นางสาวชนิดาภา สุริยา (กลางซ้าย) ผู้บริหารสูงสุด สายงานบริการลูกค้าและสนับสนุนธุรกิจ “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนผู้บริหารและพนักงานเคทีซี มอบเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค สภาพดีพร้อมใช้งาน จำนวน 145 เครื่อง ให้แก่โรงเรียนในชนบท โดยมีนายพิเชษฐ เขาแก้ว (กลางขวา) ผู้อำนวยการ โรงเรียนบ้านคลองบอน จังหวัดนครสวรรค์ ตัวแทนคณะครูอาจารย์รับมอบ ภายใต้กิจกรรม “เคทีซีส่งต่อคอมฯ จากพี่สู่น้อง” โดยในปี 2566 เคทีซีได้มอบคอมพิวเตอร์ รวมจำนวน 184 เครื่อง ให้กับ 6 โรงเรียน เพื่อจัดส่งคอมพิวเตอร์ให้กับอาจารย์และนักเรียนได้ใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอนต่อไป ณ เคทีซี ทัช อาคารสมัชชาวาณิช 2 สุขุมวิท 33 เมื่อเร็วๆ นี้

มูลนิธิทุนการศึกษาเอไอเอสแอล ฮาร์โรว์ ขอเชิญนักเรียนที่มีพรสวรรค์ทางวิชาการจากทั่วโลก สมัครชิงทุนประจำปีการศึกษา 2567-2569 เพื่อเข้าศึกษาหลักสูตรเอ - เลเวล ณ โรงเรียนในเครือเอไอเอสแอล ฮาร์โรว์

มูลนิธิทุนการศึกษาเอไอเอสแอล ฮาร์โรว์ (AISL Harrow Scholarships Foundation) เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าทางการศึกษา เปิดรับสมัครนักเรียนทุนในโครงการทุนการศึกษาเอไอเอสแอล ฮาร์โรว์ (AISL Harrow Scholarships Programme) ประจำปีการศึกษา 2567-2569 ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม ถึง 8 ธันวาคม 2566 โดยนับเป็นปีที่ 4 แล้วที่มีการมอบโอกาสครั้งสำคัญให้แก่นักเรียนที่มีคุณสมบัติโดดเด่นจากทั่วโลกได้ศึกษาในหลักสูตรเอ-เลเวล (A-Level) ณ โรงเรียนในเครือเอไอเอสแอล ฮาร์โรว์ เพื่อปูทางสู่การศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยต่อไป

มอบการศึกษาเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในชุมชน

มูลนิธิทุนการศึกษาเอไอเอสแอล ฮาร์โรว์ เป็นองค์ประกอบสำคัญภายใต้กลยุทธ์ความรับผิดชอบต่อสังคมที่ครอบคลุมของเอไอเอสแอล โดยจัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเยาวชนที่มีความสามารถและมีศักยภาพในการสร้างอนาคตที่ดีขึ้นให้แก่โลกของเรา ทางมูลนิธิมุ่งมั่นที่จะขยายและสร้างความหลากหลายให้กับชุมชนฮาร์โรว์ ด้วยการดึงดูดนักเรียนที่มีพรสวรรค์ทางวิชาการจากทั่วโลกที่แสดงให้เห็นถึงค่านิยมหลักของฮาร์โรว์ และเปิดโอกาสให้เข้าศึกษาในโรงเรียนในเครือเอไอเอสแอล

ผู้สมัครที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับทุนการศึกษาเต็มจำนวน รวมทั้งได้รับการยกเว้นค่าหอพักและค่าธรรมเนียมการสอบ ซึ่งช่วยให้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาแบบฉบับฮาร์โรว์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักจาก "ความเป็นเลิศทางการศึกษาเพื่อคุณภาพชีวิตและความเป็นผู้นำ" (Educational Excellence for Life and Leadership) สำหรับทุนการศึกษานี้จัดตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2564 โดยมอบให้แก่นักเรียน 16 คนที่ผ่านการคัดเลือกจากผู้สมัครมากกว่า 1,300 คน และยังคงเดินหน้าบ่มเพาะและฟูมฟักนักเรียนมากความสามารถและมีวิสัยทัศน์กว้างไกลเพื่ออนาคตที่ดีกว่าต่อไป

