นางสาวกชสร โตเจริญธนาผล รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน ProPak Asia 2024 กล่าวถึงแผนยุทธศาสตร์ภาครัฐที่ต้องการยกระดับให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอาหารว่า ยุทธศาสตร์ดังกล่าวเป็นแรงส่งสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปอาหารของไทย ซึ่งไทยมีข้อได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์อุตสาหกรรมอาหารที่ครบวงจรและครอบคลุมห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่วัตถุดิบ กระบวนการแปรรูป การบรรจุ จนส่งถึงมือผู้บริโภค แต่ทั้งหมดต้องถูกพัฒนาและสร้างมูลค่าให้สูงขึ้น ซึ่งการส่งออกอาหารไทยในปี 2567 คาดว่าจะมีมูลค่า 1.65 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.5% มีปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่ที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ภาคการบริการและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ขณะที่แรงกดดันจากเงินเฟ้อเริ่มคลายตัวลง นับเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการที่ต้องผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้การวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเทคโนโลยีการผลิตซึ่งเป็นหัวใจที่จะช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้

นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เป็นกุญแจความสำเร็จวันนี้ อาทิ การใช้ IoT (Internet of Things) มาช่วยติดตาม ตรวจสอบ ควบคุมกระบวนการผลิตภายในโรงงาน การใช้วัตถุดิบและพลังงาน ลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต การพัฒนาเครื่องจักรและโรงงานอัตโนมัติ (Automation) เทคโนโลยีหุ่นยนต์ (Robot) ช่วยลดความผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและจัดการ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีการบริหารจัดการเพื่อติดตามบันทึกข้อมูลการบริโภค และวิเคราะห์พัฒนาสินค้า การใช้ AI (Artificial Intelligence) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพในการควบคุมและปรับปรุงกระบวนการผลิตและการทำงาน ประมวลผล ช่วยตัดสินใจ รวมถึงวิเคราะห์ข้อมูลคุณภาพวัตถุดิบ สภาพแวดล้อมการผลิต ประสิทธิภาพเครื่องจักร จำลองกระบวนการผลิต ทดสอบ และปรับปรุงกระบวนการโดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรจริง ฯลฯ ซึ่งผู้ประกอบการที่ใช้เทคโนโลยีมาช่วยพัฒนาธุรกิจและการผลิตจะมีแต้มต่อในการบริหารจัดการลดต้นทุน ลดความเสี่ยง และเพิ่มความสามารถการแข่งขันได้อีกด้วย

งาน ProPak Asia นั้น มีส่วนช่วยสนับสนุนและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปอาหารของไทยให้ก้าวไปเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอาหารของภูมิภาคอย่างเต็มที่ เพราะเป็นงานแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ด้านกระบวนการผลิต การแปรรูป และบรรจุภัณฑ์ระดับเอเชีย ที่เชื่อมโยงและส่งเสริมการเข้าถึงความรู้ของผู้ประกอบการ ผ่านงานแสดงสินค้า โดยแนวคิดการจัดงาน ProPak Asia 2024 คือ ยกระดับความสำเร็จในกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืนด้วย แนวคิด นวัตกรรม และ การลงทุน (Sustainably Empowering Processing & Packaging Success with Ideation, Innovation and Investment) เพื่อเป็นแรงกระตุ้น สร้างแรงบัลดาลใจ สร้างความคิดสร้างสรรค์ให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อต่อยอดให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน

นายรังสรรค์ อ่วมมี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เกษตรภัณฑ์อุตสาหกรรม จำกัด ธุรกิจเกษตรภัณฑ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารให้ความเห็นว่า อุตสาหกรรมการผลิตและแปร

รูปอาหารเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจไทย และไทยมีศักยภาพในการผลิตอาหารที่เหมาะสม จากภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยและทรัพยากรทางการเกษตรที่เพียงพอ ซึ่งในปี 2567 แนวโน้มที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมฯ คือ การเน้นย้ำเรื่องความยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยผู้บริโภคต้องการผลิตภัณฑ์ที่ตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนั้นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็นระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ การวิเคราะห์ข้อมูล และปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังปฏิวัติกระบวนการผลิตทั้งหมด ซึ่งจะนำไปสู่การปรับปรุงประสิทธิภาพ คุณภาพ และมาตรฐานความปลอดภัยที่ดีขึ้น ส่วนกฎระเบียบด้านความปลอดภัยอาหาร ห่วงโซ่อุปทานที่หยุดชะงัก และความผันผวนของตลาดยังคงเป็นสิ่งที่ต้องระวัง การปรับตัวรับความท้าทายเหล่านี้ ต้องมีกลยุทธ์ที่คล่องตัวและมีนวัตกรรมที่ต่อเนื่อง

