December 05, 2025

บริษัท อุตสาหกรรมทำเครื่องแก้วไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์แก้ว หรือ BJC Glass ภายใต้ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) นำโดย คุณสมพร ณ สุพรรณ รองผู้จัดการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการ และรองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมแก้วและกระจก ร่วมเป็นสักขีพยานในการทำข้อตกลงความเข้าใจ ในการลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (โฟมและหลอดพลาสติก) ร่วมกับเครือข่ายเกาะยั่งยืนประเทศไทยกว่า 33 เกาะ, สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย, กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และองค์กรภาคีเครือข่ายอีกกว่า 30 องค์กร ในงาน “วันมหาสมุทรโลก (World Oceans Day)”

ภายใต้หัวข้อ “Wonder: Sustaining What Sustains Us – ดูแลทะเลที่หล่อเลี้ยงเรา” โดยได้รับเกียรติจาก คุณณัฐพงษ์ สงวนจิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานเปิดงาน เพื่อร่วมมอบความรู้ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นำไปสู่การบริหารจัดการขยะทางทะเล ฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนชายฝั่งอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ BJC Glass ได้ร่วมกับชาวเกาะอีกกว่า 30 แห่ง เก็บขยะขนาดใหญ่ “30+ Islands Clean-Up: So Cool Mission” เพื่อรักษามหาสมุทร ในวันมหาสมุทรโลก รวมถึงร่วมแสดงนิทรรศการเพื่อสร้างความเข้าใจถึงความยั่งยืนของบรรจุภัณฑ์แก้ว ที่ไม่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เพียงคัดแยกขยะให้ถูกต้อง ณ เกาะช้าง จ.ตราด

กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี นำโดย นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้รับเกียรติร่วมเป็นวิทยากรในงานสัมมนา ASEAN Forum 2025 จัดโดย สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ซึ่งเป็นเวทีสัมมนาระดับภูมิภาคอาเซียน ที่รวบรวมทั้งผู้นำทางด้านธุรกิจ นักลงทุน นักนวัตกรรม และผู้กำหนดนโยบายระดับภูมิภาค เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับทิศทางสู่การเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียน และโอกาสในการลงทุนทางธุรกิจใหม่ในภูมิภาคอาเซียน ในประเด็นเชิงลึกทั้งด้านการค้า โลจิสติกส์ อาหาร นวัตกรรม และพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ณ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก เมื่อเร็ว ๆ นี้

ภายในงาน นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “INGREDIENT FOR THE BOOMING ECONOMY: NEW INVESTMENT OPPORTUNITIES” โดยนำเสนอแนวคิดและมุมองในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกและการผลิตระดับภูมิภาค สำหรับหัวข้อเสวนาในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงจากหลากหลายองค์กรร่วมแสดงวิสัยทัศน์ ได้แก่ นายทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต ผู้อำนวยการสำนักอุตสาหกรรมยานยนต์ และสำนักบริการการลงทุน  Mr. Saribua Siahaan Director of Investment Promotion for Southeast Asia, Australia, New Zealand and the Pacific, Ministry of Investment and Downstream Industry / Indonesia Investment Coordinating Board (BKPM) และนายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล อดีตผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)

 

นายอัศวิน กล่าวในงานเสวนาว่า กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี มุ่งขยายธุรกิจในประเทศอาเซียนที่มีการเติบโตสูง โดยเรามีอุตสหาหกรรมที่หลากหลาย และมีการกระจายสินค้าไปยังร้านค้าที่ครอบคลุมทั่วภูมิภาค กว่า 194,000 แห่ง ในหลากหลายประเทศด้วยกัน โดยในประเทศไทย เรามีโรงงาน 12 แห่ง ศูนย์กระจายสินค้า 14 แห่ง ร้านค้าปลีก 12,818 แห่ง และรถขนส่ง 1,556 คัน ซึ่งสามารถกระจายสินค้าไปยังร้านค้ากว่า 89,922 แห่ง อีกทั้งยังมีเครือข่ายจัดจำหน่ายร้านค้ารายย่อยอีก 183 แห่ง สำหรับต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม เรามีโรงงาน 7 แห่ง ศูนย์กระจายสินค้า 8 แห่ง ร้านค้าปลีก 2,466 แห่ง และรถขนส่ง 373 คัน ซึ่งสามารถกระจายสินค้าไปยังร้านค้ากว่า 104,869 แห่ง, ลาว เรามีร้านค้าปลีก 68 แห่ง และศูนย์กระจายสินค้า 1 แห่ง, กัมพูชา เรามีโรงงาน 1 แห่ง และร้านค้าปลีกอีก 22 แห่ง, มาเลเซีย เรามีโรงงาน 2 แห่ง และเมียนมา เรามีสำนักงานตัวแทน 1 แห่ง เป็นต้น โดย 91% ของยอดขายต่างประเทศของกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี มาจากภูมิภาคอาเซียน และมีอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ย 9.2% ต่อปี ซึ่งในปี 2024 ที่ผ่านมา มียอดขายในอาเซียนเติบโตถึง 15,000 ล้านบาท

