February 23, 2025

บริษัทเบอร์สัน (Burson) ผู้นำด้านการสื่อสารระดับโลกที่มุ่งสร้างคุณค่าให้กับองค์กรต่างๆ ได้เปิดเผยผลสำรวจระดับโลกเกี่ยวกับทัศนคติด้านสุขภาพของ Gen Z พบว่ามีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้เรื่องการดูแลสุขภาพรายงาน "Gen Z: เรียกร้องการเข้าถึงและการเปลี่ยนแปลงด้านการดูแลสุขภาพ" เป็นการสำรวจขนาดใหญ่ที่สุดโดยบริษัทด้านการสื่อสาร ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากคน Gen Z อายุ 18-27 ปี จำนวน 5,000 คนใน 10 ประเทศ การศึกษานี้ยังใช้ข้อมูลจาก Decipher Health ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม AI ใหม่ของเบอร์สันที่ช่วยวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของข้อมูลและการเผยแพร่ข่าวสาร เพื่อพัฒนาการสื่อสารระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดในระบบสาธารณสุข

ผลสำรวจพบว่า หลังจากการระบาดของโควิด-19 คน Gen Z ให้ความสำคัญกับสุขภาพกายและสุขภาพจิตในระดับที่ใกล้เคียงกัน โดยมีความกังวลด้านสุขภาพกายร้อยละ 56 และสุขภาพจิตร้อยละ 57 ขณะที่ให้ความสำคัญกับทั้งสองด้านเท่ากันที่ร้อยละ 59 ซึ่งต่างจากความเชื่อทั่วไปที่มองว่า Gen Z สนใจเรื่องสุขภาพจิตมากกว่าสุขภาพกาย

"Gen Z คือปจจุบันของการดูแลสุขภาพ ไม่ใช่แค่อนาคต ถึงเวลาแล้วที่เราต้องสร้างการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเพื่อเสริมศักยภาพให้พวกเขาในฐานะผู้บริโภคด้านสุขภาพยุคใหม่" เบรนนา เทอร์รี่ หัวหน้าฝ่ายลูกค้าสุขภาพระดับโลกของเบอร์สันกล่าว "ผลการวิจัยของเราชี้ให้เห็นว่า มีโอกาสมากมายสำหรับองค์กรด้านสุขภาพในการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาพร้อมเทคโนโลยีดิจิทัลและให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต การเข้าใจความต้องการและความสนใจของ Gen Z จะช่วยให้เราสร้างความไว้วางใจ ส่งเสริมการมีส่วนร่วม และพัฒนาประสบการณ์การดูแลสุขภาพที่ตอบโจทย์พวกเขาได้ดียิ่งขึ้น"

 ผลการวิจัยยังแสดงให้เห็นแนวโน้มสำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของ Gen Z ดังนี้:

1. Gen Z ต้องการการดูแลสุขภาพของตนเองแม้ระบบจะน่าผิดหวัง:

· ร้อยละ 67 ของ Gen Z พอใจกับการดูแลสุขภาพของตนเอง

· แต่ยังพบอุปสรรคด้านค่าใช้จ่าย การสื่อสาร และข้อมูลที่คลาดเคลื่อน

· ร้อยละ 46 รู้สึกว่าการได้รับความสนใจจากบุคลากรทางการแพทย์เป็นเรื่องยาก

2. Gen Z ยังคงเน้นการพบแพทย์แบบตัวต่อตัว

· แม้เป็นคนยุคดิจิทัล แต่ยังไม่เชื่อมั่นข้อมูลสุขภาพออนไลน์และการรักษาทางไกล

· ร้อยละ 80 เคยพบข้อมูลสุขภาพที่ผิดพลาดทางออนไลน์

· มากกว่าร้อยละ 60 ชอบพบแพทย์แบบตัวต่อตัวมากกว่า เพราะรู้สึกได้รับการดูแลที่ดีกว่า

3. Gen Z เปิดรับข้อมูลจากบริษัทด้านการดูแลสุขภาพ

· พร้อมรับฟังข้อมูลที่น่าเชื่อถือและเป็นประโยชน์

· ร้อยละ 55 เชื่อว่าบริษัทด้านสุขภาพสามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้