ธุรกิจเกษตรภัณฑ์เป็นบริษัทคนไทยที่มีประสบการณ์กว่า 50 ปี ให้บริการด้านวิศวกรรมอย่างครบวงจร ด้วยทีมงานวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญ ตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง การผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์พร้อมติดตั้ง การสรรหาเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตลอดจนวิศวกรรมบริการหลังการขาย ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ได้แก่ โรงงานผลิตอาหารสัตว์ ทั้งสัตว์บก สัตว์น้ำ และสัตว์เลี้ยง ระบบจัดเก็บและลำเลียงวัตถุดิบ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์และอุปกรณ์การเลี้ยง โรงงานแปรรูปอาหารและผลิตอาหารสำเร็จรูป รวมถึงการให้บริการด้านพลังงานทางเลือกและเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมด้วย

ส่วนการร่วมงานกับ ProPak Asia นั้น ทางบริษัทฯ ได้เข้าร่วมต่อเนื่องมากว่า 7 ปี เนื่องจากเป็นงานที่เป็นศูนย์รวมของผู้ให้บริการสินค้าและเทคโนโลยีด้านการผลิตอาหารที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย ผลที่ได้รับเป็นประโยชน์ทั้งต่อลูกค้า คู่ค้า และบริษัทฯ เป็นการอัพเดทเทคโนโลยีการผลิตอาหารจากบริษัทและจากคู่ค้า ได้มีโอกาสในการเชื่อมโยงเครือข่ายสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่ต่อยอดความร่วมมือได้ในอนาคต มีโอกาสทำความรู้จักกับลูกค้ารายใหม่ เพื่อสร้างยอดขายได้ และยังสร้างการรับรู้ สร้างแบรนด์ แก่นักลงทุนได้ว่าธุรกิจเกษตรภัณฑ์มีความพร้อมในการให้บริการด้วยศักยภาพด้านวิศวกรรม โดยไฮไลท์ที่นำมาจัดแสดงในงานฯ ปีนี้ จะให้ความสำคัญกับสินค้าและเทคโนโลยีที่เน้นการเพิ่มศักยภาพการผลิต ลดต้นทุน เพิ่มโอกาสในการแข่งขันให้แก่ลูกค้า มีการนำเสนอเครื่องจักรและเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติในกระบวนการแปรรูปและบรรจุอาหาร พร้อมบริการครบวงจรด้านวิศวกรรมที่ออกแบบและบริหารงานได้ตามต้องการ ทั้งการออกแบบ ก่อสร้าง เครื่องจักร เทคโนโลยี และงานระบบ ตลอดจนวิศวกรรมบริการหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจถึงความพร้อมการให้บริการด้านวิศวกรรมสำหรับธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจรแห่งภูมิภาคเอเชีย

นายสุทธา มีสุข ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไฮเทค ฟู๊ด อีควิปเมนท์ จำกัด ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ความต้องการผลิตภัณฑ์อาหารจากต่างประเทศมีสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาหารฮาลาล ผนวกกับแรงหนุนภาครัฐที่ส่งเสริมสินค้าอาหารของไทยให้ได้รับความนิยมในตลาดโลกและตลาดใหม่ๆ มากขึ้น จึงเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการไทยในการนำผลิตภัณฑ์ขยายสู่ตลาดนานาชาติ แต่การสร้างผลิตภัณฑ์อาหารที่ดีต้องมีการพัฒนาเพิ่มมูลค่าให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคด้วย โดยใช้การวิจัยพัฒนา นวัตกรรม และเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยในกระบวนการผลิต ลดข้อผิดพลาด สร้างความปลอดภัย ความสะอาด และยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้น

การดำเนินงานของบริษัทฯ ก็มีส่วนช่วยผู้ประกอบการด้วย เนื่องจากเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องจักรอุตสาหกรรมทั้งอาหารคนและอาหารสัตว์ ครอบคลุมอุตสาหกรรมหลัก ทั้งสัตว์บก สัตว์ปีก อาหารทะเล เบเกอร์รี่ อาหารพร้อมทาน ผัก

ผลไม้ และ อาหารสัตว์ รวมถึงกระบวนการผลิต การเตรียม การขึ้นรูป การทำสุก และการบรรจุภัณฑ์ โดยมีพันธมิตรผู้ผลิตเครื่องจักรคุณภาพสูงจากทั่วโลก พร้อมบริการให้คำปรึกษาและการหา Solutions ที่เหมาะสมต่อความต้องการ หรือร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยผู้เชี่ยวชาญผู้ผลิตจากต่างประเทศ เช่น Butcher หรือ Food Technologist การให้บริการโปรแกรม PM (Preventive Maintenance) ฯลฯ ส่วนการร่วมจัดแสดงในงาน ProPak Asia 2024 นั้น เพราะเป็นงานใหญ่ระดับเอเชีย กลุ่มผู้เข้าชมงานเป็นผู้ประกอบการเป้าหมายตัวจริงที่ต้องการหาเครื่องจักรไปใช้ในธุรกิจ โดยในปีนี้ได้มีการเตรียมเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีทันสมัยล่าสุดเข้าร่วมจัดแสดงถึง 7 กลุ่มอุตสาหกรรม พร้อมสาธิตและทดสอบจริงอีกด้วย

งาน ProPak Asia 2024 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 – 15 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานและต้องการลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้าชมงานฯ สามารถลงทะเบียนได้ที่ www.propakasia.com

