![](/images/2021/09/22/-1.jpg)
![](/images/2021/09/22/-1.jpg)
ซีพี ออลล์ จัดเวทีประชันไอเดียปัญญาประดิษฐ์ “Creative AI Club Hackathon ปีที่ 3” เปิดทางเยาวชน ม.ปลาย-ปี 1 ร่วมสร้างสรรค์แนวคิดใช้ AI สร้างเซเว่น อีเลฟเว่นในฝันเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ พบหลากผลงานสุดว้าว เล็งเปิดโอกาสเด็กเก่ง-เจ้าของผลงานเจ๋ง ร่วมโครงการ Future Innovator ต่อยอดไอเดียสู่การปฏิบัติจริง ด้านทีม “เหมียว” คว้ารางวัลชนะเลิศ โชว์ไอเดียกล้องวงจรปิด AI “PathVision” สำรวจพฤติกรรมการชมสินค้าในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น สู่การพัฒนาร้านนำเสนอสินค้าบริการเพื่อลูกค้าทุกกลุ่ม
นายป๋วย ศศิพงศ์ไพโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สำนักปัญญาประดิษฐ์สร้างสรรค์ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าให้ความสำคัญกับการ “สร้างคน” เปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้แสดงทักษะความสามารถอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ได้จัดงาน Creative AI Club Hackathon ปีที่ 3 เปิดโอกาสให้เยาวชนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จนถึงระดับอุดมศึกษาชั้นปีที่ 1 เข้าร่วมเวิร์คช็อป 3 วัน 2 คืน พร้อมประชันไอเดียการสร้างสรรค์ผลงานปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ภายใต้ระยะเวลาอันจำกัดเพียง 24 ชั่วโมง โดยมีพี่ๆ เยาวชนจากโครงการค่าย Creative AI Camp รุ่นล่าสุด ก้าวขึ้นมาเป็นทีมผู้จัดงาน (Core Leader) และผู้ให้คำแนะนำรุ่นเยาว์ (Junior Mentor)
สำหรับหัวข้อการประชันไอเดียในปีนี้ คือ “What is the 7-Eleven of your dreams? สร้าง 7-Eleven ในฝันของคุณด้วยพลัง AI” เปิดโอกาสให้เยาวชนได้รับความรู้และสถานการณ์ปัญหา (Pain Point) จากทีมหน่วยธุรกิจ (Business Unit) ต่างๆ ของเซเว่น อีเลฟเว่น รวมถึงได้รับทราบฟังก์ชัน ฟีเจอร์ด้าน AI ที่เซเว่น อีเลฟเว่นมีอยู่แล้ว เพื่อให้เยาวชนได้แสดงศักยภาพ ระเบิดความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาสิ่งใหม่ พร้อมทั้งสามารถต่อยอดกับสิ่งที่มีอยู่แล้วด้วยนวัตกรรม AI
“เทคโนโลยี AI ในวันนี้กลายเป็นเทคโนโลยีทั่วไป หรือ Common Technology ที่คนใช้กันในชีวิตประจำวัน คนไทยจำนวนมากมีประสบการณ์กับ AI มากขึ้น น้องๆ คนรุ่นใหม่เองก็เช่นกัน เราจึงเปิดโอกาสให้น้องๆ สมัครเข้ามาแสดงศักยภาพ แสดงแนวคิดแปลกใหม่ในการสร้างสรรค์ AI ผ่านการประยุกต์ใช้กับร้านเซเว่น อีเลฟเว่น โดยปีนี้มีน้องๆ ให้ความสนใจสมัครถึงกว่า 400 คน ก่อนเราจะคัดเหลือ 40 คน ทีมที่ผ่านเข้ามาแข่งขันในปีนี้ หลายๆ ทีม ไม่เฉพาะทีมที่ได้รับรางวัล ต่างนำเสนอไอเดียแปลกใหม่และน่าสนใจมาก จนทั้งคณะกรรมการและผู้บริหารต่างชื่นชมถึงไอเดียของเหล่า Tech Talent” นายป๋วย กล่าว
ทั้งนี้ ซีพี ออลล์ ได้ให้ความสำคัญกับผลงานของเยาวชน และเปิดโครงการ Future Innovator เป็นโครงการฝึกงานที่ให้น้องๆ เยาวชนที่ผ่านกิจกรรม Creative AI Club Hackathon หรือ Creative AI Camp ได้เข้ามาร่วมต่อยอดผลงานของตัวเองหรือของเพื่อนที่ชนะในแคมป์ รวมถึงมีโอกาสได้รับพิจารณาเข้าทำงานร่วมกับซีพี ออลล์อย่างเต็มรูปแบบในอนาคต
