี้ ทริปดังกล่าวยังเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งานรถยนต์ AION Y Plus และสร้างเครือข่ายในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า สะท้อนถึงแนวทางของบริษัทที่เน้นความเป็นมิตรและใส่ใจลูกค้า การจัดทริป "Y So Amazing Trip" ในครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการท่องเที่ยวธรรมดา แต่เป็นการมอบประสบการณ์ที่เหนือชั้นและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า
นับเป็นเวลา 11 ปีแล้วตั้งแต่มีการเปิดให้บริการรถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรป "ฉางอัน" ซึ่งก่อให้เกิดกลุ่มเศรษฐกิจท่าเรือบก อีกทั้งยังดึงดูดบริษัทการค้า บริษัทโลจิสติกส์ และบริษัทอีคอมเมิร์ซจำนวนมากจากฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ให้มาตั้งถิ่นฐานในนครซีอาน โดยสินค้ามากมาย เช่น ยานยนต์พลังงานใหม่ แบตเตอรี่ลิเทียม และโซลาร์เซลล์ ได้ถูกขนขึ้นรถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรป เพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
"เมื่อปีที่แล้ว เราเดินรถไฟมากถึง 5,351 เที่ยว ซึ่งมากที่สุดในประเทศ นอกจากนี้ เรายังให้บริการรถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรปที่รวดเร็วและครอบคลุมที่สุด โดยการเดินทางจากซีอานไปเยอรมนีใช้เวลาเพียง 11 วัน ครอบคลุม 45 ประเทศและดินแดน" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของศูนย์ประกอบรถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรป (ซีอาน) กล่าว
นอกจากนี้ ในการเยี่ยมชมบริษัท Xi'an Aiju Grain and Oil Industrial Group คณะผู้แทนได้มีโอกาสชมการผลิตอาหารถิ่นของซีอานที่เรียกว่า "บะหมี่เปี๋ยงเปี๋ยง" ซึ่งใช้วัตถุดิบหลักจากคาซัคสถาน บริษัทแห่งนี้อาศัยท่าเรือบกระหว่างประเทศชานปาและรถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรป "ฉางอัน" เพื่อจัดตั้งศูนย์รวบรวมธัญพืชและวัตถุดิบผลิตน้ำมันพืชในภูมิภาคคาซัคสถานตอนเหนือ พร้อมทั้งสร้างโรงงานแปรรูปน้ำมันพืชขนาด 300,000 ตัน และศูนย์โลจิสติกส์ที่รองรับสินค้าได้ 1 ล้านตันต่อปี เมื่อปี 2558
ในโอกาสนี้ ตัวแทนนักข่าวจากคาซัคสถานแสดงความยินดีที่ได้เห็นเกี๊ยวที่ทำจากแป้งคาซัค โดยกล่าวว่า "รถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรปไม่เพียงแต่ทำให้ประชาชนของทั้งสองประเทศมีความเข้าใจกันมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ การค้า และวัฒนธรรมอีกด้วย เห็นได้จากอาหารที่กลายเป็นสะพานเชื่อมวัฒนธรรมบนเส้นทางสายไหม"
โรงงานอัจฉริยะในฐานการผลิตรถยนต์ของบริษัท Geely Auto มีการติดตั้งจอมากมายเพื่อติดตามกระบวนการประกอบรถยนต์แบบเรียลไทม์อย่างชาญฉลาด โดยมีทั้งระบบป้องกันข้อผิดพลาดของสปอยเลอร์ สถานีประกอบแชสซีอัตโนมัติเต็มรูปแบบ และกระบวนการติดตั้งยางรถยนต์อัตโนมัติ
"ในแง่ของการปรับแต่งแชสซี เราประสบความสำเร็จในการวางตำแหน่งและติดตั้งโช้คอัพทั้งสี่ตัวภายในครั้งเดียว จากเดิมที่กระบวนการนี้ต้องใช้พนักงานถึงสี่คนพร้อมกัน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้ทำให้ระดับและมาตรฐานการผลิตของเราดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำให้เราอยู่ในแถวหน้าของอุตสาหกรรม" ผู้บริหารระดับสูงของฐานการผลิตรถยนต์ กล่าว
การประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการระหว่างประเทศ และการประชุมว่าด้วยการสื่อสารระหว่างประเทศเส้นทางสายไหม (ซีอาน) ครั้งที่ 2 ได้นำผู้แทนจากจีนและต่างประเทศกว่า 300 คนมารวมกัน ซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการจากสถาบันวิจัยต่างประเทศ ผู้บริหารสื่อกระแสหลัก และบุคคลที่มีชื่อเสียง โดยทั้งหมดได้มารวมตัวกันที่นครซีอานเพื่อหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ตลอดจนร่วมการเสวนาและการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศในเชิงลึก และร่วมทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย
True CJ Creations ร่วมกับ Ryoii Film เปิดตัวเว็บไซต์ “Hidden Gem” แพลตฟอร์มที่รวบรวมข้อมูลร้านอาหารไทยอันมีเอกลักษณ์ไว้ในที่เดียว สานต่อความสำเร็จของภาพยนตร์ซีรีส์สารคดีอาหารชุด Hidden Gem ที่โด่งดังในต่างประเทศ เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้เข้าถึงใจผู้คนทั่วโลก ผ่านเรื่องราวของอาหารที่เป็นหนึ่งในจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวของไทย พร้อมผลักดันการท่องเที่ยวมิติใหม่อย่างมีคุณค่า ชวนผู้คนออกเดินทางสัมผัสวิถีชีวิตและอาหารท้องถิ่น
โครงการ Hidden Gem เกิดขึ้นจากความตั้งใจของ True CJ Creations ร่วมกับ Ryoii Film ที่อยากนำเสนอเรื่องราวของอาหารและวัฒนธรรมไทยที่ไม่เคยถูกเผยแพร่มาก่อน โดยเริ่มต้นจากการทำซีรีส์สารคดีอาหารไทยออกเผยแพร่ทาง Asian Food Network ในกว่า 60 ประเทศทั่วโลกเมื่อปี 2023 ซึ่งได้รับความสนใจและเสียงตอบรับที่ดี จนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Content Asia Awards 2024 จึงเป็นที่มาสู่การต่อยอดโครงการให้เข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น ผ่านการเปิดตัวเว็บไซต์ Hidden Gem ที่รวบรวมเรื่องราวร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวท้องถิ่นในไทย พร้อมเตรียมถ่ายทำภาพยนตร์ซีรีส์สารคดี Season 2 ในปีนี้ เพื่อนำเสนอร้านอาหารคุณภาพที่ยังซ่อนอยู่และขยายฐานคอมมิวนิตี้ของคนรักอาหาร รวมทั้งคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวให้กว้างขึ้น
นางสาวอารี อารีจิตเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของทรูซีเจ ครีเอชั่นส์ กล่าวว่า “เว็บไซต์ Hidden Gem เป็นการใช้รูปแบบเทคโนโลยีออนไลน์ ผสานกับศิลปะในการคัดสรรและถ่ายทอดเรื่องราวที่น่าสนใจ เพื่อเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างคอมมิวนิตี้สำหรับคนรักอาหารไทย ให้สามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ทั่วโลก พร้อมต่อยอดเก็บตกร้านอาหารไทยคุณภาพอีกมากมายที่ซีรีส์ไม่สามารถบอกเล่าได้หมดมารวมไว้บนเว็บไซต์นี้ โดยเราเชื่อว่า Hidden Gem จะเป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยกระตุ้น
