สสส. โดยสมาคมเครือข่ายงดเหล้าและปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ (สคล.) ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายและภาคเอกชน รวม 7 องค์กร ลงนามความร่วมมือ พร้อมจัดแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ SDN FUTSAL NO - L CUP “เพื่อนกันมันส์โนแอล” ไม่ดื่ม ไม่สูบ ไม่เสพ ไม่พนัน (รุ่นเยาวชนชาย รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี) ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ ห้องนาคาฮอลล์ 2 (ชั้น 2) The Hall (วิภาวดี64) กรุงเทพมหานคร
นายพิทยา จินาวัฒน์ คณะกรรมการบริหารแผน คณะที่ 1 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การส่งเสริมกิจกรรมและพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเยาวชนเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของ สสส. ที่จะสร้างภูมิคุ้มกันจากปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า ที่มีรูปลักษณ์น่าดึงดูด มีความเท่ห์ กลายเป็นแฟชั่น มีรูปลักษณ์เหมือนอาร์ตทอย ตุ๊กตา กล่องน้ำผลไม้ และเครื่องเขียน จนแยกไม่ออกจากของเล่นจริง มีสีสันสดใส กลิ่นหอมหวาน ทำให้เด็กอาจเข้าใจผิดได้ว่าไม่อันตรายและเลือกมาสูบ ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ข้อมูลรายงานของศูนย์วิจัยปัญหาสุรา พบเยาวชนอายุ 15-19 ปี เป็นนักดื่มหน้าใหม่ถึง 9.6% ในจำนวนนี้ 24.3% เป็นนักดื่มประจำ ที่อาจมีแนวโน้มดื่มจนติดตั้งแต่อายุยังน้อย ขณะที่การพนัน ในปี 2566 มีคนรุ่นใหม่อายุ 15-25 ปี เล่นพนันออนไลน์ 2.9 ล้านคน ในจำนวนนี้ 1.4 ล้านคน เสี่ยงเป็นนักพนันหน้าใหม่สูงถึง 700,000 คน ที่ติดการพนันมีความเสี่ยงเกิดภาวะซึมเศร้า และใช้สารเสพติดสูงกว่าคนทั่วไป 2-5 เท่า การเล่นพนันมีผลต่อสมองของเด็ก ยิ่งเล่นยิ่งติดจนขาดความยับยั้งชั่งใจ ส่งผลให้กลายเป็นคนลักขโมยเพราะต้องการเงินไปเล่นพนัน ส่วนยาเสพติดผิดกฎหมายที่กำลังแพร่ระบาด รวมถึงกัญชา กระท่อม ซึ่งเข้าถึงได้โดยง่ายในปัจจุบัน ดังนั้น จึงเป็นเรื่องน่าภูมิใจที่เกิดความร่วมมือกว่า 13 หน่วยงานในระดับประเทศ รวมถึงหน่วยงานในระดับจังหวัด โดย สสส. หวังว่าโครงการปีนี้จะยิ่งสร้างเครือข่ายหน่วยงานที่เข็มแข็งเพื่อเด็กเยาวชนต่อไป
นายธีระ วัชรปราณี ผู้อำนวยการ สมาคมเครือข่ายองค์กรงดเหล้าและปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ (สคล.) เปิดเผยว่า โครงการนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2561 ปัจจุบัน เป็นปี ที่ 7 และได้รับถ้วยพระราชทานฯ เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งดำเนินการในพื้นที่ 77 จังหวัด ปีนี้คาดว่าจะมีทีมร่วมแข่งขัน มากกว่า 1,000 ทีม รวมเป็นจำนวนนักกีฬาและโค้ชเข้าร่วมกว่า 20,000 คน โดยเปิดรับการแข่งขันอย่างน้อยจังหวัดละ 12 ทีม แต่บางจังหวัดสามารถเปิดรับถึง 16 ทีม หรือ สมุทรปราการ 32 ทีม แม่ฮ่องสอนจัดแข่งทั้งจังหวัด กว่า 24 ทีม เชียงราย 24 ทีม เป็นต้น ทำให้รายการนี้เป็นรายการที่เปิดโอกาสทีมกีฬาทุกประเภททั้งทีมโรงเรียน ทีม Academy ทีมสมัครเล่น และให้เด็กทุกคนไม่จำกัดสัญชาติขอให้อยู่ในพื้นแผ่นดินไทยให้เข้าร่วมมากที่สุดในเวลานี้ ทั้งนี้ ผลการแข่งขันผู้ชนะระดับจังหวัดจะได้เข้าร่วมชิงแชมป์ระดับโซน 10 โซน และผู้ชนะ 10 ทีมระดับโซน บวก 2 ทีม ที่เป็นการนำที่ 2 ของ 10 โซนจับฉลากเทพีแห่งโชคเข้าร่วมระดับประเทศ ซึ่งรอบชิงแชมป์ประเทศจะจัดในช่วงเดือนมีนาคม 2568