สำหรับรางวัลชนะเลิศ จาก Creative AI Club Hackathon ครั้งที่ 3 ได้แก่ ทีมเหมียว กับผลงาน “กล้องวงจรปิด PathVision” ใช้กล้องวงจรปิดที่มี AI สำรวจพฤติกรรมการหยุดชมสินค้าของลูกค้าในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นแบบไม่ระบุตัวตน เพิ่มประสิทธิภาพการจัดผังร้าน และสร้างประโยชน์ต่อแบรนด์สินค้าและตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้าที่สามารถเข้ามาใช้บริการได้สะดวกมากยิ่งขึ้น (สมาชิกในทีม : สุธีร์ธิดา ปิยะจงวิวัฒน์, วรัญชิต วีระศักดิ์, พุฒิพร เจริญวิมลรักษ์ และคุณชมศมนต์ ชมภูคำ) รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ ทีม 7-Twelve กับผลงาน “7-OTP” นำข้อมูลจากเครื่อง POS ของเซเว่น อีเลฟเว่น มาทำนายอนาคต เพื่อให้สามารถแบ่งหน้าที่คนทำงาน และจัดระบบการทำงานในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น (สมาชิกในทีม : กมลพร ถอดมูล, ชิติพัทธ์ สร้อยสังวาลย์, พชรพรรณ จงบรรจบ, และวชิรวี ขำรักษา) รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ ทีม Kadjap.CPALL กับผลงาน “Eatit.AI” ไอเดียฟีเจอร์เสริม AI ในแอป 7-Eleven ที่ช่วยแนะนำสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการลูกค้า จัดเซ็ทสินค้า รวมถึงสามารถคำนวณแคลอรี ลดปัญหาลูกค้าเดินเข้ามาแล้วไม่รู้ว่าจะซื้ออะไร (สมาชิกในทีม : ธนภณ ธนาดุลเปรมเดช, ธนโชติ เทศกัณฑ์, ณภัทร ศรวิชัย และทรงพล ซ้ายขวา)
ด้านนายวรัญชิต วีระศักดิ์ (น้องอะตอม) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สายวิทย์-คณิต โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ปทุมธานี หนึ่งในสมาชิกทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ กล่าวว่า ผลงานของทีมเริ่มจาก Pain Point ว่า กล้องวงจรปิดในยุคแห่งเทคโนโลยี ควรทำได้มากกว่าฟังก์ชันทั่วไป จึงได้มองถึงการนำกล้องวงจรปิดที่มี AI มาช่วยสำรวจและวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าแบบไม่ระบุตัวตน อาทิ การสำรวจตำแหน่งที่ลูกค้าไปหยุดดูมากที่สุด แล้วสร้างเป็น Heat Map การสำรวจพฤติกรรมลูกค้า ณ ตำแหน่งต่างๆ ว่ามองตรง มองบน หรือมองล่าง เพื่อให้สามารถปรับปรุงผังร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงช่วยให้แบรนด์สินค้าต่างๆ ได้ทราบถึงพฤติกรรมภายในร้านสะดวกซื้อของผู้บริโภค
“การเข้ามาร่วม Creative AI Club Hackathon ของซีพี ออลล์ในครั้งนี้ ช่วยให้ได้รู้จักคนใหม่ๆ ได้ฝึกทำงานในเวลาที่จำกัด มีโจทย์ให้ได้พัฒนาตัวเอง โดยกว่าจะเป็นโปรเจกต์กล้อง PathVision ในครั้งนี้ ทีมอ่านเอกสารภาษาอังกฤษ อ่านสมการคณิตศาสตร์เยอะมาก เพื่อให้พัฒนาฟังก์ชันและโซลูชันได้อย่างเหมาะสม หากมีโอกาสก็อยากเข้ามาทำงานและต่อยอดผลงานนี้ให้เกิดขึ้นจริง และเชื่อว่าผลงานนี้สามารถประยุกต์ใช้ได้ ไม่เฉพาะในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น” นายวรัญชิต กล่าว