"ในฐานะคน Gen Z ผลวิจัยนี้สะท้อนประสบการณ์ของดิฉันที่ว่า คนรุ่นของเราต้องการมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของวงการสาธารณสุข" เฮย์ลีย์ สแกนดูรา ผู้บริหารฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของเบอร์สัน และหนึ่งในผู้นำการจัดทำรายงานนี้กล่าว "แม้จะมีความเข้าใจผิดว่าคนรุ่นของดิฉันไม่สนใจดูแลสุขภาพ แต่ดิฉันเชื่อว่าหากผู้ให้บริการด้านสุขภาพและบริษัทต่างๆ ทุ่มเทเวลา ใส่ใจ และสื่อสารกับพวกเรามากขึ้น จะช่วยลดความไม่พอใจที่คนรุ่นเรามีต่อระบบสาธารณสุข และส่งเสริมให้เรามีสุขภาพที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย"

Decipher Health: เครื่องมือวิเคราะห์ความเข้าใจและการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย

นอกจากการสำรวจทั่วโลกแล้ว รายงานนี้ยังใช้ Decipher Health วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่มีผลต่อกลุ่ม Gen Z โดยระบบ AI นี้แสดงให้เห็นความสอดคล้องระหว่างผลการวิเคราะห์กับการสำรวจ ตัวอย่างเช่น การสำรวจพบว่ามีข้อมูลที่ผิดพลาดแพร่หลายในสื่อออนไลน์ที่ Gen Z ใช้ โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย ซึ่ง Decipher Health ให้คะแนนความน่าเชื่อถือสูงถึงร้อยละ 92 แสดงว่ากลุ่ม Gen Z ยอมรับว่าเป็นความจริง เมื่อขยายการวิเคราะห์ไปยังกลุ่ม Millennials และ Gen X พบว่ามีคะแนนความน่าเชื่อถือใกล้เคียงกัน (ร้อยละ 91 และ 89 ตามลำดับ) สะท้อนให้เห็นว่า Gen Z มีความกังวลคล้ายคลึงกับกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ที่วงการสาธารณสุขให้ความสำคัญ

"Decipher Health เป็นเครื่องมือที่ช่วยยกระดับงานวิจัยแบบดั้งเดิมของเรา ทำให้เข้าใจข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Gen Z ได้แม่นยำยิ่งขึ้น เทคโนโลยีใหม่นี้ช่วยให้เราออกแบบการสื่อสารที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายทั้ง Gen Z และกลุ่มอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการคาดเดาในการสร้างเนื้อหา และสามารถทดสอบผลได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เราทำงานได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น" วิกกี้ เลฟโก หัวหน้าฝ่ายสุขภาพดิจิทัลระดับโลกของเบอร์สันกล่าว "ทั้งนี้ บริษัทด้านสุขภาพสามารถติดต่อเบอร์สันทั่วโลกเพื่อขอรับคำปรึกษาในการวางกลยุทธ์การสื่อสารที่เข้าถึงกลุ่ม Gen Z ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้"

 

เส้นทางสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวหรูแห่งเอเชียในปี 2568 ของประเทศไทย ต้องอาศัยการ 'เจาะลึก' ผ่านการยกระดับที่พักอาศัยภายใต้แบรนด์ชั้นนำ ส่งเสริมสุขภาพเชิงฟื้นฟู และสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวด้านอาหาร ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งในภูมิภาค แบรนด์ระดับโลกเดินหน้าผลักดันกรุงเทพฯ สู่การเป็น 'เมืองแห่งความสนุกระดับโลก' พร้อมสร้างนิยามใหม่ของการท่องเที่ยวสายลักซ์ชัวรี ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการยกระดับการท่องเที่ยวหรูในไทย

โดยในงาน Thailand Tourism Forum (TTF) 2025 มีผู้เข้าร่วมกว่า 1,000 คน เพื่อสัมผัสวิสัยทัศน์และเทรนด์อนาคตของอุตสหากรรมนี้ โดยงานนี้จัดขึ้นที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ พร้อมเปิดตัวแนวคิดใหม่ JOMO (Joy of Missing Out) ที่เข้ามาแทนที่ FOMO (Fear of Missing Out) ซึ่งเปลี่ยนการท่องเที่ยวตามกระแสนิยมสู่การเดินทางที่เน้นการพักผ่อนใจ หลีกหนีความวุ่นวาย ดูแลตัวเอง และค้นหาประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

