

Dow ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัลนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ระดับโลก หรือ Packaging Innovation Awards (PIA) ครั้งที่ 35 โดยมีบรรจุภัณฑ์จากบริษัท สตาร์ปริ๊นท์ จำกัด (มหาชน) จากประเทศไทย ได้รับรางวัลแพลตินัม (Platinum award winner) ซึ่งผลงานทั้งหมดที่ได้รับรางวัลถูกจัดแสดงสู่สายตาผู้เชี่ยวชาญ ผู้ประกอบ และผู้ที่สนใจด้านบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและตอบเทรนด์โลกปัจจุบันกว่า 300,000 คน เมื่อวันที่ 23-25 ตุลาคมที่ผ่านมาในงานเเสดงสินค้าบรรจุภัณฑ์นานาชาติโตเกียว (Tokyo Pack 2024)
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากทั่วโลก 18 ท่าน ที่มีความรู้กว้างขวางในหลากหลายด้านที่เกี่ยวข้องกับบรรจุภัณฑ์ได้ประชุมคัดเลือกผู้เข้ารอบสุดท้ายกันที่กรุงเทพฯ ซึ่งจัดขึ้นในเอเชียเป็นครั้งแรก ด้วยจำนวนบรรจุภัณฑ์ที่ส่งเข้าประกวดกว่า 300 ผลงานจากทั่วโลก จากนั้นได้คัดเลือกผู้ชนะ 28 รายที่มีความโดดเด่นใน 3 หลักเกณฑ์สำคัญ ได้แก่ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แสดงออกถึงความรับผิดชอบและส่งเสริมความยั่งยืน และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค โดยได้จัดพิธีมอบรางวัลที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการนานาชาติโตเกียว Tokyo Big Sight

บริษัท สตาร์ปริ๊นท์ จำกัด (มหาชน) จากประเทศไทย ได้คิดค้นผลงาน “กล่องบรรจุภัณฑ์ของ Macada สำหรับถั่วแมคคาเดเมีย” ที่ออกแบบครอบคลุมการใช้งานตามหลัก Universal Design (การออกแบบเพื่อทุกคน) โดยมีการเพิ่มตัวอักษรเบรลล์ที่จุดเปิดเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการทางสายตา และใช้ซิปเปอร์เพื่อให้ผู้สูงอายุและทุกคนสามารถเปิดกล่องได้ง่ายขึ้น แผงด้านหน้าสามารถขยายได้เพื่อใช้เป็นภาชนะทิ้งเปลือกแมคคาเดเมีย บรรจุภัณฑ์มีการซีลสุญญากาศจึงช่วยรักษาคุณภาพของสินค้า กล่องทำจากกระดาษที่รีไซเคิลได้ 100% สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ใช้หมึกถั่วเหลืองในการพิมพ์ซึ่งปลอดภัยต่ออาหาร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้เป็นผู้ประกอบการไทยรายเดียวที่ได้รับรางวัลแพลตินัม (Platinum award winner) ในปีนี้

นางคาเรน เอส คาร์เตอร์ ประธานฝ่ายธุรกิจบรรจุภัณฑ์และพลาสติกชนิดพิเศษของ Dow กล่าวว่า “ผลงานในปีนี้สะท้อนถึงความก้าวหน้าของนวัตกรรมและความสำเร็จที่สะสมมาจากการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ในระดับโลก ผลงานที่ได้รับรางวัลมีความหลากหลายและยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นวัสดุขั้นสูงที่ยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการออกแบบที่ช่วยลดขยะบรรจุภัณฑ์ได้อย่างมหาศาล นวัตกรรมที่ถูกคิดค้นขึ้นเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของอุตสาหกรรมในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน รางวัลนี้ไม่เพียงเฉลิมฉลองความสำเร็จในปัจจุบัน แต่ยังเป็นเวทีสำหรับความก้าวหน้าในอนาคตในวงการบรรจุภัณฑ์ทั่วโลก”