สิ่งสำคัญคือ “โค้ชและผู้ใหญ่ใจดี” ที่สนับสนุนเด็กเยาวชน ซึ่งในปีที่ผ่านมา ได้เก็บแบบสอบถาม 945 คน พบว่า ร้อยละ 81.48 ไม่ได้ดื่มเหล้า ไม่ยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ กัญชาและการพนัน และเด็กเยาวชนเห็นว่าโค้ชมีการเปลี่ยนแปลงในที่ที่ดี กว่าร้อยละ 51.92 ดังนั้น โครงการจึงต่อยอดมอบรางวัลยอดโค้ชผู้สร้างแรงบันดาลใจ ผู้ที่มีความมุ่งมั่นสร้างทีม เป็นทีมให้โอกาสเยาวชน สร้างคุณค่าของกีฬามากกว่าการเอาชนะการแข่งขัน และไม่ดื่ม ไม่สูบเป็นแบบอย่างของเยาวชน ดังสโลแกนที่ว่า “เมื่อผู้ใหญ่เปลี่ยน เด็กจะเปลี่ยน” โดยย้ำว่า ผู้ใหญ่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะหล่อหลอมเด็กๆ และรายการนี้เชื่อมั่นว่าเด็กๆ ที่กำลังอยู่ในวัยอยากรู้อยากลองจะมีวัคซีนที่ดีมีภูมิคุ้มกันที่จะไม่ไปใช้เหล้าบุหรี่พนันสารเสพติดที่เป็นปัจจัยเสี่ยงสุขภาพและอันตรายต่ออนาคต ซึ่งการสำรวจนักกีฬาในปีที่ผ่านมา 5,740 คน พบว่า นักกีฬาส่วนใหญ่ ร้อยละ 70 ที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยว แต่พบว่า ร้อยละ 30 เคยเกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งในปีนี้เรามีกิจกรรมที่ต่อเนื่องมาทั้งปี จนมาเปิดฤดูกาลแข่งขัน จึงหวังว่าตัวเลข 30% นี้จะลดลง เพราะในวัยนี้น้องๆ ไม่ควรจะยุ่งเกี่ยว
ทางด้าน นายจรูญ แก้วมุกดากุล รองอธิบดีฯ ปฏิบัติหน้าที่แทนอธิบดีกรมพลศึกษา กล่าวว่า กรมพลศึกษาได้มุ่งเน้นส่งเสริมและสนับสนุนให้เยาวชนเล่นกีฬาและมีจิตใจที่รักการออกกำลังกาย เพื่อให้เยาวชนไทยมีสุขภาพแข็งแรง มีทักษะกีฬา ทัศนคติสุภาพบุรุษ “มิตรภาพ ให้อภัย มีน้ำใจนักกีฬา” และสามารถพัฒนาในระดับที่สูงขึ้นเป็นนักกีฬาอาชีพ โดยทางกรมพลศึกษาได้สนับสนุนบุคลากรผู้ตัดสินการแข่งขันตั้งแต่ระดับโซน นอกจากนั้น ยังร่วมมือจัดอบรม “โค้ชผู้สร้างแรงบันดาลใจ” ซึ่งเป็นระดับ T-License ร่วมกับโครงการกว่า 100 คน ซึ่งปีหน้านี้จะเปิดอบรมอีก 100 คน ซึ่งจะมีการเพิ่มหลักสูตรด้านจิตวิทยาเยาวชนด้านกีฬา คุณธรรม ทัศนคติ เพื่อสร้าง “ครอบครัวฟุตซอล” ให้เป็นฐานที่เข้มแข็งในอนาคต
นายอนุพงษ์ ไชยฤทธิ์ รองผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) เวทีการแข่งขันกีฬาในประเทศไทยที่จะส่งเสริมเด็กและเยาวชนมีน้อยมาก เพราะกีฬาเยาวชนส่วนใหญ่ไม่สร้างรายได้ให้กับช่อง อีกทั้งยังเรตติ้งไม่ดี ดังนั้นรายการที่เรากำลังร่วมมือกันอยู่นี้ ช่องไทยพีบีเอสจึงตอบโจทย์สังคมที่สุด เราเพียงคาดหวังให้เด็กและเยาวชนมีพื้นที่ในการสร้างสรรค์และแสดงออก รายการ SDN FUTSAL NO - L CUP 2025 จึงเป็นพันธกิจสำคัญของไทยพีบีเอสเช่นกัน มีความเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างสังคมที่ดีและปลอดภัยสำหรับเยาวชนไทย และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนในการทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ และจะช่วยให้เยาวชนทั่วประเทศได้มีโอกาสรับชมและได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขันนี้