นายอัศวิน เผยถึงกระแสเทรนด์โลกและประเทศไทยในปี 2025 ว่า ยุคนี้เป็นยุคสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Health Era) ซึ่งผู้บริโภคจะให้ความสำคัญทั้งสุขภาพกาย ใจ และอารมณ์ อีกทั้งผู้บริโภคยังตระหนักถึงความยั่งยืน (Sustainability) และการเลือกซื้อที่ขับเคลื่อนด้วยคุณค่า (Value-Driven Choices) โดยให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายและตัดสินใจซื้อสินค้าอย่างตั้งใจมากขึ้น รวมถึงให้ความสนใจกับสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล (Personalization) และสินค้าภายใต้แบรนด์ของร้านค้า (Private Label) ซึ่งมีราคาคุ้มค่า มีคุณภาพ และมีความน่าเชื่อถือ

 

นายอัศวิน กล่าวต่อว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงยังคงเติบโต เทรนด์ Pet Humanization & Pet Tourism การที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเหมือนสมาชิกในครอบครัว และต้องการให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การท่องเที่ยว ยังคงเป็นกระแสต่อเนื่อง อีกทั้งมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และการบริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง และสินค้าที่เป็นมิตรกับครอบครัวที่มีสัตว์เลี้ยงมากขึ้น นอกจากนี้ ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในประเทศไทย ยังสามารถพาสัตว์เลี้ยงเข้าได้ และมีการจัดอีเวนต์สำหรับสัตว์เลี้ยงด้วย โดยยอดขายรวมของอาหารและผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยงในช่องทางค้าปลีกของประเทศไทย ในปี 2024 เติบโตขึ้นจากปี 2023 ถึง 10.9% มีมูลค่ายอดขายรวมทั้งตลาด 7,645 ล้านบาท สำหรับ บิ๊กซี ยอดขายรวมของอาหารและผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยงในปี 2024 เติบโตขึ้นจากปีก่อน 1.6% และมีมูลค่ายอดขายรวม 1,250 ล้านบาท

สำหรับเทรนด์ด้านเทคโนโลยีและ AI ในปี 2025 นายอัศวิน กล่าวว่า ธุรกิจค้าปลีกมีการใช้เทคโนโลยีและ AI เพื่อดึงดูดลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น อาทิ ร้านค้าอัตโนมัติไร้พนักงาน หุ่นยนต์ในร้าน รถเข็นอัจฉริยะ และระบบนำทางในร้าน เป็นต้น อีกทั้งยังมีการทรานส์ฟอร์มร้านค้าให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในยุคนี้ เช่น มีจุดชาร์จสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ขยายร้านสะดวกซื้อให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีพื้นที่จอดรถ รวมถึงมีสินค้าและการบริการที่หลากหลาย เพื่อยกระดับการช้อปแบบครบจบในที่เดียว มีความสะดวก และทันสมัย