นายบัมบัง จันดรา รองประธานฝ่ายธุรกิจภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และพลาสติกชนิดพิเศษของ Dow กล่าวเพิ่มเติมว่า “ด้วยบทบาทของเอเชียในฐานะศูนย์กลางการผลิตของโลก การจัดงานมอบรางวัลนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคนี้เป็นครั้งแรกถือเป็นก้าวสำคัญ และได้รับการตอบสนองอย่างดีเยี่ยมจากภาคอุตสาหกรรมด้วยผลงานที่ส่งเข้าประกวดเกือบครึ่งหนึ่งมาจากเอเชีย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของภูมิภาคนี้ในการกำหนดอนาคตของบรรจุภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมในวัสดุศาสตร์ การคิดเชิงออกแบบ และความยั่งยืน”

นายเดวิด ลุทเทนเบอร์เกอร์ ประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัล PIA ครั้งที่ 35 และผู้อำนวยการด้านบรรจุภัณฑ์ระดับโลก บริษัท มินเทล จำกัด กล่าวเสริมว่า “หลังจากนั่งเป็นกรรมการตัดสินมานานกว่าสิบปี สิ่งที่น่ายินดีที่สุดคือการได้เห็นการเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการมอบรางวัลให้กับผลงานใหม่ต่าง ๆ อย่างเช่นรางวัลพิเศษสำหรับตลาดใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงการบุกเบิกบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุเพียงชนิดเดียวเพื่อให้รีไซเคิลได้ (mono-material) นี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงภูมิทัศน์ระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าไอเดียใหม่ ๆ สามารถกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมลูกค้าของเราได้จริง ๆ”
ท่านสามารถดูรายละเอียดผลงานผู้ชนะรางวัลเพิ่มเติมได้ที่นี่ โดยรายชื่อผู้ได้รับรางวัล 28 ทีม ประกอบด้วย
ผู้ชนะรางวัลไดมอนด์:
รายชื่อผู้ได้รางวัลแพลตินัม:
รายชื่อผู้ได้รางวัลโกลด์:
รายชื่อผู้ได้รางวัลซิลเวอร์:
รายชื่อผู้ได้รางวัลพิเศษ:
โครงการ "Go Green with Taiwan" ประกาศรายชื่อ 17 ทีมที่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศจาก 12 ประเทศ ได้แก่ เคนยา แคนาดา สหราชอาณาจักร ลักเซมเบิร์ก ฮังการี ยูเครน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินเดีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และมาเลเซีย
โครงการนี้เปิดรับผลงานตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน ถึง 31 สิงหาคม 2567 โดยมีผู้ส่งแผนงานรวม 396 ราย จาก 45 ประเทศ ซึ่งประเทศที่มีส่วนร่วมมากที่สุดได้แก่ เวียดนาม อินเดีย ฟิลิปปินส์ โปแลนด์ ไทย มาเลเซีย
สหราชอาณาจักร และอินโดนีเซีย
สำหรับโครงการ "Go Green with Taiwan" จัดโดยกรมการค้าระหว่างประเทศ (TITA) ภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจ (MOEA) และดำเนินการโดยสภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกไต้หวัน (TAITRA) มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนให้บุคคล สถาบันสังคม และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ร่วมส่งไอเดียที่ใช้ผลิตภัณฑ์และโซลูชันสีเขียวของไต้หวันเพื่อทำให้โลกดีขึ้น สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสีเขียวของไต้หวัน ตลอดจนความมุ่งมั่นของไต้หวันในการพัฒนาความยั่งยืนระดับโลก
ผลงาน 6 ทีมที่เข้ารอบสุดท้ายจะประกาศในวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ โดยผู้เข้ารอบสุดท้ายจะได้เดินทางไปร่วมแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศที่ไต้หวัน โดยสมาชิกในทีมสูงสุด 2 ท่าน จะได้รับตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัด ไป-กลับ ไต้หวัน พร้อมที่พักฟรี และโอกาสดูงานเพื่อเรียนรู้การดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนของไต้หวัน และ ผู้ชนะ 3 อันดับสุดท้าย จะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 700,000 บาท ซึ่งจะประกาศผลในวันที่ 11 ธันวาคม 2024
ทั้งนี้ รายชื่อ 17 ทีมที่เข้ารอบรองชนะเลิศจากทั่วโลก ได้แก่