คุณบิลล์ บาร์เน็ตต์ กรรมการผู้จัดการ C9 Hotelworks กล่าวว่า "กระแสใหม่ในตลาดลักซ์ชัวรีขับเคลื่อนโดยกลุ่มธุรกิจด้านสุขภาพที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยมูลค่ากว่า 1.2 พันล้านบาทต่อปี (5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เปรียบเทียบกับกลุ่มที่พักอาศัยแบรนด์หรูที่มีมูลค่าสูงถึง 191 พันล้านบาท (34.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เท่านั้น นอกจากนี้ ธุรกิจสุขภาพนั้นได้ก้าวข้ามขอบเขตของสปา สู่การใช้ชีวิตกลางแจ้งและการสร้างไลฟ์สไตล์ที่ส่งเสริมสุขภาพอย่างยั่งยืน โดยนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่จะอยู่ต่อนานขึ้น และปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย โดยแนวคิดเรื่องการดูแลสุขภาพเพื่ออายุยืนกำลังก้าวขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดลักซ์ชัวรียุคใหม่”

นอกจากนี้ คุณเจสเปอร์ ปาล์มควิสต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลการบริการและรองประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ STR เผยว่า ทำเลในกรุงเทพฯ มีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ทำผลงานได้โดดเด่นในปี 2024 ซึ่งสอดรับกับแนวคิด 'ลักซ์ชัวรียุคใหม่' ที่เน้นเสน่ห์ของธรรมชาติและเอกลักษณ์ด้านอาหารในย่านต่าง ๆ ซึ่งกลายเป็นจุดดึงดูดสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์

งานสัมมนาในหัวข้อ 'การบริหารแบรนด์ไลฟ์สไตล์และแบรนด์ดั้งเดิม' มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแบรนด์อย่างสร้างสรรค์ โดยคุณศิรเดช โทณวณิก รองประธานฝ่ายพัฒนาของโรงแรมดุสิต โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท กล่าวว่า โรงแรมดุสิตธานีแห่งใหม่สะท้อนถึงทิศทางใหม่ของกลุ่มได้อย่างชัดเจน ขณะที่แพททริค ฟินน์ รองประธานฝ่ายพัฒนาของ IHG Hotels & Resorts ได้นำเสนอเทรนด์ 'The Hot List – Top Luxury Travel Trends in Thailand' โดยเน้นว่าในปี 2025 ประสบการณ์ด้านอาหารและเครื่องดื่มที่แท้จริงและเต้มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ จะเป็นจุดเด่นสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว โดย IHG Hotels & Resorts ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการบริการกลุ่มโรงแรมหรูในประเทศไทยด้วยแบรนด์ อินเตอร์คอนติเนนตัล และ คิมป์ตัน โดยเฉพาะ อินเตอร์คอนติเนนตัล เขาใหญ่ รีสอร์ต ที่คว้ารางวัลมาแล้วมากมาย

การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพและอายุยืน หรือ 'longevity tourism' กำลังกลายเป็นเทรนด์สำคัญในตลาดท่องเที่ยวหรูยุคใหม่ของไทย โดยมีสถานที่ล้ำสมัย เช่น VitalLife Scientific Wellness Center Phuket เป็นตัวอย่างที่โดดเด่น โดย ดร.วรรณวิพุธ สรรพสิทธิ์วงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก VitalLife Scientific Wellness Center และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้กล่าวในหัวข้อ 'นิยามใหม่ของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทย' ว่าการดูแลสุขภาพเพื่ออายุยืนกำลังเป็น 'พรมแดนใหม่' ที่ขับเคลื่อนการเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

งาน Thailand Tourism Forum 2025 จัดขึ้นโดย C9 Hotelworks ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำ เช่น IHG Hotels & Resorts, STR, Horwath HTL, JLL Hotels and Hospitality, QUO, AMCHAM Thailand, Delivering Asia, VitaLife, Lighthouse, Phuket Hotels Association, Thaiger โดยมีโรงแรม InterContinental Bangkok เป็นสถานที่จัดงาน

