November 22, 2024

Roddonjai แพลตฟอร์มซื้อขายรถยนต์มือสองชั้นนำ โดยทีทีบีไดรฟ์ ประสบความสำเร็จก้าวสู่ปีที่ 2 กับพันธกิจในการยกระดับมาตรฐาน สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อและผู้ขาย ด้วยโซลูชันที่ตอบโจทย์ครบวงจร เดินหน้ารุกตลาด “รถบ้าน” ด้วยคอนเซ็ปต์ Sell Smooth, Good Price หรือ ขายง่าย ได้ราคา พร้อมเปิดตัวโฆษณาใหม่ โดยมี “มาริโอ้ เมาเร่อ” เป็นพรีเซนเตอร์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า จากแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจของทีทีบี ที่มุ่งสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทย ช่วงที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าแบบครบวงจรให้กับกลุ่มลูกค้าคนมีรถ (Car Owners) สำหรับตลาดรถยนต์ธนาคารเล็งเห็นถึงความท้าทายที่เกิดขึ้นกับพันธมิตรผู้ขายรถยนต์มือสองที่มีการแข่งขันสูง และพฤติกรรมของผู้ซื้อเกิดการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลมากขึ้น ทีทีบีจึงต้องการช่วยพันธมิตรกลุ่มนี้ยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อรถ จึงนำจุดแข็งของธนาคารสร้างโมเดลธุรกิจและแพลตฟอร์ม Roddonjai เพื่อเชื่อมต่อผู้ซื้อและผู้ขายเข้าด้วยกัน ด้วยมาตรฐานที่โปร่งใสและเชื่อถือได้ สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดรถยนต์มือสอง และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับพันธมิตร ซึ่งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมามีรถยนต์ที่ผ่านการตรวจคุณภาพแล้ว ประกาศขายบน Roddonjai.com กว่า 65,000 คัน มีผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม 1.9 ล้านคนต่อเดือน ส่งผลให้สามารถขายรถยนต์ได้ถึง 38,000 คัน และมีลูกค้ามาใช้สินเชื่อรถยนต์ ทีทีบีไดรฟ์ ของธนาคารไปแล้วกว่า 13,000 ล้านบาท ซึ่งความสำเร็จที่ได้รับจากความร่วมมือกับพันธมิตรดีลเลอร์รถยนต์มือสอง ไม่เพียงยกระดับมาตรฐานให้กับตลาด แต่ยังช่วยสร้างธุรกิจที่โปร่งใสและตรงไปตรงมาอย่างแท้จริง เพื่อการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน 

“วันนี้ Roddonjai เข้าสู่ปีที่ 2 และพร้อมที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มผู้ขายอีกกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า “รถบ้าน” ซึ่งก็คือบุคคลทั่วไปที่มีความต้องการขายรถและประสบปัญหาในด้านการขายรถยนต์ด้วยตนเอง ซึ่งทีทีบีเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพและจุดแข็งของธนาคาร จะสามารถช่วยสร้างประสบการณ์การซื้อ-ขายรถบ้านบน Roddonjai ให้ดียิ่งขึ้นได้” นายปิติ กล่าวเสริม

ด้านนายชัชฤทธิ์ ตั้งเถกิงเกียรติ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าผลิตภัณฑ์สินเชื่อรถยนต์และทรานส์ฟอร์เมชัน ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ในโอกาสที่ Roddonjai ก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 จึงได้ต่อยอดความสำเร็จสู่การให้บริการแก่กลุ่มผู้ขาย “รถบ้าน” ซึ่งยังประสบปัญหาและอุปสรรคในการซื้อขายด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการถูกกดดันด้านราคา ช่องทางการขายที่จำกัด และการเข้าถึงสินเชื่อรถยนต์ที่ไม่สะดวก ซึ่งจากจำนวนผู้มีรถยนต์ในประเทศไทยกว่า 18 ล้านคัน และมีรถที่มีอายุใช้งานในระหว่าง 4-7 ปี ซึ่งมีโอกาสในการเปลี่ยนรถจำนวนเกือบ 11 ล้านคัน กลับมียอดจำหน่ายรถยนต์มือสองทั้งประเทศ 700,000 คัน ซึ่งหากเราสามารถสร้างบริการครบวงจร สร้างประสบการณ์การซื้อ-ขายรถบ้านบน Roddonjai ให้ดียิ่งขึ้นได้ จะช่วยเพิ่มการหมุนเวียนในตลาดรถยนต์มือสองมากยิ่งขึ้น และช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายศักยภาพของตลาดรถยนต์มือสองให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด

