

สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (พีไอเอ็ม) สถาบันอุดมศึกษาก่อตั้งโดย บมจ.ซีพี ออลล์ เข้าชิงรางวัล "กลยุทธ์การเรียนการสอนแห่งปี หรือ Teaching and Learning Strategy of the Year" ใน Times Higher Education Awards Asia 2025 ด้วยสุดยอดผลงานจากการพัฒนาโมเดลการเรียนการสอนที่มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพ โดยเป็น 1 ใน 8 สถาบันอุดมศึกษาจากทั่วทั้งทวีปเอเชียที่ได้รับการคัดเลือกเข้าชิงรางวัลนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณภาพการศึกษาและนวัตกรรมในด้านการเรียนการสอนด้วยรูปแบบ Work-based Education
ในปีนี้ รางวัล Times Higher Education Awards Asia ได้รับผลงานส่งเข้าประกวดมากกว่า 500 ผลงานจากสถาบันการศึกษาและมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วเอเชีย ซึ่งจะมีการมอบรางวัลใน 10 สาขาหลัก โดยพีไอเอ็มได้รับการคัดเลือกในสาขา "กลยุทธ์การเรียนการสอนแห่งปี" ร่วมกับสถาบันระดับแนวหน้าจากหลายประเทศ เช่น Singapore Management University (สิงคโปร์), Sunway University (มาเลเชีย), Lovely Professional University (อินเดีย)
รองศาสตราจารย์ ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดี พีไอเอ็ม เปิดเผยถึงแนวทางการพัฒนาการศึกษาที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ควบคู่กับการฝึกงาน ซึ่งเป็นการผสานการเรียนทฤษฎีในห้องเรียนกับการปฏิบัติจริงในสถานประกอบการ เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง มีทักษะที่สามารถนำไปใช้ได้ทันทีในโลกการทำงาน (Ready to Work) ซึ่งทุกองค์ประกอบของ Work-based Education ต้องมีการพัฒนาและขับเคลื่อนทั้งผู้เรียน ผู้สอน บุคลากร ไปพร้อมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
พีไอเอ็มมุ่งมั่นพัฒนานักศึกษาให้มีทักษะ “คิดเป็น” “ทำเป็น” “เด่นนวัตกรรม” และ “มีคุณธรรมสูง” โดยเน้นให้มีความสามารถใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมเสริมสร้างความเป็นผู้นำที่มีคุณธรรม และมีมุมมองความคิดที่กว้างไกล พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงสู่โลกการทำงานที่ท้าทาย อีกทั้งการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่ยืดหยุ่น ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และสังคม จึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้พีไอเอ็มสามารถสร้างบัณฑิตที่มีคุณภาพ พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ สังคม และองค์กรได้อย่างแท้จริง รองศาสตราจารย์ ดร.สมภพกล่าว
ผลงานที่พีไอเอ็มส่งเข้าประกวดคือ Work-based Education Model (WBE Model) ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นตามปรัชญาการศึกษาของสถาบันที่เน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง โดย WBE Model นี้มีความเข้มข้นมากกว่าการเรียนการสอนแบบสหกิจศึกษา (Cooperative Education) การบูรณาการการเรียนรู้ร่วมกับการทำงาน (Work-integrated Learning) ด้วยการบูรณาการทั้งภาคทฤษฎีและการปฏิบัติจริงจากการฝึกงานในสถานประกอบการจริง
โมเดลนี้ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่:
ผลจากการดำเนินการด้วย WBE Model นี้ทำให้บัณฑิตของพีไอเอ็มพร้อมทำงานทันทีเมื่อสำเร็จการศึกษา ด้วยอัตราการได้งานทำสูงถึง 88.94% ภายใน 2 เดือนหลังจบการศึกษา และค่าเฉลี่ยเงินเดือนเริ่มต้นของบัณฑิตปริญญาตรีของพีไอเอ็มยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศไทยอีกด้วย โดยการประกาศผู้ชนะรางวัล Times Higher Education Awards Asia 2025 จะมีขึ้นในงาน THE Asia Universities Summit ที่จัดขึ้นในเดือนเมษายน 2025