โครงการ "Go Green with Taiwan" เป็นแคมเปญระดับโลกที่มุ่งค้นหาแนวคิดใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาสังคมท่ามกลางความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม โครงการนี้สะท้อนถึงความร่วมมือทางเทคโนโลยีของไต้หวันในการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ โดยเปิดโอกาสให้บุคคล องค์กร และ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (NGOs) ส่งแนวคิดที่ใช้ผลิตภัณฑ์หรือโซลูชันของไต้หวันเพื่อสร้างโลกที่ดีกว่า
สำหรับตัวแทนจากประเทศไทยที่เข้าร่วมโครงการและส่งแผนงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจหมุนเวียน, การกักเก็บพลังงาน, อาคารอัจฉริยะสีเขียว, ยานยนต์ไฟฟ้า, วัสดุก่อสร้างสีเขียว และการบำบัดน้ำ ถือเป็นการสร้างแรงบันดาลใจสำคัญ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมแนวคิดด้านความยั่งยืนและเทคโนโลยีสีเขียว ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในอนาคต ประสบการณ์ที่ได้รับจากเวทีระดับนานาชาตินี้จะช่วยปูทางให้ประเทศไทยก้าวสู่บทบาทที่โดดเด่นยิ่งขึ้นในการพัฒนาและนำเสนอแนวคิดเพื่อความยั่งยืนในเวทีโลก สร้างความเชื่อมั่นว่าความคิดสร้างสรรค์เหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
ติดตามหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ทางการของโครงการ Go Green with Taiwan https://gogreen.taiwanexcellence.org/ และเฟซบุ๊ก Taiwan Excellence TH
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าบัตร Krungsri Boarding Card รับฟรี พาย และซันเด แมคโดนัลด์ มูลค่าสูงสุด 88 บาท (พาย 1 ชิ้น สับปะรด หรือข้าวโพด และซันเด 1 ถ้วย ช็อกโกแลต หรือสตรอว์เบอร์รี) ที่ McDonald’s สาขาสนามบิน สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และเชียงใหม่ เพียงกดรับสิทธิ์ที่ KMA krungsri app เมนู GIFT & Privileges พร้อมแสดงบัตร Krungsri Boarding Card ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2567 – 28 กุมภาพันธ์ 2568
ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsri.com/th/promotions/cards/dining/mcdonalds-at-airport
*ศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้จากสื่อต่าง ๆ ของธนาคาร
นางสาวมิ่งขวัญ พัฒนวงศ์ (กลาง) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารแบรนด์และการตลาดองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยทีมผู้บริหาร รับรางวัล 2024 Thailand’s Social Power Brand อันดับ 1 ในกลุ่ม “ธนาคาร” ตอกย้ำความสำเร็จบนโลกโซเชียลมีเดีย (Social Media) ด้วยกลยุทธ์การสื่อสารและการตลาดที่สร้างสรรค์คอนเทนต์ส่งต่อเรื่อง “ความง่าย” ที่ตอบโจทย์ความต้องการและเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เพื่อบรรลุคำมั่นสัญญา “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน” (Make Life Simple)
กรุงศรีวางกลยุทธ์ กำหนดบทบาทและเป้าหมายของแต่ละโซเซียลมีเดียแพลตฟอร์มอย่างชัดเจน และเน้นการทำ Content Marketing ที่เข้าใจง่าย เพื่อสร้างให้โซเชียลมีเดียเป็นมากกว่าช่องทางการสื่อสาร โดยเป็นการสร้าง Seamless Ecosystem เชื่อมต่อโลกออนไลน์ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแบรนด์ได้ง่ายทุกวัน
รางวัล 2024 Thailand’s Social Power จัดทำขึ้นโดย BrandAge ร่วมมือกับ Mandala AI. ทำการสำรวจผลการรับรู้ในเรื่องของแบรนด์บนโลกออนไลน์ โดยใช้เครื่องมือเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย เทคโนโลยี Big Data และ AI สะท้อนถึงมุมมองชาวเน็ตในโลกโซเชียลที่มีต่อแบรนด์ในกลุ่มการสำรวจทั้งหมด 35 กลุ่มในรอบ 1 ปี ตั้งแต่กรกฎาคม 2566 - มิถุนายน 2567
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เป็นประธานเปิดงานวันออมแห่งชาติ ประจำปี 2567 “ออมเงินอย่าออมมือ” และมอบรางวัลส่งเสริมการออมยอดเยี่ยมให้แก่ธนาคารโรงเรียนดิจิทัล ธนาคารโรงเรียน และรางวัลเชิดชูเกียรติครูและธนาคารโรงเรียนต้นแบบ รวม 20 รางวัล เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการออม รวมถึงปลูกฝังจิตสำนึกและเสริมสร้างวินัยทางการเงินให้กับเยาวชนและประชาชน โดยภายในงานมีทีมโค้ชออม วิทยากรด้านการออมและการเงินของธนาคารออมสิน มาร่วมให้ความรู้และเปิดตัวเกม "มันนี่ปังปัง"