Roddonjai มีความตั้งใจในการสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นสำหรับกลุ่มผู้ขาย “รถบ้าน” ให้สามารถขายได้ง่ายและได้รับราคาที่ดี ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ขายและผู้ซื้อรถบ้านในยุคดิจิทัลอย่างครบถ้วน ด้วยคอนเซ็ปต์ Sell Smooth, Good Price หรือ ขายง่าย ได้ราคา โดยโซลูชันที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายรถบ้าน ด้วยบริการดังนี้

  • ลงขายง่ายมีผู้ช่วย ด้วยบริการ Quick Selling Service มีผู้ช่วยลงขาย ถ่ายภาพ นัดหมายตรวจสภาพ และให้คำปรึกษาในทุกขั้นตอน
  • บริการตรวจคุณภาพ รถทุกคันผ่านการตรวจคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญมาตรฐานสากลสูงสุด 274 จุดพร้อมรับรายงานการประเมินคุณภาพ การันตีคุณภาพรถให้
  • โปรโมตฟรี ทุกคัน รถทุกคันที่ประกาศขายผ่านรถโดนใจ จะได้แพ็กเกจโฆษณาออนไลน์ ช่วยปิดการขายได้ไวขึ้น
  • ขายได้ราคา ผู้ขายสามารถตั้งราคาขายได้ด้วยตนเอง โดยมีตัวช่วยในการตั้งราคาด้วย ttb bluebook ที่ได้รับมาตรฐานสากล ช่วยให้การตั้งราคาได้ง่ายขึ้น ตามราคาตลาด
  • บริการสินเชื่อถึงที่ บริการจัดสินเชื่อให้ถึงที่ทั่วไทย ด้วยดีลดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติไว และโปรโมชันพิเศษจากทีทีบีไดรฟ์ อำนวยความสะดวกให้กับผู้ขายและผู้ซื้อ

สำหรับปีที่ 2 ของ Roddonjai ยังได้ “มาริโอ้ เมาเร่อ” เป็นพรีเซนเตอร์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดตัวโฆษณาใหม่ในคอนเซ็ปต์ “อย่าให้ใครตีค่ารถคุณผิดๆ” ที่เปิดมุมมองใหม่ของการขายรถบ้าน และ Pain Point ต่าง ๆ ของผู้ขายรถบ้าน ที่มักถูกประเมินค่ารถต่ำกว่ามาตรฐานเมื่อลงขายเอง มุ่งเน้นให้ผู้ขายเห็นถึงความสำคัญของการตั้งราคาที่เป็นธรรม ผ่านบริการของ Roddonjai ที่ให้ผู้ขายสามารถตั้งราคาขายได้เองตามมาตรฐานตลาดด้วย ttb bluebook

Roddonjai เปิดโปรโมชันพิเศษให้กับผู้ที่ประกาศขายรถบ้านตั้งแต่วันนี้ รับแพ็กเกจผู้ขาย 3 ต่อ เฉพาะ 1,000 ท่านแรกเท่านั้น! 

ต่อที่ 1 แพ็กเกจประกาศขายมูลค่า 10,000 บาท ประกอบด้วย ตรวจสภาพรถยนต์ บริการผู้ช่วยลงขาย  บริการถ่ายภาพรถ แพ็กเกจโฆษณาออนไลน์

ต่อที่ 2 รับบัตรของขวัญโลตัสมูลค่า 1,000 บาท เมื่อแนะนำให้รถที่ประกาศขายจัดสินเชื่อกับทีทีบีไดรฟ์

ต่อที่ 3 รับบัตรของขวัญโลตัสมูลค่า 3,000 บาท เมื่อซื้อรถอีกครั้งที่ Roddonjai.com และจัดสินเชื่อกับทีทีบีไดรฟ์

สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อรถบ้านที่ Roddonjai พร้อมจัดสินเชื่อผ่านทีทีบีไดรฟ์ รับอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 2.59% ต่อปี และรับฟรี! เครื่องดูดฝุ่นไร้สายขนาดพกพามูลค่า 1,590 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 – 31 มกราคม 2568 เกิดสัญญาเช่าซื้อภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 

ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ Roddonjai  ได้ที่ facebook.com/roddonjaiTH และ Line @Roddonjai หากสนใจซื้อรถคลิกได้ที่ https://www.roddonjai.com หรือสนใจขายรถคลิกได้ที่ https://www.roddonjai.com/seller/sellercenter

ทีทีบีส่งเสริมให้ลูกค้าสินเชื่อรถยนต์ กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 4.92% -15.00% ต่อปี เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี คว้ารางวัล “กลยุทธ์การตลาดสำหรับลูกค้ารายบุคคล 1:1 ยอดเยี่ยม” (Outstanding Personalised 1:1 Marketing Initiative) จากเวที Global Retail Banking Innovation Awards 2024 จัดโดย The Digital Banker นิตยสารชั้นนำด้านการธนาคารและการเงินระดับโลก เพื่อยกย่องสถาบันการเงินที่มีนวัตกรรมโดดเด่น ตอกย้ำการเป็นธนาคารชั้นนำที่นำเทคโนโลยี ด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อมูล (Data-Driven) เพื่อสื่อสารได้ตรงใจลูกค้า มอบสิทธิประโยชน์ และช่วยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมลูกค้า พร้อมยกระดับประสบการณ์การใช้บริการให้ดียิ่งขึ้น

นายปัณวรรธน์ อินนุรักษ์ หัวหน้าบริหารความสัมพันธ์และประสบการณ์ลูกค้ารายบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ทีทีบีได้รับรางวัล “กลยุทธ์การตลาดสำหรับลูกค้ารายบุคคล 1:1 ยอดเยี่ยม” (Outstanding Personalised 1:1 Marketing Initiative) ในหมวดรางวัลด้านการตลาดและการมีส่วนร่วมของลูกค้า (Marketing & Customer Engagement Awards) ซึ่งความโดดเด่นของโซลูชันที่ทีทีบีใช้ในการให้บริการลูกค้าคือ ทีทีบีได้พัฒนา “DELPHI: Ecosystem-Based Personalized Message” ขึ้น เพื่อสร้างความผูกพันกับลูกค้า ผ่านแนวทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูล (Data-Driven) พร้อมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจแบบครบวงจร (Ecosystem Play) ช่วยให้ธนาคารสามารถสื่อสารได้ตรงใจลูกค้า (Personalization) มอบสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสม และช่วยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของลูกค้า พร้อมทั้งมอบประสบการณ์การใช้บริการที่ดียิ่งขึ้นและความปลอดภัยมากขึ้น ทั้งนี้ยังเสริมสร้างความผูกพันระหว่างลูกค้าและทีทีบีทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเป็นการตอกย้ำการเป็นธนาคารที่เข้าใจลูกค้าและสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงินที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง

ทีทีบีมุ่งมั่นพัฒนาและสร้างสรรค์โซลูชันการเงินที่ดีที่สุด เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์การเงินและประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่าให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม โดยใช้ Digital & Data Innovation เป็นตัวขับเคลื่อนหลักสู่การพัฒนาแอปพลิเคชันและบริการออนไลน์ของทีทีบี ที่สามารถตอบสนองได้เท่าทันความต้องการของผู้บริโภคไทยที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและมีความหลากหลายมากขึ้น ตามพันธกิจ Make REAL Change สร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีประโยชน์กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่มมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นรอบด้านอย่างแท้จริง 

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดตัวฟีเจอร์บนแอป "ttb smart shop” ผู้ช่วยบริหารจัดการร้านค้าแบบครบวงจร ควงคู่มากับ “ปังปัง” ผู้ช่วยแสนฉลาด ด้วยสโลแกนใหม่ “รับไว รู้ลึก ธุรกิจปังปัง” พร้อมนำพาธุรกิจของผู้ประกอบการร้านค้าเอสเอ็มอีให้พุ่งทะยาน พิชิตทุกเป้าหมาย แบบปังปัง และนับเป็นธนาคารแรกที่นำ Big Data มาใช้ทำ Analytic Report