นายวรัญชิต กล่าวเพิ่มเติมว่า AI ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญมากๆ สำหรับมนุษย์ ช่วยให้มนุษย์เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้นมาก โลกในอนาคต ผู้ที่ใช้ AI เป็น กับผู้ที่ใช้ AI ไม่เป็น จะมีอัตราการประสบความสำเร็จ (Success Rate) แตกต่างกัน การไม่ปรับตัวให้ทัน จะส่งผลต่อความยากลำบากในการใช้ชีวิต ส่วนตัวจึงให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ด้าน AI และอยากประกอบอาชีพเป็น Tech Programmer โดยล่าสุด ได้รับโอกาสเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีดิจิทัล (CEDT) ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้ว
ทั้งนี้ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP ALL มีนโยบายส่งเสริมการศึกษา พัฒนาเยาวชน มุ่งมั่นจัดกิจกรรมสนับสนุนทักษะเยาวชนด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI อย่างต่อเนื่อง ผ่านหลากหลายเวที ได้แก่ 1.Creative AI Camp (CAI Camp) ค่ายพัฒนาทักษะ AI ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย-อุดมศึกษา ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีจากนานาประเทศ ระยะเวลา 3 เดือน 2.Creative AI Club (CAI Club) ชุมชนคน AI ที่เป็นพื้นที่เรียนรู้ พื้นที่สร้างสรรค์ผลงานด้าน AI มีกิจกรรม Workshop อย่างต่อเนื่อง 3.Creative AI Club Hackathon เวทีประชันไอเดียด้าน AI และพัฒนาผลงานภายใต้เวลาจำกัดเพียง 1-2 คืน สำหรับน้อง ๆ เยาวชนระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย-มหาวิทยาลัย ปี 1 และยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่อาจจัดขึ้นเพิ่มเติมในอนาคต ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดกิจกรรมและเวทีต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/caicampและ https://caicamp.cpall.co.th/
ประเทศไทย ได้ก้าวเข้าสู่ ‘สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์’ (Complete Aged Society) ตั้งแต่ปี 2565 ซีพี ออลล์-เซเว่น อีเลฟเว่น ในฐานะภาคเอกชนไทยที่มีความมุ่งมั่นในปณิธาน "Giving and Sharing" จึงได้เดินหน้านโยบายสร้างงาน “ผู้สูงอายุ” เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีอาชีพ มีรายได้ มีคุณค่า มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
จากข้อมูลของสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย โดยประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วนผู้สูงอายุเกินกว่าร้อยละ 10 ตั้งแต่ปี 2564 และคาดว่าในปี 2578 จะมีผู้สูงอายุสูงถึงร้อยละ 28 ของประชากรทั้งประเทศ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแค่ส่งผลต่อโครงสร้างประชากร แต่ยังส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจและตลาดแรงงานอย่างมีนัยสำคัญ
เพื่อรองรับความท้าทายนี้ ซีพี ออลล์ จึงได้ริเริ่มนโยบายสร้างงานผู้สูงอายุ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายกระทรวงแรงงาน จึงได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการมีงานทำให้ผู้สูงอายุ (MOU) โดยใช้แพลตฟอร์มชื่อว่า “ไทยมีงานทำ” เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้มีงานทำ มีอาชีพ มีรายได้ เลี้ยงดูตนเองและครอบครัว ได้ทำงานในสถานประกอบการ รวมทั้งเป็นการสร้างหลักประกันที่มั่นคง สร้างคุณค่าและความภาคภูมิใจให้แก่ตนเอง ตลอดจนเป็นการเพิ่มบทบาทและคุณค่า ด้วยการมีส่วนร่วมในเชิงเศรษฐกิจ ลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐในด้านสวัสดิการ
