December 05, 2025

Sea (ประเทศไทย) และสถาบันบอร์ดเกมเพื่อการเรียนรู้ (IBGL) ผนึกกำลังเครือข่ายปิดเทอมสร้างสรรค์ ภายใต้การสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นำบอร์ดเกมการเงิน ‘Wishlist จัดสรรเงิน เติมความฝัน’ ร่วมโครงการ “Board Game: Learning Space ปิดเทอมสร้างสรรค์ เปลี่ยนร้านบอร์ดเกมเป็นแหล่งเรียนรู้กันเถอะ” ต้อนรับปิดเทอมใหญ่ด้วยกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงินผ่านการเล่นบอร์ดเกมที่สนุกและเข้าใจง่าย โดยเด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี สามารถร่วมเล่นบอร์ดเกมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย วันละ 1 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 1 - 30 เมษายน นี้ ณ ร้านบอร์ดเกมชั้นนำทั่วประเทศ 25 แห่ง ที่ร่วมโครงการฯ

บอร์ดเกมไม่เพียงแต่ให้ความสนุกสนานและความบันเทิง แต่ยังเป็นสื่อการเรียนรู้และพื้นที่พัฒนาทักษะสำคัญ อาทิ ทักษะการคิดวิเคราะห์ การวางแผน การแก้ปัญหา การทำงานร่วมกัน และการตัดสินใจ Sea (ประเทศไทย) ซึ่งเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาทักษะการบริหารการเงินส่วนบุคคลตั้งแต่วัยเยาว์ จึงนำบอร์ดเกม Wishlist ที่พัฒนาขึ้นร่วมกับพันธมิตร อาทิ สถาบันบอร์ดเกมเพื่อการเรียนรู้ (IBGL) Wizards of Learning และ The Money Coach เข้าร่วมโครงการปิดเทอมสร้างสรรค์ฯ ในครั้งนี้ เพื่อร่วมเปลี่ยนร้านบอร์ดเกมให้เป็นพื้นที่เรียนรู้ที่เข้าถึงได้สำหรับเด็กและเยาวชน พร้อมสนับสนุนให้เยาวชนใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมอย่างมีคุณค่า

ร้านบอร์ดเกมที่ร่วมโครงการฯ ทั้ง 25 แห่ง กระจายตัวอยู่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด พร้อมเปิดพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนได้ใช้สิทธิเล่นบอร์ดเกมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย วันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง เพียงสแกน QR Code เพื่อตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับโครงการฯ หลังจบเกม โดยร้านบอร์ดเกมที่ร่วมโครงการฯ มีดังนี้

กรุงเทพฯ และปริมณฑล

ร้าน Box & Brew Café and Board Games, ร้าน Board Game Academy, ร้าน Board Game Stations, ร้าน Lunar cafe - Zpell Park, ร้าน Lunar cafe by Usagi Ice (สาขาตลาดอมรพันธ์), ร้าน More Than a Game Café, ร้าน Knight's Tale Board Game Cafe, ร้าน CoonCoon Board Game Cafe & Music Studio, ร้าน GameHaus Board Game Cafe, ร้าน BoardVille - Board game café, ร้าน Games Together, ร้าน NK Board Game Seacon Bangkae, ร้าน Boardgame Krub, ร้าน Sandbox_Boardgame, ร้าน Nostramo Bangkok, ร้าน MANA CAFE, ร้าน Secret Lair - บอร์ดเกมคาเฟ่, ร้าน Rabbit Hole Board Games Party, ร้าน Lanlalen Voyage และ ร้าน In the Battle Board Game Café

 

ต่างจังหวัด

ร้าน Time to Table (เชียงใหม่), ร้าน Lanlalen (นครปฐม), ร้าน Board Game Everyday Cafe (ขอนแก่น), ร้าน Board Game Everyday (อุดรธานี) และ ร้าน Bewitched Everyday (นครราชสีมา)

