เคทีซีเดินหน้าทำการตลาดเจาะไลฟ์สไตล์นักท่องเที่ยวที่นิยมเดินทางเป็นกลุ่มหรือหมู่คณะ รับเทรนด์ท่องเที่ยวแบบครอบครัวมาแรง เดินหน้ามอบสิทธิพิเศษสำหรับกลุ่มสมาชิกดังกล่าวต่อเนื่อง พร้อมต้อนรับหน้าท่องเที่ยวคึกช่วงนักเรียนปิดภาคเรียนด้วยแคมเปญ “Happy Family Fun” กับส่วนลดสูงสุด 40% โดยไม่ต้องใช้คะแนนแลก ณ โรงแรมและรีสอร์ตที่ร่วมรายการกว่า 20 แห่งทั่วประเทศ หวังมอบความประทับใจและปักหมุดความเป็นผู้นำบัตรเครดิตสำหรับสมาชิกนักท่องเที่ยวอย่างแท้จริง

นางสาวปริม ปัญญาเสรีพร ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบันไลฟ์สไตล์การเดินทางท่องเที่ยวของสมาชิกมีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะนิยมเดินทางคนเดียว หรือเป็นกลุ่ม โดยเคทีซีได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการทำการตลาดเพื่อสมาชิกที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงปิดเทอมที่สมาชิกมักวางแผนท่องเที่ยวกับครอบครัว จึงได้เดินหน้ามอบสิทธิพิเศษเพื่อสมาชิกบัตรฯ ด้วยการจัดแคมเปญ “Happy Family Fun” สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีรับส่วนลดสูงสุด 40% โดยไม่ต้องใช้คะแนน KTC FOREVER แลก พร้อมสิทธิพิเศษสำหรับเด็ก รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ มากมาย ณ โรงแรมและรีสอร์ตกว่า 20 แห่งทั่วประเทศที่ร่วมรายการ อาทิ อมารี พัทยา / โนโวเทล มารินา ศรีราชา แอนด์ เกาะสีชัง / ฮอลิเดย์ อินน์ วานา นาวา หัวหิน / เลอ เมอริเดียน ภูเก็ต ไม้ขาว บีช รี สอร์ท และ ระยอง แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา นอกจากนี้ เมื่อสมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี วีซ่า รับเพิ่ม e-Coupon ส่วนลดน้ำมันบางจาก สูงสุด 300 บาทต่อรายการ ลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่เว็บไซต์ https://www.ktc.co.th/promotion/hotel-resort/domestic-hotel/hotel-family ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2567 – 31 พฤษภาคม 2567”

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE โทรศัพท์ 02 123 5000 หรือติดตาม โปรโมชันของเคทีซีได้ที่ https://www.ktc.co.th  สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ 

แบรนด์ในกลุ่ม Holiday Inn มีอัตราส่วนถึง 50% ของการลงนามสัญญาความร่วมมือในภูมิภาคของ IHG ในปีนี้

 

รายละเอียดใหม่ ๆ เกี่ยวกับการบุกเบิกโรงเรียนการท่องเที่ยวและการโรงแรมแห่งริยาด (Riyadh School of Tourism and Hospitality) ได้รับการเปิดเผยภายในงานวันท่องเที่ยวโลก (WTD) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงริยาด โดยมีการประกาศก่อตั้งโรงเรียนแห่งนี้เป็นครั้งแรกในปี 2564 ซึ่งร่วมก่อตั้งโดยกระทรวงการท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบียและโครงการกิดดียะห์ (Qiddiya) ภายใต้ความร่วมมือกับองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO)

โรงเรียนการท่องเที่ยวและการโรงแรมแห่งริยาดได้รับการคาดหวังให้เป็นสถาบันการศึกษาแบบเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางแห่งแรกของโลกที่จะรวมการฝึกอบรมด้านการท่องเที่ยวในทุก ๆ ด้านที่จำเป็นเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับบรรดาผู้นำด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรมรุ่นต่อไปจากทั่วโลก และแก้ไขปัญหาการขาดแคลนผู้มีทักษะด้านการท่องเที่ยว