ซีพี ออลล์ มีความภาคภูมิใจที่สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 8 สถาบันอุดมศึกษาเข้าชิงรางวัล "กลยุทธ์การเรียนการสอนแห่งปี” จากผลงานที่ส่งเข้าประกวดมากกว่า 500 ผลงานจากทั่วทั้งทวีปเอเชีย ทั้งนี้ซีพี ออลล์มุ่งมั่นให้ความสำคัญนโยบาย “สร้างคน” โดยส่งเสริมการศึกษาพัฒนาเยาวชนเพื่อ “สร้างคนเก่ง คนดี มีความสามารถผ่านการศึกษา” ซึ่งเป็นฐานรากที่สำคัญของประเทศ การสร้างคนเป็นเรื่องหนึ่งที่ซีพี ออลล์ มุ่งมั่นดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้สังคมและเศรษฐกิจของไทยขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็ง ตามปณิธานองค์กร Giving and Sharing
ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ความรู้และทักษะใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ในมิติของการศึกษา การเรียนรู้การปรับตัวจึงกลายเป็นทักษะจำเป็น ถือเป็นยุคที่ท้าทาย แต่ก็สร้างโอกาสให้กับคนที่พร้อมปรับตัว และปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อเทคโนโลยีมีความสำคัญ ตลาดแรงงานมีความต้องการบัณฑิตวิศวกรรมที่มีทักษะและความรู้ที่สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) หนึ่งในสถาบันการศึกษาที่ปรับหลักสูตรคณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีตอบโจทย์ความต้องการอุตสาหกรรม ได้แก่ หลักสูตรเทคโนโลยีดิจิทัลและสารสนเทศ, หลักสูตรวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์, หลักสูตรวิศวกรรมการผลิตยานยนต์, หลักสูตรวิศวกรรมอุตสาหการและการผลิตอัจฉริยะ, หลักสูตรวิศวกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ และหลักสูตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (โครงการจัดตั้ง)
ชูจุดแข็งรูปแบบการเรียนการสอนผ่าน Work-based Education (WBE) หรือการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง มุ่งเน้นการผลิตวิศวกรผู้เชี่ยวชาญปฏิบัติงานได้จริงและตอบโจทย์เทคโนโลยี อุตสาหกรรมสมัยใหม่ ทั้งด้าน IT, AI, ยานยนต์, หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ผ่านการฝึกงานทั้งในและต่างประเทศด้วยเครือข่ายที่แข็งแกร่ง เรียนจบพร้อมทำงานอย่างมืออาชีพทันที (Ready to Work) ตอบโจทย์อุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย ทั้ง First S-Curve และ New S-Curve ขยายโอกาสในการสร้างรายได้และการจ้างงานใหม่ๆ เพราะกลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้เปรียบเสมือนกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth)
วิศวกรรมฯ ปัญญาภิวัฒน์ หลักสูตรเจ๋ง ทุนแจ๋ว
ไทเกอร์- วสลักษณ์ พงโศธร บัณฑิตสาขาวิชาวิศวกรรมการผลิตยานยนต์ คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ปัจจุบันก้าวสู่ วิศวกรเทคนิค บริษัท ICS Sakabe Co.,Ltd. ประเทศญี่ปุ่น เล่าจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในสายวิชาชีพนี้ว่า ช่วงใกล้จบม.6 ทีมแนะแนว PIM ได้เข้าไปให้ข้อมูลที่โรงเรียนสายปัญญา รังสิต จึงเกิดความสนใจในสาขาวิชาวิศวกรรมการผลิตยานยนต์ เพราะพ่อแม่ทำงานด้านยานยนต์และสนใจรูปแบบการสอนของที่นี่ ซึ่งตนเองก็สนใจเรื่องเครื่องยนต์และมองเห็นโอกาสจากรูปแบบการเรียนคือฝึกงานไปด้วย เรียนไปด้วย หรือ Work-based Education มีเครือข่ายภาคธุรกิจที่เป็นองค์กรชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ จึงเกิดความตั้งใจที่จะเรียนที่นี่ พร้อมตั้งเป้าหมายการไปฝึกงานและทำงานที่ต่างประเทศ ที่สำคัญคือได้รับทุนการศึกษา 50%
