December 16, 2025

เสิร์ฟประสบการณ์แสนอร่อย เพื่อให้ทุกคนได้เอนจอยทุกช่วงเวลาของชีวิต

ห้าดาว (FIVE STAR) แบรนด์ธุรกิจแฟรนไชส์อาหารแถวหน้า ตำนานความอร่อยคู่คนไทยมากว่า 40 ปี จับมือ โก๋แก่ แบรนด์ขนมขบเคี้ยวอันดับหนึ่งของโปรดคนไทย เปิดตัว ‘ถั่วลิสงอบกรอบ รสไก่ย่างห้าดาว ตราโก๋แก่’ เจาะตลาดสแน็กในไทย ตอกย้ำรสชาติซิกเนเจอร์ของ ไก่ย่างห้าดาว ดึงกลยุทธ์ 'The Heritage Fusion' ผสานจุดแข็งของแต่ละแบรนด์ ตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบันที่ต้องการประสบการณ์ความอร่อยแนวใหม่ ภายใต้รสชาติที่คุ้นเคย

นายสุนทร จักษุกรรฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีเอฟ เรสเทอรองท์ แอนด์ ฟู้ดเชน จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างห้าดาวและโก๋แก่ ถือเป็นโอกาสที่ดีในการนำเสนอความอร่อยที่แปลกใหม่และสร้างความตื่นเต้นให้แก่ผู้บริโภค การผสานระหว่างรสชาติของถั่วโก๋แก่คลุกเคล้ากับน้ำจิ้มรสซิกเนเจอร์สูตรเฉพาะของไก่ย่างห้าดาวที่คนไทยคุ้นเคย เป็นการสร้างสรรค์ที่ลงตัวอย่างน่าเหลือเชื่อ ด้วยความแข็งแกร่งของทั้งสองแบรนด์ เชื่อว่าจะสร้างตำนานแบบที่ยากจะปฏิเสธ ไม่ว่าจะเป็น แบรนด์ห้าดาวเอง ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ยืนหนึ่งเรื่องไก่ย่างที่มีสูตรเฉพาะ ส่วนโก๋แก่ แบรนด์ขนมถั่วลิสงอบกรอบ รสชาติเข้มข้น ที่ครองใจผู้บริโภคไทยมาหลายทศวรรษ

"การเลือกกลยุทธ์ The Heritage Fusion นำเสนอความลงตัวระหว่างความเก่าแก่และความทันสมัยของทั้งสองแบรนด์ เพื่อผสมผสานเอกลักษณ์ของห้าดาวที่เชี่ยวชาญด้านไก่ย่างเข้ากับโก๋แก่ที่เด่นเรื่องถั่วลิสงอบกรอบ ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมและสร้างประสบการณ์ใหม่ในรสชาติให้แก่ผู้บริโภค นี่คือการแสดงพลังร่วมกันที่ไม่เพียงแต่สร้างความแตกต่าง แต่ยังสร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการขนมทานเล่นในบ้านเราอีกด้วย” คุณสุนทร กล่าว

สำหรับ ‘ถั่วลิสงอบกรอบ รสไก่ย่างห้าดาว ตราโก๋แก่’ มาพร้อมรสชาติที่เข้มข้นไม่เหมือนใครจากการคัดสรรถั่วลิสงคุณภาพสูง นำมาคลุกเคล้ากับน้ำจิ้มรสซิกเนเจอร์ของไก่ย่างของห้าดาว เริ่มวางจำหน่ายแล้ววันนี้ เป็นต้นไป ในร้าน 7-Eleven ห้างแม็คโครและโลตัสทุกสาขาทั่วประเทศ ราคาซองละ 22 บาท

ประกาศเกียรติคุณโรงพยาบาลพันธมิตร มุ่งสู่ความเป็นเลิศด้านความใส่ใจการรักษาและบริการ

“ธีระ ทองวิไล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) คว้าโล่ ประกาศเกียรติคุณเป็น “บุคคลตัวอย่างภาคธุรกิจแห่งปี 2024” ในภาคธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จากโครงการ “บุคคลคุณภาพแห่งปี 2024” (Quality Persons of The Year 2024) ที่จัดขึ้นโดยมูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (มสวท.) ในฐานะบุคคลตัวอย่างภาคธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต ทั้งการทำงาน ชีวิตส่วนตัว และการมุ่งมั่นทำคุณประโยชน์เพื่อสังคม