บรรจุภัณฑ์หนึ่งในปัจจัยความสำเร็จของผลิตภัณฑ์และธุรกิจ การติดตามแนวโน้ม ทิศทางและนวัตกรรมของบรรจุภัณฑ์เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องติดตาม เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสนใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม รวมถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม ลดต้นทุนการผลิตและความยั่งยืน

ด้วยเหตุนี้ องค์การบรรจุภัณฑ์โลก (World Packaging Organisation : WPO) บริษัท เด็นโซ่ อินโนเวทีฟ แมนูแฟคเจอริ่ง โซลูชั่น เอเชีย จำกัด และ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน ProPak Asia 2024 จึงได้ร่วมมือกันจัดสัมมนาออนไลน์ (Webinar) ผ่านโปรแกรมซูม (Zoom) ขึ้น ในหัวข้อ การสร้างสรรค์โอกาสแห่งอนาคตด้วยนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ (Forming Tomorrow’s Opportunities with Packaging Innovation) ในวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 14.00 – 15.30 น. (ดำเนินการสัมมนาเป็นภาษาอังกฤษ) เพื่อให้ความรู้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ก่อนงาน ProPak Asia 2024 โดยในการสัมมนาจะเป็นการสำรวจแนวโน้มและนวัตกรรมล่าสุดที่กำลังเปลี่ยนแปลงวงการบรรจุภัณฑ์ระดับโลก ตั้งแต่แนวโน้มในการบรรจุภัณฑ์ไปจนถึงวิธีการยั่งยืน กฎหมาย การปรับปรุงข้อกำหนดและการออกแบบระบบอัตโนมัติ ซึ่งการสัมมนาในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก

· คุณโซฮา อัตอัลล่า รองประธานสำหรับการตลาด องค์การบรรจุภัณฑ์โลก  หัวข้อ แนวโน้มบรรจุภัณฑ์ของโลก

· คุณเนรีดา เคลตัน รองประธานสำหรับความยั่งยืน องค์การบรรจุภัณฑ์โลก  หัวข้อ: มุมมองด้านความยั่งยืนระดับโลก ผ่านความคิดของ WPO รวมถึงตัวอย่างแนวทางปฏิบัติ หลักการออกแบบและแนวปฏิบัติ

· คุณชาร์ล็อต เวอร์เนอร์ หัวหน้าทีม Circular Analytics และสมาชิก WPO ประเทศออสเตรีย  หัวข้อ: PPWR และ กฎหมายใหม่ว่าด้วยการอ้างสิทธิ์สีเขียว

· คุณวิวัฒน์ พันธ์สระ รองประธาน - วิศวกรรมโรงงาน (DIMA) บริษัท เด็นโซ่ อินโนเวทีฟ แมนูแฟคเจอริ่ง โซลูชั่น เอเชีย จำกัด  หัวข้อ: การออกแบบระบบอัตโนมัติสำหรับการบรรจุภัณฑ์โดยใช้ Lean Automation

โดยผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้รับประกาศนียบัตรจากการสัมมนาครั้งนี้อีกด้วย ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถลงทะเบียนได้แล้วที่ https://zoom.us/webinar/register/WN_46KQ6asvRNiDyb_NfNI14g หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสัมมนาฯ ติดต่อ คุณพุทธพร พุดมะลัง เบอร์ 020360500 ต่อ 263 Email: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

แนวโน้มและการพัฒนาของอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหารของไทยว่า อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร (Food for the Future) เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่อยู่ใน First S-Curve หรือ 5 อุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพและมีความสำคัญกับประเทศไทย เพราะเชื่อมโยงกับหลายภาคส่วน ซึ่งล่าสุดประเทศไทยได้ก้าวขึ้นมาอยู่อันดับที่ 12 ของผู้ส่งออกอาหารของโลก

ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป รายงานว่า ปี 2566 ให้ข้อมูลว่า 10 เดือนแรกปี 2566 ไทยมีการส่งออกสินค้าอาหารมูลค่า 1.31 ล้านล้านบาท เติบโต 3.2% ในจำนวนนี้เป็นการส่งออกสินค้าเกษตรอาหาร 6.6 แสนล้านบาท เติบโต 9.5% ส่วนของสถานการณ์การส่งออกของอาหารอนาคตใน Future Food มีมูลค่าราว 1 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 8.2% ของอาหารทั้งหมด   นางสาวกชสร โตเจริญธนาผล  รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทสไทย ผู้จัดงาน ProPak Asia 2024 เผย

 