ความสำเร็จอันโดดเด่นของนักเรียนทุนกลุ่มแรก

นักเรียนทุนกลุ่มแรกจำนวน 5 คนจบการศึกษาในซัมเมอร์นี้ด้วยเกรด A* และ A รวม 18 ตัวในการสอบเอ-เลเวล ต่างได้รับข้อเสนอจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ฯลฯ

" การเป็นนักเรียนทุนเอไอเอสแอล ฮาร์โรว์ ทำให้ผมมีความรับผิดชอบในการรักษามาตรฐานส่วนตัวและมาตรฐานทางวิชาการอยู่เสมอ รวมถึงมีความใส่ใจช่วยเหลือชุมชนอีกด้วย " - แมททิว ซี. (Matthew C.) จากโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ ฮ่องกง ได้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

" ฉันใฝ่ฝันว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียมาตลอด และทุนการศึกษาเอไอเอสแอล ฮาร์โรว์ ก็ช่วยสานฝันของฉันให้กลายเป็นจริง "

- ทิฟฟานี ซี. (Tiffany C.) จากโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ ฮ่องกง ได้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย

" โรงเรียนนี้ช่วยให้ฉันมีความมั่นใจมากขึ้น ทำให้ฉันกล้าเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ และออกจากคอมฟอร์ตโซน " - อี้ซำ วาย. (Yi Sum Y.) จากโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ เซี่ยงไฮ้ ได้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์

ดร.โรซานนา หว่อง (Rosanna Wong) ประธานเอไอเอสแอล กล่าวว่า "นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้เห็นการเติบโตอันน่าทึ่งของนักเรียนกลุ่มแรกในช่วงสองปีที่ได้ศึกษาในเครือโรงเรียนเอไอเอสแอล ฮาร์โรว์ ความสำเร็จที่ไม่มีใครเทียบได้นี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงความสำเร็จของโครงการในการสนับสนุนนักเรียนให้มีความก้าวหน้าทางการศึกษา และสามารถเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำได้"

โรงเรียน 10 แห่งทั่วเอเชียพร้อมมอบทุนการศึกษารวม 20 ทุน

โรงเรียน 10 แห่งในเครือเอไอเอสแอล ฮาร์โรว์ ได้เข้าร่วมในโครงการมอบทุนการศึกษาประจำปีการศึกษา 2567-2569 ประกอบด้วยโรงเรียนเอไอเอสแอล ฮาร์โรว์ กรุงเทพฯ, ปักกิ่ง, ฮ่องกง, เซี่ยงไฮ้, เขตเฉียนไห่ในเซินเจิ้น และไหโข่ว รวมถึงโรงเรียนอีก 4 แห่งที่เข้าร่วมเป็นปีแรก ได้แก่ อัปปิ (Appi) ในญี่ปุ่น, เหิงฉิน, ฉงชิ่ง และหนานหนิง โดยโรงเรียนแต่ละแห่งจะมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนไม่เกินสองคน รวมทุนการศึกษาทั้งหมด 20 ทุนสำหรับปีนี้

ทางมูลนิธิพร้อมเปิดรับเยาวชนที่มีความโดดเด่น แสดงออกถึงความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงในการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ ดร.โรซานนา หว่อง กล่าวเสริมว่า "แม้ว่าผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมยังคงเป็นข้อกำหนดพื้นฐานในการสมัคร แต่เราก็ให้ความสำคัญกับศักยภาพความเป็นผู้นำ ความสนใจในการทำกิจกรรมนอกห้องเรียน และความมุ่งมั่นในการทำประโยชน์ต่อสังคม เรามองหาค่านิยมหลักของฮาร์โรว์ในตัวผู้สมัคร นั่นคือ ความกล้าหาญ เกียรติยศ ความอ่อนน้อมถ่อมตน และมิตรภาพ ในรูปแบบที่โดดเด่นที่สุด"