นายธีระ ทองวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับคัดเลือกจาก มสวท. ให้เป็นบุคคลตัวอย่างแห่งปี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อนำองค์กรไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีพันธกิจขององค์กรที่สำคัญ คือ การสร้างการอยู่อาศัยที่ “อยู่ดี มีสุข” ให้กับคนไทย โดยรางวัลนี้จะเป็นแรงบันดาลใจ เพื่อสร้างสิ่งดี ๆ และพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ในสายงาน เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโต ควบคู่กับการดำเนินงานตอบแทนสังคมและสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดียิ่งขึ้นให้สังคมไทยต่อไป”

นายธีระ ทองวิไล เป็นหนึ่งในแบบอย่างผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มีบทบาทสำคัญจากการต่อยอดพัฒนาแนวคิด “Better Home and Healthier Community” สร้างวิถีการอยู่อาศัยในสังคมแบ่งปัน โดยมีพื้นที่ส่วนกลางให้ทุกคนได้แบ่งสันปันส่วน เกิดวิถีชีวิตแบบเกื้อกูลในชุมชนสุขภาพดี พร้อมพัฒนาโครงการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการ ด้วยการออกแบบที่อยู่อาศัยที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพ ความสุข และคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัย โดยได้นำเทคโนโลยีระบบ Smart Home จากแอปพลิเคชัน MyHaus เข้ามาผนวกใช้ ในการออกแบบโครงการ เชื่อมโยงให้เป็นศูนย์กลางที่จะดูแลทั้งเรื่องความปลอดภัยภายในบ้าน และอำนวยความสะดวกสบายให้ลูกบ้านและนิติบุคคล สร้างมาตรฐานใหม่ของการอยู่อาศัย   

ในส่วนของการอุทิศตนเพื่อสังคมนั้น นายธีระเป็นผู้นำในการจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์มากมาย อาทิ โครงการสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา ซึ่งเป็นต้นแบบสนามเด็กเล่นส่วนกลางตามรอย “เล่นตามพ่อ” โครงการพฤกษาใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยมอบโซลาร์เซลล์และกังหันน้ำโซลาร์เซลล์แก่ชุมชนตลอดแนวรังสิตคลองสาม โครงการพฤกษาใส่ใจ...คืนน้ำใสให้คูคลอง และคลองสวยน้ำใส ซึ่งได้ปรับทัศนียภาพหมู่บ้านกว่า 40 แห่งให้สวยงาม และโครงการพี่เหลือน้องขอ เพื่อรวบรวมสิ่งของเหลือใช้ส่งมอบให้มูลนิธิกระจกเงา เป็นต้น

สำหรับพิธีประกาศเกียรติคุณและมอบโล่เชิดชูเกียรติในโครงการ “บุคคลคุณภาพแห่งปี 2024” จัดโดยมูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (มสวท.) ซึ่งจัดมาตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน มีวัตถุประสงค์เพื่อประกาศเกียรติคุณและยกย่องบุคคลที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต ทั้งชีวิตส่วนตัว ชีวิตการทำงาน และการอุทิศตนทำกิจกรรมเพื่อประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติในด้านต่าง ๆ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีต่ออนุชนรุ่นหลังให้เจริญรอยตามต่อไป

กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ กับงานประกาศรางวัล “AMARIN BABY & KIDS AWARDS 2024” รางวัลสุดยอดแบรนด์สินค้าและไลฟ์สไตล์แม่ลูกอันดับ 1 ในใจคนไทย โดยกองบรรณาธิการเว็บไซต์ AMARIN BABY & KIDS ภายใต้ เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ ในเครืออมรินทร์กรุ๊ป โดยจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ในคอนเซ็ปต์  FAMILY WELL- BEING – การสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของครอบครัว” เฟ้นหาสุดยอดแบรนด์สินค้าเพื่อการเลี้ยงดูลูกรักอย่างมีคุณภาพและสร้างสรรค์ และร่วมปลูกฝังพื้นฐานความเป็นอยู่ที่ดีของครอบครัว และสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่และลูก โดยในปีนี้มอบรางวัลให้แก่แบรนด์สินค้าและบริการที่ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ รวมทั้งสิ้น 96 รางวัล โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ MOMMY’S CHOICES AWARDS, EDITOR’S CHOICES AWARDS, RISING STAR CHOICES AWARDS และรางวัลใหม่ล่าสุดอย่างรางวัล HEALTHY LIVING AND ECO-FRIENDLY PRODUCT ซึ่งมอบให้กับผลิตภัณฑ์ที่สร้างครอบครัวมีสุขภาพใจกายที่ดี ณ  AUBE ราชพฤกษ์