ส่วนปี 2567 น่าจะยังมีการขยายตัวต่อเนื่อง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ส.อ.ท.,หอการค้าไทย และสถาบันอาหาร คาดจะส่งออกได้ 1.65 ล้านล้านบาท สำหรับกลุ่มสินค้าอาหารที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดี ได้แก่ กลุ่มผลไม้แช่เย็น-แช่แข็ง กลุ่มไก่สดแช่เย็น-แช่แข็ง กลุ่มอาหารทะเล ทูน่ากระป๋อง กุ้งสดแช่แข็งและสินค้าที่มีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เช่น อาหารและเครื่องดื่มสุขภาพ อาหารเฉพาะทาง อาหารฮาลาล และอาหารแปรรูปคุณภาพสูง โดยปัจจัยสำคัญมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากประเทศคู่ค้าหลักที่ทยอยฟื้นตัว ประเทศเศรษฐกิจหลักมีแนวโน้มชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย การท่องเที่ยวในประเทศขยายตัวได้ดี การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่องและนโยบายของรัฐที่ออกมาตรการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง 

นอกจากปัจจัยหนุนดังกล่าว ผู้ประกอบการไทยยังได้รับการยอมรับว่ามีความสามารถในการผลิตสูงและมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้สินค้าอาหารของไทยมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ ผนวกกับความได้เปรียด้านการมีแหล่งวัตถุดิบที่หลากหลายต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติดีถูกปากคนทั่วโลกง่าย โดยหากมองจากการเติบโตของงาน ProPak Asia ที่เป็นงานแสดงเทคโนโลยีด้านกระบวนการผลิต การแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ชั้นนำระดับเอเชีย ซึ่งในการจัดงาน ProPak Asia 2024 ปีนี้ คาดว่าจะมีมูลค่าการค้าและเจรจาธุรกิจในงาน 4 วัน สูงถึง 4,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 12% ส่วนผู้เข้าร่วมงานเป็นนักธุรกิจและผู้ประกอบการไทย 80% และต่างประเทศ 20% ดังนั้นการเติบโตของานฯ เป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งชี้ว่าผู้ประกอบการอาหารของไทยมีการตื่นตัว พัฒนาและลงทุนด้านกระบวนการผลิตตลอดเวลา ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปอาหารของไทยฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว  

ส่วนแนวโน้มและทิศทางของอุตสาหกรรมนั้น ยังมุ่งเน้นการสร้างสมดุลของเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับความยั่งยืน (Sustainability) เพื่อเป็นแนวทางให้การพัฒนาของทุกภาคส่วนเดินไปในทิศทางเดียวกัน อาทิ ด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี การพัฒนาสู่ยุคการผลิตดิจิตอลและปัญญาประดิษฐ์ (Digitalization and AI) การเชื่อมต่อและการทำงานร่วมกัน (Interconnectivity and Collaboration) ที่ช่วยให้เกิดการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ทั้งการอนุรักษ์พลังงาน การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การบริหารจัดการ การประมวลผลข้อมูล เพื่อเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจ สามารถวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเชื่อมโยงระบบการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้ธุรกิจปรับตัวได้ดี ในช่วงที่ระบบการผลิตกำลังเปลี่ยนแปลง สร้างผลเชิงบวกต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่ทุกขั้นตอนตั้งแต่การผลิต แปรรูป บรรจุภัณฑ์ ต้องมีการออกแบบและการเลือกใช้วัตถุดิบที่ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายง่าย การเลือกใช้วัสดุ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดแรงบัดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยีการผลิต การแปรรูป เพื่อไปถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon)  

นอกจากการพัฒนาที่เน้นความยั่งยืนจะส่งผลดีต่อการผลิตแล้ว ยังช่วยสร้างแต้มต่อด้านการค้าในสนามนานาชาติมากขึ้นด้วย เนื่องจากปัจจุบันอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น อาทิ มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรปที่เป็นเงื่อนไขให้ผู้ผลิตสินค้าของไทย หันมาลดการปล่อยคาร์บอนลง หรือ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) นโยบายสร้างความมั่นคงด้านอาหารของจีน (Food security policy) ลดการนำเข้าและพึ่งพาการผลิตภายในประเทศมากขึ้น หรือแม้แต่ ESG เช่น เรื่องการทำประมงอย่างยั่งยืน (Sustainable fishing) และการปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรม (Fair labor practices) อีกด้วย 

ดังนั้นหัวใจของงาน ProPak Asia 2024 นอกจากจะเป็นงานแสดงของเทคโนโลยีกระบวนการแปรรูปอาหาร บรรจุภัณฑ์ การจัดเก็บ และการขนส่ง ครบตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำระดับเอเชีย ที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม ยา เครื่องสำอาง สินค้าอุปโภคบริโภคแล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการทุกระดับ ทุกขนาด ยังจัดขึ้นภายใต้แนวคิด การยกระดับความสำเร็จในกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืนด้วย แนวคิด นวัตกรรม และการลงทุน (Sustainably Empowering Processing & Packaging Success with Ideation, Innovation and Investment) เพื่อกระตุ้นให้เกิดแรงบัดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการจะได้พบนวัตกรรมต่างๆ เทคโนโลยีการผลิต แปรรูปเพื่อไปถึง Net Zero Carbon การเลือกใช้วัสดุออกแบบบรรจุภัณฑ์และอื่นๆ ไปต่อยอดลงทุนให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน 