การท่องเที่ยว ยกระดับคุณค่าให้ร้านอาหาร นำไปสู่การผลักดันให้เกิดรายได้กระจายสู่ท้องถิ่น ทั้งร้านอาหาร ร้านค้า สถานที่ท่องเที่ยว และที่พัก”
ทางด้านนายซอง ฮุน จอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของทรูซีเจ ครีเอชั่นส์ กล่าวเสริมว่า “เทรนด์การท่องเที่ยวยุคใหม่ที่เน้นสัมผัสวิถีชีวิตชุมชน ชูความเป็น Local hero กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การเปิดตัวเว็บไซต์ Hidden Gem เป็นโอกาสอันดีที่ช่วยยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวประเทศไทยให้รับการเทรนด์ของนักท่องเที่ยว รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าและบริการของประเทศได้อย่างยั่งยืน”
นายอนุรักษ์ ดิษฐไชยวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Ryoii Film กล่าวทิ้งท้ายว่า Hidden Gem จะเป็นมากกว่าแค่แพลตฟอร์มที่รวบรวมข้อมูลรายชื่อร้านอาหารไทยที่น่าลอง แต่ยังมีเรื่องราวเส้นทางความเป็นมาและอุปสรรคของทุกร้าน รวมถึงแนวคิดการออกแบบสร้างสรรค์เมนูมากมาย เพื่อให้ผู้คนได้ค้นพบประสบการณ์ใหม่ ๆ และจุดประกายแรงบันดาลใจดี ๆ
ฟีเจอร์และบริการบนเว็บไซต์ Hidden Gem
สำหรับเว็บไซต์ Hidden Gem จะมีฟีเจอร์และบริการที่น่าสนใจเปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถใช้งานได้มากมาย โดยจะมีการพัฒนาและทยอยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็น
· Hidden Gem Places บริการรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจจากทั่วประเทศไทย โดยจะเน้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องหรืออยู่ในซีรีส์ก่อนในช่วงระยะแรก
· Hidden Gem Vote เปิดให้ผู้ชมสามารถร่วมโหวตและแนะนำร้านอาหารในตำนานที่ชื่นชอบในแต่ละจังหวัด เพื่อนำมาผลิตภาพยนตร์สารคดีซีรีส์ใน Season 3
· Hidden Gem Booking บริการระบบจองร้านที่เป็น Hidden Gem Heroes ที่ปรากฏในภาพยนตร์สารคดีซีรีส์ พร้อมแนะนำเมนูพิเศษ ซึ่งคาดว่าจะเปิดใช้งานได้ในเดือนพฤศจิกายน
· Hidden Gem Restaurants รวมข้อมูลร้านอาหารทั่วประเทศไทยที่น่าสนใจ และมีโอกาสได้เป็น Hidden Gem Heroes ใน Season 3
· Experience the Hidden Gem Heroes Restaurant ระบบจองร้านอาหาร Hidden Gem ผ่านเว็บไซต์ ขยายความร่วมมือกับแพลตฟอร์มการจองในต่างประเทศ ทั้งประเทศไต้หวัน และ ประเทศญี่ปุน เช่น KKDay และ Takeme โดยคาดว่าบริการนี้จะเปิดให้บริการภายในปี 2025
บางครั้งเหตุผลหลักในการไปเที่ยวของหลาย ๆ คนไม่ใช่การเดินดูสถานที่ท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ แต่คือการดื่มด่ำกับหลากหลายอาหารอร่อยในประเทศนั้น เหตุนี้เอง อโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับการท่องเที่ยว จึงได้ทำการสำรวจ พร้อมเผย 5 อันดับจุดหมายปลายทางยอดนิยมในเอเชียของนักท่องเที่ยวสายกิน ซึ่งตั้งใจไปเที่ยวเพื่อเพลิดเพลินกับอาหารเป็นหลัก โดยเกาหลีใต้ครองอันดับ 1 เป็นประเทศสุดฮิตของสายกินทั่วเอเชีย