ภายในงานคับคั่งไปด้วยแขกผู้มีเกียรติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร จากสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล, โบ – ธนากร ชินกูล พิธีกรชื่อดังและคุณพ่อลูกหนึ่ง และ โค้ชเลิศพร เพจสอนแม่และเด็ก รวมถึงครอบครัวศิลปินดารา โย่ง - อนุสรณ์ หรือโย่ง อาร์มแชร์ ที่ควงภรรยาสุดสวย ก้อย – วลัยลักษณ์ และน้องอบเชย และเหล่าผู้บริหารตัวแทนจาก แบรนด์ต่างๆ ที่เข้ารับรางวัล

ประภัสสร มั่งศิริ บรรณาธิการอำนวยการ AMARIN BABY & KIDS บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด ในเครืออมรินทร์กรุ๊ป กล่าวว่า “AMARIN BABY & KIDS AWARDS 2024 จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 โดยในปีนี้มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “FAMILY WELL- BEING” ที่มุ่งสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับครอบครัว ดังปณิธานของ AMARIN BABY & KIDS ซึ่งพร้อมเป็นสื่อกลางที่อยู่ร่วมกับทุกช่วงเวลาของคุณ “แม่” ตั้งแต่การเตรียมความพร้อม การตั้งครรภ์ การคลอด ตลอดจนการเลี้ยงดูเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึงประถมวัย ร่วมสร้างองค์ความรู้จากแม่สู่แม่ แชร์เทคนิคการดูแลลูกน้อย แนะนำผลิตภัณฑ์ใช้ดี มีประโยชน์จริง พร้อมกับสร้างประสบการณ์การเลี้ยงลูกรูปแบบใหม่ ตามแบบฉบับคุณแม่ยุคใหม่ และเป็นส่วนหนึ่งในการเฟ้นหาผลิตภัณฑ์ที่ได้คุณภาพ ที่ช่วยให้คุณแม่สะดวกสบาย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ผ่านกิจกรรม AMARIN BABY & KIDS AWARDS ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี”

“และในปี 2568 ที่ AMARIN BABY & KIDS ก้าวสู่ปีที่ 9 ได้เตรียมแผนงานสำคัญเอาไว้ โดยจะมีการเพิ่มสัดส่วนเนื้อหาด้านการศึกษา และการเรียนรู้ เพื่อกลุ่มเป้าหมายวัย 5 - 12 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงวัยสำคัญที่จะมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนอนาคต ผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ www.amarinbabyandkids.com และโซเชียลมีเดีย ซึ่งปัจจุบันเฟซบุ๊กของ AMARIN BABY&KIDS มีผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคน และเพิ่มเติมช่องทางใหม่อย่างช่องทางโทรทัศน์ที่ช่วงต้นปีหน้า เราจะได้พบกับรายการเพื่อแม่และลูก ในอมรินทร์ทีวี ช่อง 34 ให้ได้เต็มอิ่มกับคอนเทนต์ที่อัดแน่นเพื่อแม่และลูกอย่างแน่นอน”