ระยะเวลาการสมัคร

ผู้สมัครสามารถส่งแบบฟอร์มแสดงความจำนงได้ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม ถึง 8 ธันวาคม 2566 ผู้สมัครที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมการทดสอบประเมินระดับเอ-เลเวล ระหว่างวันที่ 8 ถึง 30 มกราคม 2567 จากนั้นจะมีการสัมภาษณ์ออนไลน์โดยคณาจารย์จากเอไอเอสแอลระหว่างวันที่ 5 ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2567 และจะมีการประกาศผลในวันที่ 8 เมษายน 2567

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและดาวน์โหลดใบสมัครออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ aislharrow.com/apply-for-aisl-harrow-scholarships-2024/ นอกจากนี้ ผู้ที่สนใจยังสามารถติดตามเอไอเอสแอล ฮาร์โรว์ ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเพื่อรับข้อมูลข่าวสารล่าสุด

 

รายละเอียดใหม่ ๆ เกี่ยวกับการบุกเบิกโรงเรียนการท่องเที่ยวและการโรงแรมแห่งริยาด (Riyadh School of Tourism and Hospitality) ได้รับการเปิดเผยภายในงานวันท่องเที่ยวโลก (WTD) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงริยาด โดยมีการประกาศก่อตั้งโรงเรียนแห่งนี้เป็นครั้งแรกในปี 2564 ซึ่งร่วมก่อตั้งโดยกระทรวงการท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบียและโครงการกิดดียะห์ (Qiddiya) ภายใต้ความร่วมมือกับองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO)

โรงเรียนการท่องเที่ยวและการโรงแรมแห่งริยาดได้รับการคาดหวังให้เป็นสถาบันการศึกษาแบบเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางแห่งแรกของโลกที่จะรวมการฝึกอบรมด้านการท่องเที่ยวในทุก ๆ ด้านที่จำเป็นเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับบรรดาผู้นำด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรมรุ่นต่อไปจากทั่วโลก และแก้ไขปัญหาการขาดแคลนผู้มีทักษะด้านการท่องเที่ยว

พัฒนาการใหม่ ๆ นี้ได้รับการประกาศในระหว่างการแถลงข่าวซึ่งจัดโดย ฯพณฯ อาเหม็ด อัล คาตีบ (Ahmed Al-Khateeb) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบีย และคุณซูรับ โปโลลิคาชวิลี (Zurab Pololikashvili) เลขาธิการ UNWTO นอกรอบกิจกรรมงานวันท่องเที่ยวโลก โรงเรียนการท่องเที่ยวและการโรงแรมแห่งริยาดจะจัดตั้งขึ้นที่กิดดียะห์ ศูนย์กลางโครงการเมกะโปรเจกต์ด้านความบันเทิงของซาอุดีอาระเบีย โดยจะมีที่ตั้งชั่วคราวที่มหาวิทยาลัยปรินซ์เซสนูเราะห์ (Princess Nourah University) โดยโรงเรียนการท่องเที่ยวและการโรงแรมแห่งริยาดตอกย้ำจุดยืนของซาอุดีอาระเบียในฐานะผู้นำในการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวทั่วโลก และเน้นย้ำความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนผู้มีทักษะทั่วโลกเพื่อเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมในอนาคต โรงเรียนจะเปิดรับผู้เรียนตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 และตั้งเป้ารับผู้เรียนให้ได้มากกว่า 25,000 คนต่อปีภายในปี 2573