พัฒนาการใหม่ ๆ นี้ได้รับการประกาศในระหว่างการแถลงข่าวซึ่งจัดโดย ฯพณฯ อาเหม็ด อัล คาตีบ (Ahmed Al-Khateeb) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบีย และคุณซูรับ โปโลลิคาชวิลี (Zurab Pololikashvili) เลขาธิการ UNWTO นอกรอบกิจกรรมงานวันท่องเที่ยวโลก โรงเรียนการท่องเที่ยวและการโรงแรมแห่งริยาดจะจัดตั้งขึ้นที่กิดดียะห์ ศูนย์กลางโครงการเมกะโปรเจกต์ด้านความบันเทิงของซาอุดีอาระเบีย โดยจะมีที่ตั้งชั่วคราวที่มหาวิทยาลัยปรินซ์เซสนูเราะห์ (Princess Nourah University) โดยโรงเรียนการท่องเที่ยวและการโรงแรมแห่งริยาดตอกย้ำจุดยืนของซาอุดีอาระเบียในฐานะผู้นำในการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวทั่วโลก และเน้นย้ำความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนผู้มีทักษะทั่วโลกเพื่อเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมในอนาคต โรงเรียนจะเปิดรับผู้เรียนตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 และตั้งเป้ารับผู้เรียนให้ได้มากกว่า 25,000 คนต่อปีภายในปี 2573

ในปัจจุบัน มีสถาบันการท่องเที่ยวระหว่างประเทศเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีการเรียนการสอนทั้งในสายวิชาการและสายอาชีพที่ครอบคลุมทุกด้านของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในสถาบันเดียว ด้วยเหตุนี้ โรงเรียนการท่องเที่ยวและการโรงแรมแห่งริยาดที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางจึงจะเปิดหลักสูตรบุกเบิกแบบผสมทั้งสายวิชาการและสายอาชีพ และจะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้รวบรวมคนระดับหัวกะทิ เทคโนโลยีล้ำสมัย สิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ล่าสุด และคณาจารย์ชั้นนำเพื่อสร้างโปรแกรมแบบองค์รวมที่ช่วยให้ผู้เรียนพร้อมประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยว

คณะกรรมการบริหารของโรงเรียนจะประกอบด้วยผู้นำที่มาจากสาขาต่าง ๆ ตั้งแต่สาขาการท่องเที่ยวและการโรงแรม ไปจนถึงสาขาการลงทุนและเทคโนโลยีการศึกษา (Ed-Tech) นอกจาก ฯพณฯ อาเหม็ด อัล คาตีบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งซาอุดีอาระเบียแล้ว กรรมการท่านอื่นยังรวมถึงคุณอับดุลลอฮ์ อัลดาวูด (Abdullah AlDawood) กรรมการผู้จัดการกิดดียะห์, คุณซูรับ โปโลลิคาชวิลี เลขาธิการ UNWTO, คุณเซบาสเตียง บาแซง (Sebastian Bazin) ซีอีโอบริษัทแอคคอร์ โฮเทลส์ (Accor Hotels), คุณเจอร์รี อินเซอริลโล (Jerry Inzerillo) ซีอีโอเครือหน่วยงานกำกับดูแลด้านการพัฒนาอัดดิรอียะฮ์เกต (Ad Diriyah Gate Development Authority), คุณมอร์แกน พาร์คเกอร์ (Morgan Parker) และคุณไค เรอมเมลต์ (Kai Roemmelt) ซีอีโอของยูดาซิตี (Udacity) และจะมีการประกาศรายชื่อกรรมการเพิ่มเติมให้ทราบต่อไป

ฯพณฯ อาเหม็ด อัล คาตีบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า "ความสำเร็จของภาคการท่องเที่ยวนั้นขยายไปไกลกว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของรัฐบาลทั่วโลกในการจัดหาทักษะที่จำเป็นต่อการเติบโตในอุตสาหกรรมที่พัฒนาอย่างรวดเร็วนี้ให้กับผู้นำด้านการท่องเที่ยวในอนาคต"

"โรงเรียนการท่องเที่ยวและการโรงแรมแห่งริยาดคือของขวัญจากซาอุดีอาระเบียต่อโลก ด้วยหลักสูตรบุกเบิกที่จะนำเสนอหลักสูตรระดับอุดมศึกษาที่ครอบคลุมทุกด้านของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการโรงแรม โรงเรียนแห่งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของซาอุฯ ในการมอบการศึกษาที่ก้าวหน้าและครอบคลุมซึ่งเสริมศักยภาพให้กับบุคคลทั้งในและต่างประเทศ ในขณะที่เราลงทุนปลุกปั้นผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวรุ่นใหม่ เราไม่เพียงแต่รักษาอนาคตของอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมมรดกแห่งความเป็นเลิศที่จะขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรือง กระตุ้นการเติบโตของประชาชนแต่ละคน และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมในปีต่อ ๆ ไปอีกด้วย"