อัจฉรา จีนคร้าม บรรณาธิการบริหาร AMARIN BABY & KIDS บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนที จำกัด ในเครืออมรินทร์กรุ๊ป กล่าวว่า “ปีนี้ AMARIN BABY & KIDS AWARDS ยังคงเลือกสรรแบรนด์สินค้าแม่ลูกกันอย่างเข้มข้น ซึ่งในการเลือกสรรสินค้าในใจแม่ในรอบแรกเป็นการเสนอชื่อสินค้าที่คุณแม่ถูกใจ ใช้จริงมาใช้ในการคัดกรองแบรนด์สินค้าแม่ลูก ก่อนนำให้คุณแม่ตัวจริงทั่วประเทศได้ร่วมลงคะแนนโหวตแบรนด์สินค้าและบริการโดนใจมากที่สุด นอกจากนี้ยังมีรางวัลพิเศษที่คัดสรรโดยการคัดเลือกของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมกับการคัดเลือกจากทีมบรรณาธิการ AMARIN BABY & KIDS โดยมีแบรนด์สินค้าเข้ารับรางวัลมากถึง 96 รางวัล แบ่งเป็นสาขาต่างๆ ได้แก่ รางวัล MOMMY’S CHOICE ที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจากคุณแม่ทีใช้สินค้าจริงทั่วประเทศ จากสินค้า 7 หมวด ได้แก่  BEST FOR BATH & CARE, BEST FOR CLEANSER, BEST FOR FEEDING, BEST FOR PREGNANCY & NEW MOM, BEST FOR TRAVEL & SAFETY, BEST FOR LEARNING และ POPULAR VOTE จำนวน 43 รางวัล, รางวัล EDITOR’S CHOICE ได้รับการคัดเลือกจากกองบรรณาธิการเว็บไซต์ AMARIN BABY & KIDS ว่าเป็นสินค้าใช้ดี มีประโยชน์จริง จำนวน 34 รางวัล, รางวัล RISING STAR มอบให้กับผลิตภัณฑ์แม่ลูกน้องใหม่น่าจับตามอง จำนวน 8 รางวัล และรางวัล HEALTHY LIVING AND ECO-FRIENDLY PRODUCT รางวัลใหม่ล่าสุด ที่มอบให้แก่ผลิตภัณฑ์ที่สร้างครอบครัวให้มีสุขภาพใจกายที่ดี จำนวน 11 รางวัล ตลอดจนรางวัลพิเศษอื่นๆ ที่เพิ่มประสบการณ์การเลี้ยงดูลูกในช่วงวัยที่โตขึ้น และการสร้างความสัมพันธ์ให้ครอบครัวแข็งแรง”

 

อลิอันซ์ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นบริษัทประกันภัยอันดับหนึ่งของโลกในการจัดอันดับแบรนด์ระดับโลกที่ดีที่สุดประจำปี 2567 โดย บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำ Interbrand ติดต่อกันเป็นปีที่ 6 ด้วยอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 13% จาก 20.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 23.56 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ  และเติบโตเพิ่มขึ้นในกลุ่มการเงิน 7% จากความสำเร็จนี้ทำให้อลิอันซ์ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในสามแบรนด์ด้านบริการการเงินที่ดีที่สุดในโลก

ด้วยรายได้ที่สูงขึ้นและกำไรที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รากฐานที่สำคัญของแบรนด์ จากความไว้วางใจของลูกค้ากว่า 124 ล้านคนในตลาด 70 ประเทศทั่วโลก รวมถึงพนักงานกว่า 157,000 คน และตัวแทนและโบรกเกอร์กว่า 120,000 คน ทั่วโลก ทำให้อลิอันซ์ไม่เพียงมีการเติบโตที่เหนือคู่แข่ง แต่ยังเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมประกันโดยรวมอีกด้วย

ในปีนี้ อลิอันซ์ ได้ร่วมสนับสนุนงานระดับโลกอย่างโอลิมปิกเกมส์ 2024 และพาราลิมปิกเกมส์ 2024 กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส แสดงถึงความสามารถในการสนับสนุนนักกีฬา พร้อมทุกความท้าทายและความพยายามของนักกีฬาจากกว่า 200 ประเทศ และถ่ายทอดให้ผู้ชมทั่วโลกได้เห็น นอกจากนี้ ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งใน Fortune Top 100 บริษัทที่ดีที่สุดในการทำงานในยุโรป ประจำปี 2024 อีกด้วย

การจัดอันดับครั้งนี้ จัดทำขึ้นโดยองค์กร Interbrands ผู้นำด้านการประเมินมูลค่าแบรนด์ตั้งแต่ปี 2531 โดยเป็นบริษัทแรกที่ได้รับการรับรอง ISO10668 สำหรับวิธีการประเมินมูลค่าแบรนด์ (กฎระเบียบสำหรับการประเมินมูลค่าแบรนด์เป็นตัวเงิน) นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนามาตรฐานแบรนด์ ตั้งแต่ปี 2543 การจัดลำดับและรายงาน Best Global Brands ได้รับการตีพิมพ์ทุกปีและเป็นหนึ่งในการจัดลำดับที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดด้านการบริหารแบรนด์

 

นางวรางคณา วงศ์ข้าหลวง รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) พบปะทวิภาคีผู้บริหารองค์กรรับประกันระดับโลก ประกอบด้วยนายเทอเรนซ์ ชิว กรรมาธิการ บริษัทประกันสินเชื่อเพื่อการส่งออกของฮ่องกง (Hong Kong Export Credit Insurance Corporation: HKECIC) นายคาซูกิ ฮอนโดะ ผู้บริหารอาวุโสระดับสูง องค์กรรับประกันแห่งประเทศญี่ปุ่น (Nippon Export and Investment Insurance: NEXI) นายซวี่ ซิน เว้ย รองกรรมการผู้จัดการ องค์กรรับประกันแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (China Export and Credit Insurance Corporation: SINOSURE) และนางชวน หลาน เหยียน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของไต้หวัน (Taipei Export-Import Bank of China: TEBC) สาธารณรัฐประชาชนจีน (ไต้หวัน) ณ เมืองฮัมบูร์ก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ 14-17 ตุลาคม 2567