ภายในงานมีการจัดแสดงแบ่งเป็น 8 โซนหลัก ได้แก่ 1) Processing Tech Asia  เทคโนโลยีเพื่อการแปรรูปอาหาร และวัตถุดิบ 2) PackagingTech Asia เทคโนโลยีการบรรจุภัณฑ์ และกระบวนการบรรจุภัณฑ์ 3) DrinkTech Asia เทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม 4) PharmaTech Asia เทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมยา 5) Lab&Test Asia เทคโนโลยีการตรวจสอบและควบคุมมาตรฐานของอาหาร และบรรจุภัณฑ์ 6) Packaging Solution Asia เทคโนโลยีเพื่อการผลิตบรรจุภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์สำเร็จรูป 7) Coding, Marking & Labelling Asia เทคโนโลยีเพื่อการเขียนรหัส, ติดป้าย, และปักหมายเลขบนสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ต่างๆ 8) Coldchain, Logistics, Warehousing & Factory Asia เทคโนโลยีเพื่อการขนส่ง จัดเก็บสินค้า และเทคโนโลยีที่สนับสนุนกระบวนการผลิต มีผู้เข้าร่วมจัดแสดงกว่า 2,000 แบรนด์ จาก 45 ประเทศทั่วโลก และมีพาวิเลี่ยนจาก 14 กลุ่มประเทศประกอบด้วย ออสเตเรีย บาวาเรีย ฝรั่งเศส  อิตาลี  สเปน สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ อเมริกาเหนือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย สิงคโปร์ แลไต้หวัน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเทคโนโลยี และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลประเทศนั้นๆ ในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่มาร่วมจัดแสดงในงานฯ  ส่วนไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ในปีนี้คือ  

  • ProPak Gourmet ร่วมค้นหาวิธีการยืดระยะเวลาความสดเพื่อเพิ่มมูลค่าของวัตถุดิบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์  สัตว์ปีกและอาหารทะเล 
  • I-Stage เวทีที่รวบรวม ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ นวัตกรรมและการลงทุนสำหรับโซลูชั่นทางธุรกิจในระบบห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และธุรกิจ FMCG (Fast-Moving Consumer Goods) สินค้าอุปโภค บริโภค พบกับเซเลป กูรู ในวงการที่จะมาแบ่งปันความคิดสร้างสรรค์สำหรับผู้ประกอบการ SME (Small and Medium-sized Enterprises) ได้รับความรู้จากผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีเกี่ยวกับนวัตกรรมที่ยั่งยืนในกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ และปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเกี่ยวกับการลงทุนและการขยายกลุ่มธุรกิจ 
  • Future Food Corner สัมผัสประสบการณ์เกี่ยวกับอาหารแห่งอนาคตด้วยเทคโนโลยีการผลิตและบรรจุภัณฑ์ 
  • Lab & Test Teather ค้นพบข้อกำหนดด้านความปลอดภัย เทคโนโลยีตรวจสอบและควบคุมมาตรฐานในการแปรรูปอาหาร เครื่องดื่ม ยา สินค้าอุโภคบริโภคและบรรจุภัณฑ์สินค้าล่าสุด 

ด้วยเหตุนี้งาน ProPak Asia 2024 จึงเป็นงานแสดงสินค้าสำคัญที่ส่งผลต่อการพัฒนาการผลิตและแปรรูปอาหาร และบรรจุภัณฑ์ ซึ่งสร้างรายได้และมูลค้าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ พร้อมช่วยส่งเสริมการเดินทางของนักธุรกิจและผู้ประกอบการจากต่างประเทศในการเข้ามาท่องเที่ยวเชิงธุรกิจซึ่งมีมูลค่าสูงแก่ประเทศไทยด้วย 

ผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานและต้องการลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้าชมงาน ProPak Asia 2024 สามารถลงทะเบียนได้ที่ www.propakasia.com

 

 

นางสาวสุภาภรณ์ อังศรีสุรพร ผู้จัดการฝ่ายบริหารโครงการอาวุโส อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวถึงความสำคัญและการเติบโตของตลาดกลุ่มโฮเรกา (HoReca) ว่า ตลาดโฮเรกาครอบคลุมธุรกิจกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร กาแฟ และธุรกิจจัดเลี้ยง เป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวและบริการ โดยข้อมูลจาก ResearchAndMarkets คาดว่าการเติบโตของตลาดโฮเรกาทั่วโลกระหว่างปี 2567-2570 จะเติบโตถึง 349.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนตัวเลขสำคัญของไทยคือ ตัวเลขจำนวนและรายได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานว่า ปี 2566 ไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งสิ้น 28,042,131 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 151% สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.2 ล้านล้านบาท ส่วนเป้าหมายในปี 2567 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยแตะ 35 ล้านคน สร้างรายได้อยู่ที่ 3.5 ล้านล้านบาท เป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 2.5 ล้านล้านบาท และรายได้จากตลาดในประเทศ 1 ล้านล้านบาท