นายศรัณย์ ภู่พัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ปัจจุบันการใช้เทคโนโลยีและการชำระเงินแบบดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ซึ่งผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอี ต้องเตรียมพร้อมบริการเพื่อให้ทันกับความต้องการและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า โดยจากการพัฒนาฟีเจอร์ต่าง ๆ พบว่าในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา e-Payment เติบโตขึ้นถึง 18 เท่า โดยในปี 2023 การทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลเมื่อเทียบกับปี 2020 เพิ่มขึ้นกว่า 200%  มีจำนวน QR Scan ทั้งประเทศกว่า 300 ล้านรายการต่อเดือน คิดเป็นมูลค่ากว่า 200,000 ล้านบาท สิ่งนี้เป็นการยืนยันว่าประเทศไทยมีแนวโน้มการเข้าใกล้ Cashless Society มากขึ้นเรื่อย ๆ

ทีทีบีมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการโดยเฉพาะร้านค้าเอสเอ็มอี ให้สามารถตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเป็น Cashless Society ผ่านการพัฒนาฟีเจอร์ในแอปพลิเคชันจัดการร้านค้า ttb smart shop มาพร้อมกับคุณสมบัติที่จะช่วยให้การทำธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเป็นไปอย่างคล่องตัว ลดต้นทุนและมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็น เงินเข้าบัญชีทันที / Dashboard แสดงข้อมูลยอดขายเรียลไทม์ พร้อมรายงานวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อนำไปต่อยอดทางธุรกิจ ซึ่งในปีนี้แอปพลิเคชันจัดการร้านค้า ttb smart shop มีมูลค่าของธุรกรรมเติบโตขึ้น 89% โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม Consumer Goods และอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม มีมูลค่าเติบโตขึ้น 62% และ 100% ตามลำดับ

ทั้งนี้ ทีทีบีนับเป็นธนาคารแรกที่นำ Big Data มาใช้ทำ Analytic Report ให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกเพื่อต่อยอดวางแผนลยุทธ์ทางธุรกิจ ซึ่งธนาคารยังคงพัฒนาโซลูชันอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในเชิงลึกมากขึ้น ด้วยเป้าหมายที่อยากเป็นมากกว่าแอปพลิเคชันรับเงิน ที่พร้อมจะเข้ามาเป็นผู้ช่วยบริหารจัดการร้านค้าแบบครบวงจร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้การทำธุรกิจของผู้ประกอบการร้านค้าเอสเอ็มอี เป็นไปอย่างคล่องตัว ลดต้นทุนและมีประสิทธิภาพสูงสุด 

 

นางกนกพร จูฑา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าบริหารผลิตภัณฑ์ธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของแอปพลิเคชันจัดการร้านค้า ttb smart shop ล่าสุดได้เปิดตัวฟีเจอร์ที่มาพร้อมมังกรสีน้ำเงินมงคล “ปังปัง” ผู้ช่วยแสนฉลาด ที่จะพาธุรกิจให้พุ่งทะยานไปข้างหน้า พิชิตทุกเป้าหมาย แบบปังปัง เป็นการสร้างการจดจำให้แอป ttb smart shop ได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งสอดรับกับ Tagline ใหม่ “รับไว รู้ลึก ธุรกิจปังปัง” และตอกย้ำจุดเด่นของโซลูชัน ได้แก่

  • รับเงินไว เงินเข้าบัญชีทันที: เจ้าของธุรกิจจะได้รับเงินเข้าบัญชี เมื่อลูกค้าสแกนชำระเงินสำเร็จ พร้อมมีบริการแจ้งเตือนเงินเข้าแบบ Real-time และสามารถนำเงินไปใช้ได้เลย ไม่ต้องรอสิ้นวัน
  • รู้ลึก ต่อยอดได้ทันที: มี Dashboard แสดงข้อมูลเรียลไทม์ รายงานการขายครบทุกมิติ และรายงานวิเคราะห์เชิงลึก Analytic Report ให้เจ้าของธุรกิจนำไปวางแผนและต่อยอดธุรกิจได้ตามต้องการ
  • ธุรกิจปังปัง จัดการง่ายทุกสาขา: เหมาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่มีหลายสาขา เพราะแอป ttb smart shop สามารถช่วยบริหารจัดการได้ทุกสาขาครบจบในแอปเดียว เห็นยอดรับเงินชัดเจนแยกรายสาขา และจัดการเพิ่ม-ลดสิทธิ์ให้พนักงานก็สามารถทำได้ไม่จำกัด