ภายใต้โครงการ “Board Game: Learning Space ปิดเทอมสร้างสรรค์ เปลี่ยนร้านบอร์ดเกมเป็นแหล่งเรียนรู้กันเถอะ” เยาวชนผู้ร่วมโครงการฯ จะได้ทดลองเล่นบอร์ดเกมชื่อดังมากมาย รวมถึง บอร์ดเกมการเงิน “Wishlist จัดสรรเงิน เติมความฝัน” ซึ่งเป็นบอร์ดเกมที่พัฒนาโดย Sea (ประเทศไทย) ร่วมกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ อาทิ Wizards of Learning, สถาบันบอร์ดเกมเพื่อการเรียนรู้ และ The Money Coach โดย Sea (ประเทศไทย) เล็งเห็นความสำคัญของการวางแผนการเงินที่ดีตั้งแต่เด็ก และตระหนักถึงศักยภาพของบอร์ดเกมในฐานะเครื่องมือทางการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ บอร์ดเกมการเงิน “Wishlist จัดสรรเงิน เติมความฝัน” จึงได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อปลูกฝังความรู้ เสริมทักษะ และสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินที่ดีให้แก่เยาวชน ผ่านความสนุกผสานพร้อมสาระด้านการวางแผนทางการเงินด้วยบอร์ดเกม สร้างภูมิต้านทานทางการเงินและทัศนคติทางการเงินที่ดีตั้งแต่ยังเด็ก

เยาวชนผู้สนใจสามารถร่วมโครงการ “Board Game: Learning Space ปิดเทอมสร้างสรรค์ เปลี่ยนร้านบอร์ดเกมเป็นแหล่งเรียนรู้กันเถอะ” ได้แล้ววันนี้ ถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 (หรือจนกว่าจะครบจำนวนสิทธิของแต่ละร้าน) ณ ร้านบอร์ดเกมที่ร่วมโครงการฯ โดยผู้ปกครองสามารถร่วมกิจกรรมกับบุตรหลานได้ (มีค่าบริการ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละร้าน) ติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันบอร์ดเกมเพื่อการเรียนรู้ ปิดเทอมสร้างสรรค์ และ Sea (ประเทศไทย)

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จับมือ we!park และภาคีเครือข่าย เตรียมจัดงาน Active City Forum มุ่งยกระดับวิถีชีวิตกระฉับกระเฉงเท่าเทียม ทั่วถึง พร้อมชวนประชาชน มาร่วมสร้างเมือง สุขภาพดีไปด้วยกัน

 

น.ส.นิรมล ราศรี ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. เปิดเผยว่า สสส. มุ่งหวังให้คนไทยมีสุขภาพดี จึงได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม เพื่อผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสุขภาวะ โดยการจัดงาน Active City Forum ครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ทั้งนักวิชาการและชุมชนที่ปฏิบัติจริง ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน

"เราต้องการให้ภาคเอกชนได้เห็นแนวทางการสนับสนุนและเปิดพื้นที่สุขภาวะ ขณะที่ภาคนโยบายจะได้เข้าใจว่าควรออกนโยบายอย่างไรเพื่อส่งเสริมพื้นที่สุขภาวะ ซึ่งจะนำไปสู่การลดโรคไม่ติดต่อ" น.ส.นิรมล กล่าว และเสริมว่า ความสำเร็จที่ผ่านมา สสส. ได้ร่วมกับ กทม. พัฒนาโครงการสวน 15 นาที ที่ช่วยให้ประชาชนสามารถออกกำลังกายใกล้บ้านได้ โดยให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการออกแบบเส้นทางและพื้นที่ที่ปลอดภัย เหมาะสำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว นอกจากนี้ยังมีนโยบายให้สวนสาธารณะเป็นพื้นที่ปลอดเหล้า บุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อการมีสุขภาพดี

 

ด้าน นายยศพล บุญสม หัวหน้าโครงการ we!park กล่าวว่า “ไฮไลท์ของงานไม่ใช่เพียงการประชุมเชิงวิชาการ แต่เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างวิทยากรจากเมืองชั้นนำของเอเชียและยุโรป กับภาคีในประเทศไทย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน นักวิชาการ และนักเรียนนักศึกษา "งานนี้จะเป็นเวทีของคนรุ่นใหม่ที่จะได้เสนอไอเดียว่าอยากเห็นเมืองในอนาคตเป็นอย่างไร นอกจากนี้ เรายังหวังให้เป็นอีเวนต์ประจำปีที่ทุกภาคส่วนจะได้มาพบปะ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และมองไปถึงอนาคตร่วมกัน" นายยศพล กล่าวเพิ่มเติมว่า “สิ่งสำคัญของงานนี้คือเรากำลังสื่อสารว่า การมีสุขภาพดีไม่ใช่เรื่องของแพทย์หรือภาครัฐเท่านั้น แต่เป็นสิทธิของทุกคนที่จะร่วมออกแบบผ่าน 4 มิติ คือ การออกแบบนโยบาย การออกแบบเมือง การออกแบบวิถีชีวิต และการออกแบบความร่วมมือ" พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมงาน Active City Forum ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์ฟอรั่มที่ผู้เข้าร่วมจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เข้าร่วมเวิร์คช็อป และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการพัฒนาเมือง ซึ่งผู้ที่สนใจจะสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรีได้ที่ Facebook: we create park หรือโทร. 062-695-6293