นายธีระ กล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับภาคเอกชน ที่ร่วมสนับสนุนการแข่งขัน มีผลิตภัณฑ์ลูกฟุตซอล ยี่ห้อ MASZA สนับสนุนลูกฟุตซอลที่ใช้ในการแข่งขัน รองเท้ายี่ห้อ BAOJI สนับสนุนรองเท้าสำหรับนักกีฬาที่ใช้ในการแข่งขัน และ ผลิตภัณฑ์ Bangkrirk Design สนับสนุนชุดกีฬาสำหรับนักกีฬาและทีมงานจัดการแข่งขันในครั้งนี้ โดยการสนับสนุนดังกล่าวเป็นไปเพื่อสังคมโดยรวมและไม่มีข้อขัดแย้งเกี่ยวกับภารกิจในการสร้างเสริมสุขภาพตามหลักการของ สสส. สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามการรับสมัคร โปรแกรมการแข่งขัน และผลการแข่งขัน ได้ที่ Facebook page SDN FUTSAL NO - L
สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดผลการดำเนินงานโครงการฤดูกาลสุขปลอดเหล้าและงดเหล้าเข้าพรรษา ปี2567 ดำเนินการ 21 ปีอย่างต่อเนื่อง นายธีระ วัชรปราณี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า การดำเนินงานภายใต้แนวคิด “งดเหล้า 3 เดือน เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่” ซึ่งมีชมรมคนหัวใจเพชรและกลุ่มพลังหญิงหัวใจเพชร เป็นแกนนำในการขับเคลื่อนและสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกคนในชุมชน และกลุ่มเครือข่ายเยาวชน YSDN (Youth Strong & Development Network) เป็นอีกกำลังหนุนเสริมสำคัญในการสื่อสารชวน ลด ละ เลิกเหล้า รวมทั้งป้องกันไม่ให้มีนักดื่มหน้าใหม่เกิดขึ้นในพื้นที่ ตามแนวทาง การสร้างคน เชื่อมเครือข่าย และขยายศักยภาพชุมชน และในการรณรงค์ในปีนี้ยังเน้นสร้างคนคุณภาพไม่เน้นปริมาณ โดยติดตาม ชวน ช่วย ชมเชียร์ กันอย่างเข้มข้น พร้อมทั้งมาตรการพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิต ว่าที่คนหัวใจเพชร ภายใต้แนวคิด สังคมสุขปลอดเหล้า
สคล.มีการเก็บข้อมูล ผู้ลงนามปฏิญานตนงดเหล้าช่วงเข้าพรรษา ผ่านระบบลงนามปฏิญาณตน SOBER CHEERs ของสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า รวมระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ข้อมูลผู้เข้าร่วมจาก 1,010 ชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจำนวน 28,705 คน พบว่าประหยัดเงินค่าเหล้าได้ จำนวน 3,620 บาท/คน/เดือน ดังนั้นเมื่อครบ 3 เดือน จะสามารถประหยัดเงินได้ จำนวน 183,597,810 บาท โดยมีเป้าหมายว่าผู้เข้าร่วมจะร่วมลดละเลิกกับโครงการตลอดไป และยังพบว่า 85% ของผู้ลงนามทั้งหมด มีแรงจูงใจในการงดดื่มเพราะห่วงสุขภาพของตนเอง ดังนั้น แนวทางการนำเรื่องสุขภาพมาเป็นตัวนำในการชวนเลิกเหล้าจึงเป็นประเด็นหลัก