ซึ่งเป็นสื่อส่งเสริมการออมรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานระหว่างบอร์ดเกมกับการจำลองสถานการณ์เพื่อวางแผนการเงินที่สนุกสมจริง และจัดสรรการออมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 และสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์รับกระปุกออมสิน Thailand Soft Power ไว้แล้ว สามารถรับกระปุกได้ที่สาขาธนาคารออมสินที่ลงทะเบียนตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2567
LINE BK ผู้นำด้าน Social Banking ของไทย ฉลองครบรอบ 4 ปีแห่งความสำเร็จ พร้อมก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพลิกโฉมบริการทางการเงินดิจิทัลที่เข้าถึงง่ายและครอบคลุมทุกความต้องการของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นการฝาก ถอน โอน ยืม หรือซื้อประกัน ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในแอปพลิเคชัน LINE อย่างครบครัน โดยมีผู้ไว้วางใจใช้งานทุกบริการรวมกว่า 7 ล้านคนทั่วประเทศ ด้านบริการยืมเงินยังเป็นบริการหลักที่ช่วยเหลือคนไทยในทุกช่วงเวลาสำคัญ ปัจจุบันให้วงเงินลูกค้ากว่า 7 แสนคน มียอดสินเชื่อคงค้างกว่า 21,000 ล้านบาท ภายใต้นโยบายปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบและการบริหารพอร์ทหนี้เสียที่ดี

ธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด กล่าวว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา LINE BK ได้เปลี่ยนแปลงวงการการเงินดิจิทัลของไทย ด้วยการให้บริการทางการเงินผ่านแอปพลิเคชัน LINE ที่เป็นที่นิยมอันดับ 1 ของคนไทย ในฐานะ Social Banking รายแรกของประเทศ โดยได้สร้างพฤติกรรมใหม่ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบัญชีเงินฝาก ถอน โอน สแกนจ่าย QR บริการบัตรเดบิตออนไลน์ บริการขอสินเชื่อ รวมทั้งบริการนายหน้าประกัน
“LINE BK ได้เข้ามาท้าทายความเชื่อเดิมที่ว่าบริการทางการเงินต้องทำผ่านธนาคารเท่านั้น โดยเราต้องการเปลี่ยนเรื่องเงินให้ง่ายและใกล้ตัวทุกคนมากขึ้น ด้วยการรวมทุกบริการทางการเงินไว้ในแอป LINE แอปแชตอันดับหนึ่งในไทยที่มีผู้ใช้งานกว่า 56 ล้านคน (ข้อมูลล่าสุด มิถุนายน 2567) เราได้ทลายข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อให้คนไทยเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างสะดวก ทั้งการทำธุรกรรมการเงินต่าง ๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปธนาคาร หรือแม้กระทั่งผู้ที่ไม่มีสลิปเงินเดือนก็สามารถสมัครขอสินเชื่อกับเราได้”
บริการการเงินที่ครบจบใน LINE
LINE BK มีผู้ใช้บริการมากกว่า 7 ล้านคนทั่วประเทศ โดยกลุ่มอายุที่ใช้บริการมากที่สุด คือ 20-40 ปี คิดเป็น 67% ของลูกค้าทั้งหมด จังหวัดที่มีผู้ใช้บริการสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี และสมุทรปราการ ตามลำดับ ในส่วนของอาชีพ ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ประกอบอาชีพอิสระถึง 42% รองลงมาเป็นพนักงานประจำ 39% และอาชีพอื่น ๆ อีก 19% ขณะที่บริการหลักของ LINE BK ในปัจจุบันยังคงครอบคลุมทุกด้าน รายละเอียดดังนี้
วงเงินให้ยืม
บริการสินเชื่อของ LINE BK ที่เคียงข้างคนไทยทั้งวงเงินให้ยืมและวงเงินให้ยืมนาโน ปัจจุบันมีลูกค้าใช้งานกว่า 7 แสนคน ทั่วประเทศ เฉลี่ยวงเงินสินเชื่อต่อคนประมาณ 44,000 บาท สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของ LINE BK ในการช่วยให้ลูกค้ามีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากยิ่งขึ้น ที่ผ่านมา บริษัทฯ บริหารความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ปัจจุบันคุมหนี้เสีย (NPL) ได้อยู่ที่ 3% โดยพอร์ทสินเชื่อมียอดคงค้างกว่า 21,000 ล้านบาท และยอดสินเชื่อที่ปล่อยรวมตั้งแต่เปิดให้บริการสูงกว่า 90,000 ล้านบาท
LINE BK ยังคงมุ่งเน้นการให้บริการสินเชื่อที่เข้าถึงง่ายสำหรับคนทุกกลุ่ม ล่าสุดร่วมมือกับ LINE MAN Wongnai ในการพัฒนาโมเดลสินเชื่อใหม่สำหรับร้านค้าบนแพลตฟอร์ม LINE MAN เพื่อปรับปรุงและเพิ่มโอกาสให้ร้านค้าเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น โดยสามารถเสนอวงเงินสินเชื่อที่เหมาะสมกับยอดขายของร้านค้าได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะเริ่มใช้งานภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง เช่น ปรับปรุงระบบเพื่อให้ลูกค้า K PLUS สามารถสมัครสินเชื่อได้ทันทีโดยไม่ต้องเปิดบัญชีเงินฝากใหม่ รวมถึงพัฒนาระบบ AI เพื่อคัดกรองลูกค้าที่มีคุณภาพ ทำให้กระบวนการอนุมัติสินเชื่อมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งจะมีการพัฒนาให้รองรับการส่งเอกสารหลักฐานประกอบการสมัครสินเชื่อที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ LINE BK ขอแนะนำผู้ใช้บริการสินเชื่อให้กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
เรื่องเงินง่ายใน LINE
LINE BK ยังคงเน้นความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมทางการเงิน นอกเหนือจากบริการหลักที่ลูกค้าสามารถโอนเงินผ่านแชทหรือสแกนจ่ายด้วย QR Code ได้ง่าย ๆ จากหน้าแชท LINE รวมถึงสามารถเปิดบัญชีเงินฝากและสมัครบัตรเดบิตได้ภายในแอปฯ ช่วยให้ลูกค้าจัดการการเงินได้ทุกที่ทุกเวลาแล้ว ในปีนี้ยังได้พัฒนาระบบเพื่อการใช้งานที่ราบรื่นยิ่งขึ้น เช่น ปรับหน้าแรกของ LINE BK ให้สามารถเลือกดูข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการก่อนกดสมัครได้ และในปีหน้า LINE BK จะเพิ่มนวัตกรรมที่ผสมผสานโซเชียลกับธุรกรรมการเงิน เพื่อให้การทำธุรกรรมผ่านบัญชีง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีใหม่มาช่วยให้ลูกค้าจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลูกค้าจะได้ใช้บริการการเงินที่ล้ำหน้าและทันสมัย โดยไม่ต้องรอการเปิดตัวของ Virtual Bank ใหม่ ๆ