ในปัจจุบัน มีสถาบันการท่องเที่ยวระหว่างประเทศเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีการเรียนการสอนทั้งในสายวิชาการและสายอาชีพที่ครอบคลุมทุกด้านของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในสถาบันเดียว ด้วยเหตุนี้ โรงเรียนการท่องเที่ยวและการโรงแรมแห่งริยาดที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางจึงจะเปิดหลักสูตรบุกเบิกแบบผสมทั้งสายวิชาการและสายอาชีพ และจะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้รวบรวมคนระดับหัวกะทิ เทคโนโลยีล้ำสมัย สิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ล่าสุด และคณาจารย์ชั้นนำเพื่อสร้างโปรแกรมแบบองค์รวมที่ช่วยให้ผู้เรียนพร้อมประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยว

คณะกรรมการบริหารของโรงเรียนจะประกอบด้วยผู้นำที่มาจากสาขาต่าง ๆ ตั้งแต่สาขาการท่องเที่ยวและการโรงแรม ไปจนถึงสาขาการลงทุนและเทคโนโลยีการศึกษา (Ed-Tech) นอกจาก ฯพณฯ อาเหม็ด อัล คาตีบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งซาอุดีอาระเบียแล้ว กรรมการท่านอื่นยังรวมถึงคุณอับดุลลอฮ์ อัลดาวูด (Abdullah AlDawood) กรรมการผู้จัดการกิดดียะห์, คุณซูรับ โปโลลิคาชวิลี เลขาธิการ UNWTO, คุณเซบาสเตียง บาแซง (Sebastian Bazin) ซีอีโอบริษัทแอคคอร์ โฮเทลส์ (Accor Hotels), คุณเจอร์รี อินเซอริลโล (Jerry Inzerillo) ซีอีโอเครือหน่วยงานกำกับดูแลด้านการพัฒนาอัดดิรอียะฮ์เกต (Ad Diriyah Gate Development Authority), คุณมอร์แกน พาร์คเกอร์ (Morgan Parker) และคุณไค เรอมเมลต์ (Kai Roemmelt) ซีอีโอของยูดาซิตี (Udacity) และจะมีการประกาศรายชื่อกรรมการเพิ่มเติมให้ทราบต่อไป

ฯพณฯ อาเหม็ด อัล คาตีบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า "ความสำเร็จของภาคการท่องเที่ยวนั้นขยายไปไกลกว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของรัฐบาลทั่วโลกในการจัดหาทักษะที่จำเป็นต่อการเติบโตในอุตสาหกรรมที่พัฒนาอย่างรวดเร็วนี้ให้กับผู้นำด้านการท่องเที่ยวในอนาคต"

"โรงเรียนการท่องเที่ยวและการโรงแรมแห่งริยาดคือของขวัญจากซาอุดีอาระเบียต่อโลก ด้วยหลักสูตรบุกเบิกที่จะนำเสนอหลักสูตรระดับอุดมศึกษาที่ครอบคลุมทุกด้านของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการโรงแรม โรงเรียนแห่งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของซาอุฯ ในการมอบการศึกษาที่ก้าวหน้าและครอบคลุมซึ่งเสริมศักยภาพให้กับบุคคลทั้งในและต่างประเทศ ในขณะที่เราลงทุนปลุกปั้นผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวรุ่นใหม่ เราไม่เพียงแต่รักษาอนาคตของอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมมรดกแห่งความเป็นเลิศที่จะขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรือง กระตุ้นการเติบโตของประชาชนแต่ละคน และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมในปีต่อ ๆ ไปอีกด้วย"

นอกจากนี้ คุณซูรับ โปโลลิคาชวิลี เลขาธิการ UNWTO กล่าวเสริมว่า "พัฒนาการล่าสุดของโรงเรียนการท่องเที่ยวและการโรงแรมแห่งริยาดถือเป็นก้าวสำคัญในการแสวงหาภาคการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและเข้มแข็งมากขึ้น การศึกษาคือรากฐานของความก้าวหน้า และการลงทุนในทักษะและความรู้ของผู้นำการท่องเที่ยวในอนาคตถือเป็นการเสริมสร้างรากฐานการเติบโตและการพัฒนาของอุตสาหกรรม"

ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังคงเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งคาดว่าจะมีส่วนสร้าง GDP ของปี 2566 เป็นมูลค่าถึง 9.5 ล้านล้านดอลลาร์นั้น มีการคาดการณ์ว่าภาคการท่องเที่ยวจะจ้างงาน 430 ล้านคนทั่วโลกภายในปี 2576 โดยเกือบ 12% ของประชากรทำงานในภาคธุรกิจนี้ ซาอุดีอาระเบียมีภาคการเดินทางและการท่องเที่ยวที่เติบโตเร็วที่สุดในตะวันออกกลางตามข้อมูลของสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (WTTC) และได้ฝึกอบรมพลเมือง 80,000 คนภายในปี 2565 สำหรับภาคดังกล่าว และมุ่งมั่นที่จะลงทุนมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ในด้านการศึกษาและการฝึกอบรม

โรงเรียนการท่องเที่ยวและการโรงแรมแห่งริยาดเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของซาอุฯ ในการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นได้จากการเป็นเจ้าภาพงาน WTD 2023 ภายใต้ธีม "การท่องเที่ยวและการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม" (Tourism and Green Investments) ผู้เข้าร่วมงานจะสำรวจบทบาทสำคัญของการท่องเที่ยวและความร่วมมือระดับโลกในการขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรือง การเชื่อมโยงวัฒนธรรม และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมต่าง ๆ

เอเอซีเอสบี อินเตอร์เนชันแนล (AACSB International) เครือข่ายการศึกษาด้านธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศยกย่องโรงเรียนธุรกิจ 25 แห่งภายใต้โครงการอินโนเวชันส์ แดท อินสไปร์ (Innovations That Inspire) หรือ นวัตกรรมสร้างแรงบันดาลใจ

โครงการดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อยกย่องโรงเรียนธุรกิจจากทั่วโลกที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การศึกษาด้านธุรกิจ สำหรับปี 2566 นี้ ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ความพยายามในการเปลี่ยนแปลงโรงเรียนธุรกิจในรูปแบบที่เพิ่มมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ซึ่งรวมถึงผู้เรียน ธุรกิจ และสังคม โดยโรงเรียนธุรกิจเหล่านี้กำหนดนิยามใหม่ให้กับอนาคตของการเรียนรู้ การเป็นผู้นำ และการเชื่อมโยง ซึ่งปูทางไปสู่การนำเสนอคุณค่าเพื่อส่งเสริมการศึกษาด้านธุรกิจ

นวัตกรรมเด่นของโรงเรียนธุรกิจเหล่านี้ช่วยบุกเบิกความร่วมมือในอุตสาหกรรมและชุมชน กำหนดนิยามใหม่ของอิทธิพลด้านการวิจัย และยกระดับประสบการณ์การเรียนรู้ตลอดชีวิต ยกตัวอย่างเช่น

· อนาคตของธุรกิจคือดิจิทัล (The Future of Business Is Digital) โดยโรงเรียนธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยเซาท์ออสเตรเลีย (UniSA Business): ทางสถาบันได้ผนึกกำลังกับเอคเซนเชอร์ (Accenture) บริษัทที่ปรึกษาทางด้านเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อพัฒนาหลักสูตรปริญญาตรีสาขาธุรกิจดิจิทัลแบบเรียนออนไลน์ ซึ่งมอบทักษะทางธุรกิจและดิจิทัลระดับสูง และมุ่งเน้นประสบการณ์จริงในอุตสาหกรรม

· ปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศ (Act for Climate) โดยโรงเรียนธุรกิจแอมลียง (EMLYON Business School): นำเสนอหลักสูตรที่ผสมผสานความเข้าใจพื้นฐานด้านสภาพภูมิอากาศ คำอธิบายสถานการณ์ด้านสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นรูปธรรม และการออกแบบแผนปฏิบัติการที่เหมาะสม เพื่อสอนให้ผู้เรียนพัฒนาทฤษฎีสำหรับรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สามารถแก้ปัญหาได้จริง