ดังนั้นเพื่อเพิ่มความสามารถของธุรกิจให้รองรับกับการท่องเที่ยวที่ขยายตัว ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีแผนการดำเนินงานและมีการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อเสริมศักยภาพ สร้างความประทับใจและดึงดูดลูกค้า พร้อมสร้างความสามารถทางการแข่งขันในธุรกิจได้ โดยงาน Food & Hospitality Thailand นับเป็นงานแสดงสินค้าของธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร บาร์ ค้าปลีก และธุรกิจบริการที่ครบวงจรและสำคัญงานหนึ่งของภูมิภาค เป็นศูนย์รวมของผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้ประกอบการ และผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจตัวจริง โดยในปีนี้มีการขยายพื้นที่จัดงานจาก 3 เป็น 4 ฮอลล์ ของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และจัดร่วมกับ 2 พันธมิตรยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน คือ งาน Hotel & Shop Plus งานแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์สำหรับการออกแบบตกแต่งอาคาร โรงแรม และพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุด จากประเทศจีน และงาน Hotelex งานแสดงสินค้าด้านอาหารและอุปกรณ์สำหรับธุรกิจบริการชั้นนำระดับนานาชาติ จากประเทศจีน สำหรับงาน Food & Hospitality 2024 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายในงานนอกจากจะมีการจัดแสดงสินค้าแล้ว ยังเป็นแหล่งความรู้ นำเสนอเทรนด์ธุรกิจ กิจกรรมการประชุม สัมมนา และเวิร์กชอป ที่น่าสนใจอีกมากมายที่ผู้ประกอบการและผู้อยู่ในธุรกิจโฮเรกาไม่ควรพลาด

ด้าน นายวีรโชติ ตั้งกมลสุข กรรมการผู้บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท เซเว่นไฟว์ ดิสทริบิวเตอร์ จำกัด หนึ่งในผู้นำตลาดเครื่องครัวเชิงพาณิชย์ของไทย ซึ่งดำเนินธุรกิจมามากกว่า 42 ปี กล่าวถึงแนวโน้มของตลาดเครื่องครัวเชิงพาณิชย์ในปี 2567 ว่า การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวแม้จะยังไม่ 100% แต่ส่งผลให้เกิดการลงทุนมากขึ้นในธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม หรือศูนย์การค้า เพื่อรองรับการกลับมาของการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ส่งผลให้ตลาดเครื่องครัวเชิงพาณิชย์กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยมูลค่ารวมของตลาดคาดว่าไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท/ปี นอกจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวแล้ว ยังเป็นผลมาจากการที่ผู้ประกอบการมีการศึกษาหาข้อมูลถึงข้อดีของระบบครัวเชิงพาณิชย์ก่อนตัดสินใจลงทุน ตั้งแต่การวางแบบระบบ การจัดระบบ การพัฒนาบุคลากร การเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจ รวมถึงเลือกใช้อุปกรณ์ครัวที่มีเทคโนโลยีที่จะช่วยให้การประกอบธุรกิจง่ายและสะดวกขึ้น ทำให้เกิดความคุ้มค่า เพิ่มผลผลิต และลดต้นทุนทางธุรกิจได้

ปัจจุบัน เซเว่นไฟว์ ดิสทริบิวเตอร์ เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องครัวคุณภาพชั้นนำจากทั่วโลกกว่า 40 แบรนด์ และมีสินค้ากว่า 25,000 รายการ ครอบคลุมธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม โรงเรียน โรงงาน และครัวเรือน ฯลฯ โดยมีการดูแลแบบครบวงจร (Solution Provider) ทั้งให้ คำปรึกษา ออกแบบ ผลิต ติดตั้ง ทดสอบ ส่งมอบ และดูแลลูกค้าหลังการขาย กับ ผู้เริ่มต้นทำธุรกิจและผู้ที่มีธุรกิจเกี่ยวกับอาหารและโรงแรมอยู่แล้ว ซึ่งการได้ร่วมงานกับ Food & Hospitality Thailand ทำให้ได้พบกับลูกค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ได้เห็นถึงแนวโน้มของตลาดจากการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับลูกค้าและผู้อยู่ในธุรกิจตัวจริงในแต่ละปี นอกจากจะมีการจัดแสดงสินค้าแล้ว  ยังมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในทุกครั้งของการจัดงานฯ  สำหรับงาน Food & Hospitality Thailand  2024 นั้น ทางบริษัทฯ จะมีการจัดแสดงการออกแบบครัวและอุปกรณ์ที่สามารถใช้พื้นที่ภายในครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยลดต้นทุน ไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่เยอะก็ประกอบอาหารได้หลายเมนู และยังยกโชว์รูมไปไว้ที่งานฯ เพื่อให้ลูกค้าเลือกอุปกรณ์ได้อย่างครบครัน