นางสาวนวล ชอบธรรม อายุ 80 ปี ชื่อเล่น นวล (พนักงานในร้านเรียกว่า ป้านวล) ตำแหน่ง แม่บ้านร้าน 7-Eleven สาขา สีลม 22 ทำงานที่นี่มาแล้วกว่า 12 ปี โดยมาสมัครเป็นพนักงานด้วยตัวเอง สิ่งที่ป้านวลได้รับจากการทำงาน คือความรู้สึกภูมิใจในตัวเอง เพราะสามารถพึ่งพาตัวเองได้ มีสุขภาพกายและใจที่ดี เพราะได้ขยับร่างกายตลอด มีน้องๆ ลูกๆ หลานๆ ในร้านให้ได้พูดคุยไม่เหงา มีเงินเดือน เลี้ยงดูตัวเองได้ หากใครผ่านมาแถวสีลมอย่าลืมแวะมาทักทายป้านวลกันด้วยนะ หรือผู้ที่สนใจร่วมงานกับ ซีพี ออลล์ และบริษัทในกลุ่มธุรกิจฯ สามารถกดติดตามช่องทางต่างๆ Job CP ALL เพื่อไม่ให้พลาดตำแหน่งงานใหม่ๆ ได้ที่ https://linktr.ee/Job_CPALL
ซีพี ออลล์-เซเว่น อีเลฟเว่น มีนโยบายสร้างงานให้กับคนในทุกท้องถิ่น รวมถึงกลุ่มเปราะบาง ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ตอบโจทย์เป้าหมายการสร้างงาน สร้างอนาคตให้กับคนไทย ตามปณิธานองค์กร Giving and Sharing มุ่งมั่นเคียงคู่ชุมชน สร้างสรรค์สังคมยั่งยืน ปัจจุบันซีพี ออลล์มีพนักงานกว่า 200,000 คนกระจายอยู่ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่มีงานที่มั่นคง มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
กองทุนเพื่อชีวิตแห่งการเรียนรู้ (PIM SMART) จัดงานครบรอบ 12 ปี PIM SMART มอบโล่เชิดชูเกียรติแก่ครูต้นแบบ โรงเรียนต้นแบบ และองค์กรต้นแบบ พร้อมมอบเกียรติบัตรเชิดชูศิษย์เก่าต้นแบบ PIM SMART STAR จำนวน 74 คน ณ ห้อง Auditorium ชั้น 16 อาคาร CP All Academy สถาบันการจัดการปัญญภิวัฒน์ ถ.แจ้งวัฒนะ
กองทุนเพื่อชีวิตแห่งการเรียนรู้ (PIM SMART) เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 2555 กว่า 12 ปี แห่งการให้โอกาส สนับสนุนเงินช่วยเหลือค่าครองชีพ การใช้ชีวิต หางานพิเศษให้นักศึกษามีรายได้เสริม รวมถึงให้คำปรึกษาด้านต่าง ๆ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้บริหารสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (พีไอเอ็ม) บมจ.ซีพี ออลล์ บริษัทในกลุ่มฯ รวมถึงบริษัทคู่ค้า และโรงเรียนเครือข่ายพันธมิตร เพื่อส่งมอบโอกาสทางการศึกษาร่วมสร้างคนเก่ง คนดี มีความสามารถสู่สังคม
ภายในงาน ดร.มนตรี คงตระกูลเทียน คณบดีคณะเกษตรนวัตและการจัดการ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (พีไอเอ็ม) มอบโล่เชิดชูเกียรติแก่ครูต้นแบบ โรงเรียนต้นแบบ องค์กรต้นแบบ ด้านนางปาริชาต บัวขาว รองอธิการบดี ส่วนสื่อสารองค์กรและการตลาด มอบเกียรติบัตรแก่ศิษย์เก่า และนางสาวอัจฉรา พวงแก้ว ผู้อำนวยการกองทุนเพื่อชีวิตแห่งการเรียนรู้ กล่าวต้อนรับผู้ร่วมงาน อีกทั้งได้รับเกียรติจาก พลเรือเอกทักษิณ ฤกษ์สังเกตุ ที่ปรึกษาฝ่ายการศึกษาสงเคราะห์ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ รวมถึงตัวแทนจากองค์กรพันธมิตร ร่วมแสดงความยินดีกับนักศึกษาในกองทุนฯ
ในงานมีการแสดงร้องเพลงประสานเสียงจากน้อง ๆ ในกองทุนฯ กิจกรรม Home Coming จาก PIM JOY สำนักแนะแนวและรับสมัคร บูธกิจกรรมแจกสินค้า และเกมจากองค์กรพันธมิตร ได้แก่ บริษัท ไบร์มายด์ รีเทล จำกัด, บริษัท ฟอนเทียร่า แบรนด์ส (ประเทศไทย), บริษัท ซี.พี.คอนซูเมอร์โพรดักส์ จำกัด, บริษัท ซีพีเอฟ โกลบอล ฟู้ด โซลูชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท เดอะ โมสท์ บิวตี้ จำกัด และบริษัท ปวีณ์มล จำกัด ปิดท้ายด้วยการแสดงมินิคอนเสิร์ต ศิลปินวงละอองฟองวง PIM RANGER PIM BAND บรรยากาศภายในงานอบอวลไปด้วยความสนุกสนานและอบอุ่น