· ศูนย์ส่งเสริมนวัตกรรมและผู้ประกอบการ (Center for Innovation and Entrepreneurship หรือ iCenter) โดยวิทยาลัยธุรกิจลูวิสแห่งมหาวิทยาลัยมาร์แชลล์ (Marshall University: The Lewis College of Business): จัดตั้งศูนย์ iCenter ที่สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดนวัตกรรมทั่วทั้งวิทยาลัย วิทยาเขต และชุมชน ด้วยการเผยแพร่แนวปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมผ่านการให้ความรู้และการฝึกอบรม

· การพัฒนากลุ่มวิจัยในโรงเรียนธุรกิจ (Developing Research Groups in Business School) โดยโรงเรียนเศรษฐศาสตร์และธุรกิจเคทียูแห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีคอนาส (Kaunas University of Technology: KTU School of Economics and Business): พัฒนากลุ่มวิจัยแบบสหวิทยาการ 4 กลุ่ม เพื่อขจัดอุปสรรคทางวิชาการ เพิ่มขีดความสามารถด้านการวิจัยของคณาจารย์ ส่งเสริมการถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้เรียน ตลอดจนเพิ่มโอกาสในการสร้างความร่วมมือและการได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ

"ความต้องการใหม่ ๆ ของบรรดาผู้มีส่วนได้ส่วนเสียนั้น ได้ผลักดันให้ต้องมีการคิดใหม่ทำใหม่ในส่วนของการศึกษาด้านธุรกิจ และนวัตกรรมจากโรงเรียนธุรกิจในโครงการอินโนเวชันส์ แดท อินสไปร์ ประจำปี 2566 นี้ แสดงให้เห็นถึงแนวทางใหม่ ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียนธุรกิจในอนาคต" คุณแคริน เบค-ดัดลีย์ (Caryn Beck-Dudley) ประธานและซีอีโอของเอเอซีเอสบี กล่าว "การใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมเพื่อร่วมกันสร้างองค์ความรู้ วิธีการเรียนรู้ใหม่ ๆ และขยายการเข้าถึงการศึกษา ส่งผลให้โรงเรียนธุรกิจสามารถตอบสนองความคาดหวังของตลาด ตลอดจนเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ ผู้เรียน และสังคม"

โครงการอินโนเวชันส์ แดท อินสไปร์ เข้าสู่ปีที่ 8 แล้ว และได้ยกย่องโรงเรียนธุรกิจรวม 214 แห่งซึ่งเป็นแบบอย่างของแนวทางที่ก้าวหน้าด้านการศึกษา การวิจัย การมีส่วนร่วมกับชุมชน ความเป็นผู้ประกอบการ ความเป็นผู้นำ รวมถึงความหลากหลายและการยอมรับความแตกต่าง ทั้งนี้ โครงการอินโนเวชันส์ แดท อินสไปร์ ประจำปี 2566 ได้รับการสนับสนุนจากโรงเรียนธุรกิจสจ๊วตแห่งสถาบันเทคโนโลยีอิลลินอยส์ (Illinois Institute of Technology's Stuart School of Business) สามารถดูข้อมูลและตัวอย่างเพิ่มเติมได้ที่ aacsb.edu/innovations-that-inspire

DBS Denla British School ประกาศเดินหน้าเต็มสูบสนันสนุนระบบการเรียนแบบ High Quality Learning โดยมุ่งเน้นคุณภาพการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับนักเรียนอย่างเต็มที่ในเส้นทางการศึกษาตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาล (Pre-EY) หรือระดับปฐมวัย (Pre-Prep) ไปจนถึงการก้าวเข้าสู่มหาวิทยาลัยระดับโลก พร้อมวางแผนการใช้ High Quality Learning มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์การเรียนที่มีคุณภาพสูงสุด และ สิ่งอำนวยความสะดวกที่เตรียมไว้เพื่อให้นักเรียนได้ใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพและให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อพัฒนาในด้านวิชาการ ความรู้รอบ และทักษะทางสังคมสู่ความสำเร็จอย่างไร้ขีดจำกัด เผย 3 โอกาส รร.นานาชาติไทยเติบโต ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ DBS มีความตั้งใจ มุ่งมั่นสนับสนุนให้นักเรียนค้นหาตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพให้ เติบโตเป็นประชากรและเป็นผู้นำที่ดีและมีคุณภาพของโลก