นอกจากนี้ คุณซูรับ โปโลลิคาชวิลี เลขาธิการ UNWTO กล่าวเสริมว่า "พัฒนาการล่าสุดของโรงเรียนการท่องเที่ยวและการโรงแรมแห่งริยาดถือเป็นก้าวสำคัญในการแสวงหาภาคการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและเข้มแข็งมากขึ้น การศึกษาคือรากฐานของความก้าวหน้า และการลงทุนในทักษะและความรู้ของผู้นำการท่องเที่ยวในอนาคตถือเป็นการเสริมสร้างรากฐานการเติบโตและการพัฒนาของอุตสาหกรรม"

ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังคงเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งคาดว่าจะมีส่วนสร้าง GDP ของปี 2566 เป็นมูลค่าถึง 9.5 ล้านล้านดอลลาร์นั้น มีการคาดการณ์ว่าภาคการท่องเที่ยวจะจ้างงาน 430 ล้านคนทั่วโลกภายในปี 2576 โดยเกือบ 12% ของประชากรทำงานในภาคธุรกิจนี้ ซาอุดีอาระเบียมีภาคการเดินทางและการท่องเที่ยวที่เติบโตเร็วที่สุดในตะวันออกกลางตามข้อมูลของสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (WTTC) และได้ฝึกอบรมพลเมือง 80,000 คนภายในปี 2565 สำหรับภาคดังกล่าว และมุ่งมั่นที่จะลงทุนมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ในด้านการศึกษาและการฝึกอบรม

โรงเรียนการท่องเที่ยวและการโรงแรมแห่งริยาดเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของซาอุฯ ในการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นได้จากการเป็นเจ้าภาพงาน WTD 2023 ภายใต้ธีม "การท่องเที่ยวและการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม" (Tourism and Green Investments) ผู้เข้าร่วมงานจะสำรวจบทบาทสำคัญของการท่องเที่ยวและความร่วมมือระดับโลกในการขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรือง การเชื่อมโยงวัฒนธรรม และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมต่าง ๆ

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ที่สามจากซ้าย) นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ อุปนายกสมาคมโรงแรมไทย (ที่สองจากขวา) นายบุญเกิด สุขศรีการ อุปนายกสมาคมโรงแรมไทย (คนแรกซ้าย) นายธรณินทร์ สิริพัฒโนดมสกุล ประธานฝ่ายพัฒนาและอบรมสมาคมโรงแรมไทย (คนแรกขวา) พร้อมด้วยนายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย (ที่สามจากขวา) นางสาวสุภาภรณ์ อังศรีสุรพร ผู้จัดการฝ่ายบริหารโครงการอาวุโส อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย (ที่สองจากซ้าย) ประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง พร้อมลงนามสนับสนุนการจัดงาน Food & Hospitality Thailand งานแสดงสินค้าสำหรับธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และการบริการที่ครบวงจรที่สุดของภูมิภาค อย่างเป็นทางการจนถึงปี 2570 ซึ่งการจัดงาน Food & Hospitality Thailand 2024 จะจัดขึ้นอีกครั้งระหว่างวันที่ 21-24 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อเร็วๆ นี้

ธุรกิจกลุ่มท่องเที่ยว-บริการ ยังยกการ์ดสูง พร้อมเข้มด้านมาตรฐานความสะอาด ปลอดเชื้อ สร้างความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการ ส่งผลอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับทำความสะอาดเป็นที่ต้องการสูง ด้าน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน Food & Hospitality Thailand 2023 ร่วมจับมือชมรมผู้บริหารงานแม่บ้านประเทศไทย และกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เปิดโซนใหม่ Cleaning & Hygiene Thailand (CHT) เตรียมขนนวัตกรรมล่าสุดด้านการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ พร้อมกิจกรรมสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมใหม่ในการทำความสะอาด