เพื่อหารือแนวทางขยายความร่วมมือด้านการประกันการส่งออกและลงทุน เพื่อพัฒนาธุรกิจและบริการของ EXIM BANK สนับสนุนผู้ประกอบการไทยขยายการค้าและการลงทุนในภูมิภาคต่าง ๆ อย่างมั่นใจทั่วโลก ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมกลุ่มความร่วมมือองค์กรรับประกันชั้นนำของโลก (Berne Union Annual General Meeting 2024) ระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคม 2567 ณ เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี

กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี โดย คุณฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว “โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ” ของรัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญในการขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เกิดความต่อเนื่อง ประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดเล็กทั้งในด้านการลดต้นทุนการทำธุรกิจและด้านการเพิ่มพื้นที่ค้าขายสินค้า ที่สำคัญคือการลดค่าครองชีพให้ประชาชนจัดงานลดราคาสินค้าทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 - มกราคม 2568 โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์  ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

ในโอกาสงานนี้ กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ได้จัดบูธประชาสัมพันธ์ แสดงสินค้าที่ให้การสนับสนุนในโครงการดังกล่าวด้วย เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการร่วมผนึกกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ในการนี้ กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ให้ความร่วมมือในโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศครั้งสำคัญนี้ โดยในสมัยรัฐบาลนี้ได้เปิดพื้นที่ให้โอกาสสร้างรายได้กับกลุ่มเกษตรกร ชุมชน ผู้ประกอบการรายเล็กมาจำหน่ายสินค้าในสาขาบิ๊กซีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายกว่า 90 ครั้งรวมเป็นพื้นที่ กว่า 16,000 ตารางเมตร ในส่วนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ได้มีการส่งเสริมและรับซื้อสินค้ากว่า 530 ล้านบาทจากเอสเอ็มอี 171 ราย มาจำหน่ายในสาขาบิ๊กซี โดยในส่วนของการลดค่าครองชีพให้ประชาชนมีการจัดโปรโมชันลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่องในบิ๊กซีทุกรูปแบบทุกสาขา อีกด้วย

โลกกำลังก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลอยู่บนโลกออนไลน์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์จึงเป็นอีกหนึ่งกลไกที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มีการเติบโตสูง สวนกระแสสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อย่างไรก็ตาม แม้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ซึ่งหมายถึง บล็อกเกอร์ อินฟลูเอนเซอร์ จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำการตลาด ทั้งในมิติของการช่วยสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์และสินค้าหรือบริการในเชิงบวก (Brand Awareness) ช่วยสร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) กับกลุ่มเป้าหมาย และช่วยกระตุ้นยอดขาย (Sales) แต่ในประเทศไทยยังไม่มีการกำหนดมาตรฐาน ขอบเขตของการนำเสนอเนื้อหาที่แน่ชัดที่นอกเหนือจากยอดเอนเกจเมนต์ 

ด้วยเหตุนี้ บริษัท เทลสกอร์ จำกัด ผู้นำด้านอินฟลูเอนเซอร์ มาร์เก็ตติ้งแพลตฟอร์มครบวงจรชั้นนำของไทย ร่วมกับ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด  พร้อมพันธมิตร จัดงาน The Mall Lifestore Presents Thailand Influencer Awards by Tellscore ภายใต้แนวคิด The Future is Yours! งานประกาศรางวัลสุดยอดอินฟลูเอนเซอร์ และสุดยอดอินฟลูเอนเซอร์แคมเปญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี โดยแบ่งรางวัลเป็น Brand & Agency Awards  27 สาขา, Influencer Awards 33 สาขา รวมทั้งสิ้น 60 สาขา ซึ่งมีเกณฑ์การตัดสิน 5 มิติ ได้แก่ 1. รูปแบบและความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) 2. ลำดับและการเล่าเรื่อง (Storytelling) 3. การเข้าถึงคนส่วนมากได้อย่างมีคุณภาพ (Impact) 4. ศักยภาพในการเติบโตและการดูแลกลุ่มผู้ฟัง (Personal Branding & Community Building) และ 5. สำนึกที่ดีต่อผู้ฟัง, สังคม และสิ่งแวดล้อม (Social Conscience) พร้อมได้รับเกียรติจาก ผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายวงการมาเป็นคณะกรรมตัดสิน ณ เอ็มซีซี ฮอลล์ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ เมื่อวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2567