นายอัศวิน กล่าวถึงโอกาสการลงทุนในอาเซียนว่า การกระจายฐานการผลิตและห่วงโซ่อุปทานไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียน อาทิ เวียดนาม ไทย และมาเลเซีย เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงส่วนอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ เหมาะสำหรับการผลิต นับเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างความยืดหยุ่นและกระจายความเสี่ยงในระดับภูมิภาค อีกทั้งอาเซียนมีศักยภาพสูงในธุรกิจเกษตรและอาหาร เนื่องจากมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ทั้งดินและแหล่งน้ำ ทำให้มีข้อได้เปรียบในการผลิตสินค้าเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะข้าวสัตว์ปีก รวมถึงโลจิสติกส์ด้านอาหาร และการผลิตอาหารฮาลาล เพื่อส่งออกสู่ตลาดตะวันออกกลางและมุสลิมทั่วโลก

 

นอกจากนี้ อาเซียนยังมีศักยภาพการลงทุนอีกหลากหลายสาขาใหม่ที่กำลังเติบโต อาทิ ด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ ด้วยอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่สูงของประชากรในภูมิภาคนี้ และการเติบโตของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ, ด้านพลังงานสีเขียวและเทคโนโลยีด้านสภาพอากาศ เช่น อินโดนีเซีย มีศักยภาพด้านแร่สำรองที่ใช้ในแบตเตอรี่สูง, ด้านการแพทย์และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยในอาเซียน ทำให้การลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาล คลินิก การดูแลผู้สูงอายุ และเทคโนโลยีด้านสุขภาพกำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน, ด้านการศึกษาและการพัฒนาทักษะ ในภูมิภาคอาเซียนมีความต้องการเพิ่มทักษะของแรงงานต่อเนื่อง ดังนั้น การลงทุนในแพลตฟอร์ม EdTech และธุรกิจการเรียนการสอนภาษายังคงเติบโต, ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยการขยายตัวของเมืองและการเชื่อมต่ออย่างไร้พรมแดนและขีดจำกัด เหมาะกับการลงทุนระบบโลจิสติกส์และโครงการเมกะโปรเจกต์อย่างมาก และด้านบริการทางการเงิน เนื่องจากประชาชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสสำคัญในการขยายบริการฟินเทค (Fintech) และไมโครไฟแนนซ์ (Microfinance) นายอัศวิน กล่าว

กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี เป็นเลิศในการพัฒนาการผลิตสินค้าและบริการ ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย ได้แก่ กลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ กลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภค กลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และทางเทคนิค และกลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรามุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ควบคู่กับการสนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจและสังคมในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันและเปิดโอกาสให้ธุรกิจไทยเติบโตในระดับภูมิภาคอาเซียนอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

พร้อมหนุนผลิตภัณฑ์สุขภาพคุณภาพเข้าถึงได้ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมเป็นวิทยากรในงาน CNBC Converge Live ซึ่งเป็นเวทีประชุมระดับนานาชาติที่รวบรวมผู้นำธุรกิจ นักลงทุน และนักคิดจากหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มและความท้าทายของธุรกิจในยุคดิจิทัล งานนี้จัดขึ้นโดย CNBC สื่อธุรกิจชั้นนำระดับโลก ณ Jewel Changi Airport ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568

ในโอกาสนี้ นางฐาปณีร่วมเป็นวิทยากรในเวทีเสวนาหัวข้อ “Shaping the Future: The Hallmarks of Next-Generation Leadership” ซึ่งนำเสนอแนวคิดและวิสัยทัศน์ของผู้นำธุรกิจรุ่นใหม่ที่กำลังกำหนดทิศทางอนาคตของอุตสาหกรรม โดยภายในงานฯ ได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงจากหลากหลายองค์กรเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ อาทิ Mr. Kevin Tan ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Alliance Global, Mr. Timothy Cosulich ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Fratelli Cosulich Group และ Mr. Anthony Tan ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Grab ซึ่งล้วนเป็นผู้นำที่มีบทบาทสำคัญในภาคธุรกิจของเอเชีย

​การเสวนาครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับบทบาทของผู้นำยุคใหม่ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากอิทธิพลของเทคโนโลยี AI และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจ ประเด็นหลักที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาหารือ รวมถึงแนวทางการบริหารองค์กรให้เติบโตในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ กลยุทธ์การสร้างสมดุลระหว่างผลกำไรและความยั่งยืน ตลอดจนการพัฒนานวัตกรรมควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยง ทั้งยังร่วมกันแบ่งปันบทเรียนจากความล้มเหลวและข้อผิดพลาดที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริหารและนักธุรกิจรุ่นต่อไป