นางสาวพิมพ์มณี เมฆพายัพ ผู้จัดการโครงการฤดูกาลสุขปลอดเหล้าและงดเหล้าเข้าพรรษา กล่าวว่า การรณรงค์จะแบ่งเป็น 4 กลยุทธ์ คือ 1) สร้างกระแสการรับรู้และเชิญชวนให้ประชาชนใช้โอกาสเทศกาลเข้าพรรษา 3 เดือน ในการฟื้นกาย ใจ ในการรับรู้ผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดจากการดื่ม โดยออกแบบการสื่อสารให้สอดคล้องกับกลุ่มผู้รับสารที่มีความหลากหลายมากขึ้น 2) สนับสนุนหน่วยงาน ภาคีเครือข่าย ชุมชน ที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยจัดเก็บข้อมูลด้วย Google from เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการสนับสนุน สื่อรณรงค์ต่างๆ รวมทั้งติดตามช่วยเชียร์ผู้สมัครใจ ลด ละ เลิกเหล้าตลอดเข้าพรรษา 3) สนับสนุนกลุ่มพลังหญิงหัวใจเพชร (80 กลุ่ม) เป็นแกนนำในการณรงค์ ชวน ช่วย ชมเชียร์งดเหล้าเข้าพรรษา โดยพัฒนาศักยภาพและสนับสนุนกิจกรรม 4) สนับสนุนชมรมคนหัวใจเพชร (40 กลุ่ม) ให้มีทักษะในการชวน ช่วย ชมเชียร์ สำหรับทักษะนักสื่อสารสร้างแรงบันดาลใจ ให้มีความรอบรู้ด้านสุขภาพ และการออกแบบรณรงค์เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมสุขปลอดเหล้า ให้เกิดพื้นที่ปลอดภัย มีวินัยการออม
นอกจากนี้ ส่งเสริมให้พึ่งพาตนเอง เช่น การทำบัญชีครัวเรือน การปลูกผักสวนครัว การทำเครื่องอุปโภคบริโภคไว้ใช้เอง เพื่อลดต้นทุนเงินไหลออก, พัฒนาทักษะการพัฒนาความสัมพันธ์ในครอบครัว รวมถึงส่งเสริมการรักษาสุขภาพให้ปลอดจากโรค NCDs ด้วยการใช้สมุนไพรและธรรมชาติบำบัด เพื่อสร้างเสริม ฟื้นฟูสุขภาพ โดยเชื่อมโยงกับ Sobrink แนวคิดเรื่องการฟื้นฟูสภาพตับ มาเป็นการฟื้นฟูพลังชีวิต ครอบคลุมสุขภาพองค์รวม หลักสูตร Sobrink นี้ จึงเป็นเรื่องการขยาย โดยเป็นการเชิญชวน ทั้งคนที่ดื่มและไม่ดื่มในสังคม มาดูแลตัวเองกันแบบง่ายๆ ในแต่ละวัน
นายมงคล ปัญญาประชุม ผู้ประสานงานเครือข่ายงดเหล้าภาคอีสานตอนล่าง กล่าวว่า การจัดกระบวนการทำงานช่วงต้นพรรษาของบริบท 9 จังหวัดอีสานตอนล่าง ปัจจุบันมีคนที่เข้าร่วมผ่านระบบ จำนวน 7,263 คน ในจำนวนนี้ จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 1,462 บาท/คน หากรวมระยะเวลา 3 เดือน จะคิดเป็นเงิน 31,855,518 บาท การจัดกิจกรรมงานงดเหล้าเข้าพรรษา ซึ่งเป็นโอกาสที่ดี ที่ประชาคมจังหวัดได้ชวนหน่วยงานต่างๆโดยเฉพาะ นายอำเภอร่วมทำงานรณรงค์ จากการติดตามพบว่า หลายจังหวัดมีกระบวนการทำงานทั้งระดับชุมชน อำเภอ และจังหวัด ไปจนถึงการทำงานร่วมกับ หน่วยงาน โดยใช้วิธีลงนามปฏิญาณตนบวชใจ ผ่านเอกสาร ผ่านสมุดลงนาม อีกช่องทาง ซึ่งเข้าพรรษาปีนี้เป็นที่คึกคักและมาช่วยปลุกให้กระบวนการทำงานงดเหล้าถูกพูดถึงอย่างมีชีวิตชีวา และการทำงานงดเหล้าเข้าพรรษานำไปสู่ประเด็นอื่นๆด้วย โดยฐานของการทำงานงดเหล้าเข้าพรรษา อีสานล่างมี 3 ฐานด้วยกัน 1) การทำงานพื้นที่ชุมชนคนสู้เหล้า 2) ประสานงานระดับนโยบาย 3) ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีต่างๆ เช่น เครือข่ายตำรวจ องค์กรการศึกษา เครือข่ายอสม. ที่เป็นภาคีเครือข่ายร่วมกับเรา ได้ออกมาแสดงพลังร่วมด้วยเช่นเดียวกัน