นายสมศักดิ ยงใจยุธ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอ-ครีม โซลูชั่น จำกัด หนึ่งในผู้นำและผู้เชี่ยวชาญธุรกิจไอศกรีม กล่าวถึง ทิศทางของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มว่า เติบโตขึ้นตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวเมื่อนักท่องเที่ยวกลับมาผู้ประกอบการ โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหารก็มีความมั่นใจในการลงทุนเพื่อเริ่มและขยายธุรกิจมากขึ้น ส่วนธุรกิจไอศกรีมในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ยกเว้นในช่วงสถานการณ์โควิด โดยคาดว่าปี 2024 ธุรกิจไอศกรีมโตเพิ่มได้อีกจากการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่ง ไอ-ครีม โซลูชั่น เป็นหนึ่งในผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจไอศกรีมที่ครบวงจร มีการดำเนินธุรกิจมากกว่า 15 ปี  โดยนอกจากจะเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องทำไอศกรีมนำเข้าแบรนด์ชั้นนำจากอิตาลีมากถึง 95% แล้ว ยังมีอุปกรณ์ วัตถุดิบในการทำไอศกรีม การสอนการทำไอศกรีม และเป็นที่ปรึกษาให้แก่ทั้งผู้เริ่มทำธุรกิจและผู้ประกอบการเดิม ส่วนจุดเด่นของบริษัทฯ คือ การฟังความต้องการและแนวทางธุรกิจของลูกค้าก่อน เพื่อประเมินทางเลือกที่เหมาะสม พร้อมทั้งให้ข้อมูลรายละเอียดข้อดีข้อเสียในการประเมินก่อนการตัดสินใจ มีบริการหลังการขาย การให้คำแนะนำ และเป็นที่ปรึกษากรณีเกิดปัญหาหรือต้องการขยายธุรกิจให้แก่ลูกค้าด้วย

ส่วนการร่วมงานกับ Food & Hospitality Thailand นั้น ไอ-ครีม โซลูชั่น เป็นพันธมิตรมานานถึง 11 ปี เริ่มจาก 1 บูธ จนล่าสุด Food & Hospitality 2024 เตรียมร่วมจัดงานมากถึง 12 บูธ สิ่งที่เราได้รับจากงานฯ ไม่ใช่แค่ความคุ้มค่าด้านยอดขายที่มาจากผู้ร่วมงาน หรือคู่ค้า ผู้ประกอบการที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่เป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจที่ได้พบกับกลุ่มลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะลูกค้าจากมาเลเซีย สิงคโปร์ ลาว และ เวียดนาม ที่ล้วนเป็นผลมาจากการร่วมจัดงานฯ อย่างชัดเจน จึงอยากเชิญชวนให้ผู้ประกอบการและผู้สนใจธุรกิจไอศกรีมแวะเยี่ยมชมบูธของ ไอ-ครีม โซลูชั่น และการจัดงาน Food & Hospitality 2024 ในครั้งนี้

งาน Food & Hospitality Thailand 2024 เป็นงานแสดงสินค้าสำหรับธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และการบริการที่ครบวงจรที่สุดของภูมิภาค โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดการจัดงานได้ที่เว็บไซต์ www.fhtevent.com  Facebook : Food & Hospitality Thailand

นางสาวกชสร โตเจริญธนาผล รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน ProPak Asia 2024 ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 12 – 15 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา จากแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิตของไทย และข้อมูลประเมิณตัวเลขการส่งออกที่เป็นบวกต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2566 เฉพาะในเดือนตุลาคมมีการขยายตัวถึง 8% สูงสุดในรอบ 13 เดือน จะเป็นแรงส่งให้การส่งออกปี 2567 มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 2% โดยกลุ่มอาหารยังคงเป็นกลุ่มสำคัญ ซึ่งในปี 2566 ไทยก้าวขึ้นเป็นผู้ส่งออกอาหารอันดับ 12 ของโลก และสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ประมาณการดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) GDP ภาคอุตสาหกรรมปี 2567 จะมีขยายตัวอยู่ที่ 2.0-3.0%

โดยกลุ่มสินค้าอาหารที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดี อาทิ กลุ่มผลไม้แช่เย็น-แช่แข็ง กลุ่มอาหารทะเล ทูน่ากระป๋อง กุ้งสดแช่แข็ง และสินค้าที่มีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เช่น อาหารและเครื่องดื่มสุขภาพ อาหารเฉพาะทาง อาหาร ฮาลาล และ อาหารแปรรูปคุณภาพสูง ทำให้อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ก็เติบโตขึ้นเช่นกัน โดยปี 2566 มีมูลค่ารวม 1.10 ล้านล้านดอลลาร์ และจะเพิ่มเป็น 1.33 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2571 จากการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม การออกแบบและการเลือกใช้วัตถุดิบที่ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายง่าย การเปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว สัญญาณดังกล่าวส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิตไทยทั้งระบบ โดยงาน ProPak Asia ยังคงเป็นงานสำคัญที่ช่วยสร้างและเติมเต็มระบบนิเวศทางธุรกิจและอุตสาหกรรมระดับภูมิภาคให้เกิดการเติบโต ซึ่งงาน ProPak Asia 2023 นับว่าเป็นปีที่พลิกฟื้นจากสถานการณ์โควิดได้อย่างรวดเร็ว มีผู้ร่วมจัดแสดงงานถึง 1,800 รายจาก 45 ประเทศ และมีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 58,555 คน จาก 75 ประเทศทั่วโลก