 

มาที่ รศ.ดร.ปิยวัฒน์ เกตุวงศา ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย เปิดเผยว่า “หลังสถานการณ์โควิด พบว่าอัตราความกระฉับกระเฉงของคนไทยลดลงอย่างน่าตกใจจากร้อยละ 70 เหลือเพียงร้อยละ 50 แม้ปัจจุบันสถานการณ์จะดีขึ้นบ้างแต่ก็ยังไม่กลับสู่ระดับเดิม "เรากำลังเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งกลุ่มคนที่ไม่สามารถกลับมาออกกำลังกายได้ด้วยตนเอง ปัญหา PM2.5 ที่ส่งผลต่อการทำกิจกรรมกลางแจ้ง รวมถึงปัจจัยด้านจิตใจที่ส่งผลต่อการดูแลสุขภาพ ผมหวังว่างาน Active City Forum จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้คนไทยกลับมามีวิถีชีวิตที่กระฉับกระเฉงอีกครั้ง”

เครือข่ายเยาวชน YSDN (Youth Strong & Development Network) ภายใต้ สำนักงานเครือข่ายงดเหล้า (สคล.)  โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดการแข่งขันกีฬา E-Sport ภายใต้ชื่อ YSDN วังทอง FREE FIRE E-sport 2024 ครั้งที่ 3  ตั้งเป้าดันกีฬา E-Sport หนุนเด็กไทยใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ห่างไกลปัจจัยเสี่ยง เหล้า บุหรี่ การพนัน และยาเสพติด มีเยาวชนจากโรงเรียนในอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก เข้าร่วมการแข่งขันกว่า 12 ทีม รวม 48 คน ณ ห้องประชุม สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 2 อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก

นายจักรินทร์ กลิ่นอาจ เจ้าหน้าที่เครือข่ายเยาวชน YSDN (Youth Strong & Development Network) ภายใต้ สำนักงานเครือข่ายงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า กิจกรรมจัดการแข่งขันครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 จุดเริ่มต้นเกิดจากผลสำรวจความคิดเห็นเยาวชน ภายใต้โครงการต้นแบบอำเภอป้องกันเยาวชนนักดื่มหน้าใหม่ อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ในปี 2564 กว่า 800 ชุด สำรวจครอบคลุม 12 ตำบลของอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก พบว่า E-sport คือกิจกรรมที่เยาวชนต้องการมากที่สุด โดยใช้โมเดลขนมปัง 5 ชั้น ของ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) เป็นกรอบในการทำงาน โดยเริ่มจากการเก็บข้อมูลเชิงลึก สร้างเครือข่ายทั้งกลุ่มเยาวชนและผู้ใหญ่ใจดี มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในระดับครอบครัวและชุมชน จนนำไปสู่การผลักดันเป็นนโยบายสาธารณะระดับอำเภอ

ผลการดำเนินงาน 3 ปี ที่ผ่านมา เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างชัดเจน จากการสำรวจล่าสุดปี 2567 พบว่าเยาวชนอายุระหว่าง 12-15 ปี  ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเหล้าและบุหรี่เพิ่มขึ้น 1.3%  เมื่อเปรียบเทียบจากปี 2564 แสดงว่ามีแนวโน้มและทิศทางที่ดีขึ้นในการดำเนินงานลดและป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ รวมไปถึงเยาวชนจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อีกด้วย

การจัดการแข่งขัน E-Sport ถือเป็นจุดเริ่ม สำคัญของอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ในการสร้างนักกีฬา E-Sport รุ่นแรก  สะท้องให้เห็นถึงกระแสความนิยมในกลุ่มเยาวชนรุ่นใหม่ และแนวโน้มการเติบโตของวงการกีฬาอีสปอร์ตในระดับท้องถิ่น โดยคาดว่าจะสามารถคัดเลือกตัวแทน 2-3 ทีม เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในระดับอำเภอ จังหวัด และพัฒนาสู่การเป็นตัวแทนระดับประเทศต่อไป  โดยได้รับการสนับสนุนการจัดการแข่งขัน จากองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) สาธารณสุขอำเภอ ทีมบรรเทาสาธารณภัย และเครือข่ายภาคประชาสังคมต่าง ๆ