ผศ.ดร.ต่อยศ ปาลเดชพงศ์ กรรมการบริหาร DBS Denla British School กล่าวว่า ความสำเร็จที่ผ่านมา ทั้งในมุมจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ DBS ต้องขยายอาคารเรียนเพิ่มได้แก่ อารยะฮอลล์และอาคารเรียนซีเนียร์ใหม่ ใช้เงินลงทุนไปกว่า 600 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถรองรับจำนวนนักเรียนที่จะเพิ่มขึ้นราว 1,000 คน ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันมีจำนวนนักเรียน 650 คน แบ่งเป็นเด็กนักเรียนไทย 70% เด็กต่างชาติไทย 30% โดยแนวโน้มผู้ปกครองคนไทยหันมาเลือกรร.นานาชาติในประเทศแทนการส่งไปเรียนในต่างประเทศ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและได้ดูแลลูกอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้รร.นานาชาติในประเทศไทยยังมีโอกาสทางธุรกิจ ใน 3 ด้านได้แก่ 1.คนไทยหันมาส่งบุตรหลานเรียน ในประเทศมากขึ้น ชี้ให้เห็นว่าหลักสูตรการสอนของ รร.นานาชาติในประเทศไทยใกล้เคียงกับเจ้าของหลักสูตรในต่างประเทศ อาทิ อังกฤษ อเมริกา และยังสามารถดูแลบุตรหลานใกล้ชิดมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า 2.กลุ่มประเทศ CLMV กัมพูชา ลาว พม่าและ เวียดนาม ส่งบุตรหลาน มาศึกษาในประเทศไทยเนื่องจากมั่นใจในศักยภาพของการศึกษาและความเป็นอยู่ 3.ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยทั้ง ชาวยุโรป จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย มองหารร.นานาชาติ สำหรับบุตรหลาน ปัจจุบันในประเทศมี รร.นานาชาติมากกว่า 250 แห่ง มากที่สุดในเอเชีย อย่างไรก็ตาม DBS ยังคงมุ่งเน้นการเรียนการสอนบนมาตรฐาน High Quality Learning ซึ่งจะเน้น A-Level เพื่อสนับสนุนเส้นทางสู่มหาวิทยาลัย ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ในปีนี้จะมีการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุดพร้อมทั้งสร้างโครงการใหม่ ๆ ที่ส่งเสริม วัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ รวมถึง การค้นพบ และ การเรียนรู้ด้วยตนเอง โครงการใหม่นี้จะรวมถึงพื้นที่เล่นในร่ม หรือ Indoor Soft Play Area ที่นักเรียนจะสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นเช่นไร ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ใหม่อีก 3 ห้อง เนื่องจากปัจจุบันมีนักเรียนจำนวนมากขึ้นที่เลือกเรียนวิทยาศาสตร์ครบทั้งสามวิชา และ Innovation Centre หรือศูนย์นวัตกรรม