PIM SMART ถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของซีพี ออลล์ ที่มีความมุ่งมั่นในการ “สร้างคน” สนับสนุนนักศึกษาได้ใช้ชีวิตอย่างเท่าเทียม ได้รับการศึกษาอย่างยั่งยืน เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ยกระดับฐานะของครอบครัวและตนเอง พร้อมส่งมอบโอกาสให้นักศึกษาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันกองทุนฯ สนับสนุนช่วยเหลือนักศึกษามาแล้ว 1,280 คน ด้วยทุนการศึกษามูลค่ากว่า 46 ล้านบาท และยังคงเป็นกำลังสำคัญส่งมอบโอกาสให้นักศึกษาก้าวเดิน มีอาชีพ และเป็นบุคคลคุณภาพ เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ สังคม และองค์กร
ทำไมบางธุรกิจถึงเติบโตอย่างรวดเร็ว ในขณะที่บางธุรกิจไม่สามารถแข่งขันได้? หนึ่งในคำตอบสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้คือ “นวัตกรรม” ยิ่งในโลกที่ตลาดมีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงรอบด้านอย่างในปัจจุบัน นวัตกรรม ถือเป็นอาวุธสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ที่จะช่วยสร้างความต่างและความโดดเด่นให้กับสินค้า จนนำไปสู่การสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน
เหมือนดังเช่น 2 SME ชื่อดังในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ที่นำนวัตกรรมมาเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ จนประสบความสำเร็จและมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ บริษัท กิติธัญ จำกัด ผู้ผลิตเสื้อผ้าแบรนด์ GQ แบรนด์ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 58 ปี การันตีได้ถึงคุณภาพ มาวันนี้แตกแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ “GQ EASY” (จีคิว อีซี่) กับนวัตกรรมแห้งเย็น ไม่เหม็นเหงื่อ และอีกหนึ่ง SME ที่น่าจับตามองก็คือ บริษัท โกรว เวลธ์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายทิชชู่เปียกแบรนด์ “ViVa” (วีว่า) ที่นำนวัตกรรมกักเก็บความชื้นไว้ในผ้า ทำให้ผ้ามีความชุ่มชื้นสูง โดยเข้าตลาดได้เพียง 6 เดือน ก็มียอดออเดอร์จำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นสูงถึง 10,000 ลัง
GQ EASY : พัฒนาสินค้าจากปัญหา ศึกษาข้อมูลตลาด ราคาจับต้องได้ หาซื้อง่าย
หากเอ่ยถึงแบรนด์ GQ ที่ถือกำเนิดมาในปี 2509 เชื่อว่าทุกคนคงจะรู้จักเป็นอย่างดี ในฐานะผู้ผลิตเสื้อผ้าบุรุษสำเร็จรูปพร้อมใส่เจ้าแรกๆของเมืองไทยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการและสภาพอากาศของเมืองไทยได้เป็นอย่างดี สู่การเป็นแบรนด์สินค้าคุณภาพที่มีนวัตกรรมอย่างเต็มตัวในปี 2562 โดยได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มสุภาพบุรุษ กระทั่งในปี 2563 GQ ได้พัฒนาสินค้าตัวใหม่ที่สร้างชื่อจนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง สามารถใช้ได้ทุกเพศ ทุกวัย นั่นก็คือ หน้ากากผ้าสะท้อนน้ำ และถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเริ่มจำหน่ายสินค้าในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