พราะ “ตับ” เปรียบเสมือนหัวใจที่ 2 ของร่างกาย เป็นศูนย์กลางการทำงานของร่างกายและต้องทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา หากสุขภาพตับไม่ดี สุขภาพของเราก็จะไม่ดีตามไปด้วย

จากกรณีศึกษาขององค์กรด้านการแพทย์และสุขภาพในปัจจุบัน ค้นพบดัชนีด้านสุขภาพและสุขภาวะของคนไทยที่เปลี่ยนไปและอยู่ในเกณฑ์ที่น่ากังวล ข้อมูลจาก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า “ประชากรไทยกว่า 71 ล้านคน มีผู้ที่ป่วยเป็นไขมันพอกตับโดยไม่รู้ตัว สูงถึง 25-30% หรือราวๆ 1 ใน 3 ของประชากรทั่วประเทศ ส่งผลให้หลายคนต้องเผชิญกับภัยร้ายจากโรคตับ” สอดคล้องกับข้อมูลทางสถิติ โดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. พบว่า “มะเร็งตับ กลายเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย และมีอัตราเสียชีวิตสูงถึง 16,000 คนต่อปี” ซึ่งพบว่าผู้ป่วยเหล่านี้มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่สนใจต่อ “สุขภาพตับ” ปล่อยให้ตับพังขาดการดูแล อันมาจากหลายปัจจัย เช่น การกินอาหารที่มีไขมันสูง การกินอาหารที่มีรสหวานและน้ำตาลสูง การกินอาหารที่มากเกินความต้องการของร่างกายจนเกิดภาวะอ้วน การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่และได้รับควันบุหรี่มือสองอย่างเป็นประจำ จากลักษณะดังกล่าว คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีข้อสรุปจากงานวิจัยพบว่า “ผู้ที่เป็นมะเร็งตับ ส่วนใหญ่พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงสูงถึง 2-5 เท่า ซึ่งมาจากการขาดวินัยในการดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง”

 

พญ.ณัฐธิดา ศรีบัวทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินอาหารและตับ ได้แชร์ความรู้เรื่องของสุขภาพตับและระดับอาการของโรคตับที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ “โรคตับเป็นโรคที่พบมากขึ้นกับคนไข้ในปัจจุบัน อาการป่วยที่เกี่ยวกับโรคของตับมีอยู่หลายระดับ ซึ่งผู้ป่วยบางรายแทบไม่รู้ตัว หรือรู้ตัวช้าในตอนที่ร่างกายทรุดหนักแล้ว ซึ่งบางเคสก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าเป็นห่วง โดยคนปกติที่มี ‘สุขภาพตับดี’ ตับจะมีผิวเรียบ สีชมพู และไม่มีแผลเป็น ซึ่งเมื่อมีไขมันสะสมอยู่ในเซลล์ตับ จุดนี้จะถือว่า เข้าสู่ภาวะ ‘ไขมันพอกตับ’ จากนั้น หากยังไม่ดูแลสุขภาพหรือได้รับการรักษา จนมีการอักเสบและก่อให้เกิดพังผืด ไปสู่เนื้อเยื่อตับสูญเสียหน้าที่ถาวร ถือว่าเข้ามาสู่ภาวะ ‘ตับอักเสบ’ และหนักไปกว่านั้น เมื่อตับมีลักษณะขรุขระเต็มไปด้วยปุ่ม เซลล์ตับได้ถูกทำลาย นี่คืออาการของภาวะ ‘ตับแข็ง’ และเคสที่หนักที่สุดคือ ‘มะเร็งตับ’ เซลล์ตับมีการแบ่งตัวและ เพิ่มจำนวนอย่างผิดปกติ ทำให้การรักษาผู้ป่วยนั้นเป็นไปได้ยาก ยิ่งสุขภาพตับพังมากเท่าไหร่ เมื่อได้รับการฟื้นฟูช้า ก็ทำให้การรักษาเป็นสิ่งที่หมอต้องทำการบ้านอย่างหนักมากขึ้น ทางที่ดีอยากให้ผู้ที่มีร่างกายปกติและผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับหันมาดูแลสุขภาพของตนเอง รวมถึงหมั่นตรวจสุขภาพร่างกายและตับอย่างเป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อทราบแนวทางดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงยาวนาน”