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน Food & Hospitality Thailand 2023 กล่าวถึงการเติบโตและความต้องการอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมด้านความสะอาด ปลอดเชื้อ ปลอดภัยของกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและบริการว่า จากยุคโควิดเป็นต้นมา การจัดการด้านความสะอาดและการดูแลเรื่องการปลอดเชื้อของธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารและธุรกิจบริการ ได้ถูกยกระดับให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้น จากมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยสำหรับสถานประกอบการ SHA และ SHA Plus ที่ภาครัฐกำหนดขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจต่อนักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการ จนวันนี้มาตรการดังกล่าวกลายเป็นมาตรฐานที่ผู้ประกอบการธุรกิจยังคงเข้มปฏิบัติตามและให้ความสำคัญอย่างเข้มแข็ง ส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีของการท่องเที่ยวไทยที่ได้รับการถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ในเรื่องการดูแลสุขอนามัยของนักท่องเที่ยว จากการที่ผู้ประกอบการให้ความสำคัญต่อมาตรฐานด้านสุขอนามัยมาอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลต่อธุรกิจอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ซึ่งได้รับอานิสงค์ร่วมไปกับการเติบโตของการท่องเที่ยวด้วย

การจัดงาน Food & Hospitality Thailand 2023 ในครั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับชมรมผู้บริหารงานแม่บ้านประเทศไทย และกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ได้เปิดโซน Cleaning & Hygiene Thailand (CHT) ซึ่งเป็นโซนใหม่ขึ้น เพื่อให้เป็นงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยี ด้านอาหาร เครื่องดื่ม อุปกรณ์ เครื่องใช้ในโรงแรม ภัตตาคาร การจัดเลี้ยงและการบริการนานาชาติที่ครบวงจรที่สุดอย่างแท้จริง โดยในโซน CHT นี้จะเป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการธุรกิจอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์รายใหญ่ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่พร้อมนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อใหม่ล่าสุด ที่มีประสิทธิภาพสูงมาร่วมจัดแสดง อาทิ เครื่องขัดพื้นอัตโนมัติแบบนั่งขับ น้ำยาทำความสะอาด เทคโนโลยีชีวภาพ (Ecologo) สำหรับธุรกิจอาหาร เครื่องซักผ้ามาตรฐานระดับโลก เครื่องฟอกอากาศระบบไฟฟ้าสถิตสำหรับห้องครัว ระบบฟอกอากาศภายในอาคาร, ฆ่าเชื้อพื้นผิว เครื่องกรองน้ำระดับพรีเมียมสำหรับธุรกิจ

ร้านอาหารและคาเฟ่ รวมถึงกิจกรรมให้ความรู้ต่างๆ อาทิ นวัตกรรมอากาศสะอาดด้วยเซลาฟิวชั่นเทคโนโลยี ความรู้เบื้องต้นและวิธีการทำความสะอาดพรม

นางจรีวรรณ หอมบุบผา ประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ ชมรมผู้บริหารงานแม่บ้านประเทศไทย กล่าวถึงความสำคัญของการรักษามาตฐานด้านสุขอนามัยในสถานประกอบการว่า ในฐานะองค์กรตัวแทนของผู้ปฏิบัติงานแม่บ้านยังยึดมั่นในข้อปฏิบัติและกฎระเบียบด้านความสะอาด ปลอดเชื้อ ปลอดภัยไว้อย่างเข้มแข็ง วันนี้โควิดยังไม่หมดไปและอาจมีโรคใหม่เกิดขึ้นอีก การป้องจึงเป็นทางที่ดีที่สุดทางหนึ่ง ซึ่งบทบาทของชมรมฯนอกจากจะสนับสนุน ให้ความรู้ พัฒนาการทำงานของพนักงานแม่บ้านแล้ว ยังรวมถึงการจัดหา ฝึกอบรม พัฒนาบุคลากร เพื่อป้อนสู่สถานประกอบการโรงแรมด้วย ส่วนความร่วมมือกับงาน Food & Hospitality Thailand นั้น ทางชมรมฯ ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ซึ่งกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ มีทั้งการสัมมนาเกี่ยวกับนวัตกรรมใหม่ในการทำความสะอาด การปรับใช้อุปกรณ์และน้ำยาทำความสะอาดให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด กิจกรรมแฟชั่นโชว์จากวัสดุเหลือใช้ เป็นการแสดงความคิดสร้างสรรค์ สร้างความตระหนักถึงคุณค่าของการนำกลับมาใช้ใหม่