จากผลการตอบรับที่ดีดังกล่าว มาวันนี้ GQ ได้แตกแบรนด์ใหม่ชื่อว่า “GQ EASY” เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้กว้างขึ้น แต่ยังคงรักษาคอนเซ็ปต์แบรนด์สินค้าคุณภาพที่มีนวัตกรรมไว้ได้อย่างครบถ้วน ในราคาที่จับต้องได้ เข้าถึงได้ง่าย เปรี้ยว-อาทิตย์ จันทรางศุ ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ บริษัท กิติธัญ จำกัด ได้เล่าถึงแนวคิดการพัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์ GQ EASY ว่า จากการตอบรับที่ดีจากหน้ากากผ้าสะท้อนน้ำ ที่วางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทำให้บริษัทมีแนวคิดที่จะผลิตสินค้าเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปชื่นชอบความสะดวกสบาย และเหมาะสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย จากเดิมที่มุ่งเน้นกลุ่มสุภาพบุรุษ จึงได้มีการคิดค้นและพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง จนได้ออกมาเป็นแบรนด์ GQ EASY ที่เริ่มวางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นในปี 2565 มีสินค้าหลากหลาย อาทิ เสื้อยืด หน้ากากผ้า ชั้นในชาย เป็นต้น ในราคาเพียงหลักร้อยเท่านั้น
จุดเด่นของ GQ EASY ในทุกผลิตภัณฑ์ คือ แห้งเย็น ไม่เหม็นเหงื่อ เหมาะกับการใส่ในชีวิตประจำวัน ราคาย่อมเยา หาซื้อง่าย มีหลากหลายแบบให้เลือกซื้อหา ล่าสุด ได้ออกคอลเลคชั่นพิเศษ GQ Easy x Toy Story กับดีไซน์สุดน่ารักของ Little Green Men หรือ น้องเอเลี่ยนสามตา ที่มาพร้อมนวัตกรรมดับกลิ่นที่ช่วยลดการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ แม้ต้องตากในที่ร่ม ทำให้มั่นใจได้ในทุกกิจกรรมและทุกสถานการณ์ ผ้านุ่มใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี ผ้าแห้งไว
“หลายคนอาจจะคิดว่า การผลิตเสื้อผ้าต้องอิงตามกระแสแฟชั่นถึงจะได้รับการตอบรับที่ดี แต่สำหรับบริษัทมุ่งเน้นเรื่องของนวัตกรรมควบคู่กับการออกแบบมาตลอด รวมถึงมีการศึกษาข้อมูลตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลิตสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด จึงทำให้บริษัทอยู่ในตลาดมาได้อย่างมั่นคงถึง 58 ปี และใน GQ EASY คอลเลคชั่นล่าสุดก็เช่นเดียวกัน นอกจากนวัตกรรมแห้งเย็น ไม่เหม็นเหงื่อแล้ว บริษัทได้นำแบบสำรวจระดับอาเซียนเกี่ยวกับตัวการ์ตูนใน Toy Story มาศึกษาว่าตัวการ์ตูนใดได้รับความสนใจจากตลาด พบว่า น้องเอเลี่ยนสามตา ได้รับความสนใจมากที่สุด จึงปรึกษากับทางเซเว่นฯ เพื่อนำมาใช้เป็นตัวการ์ตูนบนเสื้อ ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี โดยเริ่มวางจำหน่ายเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ในราคาตัวละ 259 บาท คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนสินค้าตัวอื่นๆ”
ViVa : ส่งนวัตกรรมทรีตน้ำ-ผ้าลายรังผึ้ง สร้างความต่าง ครึ่งปีออเดอร์ 10,000 ลัง
ถึงแม้ตลาดทิชชู่เปียกจะเป็นตลาด Red Ocean ที่มีการแข่งขันสูง และมีผู้เล่นจำนวนมาก ทั้งจากรายเล็ก รายใหญ่ หรือแม้แต่จากต่างประเทศ ทำให้ SME หลายๆ เจ้าไม่กล้าลงตลาด แต่สำหรับ จูน-กษมา ศิลาชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกรว เวลธ์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายทิชชู่เปียกแบรนด์ ViVa ไม่หวั่นแต่อย่างใด เพราะเชื่อมั่นในตัวสินค้าว่ามีความโดดเด่นแตกต่างจากสินค้าอื่นในตลาด