จากข้อมูลการสำรวจที่อโกด้าจัดทำขึ้น มากกว่า 64% ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเกาหลีใต้ระบุว่า อาหารคือเหตุผลหลักในการเดินทางไปเที่ยวเกาหลีใต้ ทั้งนี้เกาหลีใต้ ซึ่งโด่งดังทั้งกิมจิ บาร์บีคิวสไตล์เกาหลี และไก่ทอด เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในเอเชียอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวสายกิน ตามมาด้วยไต้หวัน (62%) ไทย (55%) ญี่ปุ่น (52%) และมาเลเซีย (49%) การสำรวจครั้งนี้มีผู้ใช้อโกด้ามากกว่า 4,000 ราย ใน 10 ประเทศ ร่วมตอบแบบสอบถามหลังทำการจองที่พักเสร็จสิ้น
คุณเอนริก คาซาลส์, Associate Vice President, Southeast Asia, อโกด้า กล่าวว่า “อาหารไม่ได้เป็นแค่สิ่งหล่อเลี้ยงร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ทางวัฒนธรรมอีกด้วย นักท่องเที่ยวบางคนหลงใหลในอาหารมากถึงขนาดจองร้านอาหารในต่างประเทศก่อนจองตั๋วเครื่องบินเสียอีก ข้อมูลการสำรวจของอโกด้าแสดงให้เห็นชัดเจนว่านักท่องเที่ยวกำลังมองหาจุดหมายปลายทางที่สามารถไปดื่มด่ำกับอาหาร และประเพณีท้องถิ่นได้ ไม่ใช่แค่ไปเดินชมสถานที่ท่องเที่ยว เรารู้สึกภูมิใจที่ได้นำเสนอดีลที่พัก ตั๋วเครื่องบิน และกิจกรรมสุดคุ้มให้ทุกคนได้ไปเที่ยวในราคาที่ประหยัดขึ้น นักท่องเที่ยวจึงังมีงบเหลือเอาไว้ใช้จ่ายกับอาหารจานเด็ดในท้องถิ่นนั้นมากขึ้นด้วย”
5 อันดับจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับสายกินทั่วเอเชีย ประกอบไปด้วย:
1. เกาหลีใต้
อาหารเกาหลีใต้ดึงดูดนักกินจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าความนิยมนี้ส่วนหนึ่งมาจากละคร และภาพยนตร์เกาหลีที่มักจะนำเสนอประสบการณ์การกินอาหารที่ชวนให้ผู้ชมรู้สึกอยากลิ้มรสตาม เช่น เมื่ออยู่บนเกาะเชจู ต้องไม่พลาดอาหารทะเลสด และหมูดำปิ้งบนเตาบาร์บีคิวเกาหลีแบบดั้งเดิมที่นุ่มละลายในปาก หรือใครที่ชื่นชอบอาหารแปลกขึ้นมาหน่อย ควรแวะไปลองคันจังเคจัง (ปูสดดองในซอสถั่วเหลือง) ที่เมืองชายฝั่งอย่างอินชอน สำหรับอาหารโซลฟู้ดที่ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งกินกับครอบครัวที่บ้าน ก็ต้องโชดังซุนดูบู (เต้าหู้เนื้อนุ่มในซุปร้อน) ที่คังนึง ส่วนใครที่ชอบสตรีทฟู้ด ตลาดแบบดั้งเดิมอย่าง ตลาดควังจางในกรุงโซล ก็มีอาหารริมทางอร่อยอยู่มาก เช่น ต็อกโบกี (เค้กข้าวรสเผ็ด) และบินเดต็อก (แพนเค้กถั่วเขียวสไตล์เกาหลี)
2. ไต้หวัน
ไต้หวันเป็นดินแดนแห่งอาหารซึ่งผสมผสานประเพณีโบราณเข้ากับอิทธิพลสมัยใหม่อย่างลงตัว ตลาดกลางคืนยอดฮิตของไทเปอย่าง ซื่อหลินและเหราเหอ เป็นที่ที่สายกินทุกคนต้องแวะไปกินของอร่อยซึ่งมีอยู่ละลานตา เช่น เต้าหู้เหม็นอันเลื่องชื่อ และชาไข่มุกที่โด่งดังไปทั่วโลก หรือที่ไถหนานซึ่งมีอาหารดั้งเดิมอย่าง บะหมี่ตันไซ และซุปปลานวลจันทร์ทะเล แสดงให้เห็นถึงมรดกภูมิปัญญาอาหารอันล้ำค่าของเกาะ นอกจากนี้ไต้หวันยังมีวัฒนธรรมการดื่มชาที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งชาอู่หลงของอาลีซานนั้นถือเป็นชาโปรดของคนรักชาหลาย ๆ คน
3. ไทย