“ฟีเจอร์ใหม่ของแอปพลิเคชันจัดการร้านค้า ttb smart shop ที่มาพร้อมมังกรสีน้ำเงินมงคล “ปังปัง” ผู้ช่วยแสนฉลาด ถูกพัฒนาขึ้นมาจากความเข้าใจความต้องการในการใช้งานของเจ้าของธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นเพื่อช่วยในการวางแผน และต่อยอดธุรกิจ โดยไม่เพิ่มภาระด้านต้นทุนการดำเนินงาน เพราะถ้าหากต้องลงทุนระบบ CRM แบบบริษัทใหญ่ ๆ ก็จะต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยหลังจากนี้ทีมงานยังคงพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ มาเพิ่มเติมให้กับแอปจัดการร้านค้า ttb smart shop อย่างต่อเนื่อง” นางกนกพร กล่าว

นอกจากการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่แล้ว ยังได้เชิญตัวแทนผู้ประกอบการจาก 3 องค์กร ได้แก่ คุณณัฐธิดา เตชวรประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักบัญชี บริษัท ส. ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน), คุณสรรเสริญ เกียรติเวชสุนทร กรรมการผู้จัดการ คลินิกทันตกรรม COSDENT, คุณปุยฝ้าย เจ้าของแบรนด์น้ำพริก “ปุยแสบปาก” มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความประทับใจของการใช้บริการ แอปพลิเคชันจัดการร้านค้า ttb smart shop อีกด้วย

สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนิติบุคคลที่สนใจสมัครใช้แอป ttb smart shop ทีทีบี ก็มีแคมเปญพิเศษรับเงินคืนสูงสุด 5,000 บาท เพียงสะสมยอดรับชำระเงินผ่านแอป ttb smart shop ทุก ๆ 10,000 บาท รับเงินคืน 100 บาท  สิ้นสุดระยะเวลาแคมเปญ 31 ม.ค. 2568

สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจแอปพลิเคชันระบบจัดการร้านค้า ttb smart shop สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เจ้าหน้าที่บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าธุรกิจ หรือติดต่อศูนย์บริการลูกค้าธุรกิจ ทีทีบี  โทร. 0 2643 7000 วันจันทร์ถึงวันเสาร์ 08:00 - 20:00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันหยุดธนาคาร

นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทีทีบีมุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันทางการเงินที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง นำ Data และ AI มาใช้ในการพัฒนาองค์กร โซลูชันทางการเงิน และการให้บริการ เพิ่มความสะดวกและปลอดภัยให้แก่ลูกค้า พร้อมทั้งขยายโอกาสทางธุรกิจให้กับธนาคาร โดยมีเป้าหมายก้าวสู่การเป็นธนาคารผู้นำด้านการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดี ให้กับคนไทย (The Bank of Financial Well-being) โดยตลอดปี 2567 ธนาคารเดินหน้า Transform องค์กรแบบรอบด้าน เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนองค์กรได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด B+ESG เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงและยั่งยืนให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งในวันนี้ และอนาคต ซึ่งผลจากการ Transform ที่เกิดขึ้นในปีนี้ ได้มีผลลัพธ์ทั้งในรูปแบบความคืบหน้าและผลสำเร็จในหลาย ๆ ด้านดังนี้

Digital Transformation: นำ Data และ AI มาใช้ในการทำงาน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับลูกค้า