“นิวทริไลท์” จาก แอมเวย์ ผู้นำตลาดวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ดูแลผู้คนทั่วโลกมา 90 ปี ตระหนักและพร้อมผลักดันให้ผู้คนได้มีสุขภาพและสุขภาวะที่ดี ได้เล็งเห็นถึงปัญหาสุขภาพตับของประชากรไทยที่ต้องเผชิญ จึงขอแนะนำวิธีดูแลสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคตับภัยร้ายใกล้ตัว มีทั้งหมด 7 ข้อ ดังนี้

1. เลือกรับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและอาหารปรุงแต่ง

2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

3. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

4. หลีกเลี่ยงการซื้อยากินเอง รวมถึงอาหารเสริมที่ไม่มีแหล่งที่น่าเชื่อถือมากพอ

5. หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง อาหารหวาน การกินอาหารที่มากเกินความต้องการของร่างกาย

6. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี โดยการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไม่ใช้เข็มฉีดยาหรือของมีคมร่วมกับผู้อื่น

7. เลือกกินอาหารหรือสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการดูแลตับ เช่น ‘สารสกัดจากบรอกโคลี’ ‘สารสกัดจาก ชะเอมเทศ’ และ ‘สารสกัดจากเมล็ดองุ่น’ ที่มีส่วนช่วยกำจัดสารพิษ ช่วยลดการอักเสบและการเกิดพังผืด ช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินของเซลล์ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและปกป้องเซลล์ตับจากการถูกทำลาย รวมถึง ‘เลซิติน’ ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในไข่แดง ถั่ว ถั่วเหลือง นม เมล็ดทานตะวัน ตับ เนื้อสัตว์ บริวเวอร์ยีสต์ และอื่นๆ มีส่วนช่วยในการลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือด ลดความดันโลหิต และมีส่วนช่วยในการลดการอักเสบของตับจากไขมันพอกตับได้

 

ทั้งนี้ การดูแลสุขภาพและสุขภาวะให้เกิดบาลานซ์ที่ดี เริ่มตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวัน การเคลื่อนไหวร่างกาย การออกกำลังกาย การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่การทานวิตามินหรือผลิตภัณฑ์ เสริมอาหารที่มีคุณภาพและจำเป็นต่อร่างกาย จะทำให้ทุกคนมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ห่างไกลจากโรคร้ายอย่างปัญหาไขมันพอกตับและปัญหาที่มาจากโรคของตับได้ไม่ยาก

จากผลวิจัยล่าสุดพบว่า ผู้หญิงข้ามเพศชาวไทย 98% ต้องการผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเธอในช่วงการเปลี่ยนแปลง

3 ใน 4 ของผู้หญิงข้ามเพศในประเทศไทย ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของผิวและความรู้สึกไม่สบายผิว ระดับปานกลางถึงรุนแรง ในช่วงกระบวนการเปลี่ยนแปลง

วาสลีน ประเทศไทย แนะนำครั้งแรก! วาสลีน โปร เดอร์มา ทรานซิชั่น บอดี้ โลชั่น นวัตกรรมที่พัฒนาร่วมกับ ผู้หญิงข้ามเพศ เพื่อผู้หญิงข้ามเพศ ผ่านการทดสอบทางคลินิก

 

กรุงเทพฯ ประเทศไทย (15 กุมภาพันธ์ 2567) – วาสลีน เชื่อว่าผิวที่สวยงาม คือ ผิวสุขภาพดี สำหรับผู้หญิงข้ามเพศที่กำลังอยู่ในช่วงกระบวนเปลี่ยนผ่านสู่การข้ามเพศ ความสวยงามมีบทบาทสำคัญในเส้นทางของพวกเธอ จากผลวิจัยล่าสุด โดย วาสลีน ผู้หญิงข้ามเพศมากกว่า 9 ใน 10 คน เชื่อว่าการมีผิวพรรณที่น่าพึงพอใจส่งผลต่อความรู้สึกเป็นผู้หญิงและความมั่นใจ

ในตัวเองของพวกเธอเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดี ผู้หญิงข้ามเพศชาวไทย 98% ยังต้องการผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเธอในช่วงการเปลี่ยนแปลง

ในฐานะแบรนด์ที่ยืนหยัดเพื่อสุขภาพผิวที่ดีสำหรับทุกคน วาสลีนมุ่งมั่นที่จะดูแลผิวของทุกคน เพราะผิวของทุกคนสำคัญ (No skin ever goes unseen) ด้วยความมุ่งมั่นดังกล่าวนี้ วาสลีน ประเทศไทย ได้เปิดตัวนวัตกรรมล่าสุด วาสลีน โปร เดอร์มา ทรานซิชั่น บอดี้ โลชั่น (Vaseline Pro Derma Transition Body Lotion) ที่ผ่านการทดสอบทางคลินิก และพัฒนาร่วมกับผู้หญิงข้ามเพศ เพื่อผู้หญิงข้ามเพศ เป็นครั้งแรก วาสลีน โปร เดอร์มา ทรานซิชั่น บอดี้ โลชั่น เริ่มวางจำหน่ายเฉพาะที่ร้าน วัตสันทั่วประเทศไทยและช่องทางออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป

3 ใน 4 ของผู้หญิงข้ามเพศในประเทศไทยต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางผิวหนังและความรู้สึกไม่สบายผิวระดับปานกลางถึงรุนแรงในช่วงระหว่างและหลังกระบวนการข้ามเพศ วาสลีน พัฒนาผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นร่วมกับผู้หญิงข้ามเพศ ผ่านการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ในประเทศไทย เพื่อจัดการกับปัญหาผิวที่พบได้บ่อยในช่วงการใช้ฮอร์โมนบำบัด เช่น ผิวไวต่อแสง หมองคล้ำง่าย ผิวระคายเคือง สีผิวไม่สม่ำเสมอ และผิวแพ้ง่าย จากนั้น ผ่านการทดสอบทางคลินิก เพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพในการปรับสมดุล เสริมสร้างความแข็งแรง และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว พร้อมทั้งเผยผิวดูกระจ่างใส และสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็น ได้ชัด

“ที่ยูนิลีเวอร์ เรามุ่งสร้างสังคมที่เปิดรับความแตกต่างหลากหลายและเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น ภายใต้วัฒนธรรมที่ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จ ได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพและเท่าเทียม และความแตกต่างนั้นได้รับการยอมรับและชื่นชม เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายดังกล่าว เราได้ใช้ธุรกิจและศักยภาพของเราเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกให้เกิดขึ้นภายในองค์กรของเรา รวมไปถึงสังคมโดยรวม” นายเจย์ โก Beauty & Wellbeing Thailand Lead, SEA Head of Customer Strategy & Planning บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าว

 

“วาสลีน เรามุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อผิวสำหรับทุกคน ผู้หญิงข้ามเพศมีความต้องการเฉพาะในเรื่องผิวที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง และเรารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้คิดค้นโลชั่นบำรุงผิวที่ตอบสนองความต้องการเหล่านี้ของผู้หญิงข้ามเพศ ช่วยให้ผิวพรรณของพวกเธอแลดูสุขภาพดีและเสริมความมั่นใจในตัวเองยิ่งขึ้น” นางสาวสถิรวรรณ เอี่ยมอ่อง ผู้นำฝ่ายพัฒนาตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายและผิวหน้า บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด

“ผู้หญิงข้ามเพศต้องเผชิญกับความท้าทายหลากหลายด้านในช่วงกระบวนการเปลี่ยนแปลง ผิวพรรณของพวกเธออาจจะแห้งและบอบบางแพ้ง่ายในช่วงเดือนแรกๆ ของการใช้ฮอร์โมนบำบัด อาการเหล่านี้อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อความมั่นใจในสภาพผิวและความรู้สึกมั่นใจในตัวเอง” นพ. วรพล รัตนเลิศ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศัลยแพทย์ตกแต่ง ผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง โรงพยาบาลยันฮี กล่าว