จูน เล่าย้อนความถึงแนวคิดและความเป็นมาของ ViVa ให้ฟังว่า ส่วนตัวเป็นคนชอบใช้ทิชชู่เปียกอยู่แล้ว และคิดว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งสินค้าจำเป็นของคนในยุคปัจจุบัน หลังเผชิญวิกฤตโควิด 19 คนใส่ใจเรื่องความสะอาดมากขึ้น จึงได้ทำการศึกษาตลาดอย่างจริงจัง ทำให้พบว่าทิชชู่เปียกถือเป็นหนึ่งในสินค้าที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ที่สามารถใช้ได้ทุกเพศ ทุกวัย รวมถึงมีผู้เล่นในตลาดจำนวนมาก แต่ก็ยังพอมีช่องว่างที่จะเข้าตลาดอยู่ จึงได้เริ่มนำนวัตกรรมมาใช้ในการผลิตเพื่อสร้างจุดเด่นให้กับสินค้า
“บริษัทได้คิดค้นสูตรเฉพาะและวางจำหน่ายตัวแรกคือ Organic Baby Wipes (ออร์แกนิค เบบี้ ไวพส์) ในขนาด 20 แถม 10 แผ่น ราคา 25 บาทโดยใช้นวัตกรรมทรีตน้ำให้มีความสะอาด บริสุทธิ์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้บริโภคจะได้รับสินค้าที่สะอาดและปลอดภัย อีกทั้งลายของเนื้อผ้าที่เป็นลายรังผึ้ง ยังสามารถช่วยกักเก็บน้ำได้ดีกว่าผ้าลายอื่น ทำให้ทิชชู่เปียกของViVa มีส่วนประกอบของน้ำถึง 99% และลายรังผึ้งนี้ยังช่วยเพิ่มผิวสัมผัสให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มความพิเศษด้วยการเติมออร์แกนิคอะโรเวล่าและอาโวคาโดออย เพื่อให้ความชุ่มชื้นกับผิวและยังอ่อนโยนต่อผิว เด็กสามารถใช้ได้ อีกทั้งยังไม่มีแอลกอฮอล์และพาราเบนที่อาจส่งผลกระทบต่อผิวหนัง”
โดย Organic Baby Wipes เริ่มวางจำหน่ายที่เซเว่น อีเลฟเว่น ควบคู่กับการทำการตลาดผ่านสื่อโซเซียลส่วนตัวและทั่วไป อาทิ Facebook, TikTok, Instagram ตั้งแต่เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีออเดอร์แรกที่วางจำหน่ายในเซเว่น อีเลฟเว่น อยู่ที่ 1,400 ลัง หลังจำหน่ายได้เพียง 2 เดือน ได้รับการแจ้งจากเซเว่น อีเลฟเว่น ว่ามีลูกค้ามาสอบถามถึงสินค้าและการปรับขนาดบรรจุเป็นจำนวนมาก จึงได้มีการสั่งเพิ่มออเดอร์เป็นขนาดบรรจุ 90 แผ่น ราคา 79 บาทอีกหนึ่งขนาด ส่งผลให้ในปัจจุบันมีออเดอร์ทั้ง 2 ขนาดรวมมากกว่า 10,000 ลัง สิ่งที่ทำให้สินค้าได้รับการตอบรับที่ดี นอกจากเรื่องคุณภาพแล้ว ราคายังตอบโจทย์ความต้องการ เพราะบริษัทมุ่งมั่นตั้งใจที่จะผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ในราคาที่จับต้องได้ เพื่อให้คนไทยทุกคนสามารถใช้สินค้าไทยที่มีคุณภาพได้อย่างสบายใจ
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่มีประวัติมาอย่างยาวนานถึง 58 ปีอย่าง GQ หรือจะเป็นธุรกิจที่เพิ่งเริ่มผลิตสินค้าและทำตลาดอย่าง ViVa ต่างก็นำ “นวัตกรรม” มาเป็นตัวช่วยสร้างความแตกต่างและความโดดเด่นให้กับตัวสินค้า ทั้งนี้ เพื่อให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้แข็งแกร่งท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงรอบด้าน อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างการเติบโตในอนาคตให้กับ 2 ธุรกิจคู่ไปกับเซเว่น อีเลฟเว่น ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายสร้างอาชีพ สร้างเอสเอ็มอีให้เติบโตอย่างยั่งยืนของซีพี ออลล์