ทีทีบีมุ่งเน้นการใช้ Data Analytics และ Personalized AI Engine ในการยกระดับประสบการณ์การให้บริการลูกค้าในระดับเฉพาะบุคคล หรือ “Segment of One” โดยส่งมอบข้อเสนอ แจ้งเตือน และแนะนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้กับลูกค้าผ่าน Personalized Message มากกว่า 4 ล้านราย ผ่าน 18 ล้านข้อความต่อวัน บนแอป ttb touch ซึ่งนับเป็นจุดเด่นของโมบายแอปพลิเคชันของทีทีบี ทั้งนี้ ธนาคารยังนำจุดเด่นนี้มาสร้างประโยชน์และยกระดับความปลอดภัยในการใช้งานของธนาคาร ด้วยการส่งข้อความแจ้งเตือนให้ลูกค้าตั้งวงเงินการทำธุรกรรม และปิดฟังก์ชันการใช้งานที่ลูกค้าไม่ได้ใช้ เช่น การใช้จ่ายบัตรเครดิตผ่านช่องทางออนไลน์ หรือร้านค้าต่างประเทศ นอกจากนี้ ธนาคาร มีการใช้ Data Analytics ในการวิเคราะห์พฤติกรรมบัญชีม้าเพื่อตรวจและดักจับการทำธุรกรรมที่ผิดปกติได้แบบ Real-time ทำให้สามารถลดปัญหาบัญชีม้าเกิดใหม่ลงได้อย่างมีนัยยะสำคัญ

Revenue Model Transformation: สร้างการเติบโตของธุรกิจในรูปแบบ Ecosystem ไปพร้อมกับลูกค้า คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ

จากการเปิดตัวกลยุทธ์การสร้างการเติบโตในรูปแบบ Ecosystem Play เพื่อรองรับ 4 กลุ่มลูกค้าหลักที่ธนาคารมีความเชี่ยวชาญและมีฐานลูกค้าเป็นแต้มต่อ สำหรับกลุ่มลูกค้าคนมีรถ ทีทีบี…เป็นมากกว่าสินเชื่อรถยนต์ ธนาคารได้พัฒนาแพลตฟอร์ม Roddonjai.com ช่วยให้ลูกค้ามีทางเลือกที่สะดวก ง่าย และมั่นใจมากขึ้นในการซื้อ-ขายรถมือสอง ปัจจุบันมีจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์มากกว่า 1.9 ล้านคนต่อเดือน มีรถยนต์บนแพลตฟอร์มให้เลือกมากกว่า 65,000 คัน โดยกว่า 50% ของรถยนต์ที่ขายได้มีการจัดสินเชื่อรถยนต์ ttb DRIVE สำหรับลูกค้าที่ใช้งานแอป ttb touch สามารถบริหารจัดการเรื่องรถได้ง่าย ๆ ผ่านฟีเจอร์ My Car ตั้งแต่สนใจอยากซื้อรถ ต่อประกันรถ พ.ร.บ. และภาษีรถ เติมเงิน-เช็กยอด Easy Pass จนถึงขายรถผ่านลานประมูล หรือผ่าน Roddonjai.com โดยมีลูกค้าให้ความสนใจ

เพิ่มข้อมูลรถยนต์เพื่อใช้บริการแล้วมากกว่า 800,000 คัน สำหรับคนมีบ้าน ทีทีบี…เป็นมากกว่าสินเชื่อบ้านด้วยฟีเจอร์ My Home บนแอป ttb touch ผู้ช่วยจัดการเรื่องบ้านแบบครบวงจรที่รวมการจ่ายบิลเกี่ยวกับบ้านไว้ที่เดียว บันทึกประวัติการจ่ายบิลต่าง ๆ ได้ รวมทั้งมีบริการแจ้งเตือนล่วงหน้าไม่ให้ลืมจ่าย โดยปัจจุบันมีลูกค้าสนใจเพิ่มข้อมูลบ้านเพื่อใช้บริการฟีเจอร์นี้มากกว่า 580,000 หลัง สำหรับกลุ่มพนักงานเงินเดือน ทีทีบี…เป็นมากกว่าบัญชีเงินเดือน ด้วย ttb payroll solution ที่ให้สิทธิพิเศษที่ตอบโจทย์และมากกว่าทั้งในส่วนของพนักงาน     และนายจ้าง ทั้งโซลูชันทางการเงินที่ช่วยพนักงานพิชิตหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงโซลูชัน My Work ระบบบริหารงานบุคคลตอบโจทย์มืออาชีพ ทำให้ไตรมาส 3 ปีนี้ จำนวนบริษัทที่ใช้บริการ ttb payroll solution เติบโตขึ้น  ถึง 43% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า สำหรับกลุ่มลูกค้า Wealth Ecosystem ทีทีบีสามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอด AUM ได้อย่างต่อเนื่อง จากการมุ่งเน้นการนำเสนอบัญชีเงินตราต่างประเทศ (FCD) ในกลุ่มลูกค้า Wealth with Kids ทำให้มีการเปิดบัญชี FCD เพิ่มขึ้นกว่า 2,600 บัญชี มียอดเงินฝาก 4,120 ล้านบาท การออกผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Wellness Solutions ทั้งกองทุน Term Fund หุ้นกู้ Structured Note และ กองทุน Structured Fund และจากเอกสิทธิ์อันคุ้มค่าจากบัตรเครดิต ttb reserve ยอดการใช้จ่ายสะสมผ่านบัตรโดยรวมตั้งแต่ต้นปีเติบโตถึง 38% เทียบกับปีก่อนหน้า