“เรารู้สึกดีใจที่ได้เห็นวาสลีนสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนี้ขึ้นร่วมกับกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศ เพื่อผู้หญิงข้ามเพศ ปัจจุบัน พบว่าผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของผู้หญิงข้ามเพศยังมีไม่มากนัก จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ได้เห็นวาสลีนเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงผ่านการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่นี้” ซีซ่า ฤทธิวงศ์ รองผู้อำนวยการสำนักสิทธิมนุษยชน ความยั่งยืน และการระดมทรัพยากร สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย กล่าว

ผลิตภัณฑ์ วาสลีน โปร เดอร์มา ทรานซิชั่น บอดี้ โลชั่น เป็นผลิตภัณฑ์ล่าสุดภายใต้กลุ่มโลชั่นเวชสำอาง วาสลีน โปร เดอร์มา ซึ่งคิดค้นขึ้นเพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวเฉพาะด้านที่ยังไม่ได้รับการตอบสนองของผู้หญิงข้ามเพศในประเทศไทย ตัวผลิตภัณฑ์ได้ผ่านการทดสอบทางคลินิกสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีกลูต้า-เซราไมด์ และสารแอคทีฟที่ช่วยให้ผู้หญิงข้ามเพศมีผิวสุขภาพดีในช่วงกระบวนการข้ามเพศและหลังกระบวนการข้ามเพศ

จากผลวิจัยพบว่า 90% ของผู้หญิงข้ามเพศต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้านในช่วงกระบวนการเปลี่ยนแปลง เพื่อรับมือกับหลากหลายความกังวลที่เกิดขึ้น ผู้หญิงข้ามเพศกว่า 78% จึงทุ่มเทกับความพยายามด้านความงามเพื่อแสดงออกถึงความเป็นผู้หญิง และการมีผิวสุขภาพดีนั้นเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญ

อย่างไรก็ดี ผู้หญิงข้ามเพศบางครั้งรู้สึกว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ ยังไม่ตอบโจทย์กับทุกความต้องการด้านผิวพรรณของพวกเธอนัก ซึ่งข้อมูลเชิงลึกที่วาสลีนได้รับจากการทำวิจัยร่วมกับผู้หญิงข้ามเพศในประเทศไทยนี้เอง ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ วาสลีน ประเทศไทย ร่วมกับ สุธน เพ็ชรสุวรรณ ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณามือรางวัล ในการสร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาออนไลน์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ โดยตัวภาพยนตร์นั้นถ่ายทอดมุมมองของผู้หญิงข้ามเพศคนหนึ่งซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ไม่มีอะไรพอดีสำหรับเธอ สะท้อนถึงเส้นทางความท้าทายในแต่ละวันที่ผู้หญิงข้ามเพศต้องเผชิญในช่วงกระบวนการเปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ วาสลีนยังได้จับมือกับยูน – ปัณพัท เตชเมธากุล ศิลปินวาดภาพประกอบหญิงข้ามเพศชาวไทย ในการออกแบบขวดผลิตภัณฑ์วาสลีน โปร เดอร์มา ทรานซิชั่น บอดี้ โลชั่น “เรารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่คิดค้นขึ้นเพื่อผู้หญิงข้ามเพศโดยเฉพาะ ลวดลายผีเสื้อบนขวดนั้นสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ที่แสดงออกถึงอิสรภาพและการเฉลิมฉลอง” เธอกล่าว

ที่ผ่านมา วาสลีน เดินหน้ามอบประสบการณ์การดูแลผิวที่เท่าเทียมสำหรับทุกคน ผ่านโครงการต่างๆ อาทิ Vaseline Healing Project ซึ่งเป็นโครงการระดับโลกที่ช่วยให้ชุมชนที่ขาดโอกาสสามารถเข้าถึงการดูแลด้านผิวหนังขั้นพื้นฐานและมอบความรู้เกี่ยวกับการดูแลผิว รวมถึงในประเทศไทย และวาสลีนยังคงมุ่งมั่นสานต่อพันธกิจในการส่งเสริมให้ผู้คนทั่วโลกมีสุขภาพผิวดีขึ้น

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ วาสลีน โปร เดอร์มา ทรานซิชั่น บอดี้ โลชั่น สามารถเข้าไปที่ facebook.com/VaselineThailand และรับชมภาพยนตร์โฆษณาได้ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ ที่ช่องทางยูทูบ VaselineThailand