​นางฐาปณี ถือเป็นแบบอย่างของผู้นำหญิงที่มีบทบาทสำคัญในภาคธุรกิจไทยและเอเชีย โดยได้สร้างประวัติศาสตร์ในฐานะซีอีโอหญิงคนแรกของ BJC ในรอบ 140 ปี และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ตลอดจนได้ขยายธุรกิจและพัฒนาเครือข่ายค้าปลีกอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน BJC มีธุรกิจที่ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ และร้านค้าปลีก

​หนึ่งในโครงการสำคัญที่ นางฐาปณี ผลักดันให้เกิดขึ้น คือ โครงการ “โดนใจ” ซึ่งช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศไทย เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจฐานราก และช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกรายย่อยสามารถแข่งขันได้ในยุคดิจิทัล นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมบทบาทของสตรีในองค์กร สนับสนุนให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศในที่ทำงาน และผลักดันให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนในภาคธุรกิจอีกด้วย

ทั้งนี้ งาน CNBC Converge Live เป็นงานประชุมสุดพิเศษที่จัดขึ้นสำหรับผู้ได้รับเชิญเท่านั้น โดยรวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายอุตสาหกรรมมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจและเศรษฐกิจโลก ความรู้และประสบการณ์จากเวทีนี้จะช่วยสร้างแนวทางและแรงบันดาลใจให้กับผู้นำธุรกิจ นักลงทุน และผู้ประกอบการทั่วโลกให้สามารถปรับตัวและเติบโตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย

ช่องวัน ผนึก กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ปั้นโปรเจกต์สุดพิเศษ “Big C Super Girl” ดึงจุดแข็งทั้ง 2 ฝ่าย เสริมความแข็งแกร่งแบรนด์ผ่านคอนเทนต์ พร้อมชูโอกาสการเฟ้นหาพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของ Big C และดันขึ้นแท่นเป็นนักแสดงช่องวัน เริ่มเปิดรับสมัครเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 4 – 31 มีนาคม 2568

ถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย ระฟ้า ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาดกลุ่ม, นิพนธ์  ผิวเณร  ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตละคร , สุธาสินี  บุศราพันธ์  ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการ จับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับ กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี  ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภค บรรจุภัณฑ์ และห้างค้าปลีก “บิ๊กซี” โดยมี อัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี, ฐาปณี เตชะเจริญวิกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี, กชกร อาคมธน รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด และสื่อสารการตลาด ร่วมเปิดตัวโปรเจกต์ Big C Super Girl เพื่อค้นหาพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของ Big C พร้อมโอกาสในการเป็นนักแสดงช่องวัน และชิงเงินรางวัล มูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท โดยงานจัดขึ้น ณ ห้องสตาร์เลาจน์ ชั้น 20 ตึกจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568

การจับมือทางธุรกิจของช่องวัน 31 คอนเทนต์ครีเอเตอร์ในกลุ่ม เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ onee ผู้นำด้านคอนเทนต์บันเทิงชั้นนำของประเทศที่เป็นมากกว่าช่องทีวี กับ กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ในครั้งนี้ ถือเป็นการใช้จุดแข็งของทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งความแข็งแกร่งของการเป็นผู้ประกอบการชั้นนำในตลาดค้าปลีกและความน่าสนใจของแบรนด์ บิ๊กซี ผนวกกับศักยภาพการผลิตคอนเทนต์บันเทิงของทาง ช่องวัน มาร่วมกันเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ผ่านการปั้นคอนเทนต์ร่วมกัน และผลักดันให้โปรเจกต์นี้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ความร่วมมือของการจัดทำโปรเจกต์ดังกล่าว ยังนับเป็นครั้งแรกในการเปิดโอกาสให้กับหญิงสาวอายุ 18-35 ปี ที่มีความทันสมัย โดดเด่นด้วยทักษะความสามารถ ได้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์  และพร้อมที่จะต่อยอดเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเป็นนักแสดงช่องวัน

สำหรับผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมโปรเจกต์ Big C Super Girl สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม และสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2568 นี้  ที่ bigcsupergirl.one31.net

Page 1 of 11
X

Right Click

No right click