นายสุกานต์ อินทรสูต ผู้จัดการอาวุโส (ช่องทางจัดจำหน่าย) บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำยาฆ่าเชื้อและทำความสะอาดหลังการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวว่า เริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติมากขึ้น มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในโรงแรม การใช้บริการร้านอาหาร และบริการอื่นๆ รวมถึงยังได้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ อาทิ สปา ฟิตเนส โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย ศูนย์ราชการ ทำให้ไตรมาส 1 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเติบโตถึง 30% ใกล้เคียงกับก่อนเกิดสถานการณ์โควิด โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำยาฆ่าเชื้อ ลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มโรงแรม 60% ร้านอาหาร 20% และอื่นๆ อีก 20% ซึ่งการเข้าร่วมงาน Food & Hospitality Thailand ถือเป็นการสร้างความรู้จักและตอกย้ำในความเป็นผู้นำเทคโนโลยีทำความสะอาด Cleaning Hygiene Solutions แก่ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจบริการอื่นๆ โดยไฮไลท์การจัดแสดงงานในปีนี้นอกจากจะมี Solutions ที่ครบวงจรแล้ว ยังมีการจัดแสดงหุ่นยนต์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ เครื่องล้างจานที่เป็นดิจิตอลทั้งหมด และเคมีภัณฑ์ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นางสาวพนิดา มหชวโรจน์ กรรมการ บริษัท เค.เอช.ที.เซ็นทรัลซัพพลาย จำกัด กล่าวว่า การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวส่งผลดีต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยเราเป็นผู้จัดจำหน่ายและผู้ให้บริการครบวงจรเกี่ยวกับอุปกรณ์ซัก อบ รีด สำหรับโรงแรม รีสอร์ท โรงพยาบาล โรงซักผ้า และร้านสะดวกซักต่างๆ ซึ่งสัญญาณการฟื้นตัวเริ่มเห็นชัดว่าตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา (2565) จากการที่ผู้ประกอบการโรงแรม ที่พัก ได้ติดต่อเรียกทีมบริการของบริษัทฯ ให้เข้าไปตรวจเช็คระบบและอุปกรณ์ของเครื่องซัก อบ รีด เพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเครื่องซักผ้านั้น ลูกค้ามีความต้องการเครื่องที่สามารถซักน้ำร้อนและอบผ้ามากขึ้น เพื่อใช้ความร้อนมาเป็นตัวฆ่าเชื้อ ซึ่งทางบริษัทฯ คาดว่าในปีนี้จะเติบโตได้ถึง

7-10% ส่วนการร่วมจัดแสดงงานกับทาง Food & Hospitality Thailand นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่ทำให้เราได้พบกับผู้ประกอบการในธุรกิจโรงแรม ท่องเที่ยว โรงพยาบาล และธุรกิจบริการทั้งในประเทศและกลุ่ม CLMV ที่ล้วนแต่เป็นกลุ่มลูกค้าของเราโดยตรง โดยไฮไลท์ในปีนี้ที่ทาง เค เอช ที เซ็นทรัลซัพพลาย ได้นำเครื่องซัก อบ รีด รุ่นยอดนิยม ที่มีดีไซน์ใหม่ พร้อมฟังชั่นที่น่าสนใจจากประเทศอเมริกามาร่วมออกงานในครั้งนี้ด้วย

นายปวัน เอี่ยมเจริญยิ่ง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ บริษัท แมททีเรียล เวิลด์ จำกัด ได้กล่าวเสริมถึงการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่ส่งผลต่อธุรกิจอุปกรณ์ทำความสะอาดว่า การกลับมาของนักท่องเที่ยวทำให้ธุรกิจโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร และธุรกิจบริการไปต่อได้ ส่งผลดีต่อกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ทำความสะอาด ตั้งแต่ถังขยะไปจนถึงอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่ง แมททีเรียลเวิลด์ มีแผนกที่ดำเนินธุรกิจผู้นำเข้าสินค้ากลุ่มธุรกิจบริการ (Hospitality) เป็นอุปกรณ์ Premium จากหลายประเทศ โดยเฉพาะ Rubbermaid ที่ถือว่าเป็นแบรนด์ผู้นำตลาด การร่วมจัดแสดงงานกับ Food & Hospitality Thailand ถือเป็นงานสำคัญที่เราจะได้สื่อสารกับลูกค้าที่ตรงกลุ่ม เพราะผู้เยี่ยมชมงานส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการและผู้อยู่ในธุรกิจตัวจริง ส่วนการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ในปีนี้จะมีความหลากหลายและครอบคลุมในทุกกลุ่มมากขึ้น ตั้งแต่ประเภทลูกค้าโรงงาน โรงแรม ไปจนถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือน

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click