ด้านนายบุณยภู ชูวัฒนา ปลัดอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า  การสนับสนุนการทำงานของ เครือข่ายเยาวชน YSDN ด้วยมองเห็นความสำคัญของการจัดพื้นที่สร้างสรรค์ให้เยาวชนได้มีเวทีการแสดงออกในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านกีฬา ดนตรี และศิลปะการแสดง และ YSDN มีการนำเสนอโครงการที่มีเป้าหมายชัดเจนในการป้องกันเยาวชนจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เหล้า บุหรี่ การพนันและยาเสพติด  สำหรับกีฬา E-Sport เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นจากความต้องการของเยาวชนในพื้นที่เอง ดังนั้น การจัดกิจกรรมจากความสนใจของเด็กๆ เป็นหลัก จะทำให้การเด็กเข้าร่วมกิจกรรมได้โดยง่าย อย่างไรก็ดี รากฐานของสังคมไทยเริ่มต้นจากครอบครัว ต่อมาก็เป็นโรงเรียน ดังนั้น การหล่อหลอมให้เด็กเป็นคนดีในสังคมได้นั้น ครอบครัวและโรงเรียน ต้องบูรณาการร่วมกัน เพื่อให้เยาวชนเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ

ปลัดอำเภอวังทอง กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางการดำเนินงาน มุ่งเน้นการเปิดโอกาสและพื้นที่ให้เยาวชนอำเภอวังทองได้แสดงออก ไม่ว่าจะเป็น เวทีการประกวดร้องเพลง การแสดงศิลปวัฒนธรรม การแข่งขันกีฬาและเร็วๆนี้จะมีการแข่งขัน กีฬาฟุตซอลเยาวชน ประเภท ชาย-หญิง โดยตั้งเป้าผลักดันให้มีการจัดกิจกรรมของเยาวชนในทุกเทศกาลประจำปีของอำเภอ อาทิ งานผัดไทยวังทอง เป็นต้น เพื่อป้องกันเยาวชนจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยแนวทางนี้จะดำเนินการคู่ขนานกันไประหว่างการป้องกันและแก้ไขปัญหาในกลุ่มเยาวชน

นายศิริวัฒน์ มีเคน ครูผู้ดูแลทีม นักแข่งจากโรงเรียนเนินสะอาดวิทยาคม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ทางโรงเรียนได้จัดตั้งชุมนุม E-sport ขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากผู้อำนวยการโรงเรียน ด้วยเล็งเห็นว่าเป็นกิจกรรมที่สามารถต่อยอดสู่อาชีพได้ในอนาคต และยังช่วยปลูกฝังระเบียบวินัยให้แก่นักเรียน นักเรียนของเราประสบความสำเร็จจากการแข่งขัน E-sport ที่จัดโดย กลุ่มเยาวชน YSDN วังทองเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจสำหรับทีมที่เพิ่งเริ่มต้น

ทั้งนี้ ทางโรงเรียนมุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจระหว่างการเล่นเกมเพื่อความบันเทิงและการเล่นเกมในเชิงกีฬา โดยเน้นย้ำเรื่องการแบ่งเวลา การรู้จักหน้าที่ และการทำงานเป็นทีม นอกจากนี้ยังได้บูรณาการ E-sport เข้ากับกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน เช่น การแข่งขันกีฬาสีและงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจกับผู้ปกครอง และการวางกรอบที่เหมาะสมในการเล่นเกม โดยมองว่าการส่งเสริม E-sport อย่างถูกวิธีสามารถช่วยลดปัจจัยเสี่ยงด้านยาเสพติดและอบายมุขได้

สำหรับผลการแข่งขันรายการ “YSDN วังทอง FREE FIRE E-sport 2024 ครั้งที่ 3  ทีม TRM Academy โรงเรียนวัดท่าหมื่นราม คว้าชนะเลิศ ส่วนทีม PPR.Sniper โรงเรียนพิณพลราษฎร์ ตั้งตรงจิตร คว้าที่ 2 และ ที่ 3 รับรางวัลร่วมระหว่างทีมจากโรงเรียนเนินสะอาดวิทยาคมและทีมโรงเรียนวัดสุพรรณพนมทอง โดยรับเป็นถ้วยรางวัลและทุนการศึกษารวมกว่า 6,000 บาท