นอกจาก 4 กลุ่มลูกค้า Ecosystem ทีทีบียังให้ความสำคัญและพร้อมเคียงข้างลูกค้าธุรกิจ ด้วยโซลูชัน ttb smart shop ให้ทุกเรื่องการจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย ทั้งยังนำข้อมูลวิเคราะห์เชิงลึกมาใช้ในการสร้าง Data Analytics Report ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลร้านค้าของตนเองได้แบบเรียลไทม์ช่วยให้ลูกค้าสามารถวางแผนธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มียอดเติบโตของจำนวนร้านค้าที่ใช้งานถึง 70%จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีมูลค่าธุรกรรมรวมตั้งแต่ต้นปีมากกว่า 3,900 ล้านบาท

Channel & Process Transformation: พัฒนาช่องทางและกระบวนการเพื่อยกระดับประสบการณ์การทำธุรกรรม

จากการเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการให้บริการด้วย Digital-first Operating Model ทำให้วันนี้ 92% ของปริมาณธุรกรรมทางการเงินของทีทีบีเกิดขึ้นบนช่องทางแอป ttb touch ทำให้พนักงานในสาขาสามารถมีเวลามากขึ้นในการให้คำแนะนำและบริการลูกค้า และเมื่อไตรมาสที่ 2 ของปี ธนาคารได้เปิดตัวฟีเจอร์ My Credit เพื่อช่วยลูกค้าประเมินวงเงินสินเชื่อเบื้องต้น รู้ผลภายใน 2 นาที พร้อมยื่นขอสินเชื่อได้ทันทีผ่านแอป ttb touch ซึ่งภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน มีการเข้าชมฟีเจอร์นี้มากกว่า 152,000 ครั้ง และสมัครขอสินเชื่อแล้วกว่า 36,000 ราย

ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบ B+ESG

ด้วยความเชื่อที่ว่าเรื่องของการดำเนินธุรกิจและความยั่งยืนไม่สามารถแยกจากกันได้ ทีทีบีให้ความสำคัญกับการดำเนินงานเพื่อช่วยเหลือและแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนผ่านโซลูชันทางการเงินที่รับผิดชอบและเป็นธรรม รวมถึงการให้ความรู้ผ่านการตรวจสุขภาพทางการเงิน (Financial Health Check) และคอร์สอนอบรมเสริมความรู้สร้างภูมิคุ้มกันหนี้ผ่านช่องทางออนไลน์ ที่ใคร ๆ ก็สามารถใช้บริการได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ล่าสุด ธนาคารได้มี

โปรแกรมโค้ชปลดหนี้ที่ให้คำปรึกษาแก้ปัญหาหนี้สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีอาการหนี้ขั้นโคม่า ซึ่งได้ทดลองกับพนักงานภายในองค์กรจนเห็นผลสำเร็จแล้ว และมีแผนขยายโปรแกรมนี้ไปสู่ลูกค้าบริษัทที่ใช้บริการ ttb payroll solution รายอื่น ๆ ในปี 2568

ทีทีบียังมุ่งเน้นการให้สินเชื่อและคำปรึกษาลูกค้าในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ รวมทั้งการปล่อยสินเชื่อเพื่อสนับสนุนลูกค้าสำหรับธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ธนาคารยังมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างทักษะและโอกาสให้เยาวชนไทยกว่า 13,000 คน ในการพัฒนาตนเองเพื่อสร้างอนาคตที่ดีขึ้น ผ่านศูนย์การเรียนรู้โครงการไฟ-ฟ้า จุดประกายเยาวชน