ประกันแพ็กเล็กเพื่อลูกค้าตัวเล็ก
หลังจากเปิดตัว บริษัท กสิกร ไลน์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ในปี 2566 LINE BK เปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึงความคุ้มครองด้านชีวิตและสุขภาพได้สะดวกและเป็นราคาที่เข้าถึงง่าย โดยเฉพาะกลุ่มคนตัวเล็ก เช่น ฟรีแลนซ์และลูกจ้างที่ยังไม่มีประกัน โดยแบบประกันที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ "ประกันผู้ป่วยนอกเบาเบา" ให้ความคุ้มครองผู้ป่วยนอก และประกันโรคร้ายเจอจ่ายซึ่งมีจุดเด่นที่สามารถซื้อความคุ้มครองแยกตามความต้องการได้ทำให้ค่าเบี้ยประกันถูกลง โดยแผนมะเร็งเป็นแผนที่มีความต้องการซื้อมากที่สุดในกลุ่มโรคร้ายแรง ทั้งนี้ จากสถิติพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงถึง 53% อยู่ในช่วงอายุ 25-34 ปี
โดยที่ผ่านมา LINE BK เป็นช่องทางออนไลน์ที่ขายประกันสุขภาพได้เป็นจำนวนมากเมื่อเทียบกับช่องทางอื่น ๆ ของพาร์ทเนอร์อย่างเมืองไทยประกันชีวิต ทำให้ LINE BK และ เมืองไทยประกันชีวิต ได้รับรางวัลนวัตกรรมผู้ประกันตน (Insurer Innovation Awards) จากเวที The World’s Digital Insurance Awards 2024 ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความสำเร็จในการสร้างสรรค์นวัตกรรมการซื้อประกันผ่าน LINE BK ที่เข้าถึงง่าย ตอบโจทย์กลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง โดยใช้ข้อมูลและประสบการณ์ลูกค้าแบบครบวงจรผ่านแพลตฟอร์ม LINE ทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายสูงสุดในการซื้อประกัน
และในเดือนนี้ (ตุลาคม 2567) LINE BK ได้เปิดตัว 2 แบบประกันใหม่ “ประกันชีวิต มีหนี้ไม่มีห่วง” เป้าหมายหลัก คือ ลูกค้าสินเชื่อของ LINE BK รวมถึงบุคคลที่กังวลเรื่องภาระหนี้ และต้องการมีหลักประกันให้คนข้างหลังในวันที่ตนเองไม่อยู่ และ “ประกันออมทรัพย์ ออมใจ 11/5” ที่เน้นการออมเงินพร้อมได้ความคุ้มครองชีวิต จ่ายเบี้ยระยะสั้น 5 ปี แต่คุ้มครองยาวถึง 11 ปี
แผนและเป้าหมาย
ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 5 LINE BK ยังคงมุ่งมั่นสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยนอกจากการขยายบริการด้านสินเชื่อที่เข้าถึงง่ายและตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มรายย่อยแล้ว บริษัทฯ ยังเน้นการพัฒนาบริการที่ครอบคลุมทุกมิติของการเงิน ทั้งออมและการประกันภัย ซึ่งทั้งหมดนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า และช่วยให้ทุกคนสามารถจัดการการเงินได้ครบวงจรผ่านแพลตฟอร์มเดียว ความมุ่งมั่นในการพัฒนาบริการเพื่อลูกค้าภายใต้นโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยนี้จะช่วยให้ LINE BK สร้างการเติบโตที่ยั่งยืน และมีบทบาทสำคัญในวงการการเงินดิจิทัลของไทยต่อไป
*คำแนะนำสำหรับผลิตภัณฑ์สินเชื่อ: กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว ดอกเบี้ยวงเงินให้ยืม 18%-25% ต่อปี ดอกเบี้ยวงเงินให้ยืมนาโน 33% ต่อปี
**คำแนะนำสำหรับผลิตภัณฑ์ประกันภัย: LINE BK Insurance Broker ในฐานะนายหน้าประกันภัย รับประกันภัยโดย บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
กรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง (KRUNGSRI PRIVATE BANKING) นำโดย นายพงษ์อนันต์ ธณัติไตร ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล พาลูกค้าคนสำคัญดื่มด่ำอรรถรสอาหารไทยสูตรต้นตำรับจากต้นเครื่อง รังสรรค์อย่างพิถีพิถันโดย เชฟวิชิต มุกุระ คลอเคล้าด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรมสไตล์ไทยวิจิตร โมเดิร์น ณ ห้องอาหารรอยัล โอชา การันตีด้วยรางวัลมิชลินไกด์ถึงห้าปีซ้อน อีกหนึ่งกิจกรรมสุดพิเศษที่ กรุงศรี คัดสรรมาเพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับแก่ลูกค้าคนพิเศษ

ดินเนอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ โดย กรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง ครั้งนี้ จัดขึ้นที่ รอยัล โอชา ร้านอาหารไทยที่ได้รับมิชลินไกด์ต่อเนื่องถึงห้าปีซ้อน (ปี 2563, 2564, 2565, 2566 และ 2567) นำเสนอเรื่องราวของวัฒนธรรมไทยด้วยเมนูอาหารไทยสุดประณีตที่ผ่านการสร้างสรรค์โดย เชฟวิชิต มุกุระ สุดยอดเชฟระดับแถวหน้าที่มากด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปี ที่ไม่เพียงพิถีพิถันในการปรุงอาหารแต่ละจานให้ได้สัมผัสอรรถรสทั้งรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส แบบครบรส หากยังแฝงด้วยเสน่ห์ปลายจวักของอาหารไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในบรรยากาศสไตล์ไทยสุดวิจิตร

สำรับไทยที่เสิร์ฟในมื้ออาหารค่ำสุดหรูครั้งนี้ สะท้อนถึงความโดดเด่นและเอกลัษณ์ของอาหารไทยที่มีครบทั้งรสชาติ และสีสัน ผ่านการสร้างสรรค์โดยเชฟวิชิต ที่คงคุณค่าความเป็นอาหารไทยดั้งเดิม แต่เสริมในเรื่องการพรีเซนต์ให้ดูร่วมสมัยด้วยความตั้งใจที่จะสื่อสารอาหารไทยสู่ระดับสากล ทั้งยังคงคอนเซปต์ของ รอยัล โอชา ที่เลือกใช้วัตถุดิบในการปรุงอาหารที่มีตามฤดูกาลต่าง ๆ เพื่อคงคุณค่าและรสชาติที่ดีที่สุดของวัตถุดิบ และยังคงความสมดุลให้ระบบนิเวศอีกด้วย โดยเสิร์ฟเป็นสำรับครบครันแบบไทยแท้ครบรสทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม ขม ปร่า มัน และฝาด เริ่มมื้อด้วยปลาแห้งแตงโม ม้าฮ่อ และกุ้งโสร่ง อาหารเรียกน้ำย่อยแบบชาววังที่หารสชาติแบบดั้งเดิมได้ยากในปัจจุบัน เป็นการจับคู่รสสดชื่นของผลไม้เมืองร้อนกับอาหารคาวได้อย่างลงตัว ต่อด้วยจานหลัก ที่แม้จะเป็นเมนูที่คุ้นเคยแต่กลับพรีเซนต์ออกมาได้อย่างเหนือชั้น ไม่ว่าจะเป็น ไข่ลูกเขยฝรั่ง ยำผักชีกับหมูสันในย่าง ไก่ทอดกับต้มขมิ้น กุ้งแม่น้ำผัดไหลบัว และปอเปี๊ยะปลาเก๋าแดงกับซอสพริกสดใบโหระพา ตบท้ายด้วยเมนูของหวานสไตล์ฟิวชันทั้ง เปียกปูนอ่อน ให้กลิ่นรสใบเตยหอมละมุน วุ้นกาแฟหยกมณีสตรอว์เบอร์รี และขนมบ้าบิ่นกับซอร์เบต์มะพร้าวอ่อน โดยระหว่างมื้ออาหารยังได้รับความเพลิดเพลินจากการแสดงนาฏศิลป์ไทยทั้งการรำและหุ่นละครเล็ก ประกอบดนตรีอันไพเราะ