สสส. โดยสมาคมเครือข่ายงดเหล้าและปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ (สคล.) ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายและภาคเอกชน รวม 7 องค์กร ลงนามความร่วมมือ พร้อมจัดแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ SDN FUTSAL NO - L CUP “เพื่อนกันมันส์โนแอล” ไม่ดื่ม ไม่สูบ ไม่เสพ ไม่พนัน (รุ่นเยาวชนชาย รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี) ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ ห้องนาคาฮอลล์ 2 (ชั้น 2) The Hall (วิภาวดี64) กรุงเทพมหานคร

นายพิทยา จินาวัฒน์ คณะกรรมการบริหารแผน คณะที่ 1 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  กล่าวว่า การส่งเสริมกิจกรรมและพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเยาวชนเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของ สสส. ที่จะสร้างภูมิคุ้มกันจากปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า ที่มีรูปลักษณ์น่าดึงดูด มีความเท่ห์ กลายเป็นแฟชั่น มีรูปลักษณ์เหมือนอาร์ตทอย ตุ๊กตา กล่องน้ำผลไม้ และเครื่องเขียน จนแยกไม่ออกจากของเล่นจริง มีสีสันสดใส กลิ่นหอมหวาน ทำให้เด็กอาจเข้าใจผิดได้ว่าไม่อันตรายและเลือกมาสูบ ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ข้อมูลรายงานของศูนย์วิจัยปัญหาสุรา  พบเยาวชนอายุ 15-19 ปี เป็นนักดื่มหน้าใหม่ถึง 9.6% ในจำนวนนี้ 24.3% เป็นนักดื่มประจำ ที่อาจมีแนวโน้มดื่มจนติดตั้งแต่อายุยังน้อย ขณะที่การพนัน ในปี 2566 มีคนรุ่นใหม่อายุ 15-25 ปี เล่นพนันออนไลน์ 2.9 ล้านคน ในจำนวนนี้ 1.4 ล้านคน เสี่ยงเป็นนักพนันหน้าใหม่สูงถึง 700,000 คน ที่ติดการพนันมีความเสี่ยงเกิดภาวะซึมเศร้า และใช้สารเสพติดสูงกว่าคนทั่วไป 2-5 เท่า การเล่นพนันมีผลต่อสมองของเด็ก ยิ่งเล่นยิ่งติดจนขาดความยับยั้งชั่งใจ ส่งผลให้กลายเป็นคนลักขโมยเพราะต้องการเงินไปเล่นพนัน ส่วนยาเสพติดผิดกฎหมายที่กำลังแพร่ระบาด รวมถึงกัญชา กระท่อม ซึ่งเข้าถึงได้โดยง่ายในปัจจุบัน ดังนั้น จึงเป็นเรื่องน่าภูมิใจที่เกิดความร่วมมือกว่า 13 หน่วยงานในระดับประเทศ รวมถึงหน่วยงานในระดับจังหวัด โดย สสส. หวังว่าโครงการปีนี้จะยิ่งสร้างเครือข่ายหน่วยงานที่เข็มแข็งเพื่อเด็กเยาวชนต่อไป

นายธีระ วัชรปราณี  ผู้อำนวยการ สมาคมเครือข่ายองค์กรงดเหล้าและปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ (สคล.) เปิดเผยว่า โครงการนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2561 ปัจจุบัน เป็นปี ที่ 7 และได้รับถ้วยพระราชทานฯ เป็นครั้งที่ 3  ซึ่งดำเนินการในพื้นที่ 77 จังหวัด ปีนี้คาดว่าจะมีทีมร่วมแข่งขัน มากกว่า 1,000 ทีม  รวมเป็นจำนวนนักกีฬาและโค้ชเข้าร่วมกว่า  20,000 คน โดยเปิดรับการแข่งขันอย่างน้อยจังหวัดละ 12 ทีม แต่บางจังหวัดสามารถเปิดรับถึง 16 ทีม หรือ สมุทรปราการ 32 ทีม แม่ฮ่องสอนจัดแข่งทั้งจังหวัด กว่า 24 ทีม เชียงราย 24 ทีม เป็นต้น ทำให้รายการนี้เป็นรายการที่เปิดโอกาสทีมกีฬาทุกประเภททั้งทีมโรงเรียน ทีม Academy ทีมสมัครเล่น และให้เด็กทุกคนไม่จำกัดสัญชาติขอให้อยู่ในพื้นแผ่นดินไทยให้เข้าร่วมมากที่สุดในเวลานี้ ทั้งนี้ ผลการแข่งขันผู้ชนะระดับจังหวัดจะได้เข้าร่วมชิงแชมป์ระดับโซน 10 โซน และผู้ชนะ 10 ทีมระดับโซน บวก 2 ทีม ที่เป็นการนำที่ 2 ของ 10 โซนจับฉลากเทพีแห่งโชคเข้าร่วมระดับประเทศ ซึ่งรอบชิงแชมป์ประเทศจะจัดในช่วงเดือนมีนาคม 2568