นายฐากร กล่าวปิดท้ายว่า “ทีทีบีมุ่งขับเคลื่อนกลยุทธ์ Transform องค์กรในทุกมิติ เพิ่มศักยภาพโดยนำดิจิทัล   มาดูแลลูกค้าทุกกลุ่มในทุกช่วงชีวิต เพื่อส่งมอบประสบการณ์ทางการเงินที่ดีขึ้นแบบรอบด้าน ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าการ Transform ทั้งหมดนี้จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงให้กับสังคมไทย ช่วยสร้างฐานที่มั่นคงให้กับลูกค้า และนำพาทีทีบีไปสู่เป้าหมายการเป็น The Bank of Financial Well-being หรือผู้นำด้านการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทยอย่างยั่งยืน”

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงสูงสุด 0.25% ต่อปี ตามมติ กนง. เพื่อช่วยบรรเทาภาระหนี้ให้กับประชาชน ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว พร้อมขยายอายุมาตรการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง จากปัญหาสภาพคล่องทางการเงินและภาระหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ย้ำเดินหน้าดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่องภายใต้หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending)

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 2.50% เหลือ 2.25% ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวและเป็นการช่วยลดภาระหนี้ให้กับประชาชนนั้น ทีทีบีมีความห่วงใยลูกค้าพร้อมขานรับนโยบายดังกล่าว จึงประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ได้แก่ อัตราดอกเบี้ย MOR ลดลง 0.25% ต่อปี ส่วนอัตราดอกเบี้ย MLR และอัตราดอกเบี้ย MRR ลดลง 0.125% ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป

สำหรับลูกค้ารายย่อยและ SME ในกลุ่มเปราะบาง ทีทีบีตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้ครัวเรือนและสภาพเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และได้มีมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มนี้มาก่อนหน้า นอกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ธนาคารยังมีการต่ออายุมาตรการออกไปจนถึง 31 ธันวาคม 2567 จากเดิมที่จะครบกำหนดในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เพื่อช่วยพยุงสภาพคล่องและลดภาระหนี้ให้กับลูกค้ากลุ่มเปราะบางให้ได้ดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราที่ประกาศอีก 0.25%  ซึ่งจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ จะทำให้ลูกค้ากลุ่มดังกล่าว มีอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงรวม 0.375-0.50% ต่อปี ทั้งนี้ ธนาคารยังมีแผนที่จะปรับมาตรการเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางตามความเหมาะสม เมื่อมาตรการดังกล่าวสิ้นสุดลง

สำหรับด้านเงินฝาก เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าเงินออมที่กังวลว่าดอกเบี้ยเงินฝากจะทยอยปรับลดลง ทางทีทีบีมีบัญชีเงินฝากประจำพิเศษ อัพ แอนด์ อัพ 24 เดือน ที่ตอบโจทย์ลูกค้าเงินฝากทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพราะให้ดอกเบี้ยสูงตั้งแต่ 6 เดือนแรก เริ่มต้นที่ 1.5% ต่อปี และรับดอกเบี้ยสูงขึ้นทุก ๆ 6 เดือน โดยรับดอกเบี้ยสูงสุด 2.0% ต่อปี และยังสามารถถอนก่อนครบกำหนดได้หากมีความจำเป็นในการใช้เงิน จึงเหมาะกับทั้งผู้ที่ฝากระยะสั้นก็จะได้รับดอกเบี้ยสูง และหากฝากต่อเนื่องก็จะเป็นการล็อกเรทอัตราดอกเบี้ยที่ดีในระยะยาว

ทีทีบีพร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ตลอดจนมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมให้ลูกค้าสามารถจัดการภาระหนี้ที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนผ่านโซลูชันรวบหนี้ และโซลูชันโอนยอดหนี้เพื่อให้ดอกเบี้ยต่ำลง ช่วยลดภาระดอกเบี้ย เพิ่มสภาพคล่อง ควบคู่กับแนะนำการให้ความรู้ทางการเงิน เพื่อการจัดการหนี้ที่สอดคล้องกับรายได้และความสามารถในการชำระคืนอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ตามเป้าหมายของธนาคารที่มุ่งมั่นทำให้คนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งวันนี้และอนาคต

Page 1 of 43
X

Right Click

No right click