ส่วนงาน ProPak Asia 2024 ยังคงความเป็นงานแสดงเทคโนโลยีด้านกระบวนการผลิต การแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ชั้นนำระดับเอเชีย เป็นงานที่จะตอบโจทย์ครบทั้งห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) และห่วยโซ่อุปทาน (Supply Chain)ของเทคโนโลยีกระบวนการแปรรูปอาหาร บรรจุภัณฑ์ การจัดเก็บ และ การขนส่ง เรียกได้ว่าครบตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ สำหรับผู้ประกอบการทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็น Start Up, SME, ธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถเข้ามาชมนวัตกรรม เทคโนโลยี อัพเดทเทรนด์ และ ความรู้ใหม่ เพื่อนำไปต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า

สำหรับแนวคิดของการจัดงาน ProPak Asia 2024 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ยกระดับความสำเร็จในกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิด นวัตกรรม และ การลงทุน” (Sustainably Empowering Processing & Packaging Success with Ideation, Innovation and Investment) เพื่อกระตุ้นให้เกิดแรงบัลดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการจะได้พบนวัตกรรมต่างๆ เทคโนโลยีการผลิต การแปรรูปเพื่อไปถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) การเลือกใช้วัสดุ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ และอื่นๆ ไปต่อยอดลงทุนให้ธุรกิจประสบ

ความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน ส่วนกลุ่มผู้เข้าร่วมงานหลักของ ProPak Asia มาจากกลุ่มผู้ประกอบการอาหาร เครื่องดื่ม ยา เครื่องสำอาง สินค้าอุปโภค บริโภค ที่สนใจเข้ามาชมงานเป็นทางลัดแก่ผู้สนใจไม่ต้องเดินทางไปดูงานถึงยุโรป หรือ อเมริกา แต่สามารถอัพเดทเทรนด์เทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากตัวจริงในอุตสาหกรรม พบปะคู่ค้า สร้างโอกาสและร่วมสร้างเครือข่ายธุรกิจระดับนานาชาติได้ นอกจาก ProPak Asia จะเป็นงานที่จัดขึ้นต่อเนื่องทุกปีแล้ว ProPak Asia 2024 ครั้งนี้เป็นการจัดงานครั้งที่ 31 เป็นจุดหมายปลายทางของผู้ประกอบการที่ต้องเข้าร่วมงานในทุกครั้งของการจัดงานและเป็นงานใหญ่สำคัญของอุตสาหกรรมการผลิตโลก ด้วยการเป็นเวทีเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจและอุตสาหกรรมทั้งระบบ

งาน ProPak Asia 2024 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ

สำหรับงานในครั้งนี้ แบ่งพื้นที่จัดแสดงงานเป็น 8 โซน ประกอบด้วย

1) ProcessingTechAsia เทคโนโลยีเพื่อการแปรรูปอาหารปรุงสุก

2) PackagingTechAsia เทคโนโลยีการบรรจุภัณฑ์ และ กระบวนการบรรจุภัณฑ์

3) DrinkTechAsia เทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม

4) PharmaTechAsia เทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมยา

5) Lab&TestAsia เทคโนโลยีการตรวจสอบ และ ควบคุมมาตรฐานการผลิต ผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์

6) PackagingSolutionAsia เทคโนโลยีการผลิตบรรจุภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์สำเร็จรูป

7) Coding,Marking&LabellingAsia เทคโนโลยีเพื่อการเขียนรหัส, ติดป้าย, และปักหมายเลขบนสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ต่างๆ

8) Coldchain,Logistics,Warehousing&FactoryAsia เทคโนโลยีเพื่อการขนส่ง จัดเก็บสินค้า และ เทคโนโลยีที่สนับสนุนกระบวนการผลิต

โดยใช้พื้นที่จัดงานฯ เต็มพื้นที่ของศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ภายในงานมีการจัดแสดงพาวิลเลียนนานาชาติถึง 14 กลุ่มประเทศ อาทิ ออสเตรีย บาวาเรีย ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ อเมริกาเหนือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย สิงคโปร์ และ ไต้หวัน โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลของแต่ละประเทศในการเข้าร่วมงานฯ เพื่อนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาจัดแสดง นอกจากนั้นยังมีบริษัทชั้นนำของโลกยืนยันเข้าร่วมจัดแสดงงานแล้วกว่า 2,000 แบรนด์ จาก 45 ประเทศ ทำให้คาดว่าในปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมชมงานไม่ต่ำกว่า 60,000 คน จึงอยากเชิญชวนให้ผู้ประกอบการและผู้สนใจในอุตสาหกรรมการผลิต แปรรูป และบรรจุภัณฑ์ ไม่พลาดที่จะเข้าร่วมงาน ProPak Asia 2024 ในครั้งนี้

ผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานและต้องการลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้าชมงาน ProPak Asia 2024 สามารถลงทะเบียนได้ที่ www.propakasia.com

Page 1 of 4
X

Right Click

No right click