สิ่งสำคัญคือ “โค้ชและผู้ใหญ่ใจดี” ที่สนับสนุนเด็กเยาวชน ซึ่งในปีที่ผ่านมา ได้เก็บแบบสอบถาม 945 คน พบว่า ร้อยละ 81.48 ไม่ได้ดื่มเหล้า ไม่ยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ กัญชาและการพนัน และเด็กเยาวชนเห็นว่าโค้ชมีการเปลี่ยนแปลงในที่ที่ดี กว่าร้อยละ 51.92 ดังนั้น โครงการจึงต่อยอดมอบรางวัลยอดโค้ชผู้สร้างแรงบันดาลใจ ผู้ที่มีความมุ่งมั่นสร้างทีม เป็นทีมให้โอกาสเยาวชน  สร้างคุณค่าของกีฬามากกว่าการเอาชนะการแข่งขัน และไม่ดื่ม ไม่สูบเป็นแบบอย่างของเยาวชน ดังสโลแกนที่ว่า “เมื่อผู้ใหญ่เปลี่ยน เด็กจะเปลี่ยน” โดยย้ำว่า ผู้ใหญ่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะหล่อหลอมเด็กๆ และรายการนี้เชื่อมั่นว่าเด็กๆ ที่กำลังอยู่ในวัยอยากรู้อยากลองจะมีวัคซีนที่ดีมีภูมิคุ้มกันที่จะไม่ไปใช้เหล้าบุหรี่พนันสารเสพติดที่เป็นปัจจัยเสี่ยงสุขภาพและอันตรายต่ออนาคต ซึ่งการสำรวจนักกีฬาในปีที่ผ่านมา 5,740 คน พบว่า นักกีฬาส่วนใหญ่ ร้อยละ 70 ที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยว แต่พบว่า ร้อยละ 30 เคยเกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งในปีนี้เรามีกิจกรรมที่ต่อเนื่องมาทั้งปี จนมาเปิดฤดูกาลแข่งขัน จึงหวังว่าตัวเลข 30% นี้จะลดลง เพราะในวัยนี้น้องๆ ไม่ควรจะยุ่งเกี่ยว

ทางด้าน นายจรูญ แก้วมุกดากุล รองอธิบดีฯ ปฏิบัติหน้าที่แทนอธิบดีกรมพลศึกษา กล่าวว่า กรมพลศึกษาได้มุ่งเน้นส่งเสริมและสนับสนุนให้เยาวชนเล่นกีฬาและมีจิตใจที่รักการออกกำลังกาย เพื่อให้เยาวชนไทยมีสุขภาพแข็งแรง มีทักษะกีฬา ทัศนคติสุภาพบุรุษ “มิตรภาพ ให้อภัย มีน้ำใจนักกีฬา”  และสามารถพัฒนาในระดับที่สูงขึ้นเป็นนักกีฬาอาชีพ โดยทางกรมพลศึกษาได้สนับสนุนบุคลากรผู้ตัดสินการแข่งขันตั้งแต่ระดับโซน นอกจากนั้น ยังร่วมมือจัดอบรม “โค้ชผู้สร้างแรงบันดาลใจ” ซึ่งเป็นระดับ T-License ร่วมกับโครงการกว่า 100 คน ซึ่งปีหน้านี้จะเปิดอบรมอีก 100 คน ซึ่งจะมีการเพิ่มหลักสูตรด้านจิตวิทยาเยาวชนด้านกีฬา คุณธรรม ทัศนคติ เพื่อสร้าง “ครอบครัวฟุตซอล” ให้เป็นฐานที่เข้มแข็งในอนาคต

นายอนุพงษ์ ไชยฤทธิ์ รองผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) เวทีการแข่งขันกีฬาในประเทศไทยที่จะส่งเสริมเด็กและเยาวชนมีน้อยมาก เพราะกีฬาเยาวชนส่วนใหญ่ไม่สร้างรายได้ให้กับช่อง อีกทั้งยังเรตติ้งไม่ดี ดังนั้นรายการที่เรากำลังร่วมมือกันอยู่นี้ ช่องไทยพีบีเอสจึงตอบโจทย์สังคมที่สุด เราเพียงคาดหวังให้เด็กและเยาวชนมีพื้นที่ในการสร้างสรรค์และแสดงออก รายการ SDN FUTSAL NO - L CUP 2025 จึงเป็นพันธกิจสำคัญของไทยพีบีเอสเช่นกัน มีความเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างสังคมที่ดีและปลอดภัยสำหรับเยาวชนไทย และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนในการทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ และจะช่วยให้เยาวชนทั่วประเทศได้มีโอกาสรับชมและได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขันนี้