สำหรับการเรียนตลอด 4 ปีของสาขาวิชาวิศวกรรมการผลิตยานยนต์ จะได้เรียนรู้พื้นฐานทางวิศวกรรม 3 ศาสตร์สำคัญๆ “วิศวกรรมเครื่องกล + วิศวกรรมยานยนต์ + วิศวกรรมการผลิต” โดย 1.วิศวกรรมเครื่องกล เกี่ยวข้องกับการออกแบบ การผลิต และการดูแลรักษาเครื่องจักร รวมถึงการควบคุมและการจัดการการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย 2.วิศวกรรมยานยนต์ เกี่ยวข้องกับการออกแบบ การพัฒนา และการผลิตยานพาหนะทั้งรถยนต์ รถบัส รถไฟ รถจักรยานยนต์ และยานอวกาศ เฉพาะเรื่องของระบบการเคลื่อนที่และส่วนประกอบที่เกี่ยวข้อง และ 3.วิศวกรรมการผลิต เกี่ยวข้องกับการออกแบบและการจัดการกระบวนการผลิต เมื่อมีความรู้พื้นฐานที่สำคัญแล้ว จึงต่อยอดไปสู่เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ โดยมีการเรียนรู้ในเรื่องของอีโค่คาร์ รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฮบริด รถยนต์ไร้คนขับ ตลอดจนเครื่องยนต์สำหรับยานยนต์สมัยใหม่ นำเทรนด์การเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจยานยนต์ ด้วยการนำหุ่นยนต์ ระบบออโตเมชั่น และระบบการผลิตอัจฉริยะ มาใช้พัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมยานยนต์ ไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ
เรียนแล้วเวิร์ค ทำงานแล้วเวิร์ค
ไทเกอร์เล่าต่อว่า ปี 1 ได้ฝึกงานที่ 7-Eleven เป็นแคชเชียร์ เติมของ สั่งของ จัดสต๊อก สิ่งที่ได้คือฝึกความอดทน มนุษยสัมพันธ์ที่ดี และการเข้าใจงานบริการ ปี 2 ฝึกงานที่ บจก.เค้งหงษ์ทอง เป็นการฝึกงานซ่อมบำรุงรถ Mercedes-Benz ทำให้ได้เรียนรู้และทำความเข้าใจวิชาที่เรียนมาใช้ลงมือปฏิบัติจริง ปี 3 – ปี 4 มีโอกาสได้ไปฝึกงานที่ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ MTEC ศึกษาเกี่ยวกับถ่านกัมมันตภาพรังสีที่กักเก็บประจุไฟฟ้าในระบบรถยนต์ 3 เดือน แล้วกลับมาทำโปรเจ็คต์ ก่อนจะเดินทางไปฝึกงานที่คิตะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น 4 เดือน ที่บริษัท ICS Sakabe Co.,Ltd.ในตำแหน่งวิศวกรฝ่ายผลิต เพราะสนใจเรื่องการผลิต ระบบไฟฟ้า ระบบอัตโนมัติในโรงงาน ที่เลือกโรงงานนี้เพราะทำเกี่ยวกับหุ่นยนต์และมีรุ่นพี่ไปทำงานที่นี่ อีกทั้งบริษัทมีแพลนมาเปิดสาขาที่เมืองไทย ก่อนฝึกงานจบบริษัทก็รับเข้าทำงานในตำแหน่งวิศวกรเทคนิค ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยไทเกอร์วางแผนทำงานที่ญี่ปุ่นยาว 5 ปี แล้วกลับเมืองไทยตามที่บริษัทแพลนไว้ ถึงตอนนั้นอาจจะทำธุรกิจของครอบครัวควบคู่ไปด้วย
“มาถึงวันนี้ผมคิดว่าเกินเป้าหมายครับ ตั้งแต่เข้ามาเรียนที่ PIM ก็ได้รับโอกาสในการพัฒนาตัวเองผ่านกิจกรรม ผ่านการฝึกงาน เมื่อได้งานที่ ICS Sakabe ประเทศญี่ปุ่น ทั้งครอบครัวก็ดีใจกันมากๆ ขอบคุณซีพี ออลล์ ที่เข้ามาสร้างโอกาสผ่านการศึกษา สนับสนุนความฝันเยาวชน ผมเชื่อว่าบัณฑิตที่จบจาก PIM เป็นคนเก่ง มีความสามารถ พร้อมทำงานได้ทันที” ไทเกอร์บอกเล่าอย่างภูมิใจ
นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า ซีพี ออลล์ ให้ความสำคัญกับนโยบาย “สร้างคน” โดยส่งเสริมการศึกษาพัฒนาเยาวชน เพื่อ “สร้างคนเก่ง คนดี มีความสามารถผ่านการศึกษา” ซึ่งเป็นฐานรากที่สำคัญของประเทศ การสร้างคนเป็นเรื่องหนึ่งที่ซีพี ออลล์ มุ่งมั่นดำเนินการอย่างต่อเนื่องผ่านสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ และอีกหลากหลายช่องทาง ในแต่ละปีจึงมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนนักศึกษาจำนวนมาก รวมถึงจับมือพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในสาขาที่เกี่ยวข้อง มาร่วมขับเคลื่อนการสร้างคนอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2568 ซีพี ออลล์ ตั้งเป้ามอบทุนการศึกษามากกว่า 37,000 ทุน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,181 ล้านบาทเพื่อช่วยให้สังคมและเศรษฐกิจของไทยขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็ง ตามปณิธานองค์กร Giving and Sharing