มิสเตอร์จอนนี่ ลิดเดิ้ล ครูใหญ่ DBS Denla British School กล่าวว่า เรายึดมั่นเสมอในคำขวัญของโรงเรียนที่ว่า “Always to Greater Things” หรือการพัฒนาต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด การลงทุนในอาคารใหม่ทั้งสองที่ทันสมัยและครบครันนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงการรักษาสัญญาที่โรงเรียนเคยให้คำมั่นไว้กับนักเรียนและผู้ปกครองเพื่อสนับสนุนและพัฒนาความฝันและจินตนาการอันไม่รู้จบของนักเรียนรวมทั้งสนับสนุนเส้นทางในการค้นหาตนเองของนักเรียนของเราให้สมบูรณ์แบบ เราต้องการให้นักเรียนทุกคนเติบโตไปเป็นผู้นำที่ดีมีคุณภาพระดับโลกในขณะที่พวกเขาใช้เวลาอยู่ที่ DBS พวกเขาจะใช้สิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลกของโรงเรียนเพื่อก้าวไปสู่ความฝันของตนเอง นอกจากนี้โรงเรียนยังมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันนักเรียนของเราให้พัฒนาไปอย่างเต็มศักยภาพและได้เรียนรู้ผ่านการสอนของครูที่มีคุณภาพ และมีประสบการณ์รสอนในหลักสูตรอังกฤษ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นพัฒนาความเข้มข้นด้านวิชาการ และความหลากหลายของกิจกรรมเสริมหลักสูตร

“การสร้างที่แท้จริงจะเริ่มต้นต่อจากนี้ผ่านการทุ่มเทแรงกายแรงใจที่เรามอบให้กับนักเรียนเพื่อบ่มเพาะนักเรียน DBS เราสร้างสิ่งที่ดีที่สุดนี้เพื่อนักเรียน DBS เพราะนักเรียนของเราสำคัญที่สุด” มิตเตอร์จอนนี่ กล่าวเสริม

ดร.เต็มยศ ปาลเดชพงศ์ กรรมการบริหาร DBS Denla British School ให้ความเห็นว่า แม้ว่าในประเทศไทยจะมีโรงเรียนนานาชาติมากมาย แต่ DBS มี 5 เสาหลักสู่ความสำเร็จที่ทำให้เราแตกต่างจากที่อื่น ได้แก่

1) หลักสูตรโรงเรียนเอกชนอังกฤษที่มีการเพิ่มชั่วโมงเรียนให้นักเรียนได้มีเวลาค้นคว้าหาสิ่งที่ตนเองชอบ เพื่อเป้าประสงค์ของการค้นพบตนเอง

2) ความเป็นเลิศด้านวิชาการสำหรับทุกคน โดยผลักดันให้นักเรียนทุกคนสามารถทำในสิ่งที่ตนถนัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3) การปลูกฝังทักษะการเป็นผู้ประกอบการที่ดี และการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์

4) การปลูกฝังพื้นฐานภาษา วัฒนธรรมไทย และความเข้าใจในบริบทของสังคมไทย พร้อมทั้งสามารถปรับตัวให้สอดรับกับทุกบริบทของทุกที่ทั่วโลก

5) ความเป็นอยู่ที่ดีและความยั่งยืน

สำหรับเป้าหมายของ DBS คือ "Nurturing Great Global Leaders" หรือการสร้างนักเรียน DBS ให้เติบโตเป็นผู้นำที่ดีในอนาคต โดยพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นความมั่นใจในตนเอง ความช่างสงสัย ความคิดสร้างสรรค์ ความมุ่งมั่น และการสื่อสาร สิ่งเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้นักเรียนค้นพบความถนัดของตนเอง ซึ่งนับว่าเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดสำหรับศตวรรษที่ 21 ความสามารถในการเรียนรู้ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้จะทำให้นักเรียนของ DBS เติบโตเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ ประสบความสำเร็จ และสามารถเผชิญหน้ากับความท้าทายต่าง ๆ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้

“ไม่มีโรงเรียนที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีอะไรในโลกที่สมบูรณ์แบบ มีเพียงโรงเรียนที่ดีที่สุดสำหรับคุณและลูก ๆ ของคุณเท่านั้น เป็นโรงเรียนที่เหมาะกับความชอบและไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุด นี่เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องจำไว้เพราะเราทุกคนแตกต่างกัน ดังนั้นการหาโรงเรียนที่เหมาะสมสำหรับบุตรหลานของคุณจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรคำนึงถึง” ดร. ต่อยศ กล่าวปิดท้าย

X

Right Click

No right click