นายธีระ กล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับภาคเอกชน ที่ร่วมสนับสนุนการแข่งขัน มีผลิตภัณฑ์ลูกฟุตซอล ยี่ห้อ MASZA สนับสนุนลูกฟุตซอลที่ใช้ในการแข่งขัน รองเท้ายี่ห้อ BAOJI สนับสนุนรองเท้าสำหรับนักกีฬาที่ใช้ในการแข่งขัน และ ผลิตภัณฑ์ Bangkrirk Design สนับสนุนชุดกีฬาสำหรับนักกีฬาและทีมงานจัดการแข่งขันในครั้งนี้ โดยการสนับสนุนดังกล่าวเป็นไปเพื่อสังคมโดยรวมและไม่มีข้อขัดแย้งเกี่ยวกับภารกิจในการสร้างเสริมสุขภาพตามหลักการของ สสส. สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามการรับสมัคร โปรแกรมการแข่งขัน และผลการแข่งขัน ได้ที่ Facebook page SDN FUTSAL NO - L

สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดผลการดำเนินงานโครงการฤดูกาลสุขปลอดเหล้าและงดเหล้าเข้าพรรษา ปี2567 ดำเนินการ 21 ปีอย่างต่อเนื่อง นายธีระ  วัชรปราณี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า การดำเนินงานภายใต้แนวคิด “งดเหล้า 3 เดือน เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่” ซึ่งมีชมรมคนหัวใจเพชรและกลุ่มพลังหญิงหัวใจเพชร เป็นแกนนำในการขับเคลื่อนและสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกคนในชุมชน และกลุ่มเครือข่ายเยาวชน YSDN (Youth Strong & Development Network) เป็นอีกกำลังหนุนเสริมสำคัญในการสื่อสารชวน ลด ละ เลิกเหล้า รวมทั้งป้องกันไม่ให้มีนักดื่มหน้าใหม่เกิดขึ้นในพื้นที่ ตามแนวทาง การสร้างคน เชื่อมเครือข่าย และขยายศักยภาพชุมชน และในการรณรงค์ในปีนี้ยังเน้นสร้างคนคุณภาพไม่เน้นปริมาณ โดยติดตาม ชวน ช่วย ชมเชียร์ กันอย่างเข้มข้น พร้อมทั้งมาตรการพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิต ว่าที่คนหัวใจเพชร ภายใต้แนวคิด สังคมสุขปลอดเหล้า 

สคล.มีการเก็บข้อมูล ผู้ลงนามปฏิญานตนงดเหล้าช่วงเข้าพรรษา ผ่านระบบลงนามปฏิญาณตน SOBER CHEERs ของสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า รวมระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ข้อมูลผู้เข้าร่วมจาก 1,010 ชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจำนวน 28,705 คน พบว่าประหยัดเงินค่าเหล้าได้ จำนวน 3,620 บาท/คน/เดือน ดังนั้นเมื่อครบ 3 เดือน จะสามารถประหยัดเงินได้ จำนวน 183,597,810 บาท โดยมีเป้าหมายว่าผู้เข้าร่วมจะร่วมลดละเลิกกับโครงการตลอดไป และยังพบว่า 85% ของผู้ลงนามทั้งหมด มีแรงจูงใจในการงดดื่มเพราะห่วงสุขภาพของตนเอง ดังนั้น แนวทางการนำเรื่องสุขภาพมาเป็นตัวนำในการชวนเลิกเหล้าจึงเป็นประเด็นหลัก