FWD ประกันชีวิต แนะนำแพลตฟอร์มดิจิทัล “Mind Strength Support” บริการเพื่อดูแลสุขภาพทางใจเชิงป้องกัน สะดวก ใช้งานง่าย และมีการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลอย่างปลอดภัย ให้บริการผ่านสื่อรูปแบบต่างๆ อาทิ วิดีโอ ซีรีส์ FWD Mind Master Class ที่ขนทัพนักแสดงชั้นนำร่วมถ่ายทอดเคล็ดลับสร้างความแข็งแกร่งทางใจ พร้อม feature การทำแบบประเมินความแข็งแกร่งทางใจ หรือ เลือกรับคำปรึกษาและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาได้ในที่เดียวสำหรับลูกค้าทื่ถือแบบประกันสุขภาพ “Mind Strength” พร้อมใช้บริการได้แล้ววันนี้ และฟรี 1 เดือน สำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจใช้บริการแพลตฟอร์ม “Mind Strength Support”

 

นางสาวอลิสา อารีพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (“เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต” หรือ “FWD ประกันชีวิต”) กล่าวว่า ด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตในแบบปัจจุบัน ทำให้หลายคนต้องรับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทายต่างๆ การดูแลสุขภาพใจจึงถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญ FWD ประกันชีวิต เราเข้าถึงและเข้าใจลูกค้า ด้วยหลักการทำงานแบบยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก (Customer-led) เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และเลือกสรรบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในรูปแบบ Total Solution ที่ดูแลลูกค้ามากกว่าการจ่ายเคลม เพื่อส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพใจให้แข็งแกร่งไปพร้อมกัน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เราจึงได้มอบบริการ “Mind Strength Support” แพลตฟอร์มดิจิทัลที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงการบริการสุขภาพทางใจ จากความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัท FWD และ ThoughtFull ผู้ให้บริการดิจิทัลด้านการดูแลสุขภาพทางใจ ให้แก่ลูกค้าผู้ถือกรรมธรรม์ “Mind Strength” แบบประกันสุขภาพที่มอบความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลด้านจิตเวช หนึ่งในนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ FWD Modular Series นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปที่สนใจสามารถเข้าใช้งานแพลตฟอร์มดังกล่าวโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเป็นเวลา 1 เดือน เริ่มให้บริการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

“Mind Strength Support” เป็น แพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย สะดวก และปลอดภัยในเรื่องการรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมบนแพลตฟอร์มสำหรับผู้ใช้บริการ ดังนี้

1) รับชม “เอฟดับบลิวดี มายด์ มาสเตอร์ คลาส” (FWD Mind Master Class) วิดีโอซีรีส์ที่ FWD ได้พัฒนาเนื้อหาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ นำโดย ผศ. นพ.ทรงภูมิ เบญญากร พร้อมนักแสดงชั้นนำ พอลล่า เทเลอร์ เจนสุดา ปานโต สิริสันต์ หน่อง-ธนา ฉัตรบริรักษ์ และคารีสา สปริงเกตต์ มาร่วมถ่ายทอดเคล็ดลับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางใจ

2) ทำแบบประเมินความแข็งแกร่งทางใจ โดยหลังจากตอบแบบประเมินจะได้รับคำแนะนำและวิธีการดูแลสุขภาพใจตามระดับคะแนนของตนเอง

3) ปรึกษาและรับคำแนะนำด้านสุขภาพทางใจออนไลน์ จากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตหรือนักจิตวิทยา ผ่านข้อความ หรือวิดีโอคอล โดยลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ Mind Strength สามารถใช้บริการได้ตลอดปีกรมธรรม์ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถใช้บริการได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเป็นระยะเวลา 1 เดือน

ลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ Mind Strength รวมถึงลูกค้าเอฟดับบลิวดีและผู้ที่สนใจ สามารถเข้าใช้งานแพลตฟอร์ม Mind Strength Support เพื่อดูแลสุขภาพทางใจได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยสามารถคลิกลิงก์ https://mindstrength.fwd.co.th/

Page 1 of 4
X

Right Click

No right click