งานเลี้ยงรับประทานอาหารค่ำสุดพิเศษ ณ ร้านอาหารรอยัล โอชา นี้ นับเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์เหนือระดับที่ทางกรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง ตั้งใจคัดสรรมาเป็นพิเศษแทนคำขอบคุณในความไว้วางใจที่ลูกค้ามีให้กับกรุงศรี

บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการคุณภาพที่ครอบคลุมบริการหลังการขายอย่างครบวงจรที่สุด เพื่อส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัย ‘Livable Living Experience’ ให้กับลูกค้า ภายใต้แนวคิด “น่าอยู่” ล่าสุดเปิดตัวโปรแกรม #MembersGetNeighbors ที่มอบสิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้า LPN เพียงชวนเพื่อนมาจองซื้อโครงการคุณภาพจาก LPN ที่ครอบคลุมโครงการบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโด พร้อมอยู่และโครงการใหม่ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด รับเลย! ค่าแนะนำมูลค่าสูงสุดถึง 1,000,000 บาท* (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด)

นายสมบัติ ชาญยุทธกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) กล่าวว่า “สำหรับ LPN ด้วยคุณภาพและความน่าเชื่อถือของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย และบริการหลังการขายที่ทำให้ได้รับการยอมรับจากลูกค้ามากว่า 35 ปี ปัจจุบันเรามีสมาชิกครอบครัว LPN กว่า 125,000 ครอบครัว ซึ่งได้รับการดูแลเป็นอย่างดีมาตลอด นอกเหนือจากนั้นเรายังให้ความสำคัญกับการบริหารความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาวด้วย ล่าสุด เราจึงเปิดตัวโปรแกรม #MembersGetNeighbors โปรแกรมพิเศษที่เปิดโอกาสให้ลูกค้า LPN สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นง่ายๆ ทันที เพียงแค่ชวนเพื่อนมาเป็นครอบครัว LPN ด้วยกัน ผ่านระบบที่ได้รับการพัฒนาให้มีขั้นตอนที่ง่าย ชัดเจน สามารถติดตามและตรวจสอบสถานะได้ด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ร่วมกับลูกค้าอีกรูปแบบหนึ่ง โดยในอนาคตเรายังวางแผนที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าและสมาชิกครอบครัว LPN ผ่านกิจกรรมดีดี พร้อมสิทธิประโยชน์อีกมากมาย อยากให้รอติดตามกันครับ”

สำหรับลูกค้า LPN ที่สนใจเข้าร่วมโปรแกรม #MembersGetNeighbors สามารถอ่านรายละเอียดโปรแกรม และลงทะเบียนผ่านเว็ปไซต์ www.lpn.co.th โดยทำตามขั้นตอนสมัครง่ายๆ ก็มีสิทธิ์ได้รับค่าแนะนำไปเลย รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ LPN Call Center 02-689-6888