นางสาวพิมพ์มณี เมฆพายัพ ผู้จัดการโครงการฤดูกาลสุขปลอดเหล้าและงดเหล้าเข้าพรรษา กล่าวว่า การรณรงค์จะแบ่งเป็น 4 กลยุทธ์ คือ 1) สร้างกระแสการรับรู้และเชิญชวนให้ประชาชนใช้โอกาสเทศกาลเข้าพรรษา 3 เดือน ในการฟื้นกาย ใจ ในการรับรู้ผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดจากการดื่ม โดยออกแบบการสื่อสารให้สอดคล้องกับกลุ่มผู้รับสารที่มีความหลากหลายมากขึ้น 2) สนับสนุนหน่วยงาน ภาคีเครือข่าย ชุมชน ที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยจัดเก็บข้อมูลด้วย Google from เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการสนับสนุน สื่อรณรงค์ต่างๆ รวมทั้งติดตามช่วยเชียร์ผู้สมัครใจ ลด ละ เลิกเหล้าตลอดเข้าพรรษา 3) สนับสนุนกลุ่มพลังหญิงหัวใจเพชร (80 กลุ่ม) เป็นแกนนำในการณรงค์ ชวน ช่วย ชมเชียร์งดเหล้าเข้าพรรษา โดยพัฒนาศักยภาพและสนับสนุนกิจกรรม 4) สนับสนุนชมรมคนหัวใจเพชร (40 กลุ่ม) ให้มีทักษะในการชวน ช่วย ชมเชียร์ สำหรับทักษะนักสื่อสารสร้างแรงบันดาลใจ ให้มีความรอบรู้ด้านสุขภาพ และการออกแบบรณรงค์เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมสุขปลอดเหล้า ให้เกิดพื้นที่ปลอดภัย มีวินัยการออม

นอกจากนี้ ส่งเสริมให้พึ่งพาตนเอง เช่น การทำบัญชีครัวเรือน การปลูกผักสวนครัว  การทำเครื่องอุปโภคบริโภคไว้ใช้เอง เพื่อลดต้นทุนเงินไหลออก, พัฒนาทักษะการพัฒนาความสัมพันธ์ในครอบครัว รวมถึงส่งเสริมการรักษาสุขภาพให้ปลอดจากโรค NCDs ด้วยการใช้สมุนไพรและธรรมชาติบำบัด เพื่อสร้างเสริม ฟื้นฟูสุขภาพ โดยเชื่อมโยงกับ Sobrink แนวคิดเรื่องการฟื้นฟูสภาพตับ มาเป็นการฟื้นฟูพลังชีวิต ครอบคลุมสุขภาพองค์รวม หลักสูตร Sobrink นี้ จึงเป็นเรื่องการขยาย โดยเป็นการเชิญชวน ทั้งคนที่ดื่มและไม่ดื่มในสังคม มาดูแลตัวเองกันแบบง่ายๆ ในแต่ละวัน 

นายมงคล ปัญญาประชุม ผู้ประสานงานเครือข่ายงดเหล้าภาคอีสานตอนล่าง กล่าวว่า การจัดกระบวนการทำงานช่วงต้นพรรษาของบริบท 9 จังหวัดอีสานตอนล่าง ปัจจุบันมีคนที่เข้าร่วมผ่านระบบ จำนวน 7,263 คน ในจำนวนนี้ จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 1,462 บาท/คน หากรวมระยะเวลา 3 เดือน จะคิดเป็นเงิน 31,855,518 บาท การจัดกิจกรรมงานงดเหล้าเข้าพรรษา ซึ่งเป็นโอกาสที่ดี ที่ประชาคมจังหวัดได้ชวนหน่วยงานต่างๆโดยเฉพาะ นายอำเภอร่วมทำงานรณรงค์ จากการติดตามพบว่า หลายจังหวัดมีกระบวนการทำงานทั้งระดับชุมชน อำเภอ และจังหวัด ไปจนถึงการทำงานร่วมกับ หน่วยงาน โดยใช้วิธีลงนามปฏิญาณตนบวชใจ ผ่านเอกสาร ผ่านสมุดลงนาม อีกช่องทาง ซึ่งเข้าพรรษาปีนี้เป็นที่คึกคักและมาช่วยปลุกให้กระบวนการทำงานงดเหล้าถูกพูดถึงอย่างมีชีวิตชีวา และการทำงานงดเหล้าเข้าพรรษานำไปสู่ประเด็นอื่นๆด้วย โดยฐานของการทำงานงดเหล้าเข้าพรรษา อีสานล่างมี 3 ฐานด้วยกัน 1) การทำงานพื้นที่ชุมชนคนสู้เหล้า  2) ประสานงานระดับนโยบาย 3) ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีต่างๆ เช่น เครือข่ายตำรวจ องค์กรการศึกษา เครือข่ายอสม. ที่เป็นภาคีเครือข่ายร่วมกับเรา ได้ออกมาแสดงพลังร่วมด้วยเช่นเดียวกัน

Page 1 of 4
X

Right Click

No right click