ไทยเป็นสวรรค์ของคนรักอาหารที่มีวัฒนธรรมอาหารสตรีทฟู้ดที่โดดเด่นไม่เป็นรองใคร แผงขายอาหารแบบดั้งเดิมในเยาวราช หรือที่นิยมเรียกกันว่าไชนาทาวน์ในกรุงเทพฯ เป็นแหล่งรวมอาหารจานเด็ดอย่างหมูสามชั้นทอด ผัดไทย ไข่เจียวหอยนางรม และข้าวเหนียวมะม่วง ซึ่งนอกจากจะอร่อยขึ้นชื่อแล้วยังราคาไม่แพงด้วย ส่วนเมื่อเดินทางไปในภาคเหนือของประเทศอย่าง จังหวัดเชียงใหม่ นักเดินทางก็ต้องไม่พลาดไปรับประทานข้าวซอยรสชาติเข้มข้น ส่วนในภาคใต้ อาหารจานเส้นที่อาจไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนักในหมู่ชาวต่างชาติอย่าง ขนมจีน ก็กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมีทั้งแบบเส้นแป้งสดและแป้งหมักให้เลือกทานพร้อมแกงหลากหลายชนิด
4. ญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของสายกิน ด้วยอาหารที่มีให้เลือกหลากหลาย เช่น อาหารทานเล่นแบบอิซากายะ และอาหารไคเซกิแบบฟูลคอร์ส หรือเมื่อไปเที่ยวตลาดสึกิจิรอบนอก ของกรุงโตเกียว นักท่องเที่ยวก็มีหลายร้านซูชิ และซาซิมิสด ๆ ให้เลือกรับประทาน หรือลองชิมอาหารท้องถิ่นอย่าง ทาโกะยากิ (ลูกชิ้นปลาหมึก) และยากิโทริ (ไก่เสียบไม้ย่าง) ในย่านยอดนิยมอย่าง ชินจูกุและกินซ่า สำหรับสายอาหารทะเลไม่ควรพลาดการไปเยือนเมืองท่าโอตารุในฮอกไกโด เพื่อลองปูสด อูนิ (ไข่หอยเม่น) และดงบุริทะเลสด ส่วนใครที่โปรดปรานการกินราเม็ง ลองแวะไปที่ย่านช้อปปิ้งเท็นจินในฟุกุโอกะ ที่มีราเม็งทงคัตสึขึ้นชื่อ เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปหมูรสเข้มข้น
5. มาเลเซีย
อาหารมาเลเซียนั้นหลากหลาย เช่นเดียวกับมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศ ที่กัวลาลัมเปอร์มีนาซิเลอมักให้เลือกลิ้มลองหลายรูปแบบ เช่น นาซิเลอมักบุงกุส (ข้าวแช่กะทิห่อ เสิร์ฟพร้อมน้ำพริก และผัก) และนาซิเลอมักอายัมโกเร็งเบเรมปาห์ (ไก่รสเผ็ด) ส่วนรัฐปีนังก็พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยอาหารสตรีทฟู้ดคลาสสิกอย่าง ฉ่าก๋วยเตี๋ยว (ก๋วยเตี๋ยวผัด) หมี่ฮกเกี้ยน (เส้นหมี่เหลืองผัด) และเซ็นดอล (น้ำแข็งไสหวานเย็น) ในมาเลเซียตะวันออก โคตาคินาบาลูมีอาหารท้องถิ่นสดใหม่ให้ชิมอยู่มาก เช่น ฮินาวา (สลัดปลาดิบ) และหมี่ตัวรัน หรือ Tuaran Mee ส่วนที่กูชิงก็มีจานเด็ดขึ้นชื่อมานอกปันโซห์ หรือ Manok Pansoh ซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองของชาวอีบันที่ทำจากไก่ที่ปรุงด้วยสมุนไพรในไม้ไผ่
ทั้งนี้ญี่ปุ่นคือจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 1 สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ระบุว่าอาหารคือเหตุผลหลักในการเดินทางไปเที่ยว ตามมาด้วยเวียดนามและลาว (#2) และจีน (#3) สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ระบุว่าอาหารคือเหตุผลหลักในการเดินทางมาเที่ยวไทย ส่วนใหญ่มาจากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และเวียดนาม ตามลำดับ
อโกด้าช่วยให้ทุกคนได้เดินทางไปเที่ยวกินอาหารตามที่วางแผนได้ง่ายขึ้น ด้วยที่พักกว่า 4.5 ล้านแห่ง เส้นทางบินกว่า 130,000 เส้นทาง และกิจกรรมกว่า 300,000 รายการ ไม่ว่าจะเป็นทัวร์ชิมอาหารริมทางในกรุงเทพฯ หรือคลาสเรียนทำซูชิในโตเกียว อโกด้าช่วยให้นักท่องเที่ยวไปสำรวจรสชาติอาหารจากทั่วโลกได้ในราคาที่ประหยัดขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ agoda.com หรือดาวน์โหลดแอป Agoda