นางสาวสุวิตา จรัญวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทลสกอร์ จำกัด เผยถึงความสำคัญของโซเชียลมีเดียในยุคดิจิทัล ว่า “ปัจจุบันโซเชียลมีเดียได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คน และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในระดับประเทศ โดยมีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียในประเทศไทยถึง 50 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 71.5 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่งร้อยละ 55 ของผู้บริโภคชี้ว่า โปรโมชันและส่วนลดจากอินฟลูเอนเซอร์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาติดตามครีเอเตอร์ จึงไม่น่าแปลกใจที่อุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์กลายเป็นหนึ่งในภาคเศรษฐกิจที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับคนไทย โดยปัจจุบันมีผู้ทำงานด้านนี้เกือบ 9 ล้านคน แบ่งเป็นครีเอเตอร์แบบ Full-time กว่า 2 ล้านคน และ Part-time เช่น Micro-influencers ที่มีผู้ติดตามในช่วง 1,000-20,000 คน ทั้งหมดนี้มีส่วนสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในประเทศไทยมากกว่า 45,000 ล้านบาทในปี 2024

นอกจากนี้ เมื่อมองในระดับโลก ขณะนี้มี Content Creators รวมทั้งสิ้น 200 ล้านคนจากจำนวนประชากรโลกกว่า 7,000 ล้านคน ขนาดตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทั่วโลกในปี 2024 ถูกประมาณการไว้ที่ 5.5 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตถึง 16 ล้านล้านบาทภายในปี 2030 โดยที่ยังไม่รวมตลาดของประเทศจีน”

นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ ศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา (FutureTales Lab by MQDC) และ สถาบันวิชาการเพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพจิต (TIMS)  ร่วมกันศึกษาแนวโน้มแห่งการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมสื่อคอนเทนต์ ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ในอนาคต หรือ foresight study on futures of content creators in 2035,Thailand เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทาง นโยบาย และยุทธศาสตร์ต่าง เพื่อให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตอย่างเข้มแข็งต่อไป

“งาน Thailand Influencer Awards จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 โดยมุ่งเน้นย้ำศักยภาพของอินฟลูเอนเซอร์และนักการตลาดที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางและสร้างอนาคตเศรษฐกิจไทย งานนี้เป็นการเฟ้นหาอินฟลูเอนเซอร์คุณภาพ เพื่อสร้างตัวอย่างที่ดีให้แก่วงการ พร้อมทั้งส่งเสริมการสร้างมาตรฐานและความเข้มแข็งให้กับคอมมิวนิตีอินฟลูเอนเซอร์ไทย ต่อยอดสู่การยกระดับสู่มาตรฐานสากล นอกจากนี้เทลสกอร์ยังได้มุ่งสร้าง Ecosystem ผ่านการวิจัยเกี่ยวกับโอกาสและความท้าทายของอุตสาหกรรมนี้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 20-30% ต่อปี แต่ยังขาดทิศทางที่ชัดเจน นิยามของคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ในบริบทของสื่อมวลชนยังคงไม่ชัดเจน หากสามารถกำหนดนิยามและสร้างกลไกเชื่อมโยงกับสื่อมวลชนอย่างเหมาะสม จะสามารถช่วยคุ้มครองอินฟลูเอนเซอร์คุณภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมนี้

ในส่วนของการศึกษาความเป็นไปได้ในอนาคตภายใต้โครงการ “Foresight Study on Futures of Content Creators in 2035, Thailand” เทลสกอร์ได้วิเคราะห์ทิศทางอนาคตใน 6 ด้านหลัก ได้แก่ สังคม (Society), เทคโนโลยี (Technology), เศรษฐกิจ (Economy), สิ่งแวดล้อม (Environment), การเมือง (Politics) และค่านิยม (Values) ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในต้นปี 2025 เพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรม คอนเทนต์ครีเอเตอร์ในอนาคต” นางสาวสุวิตา กล่าว

เทลสกอร์ เป็นที่รู้จักในฐานะ มาร์เก็ตติ้งแพลตฟอร์มครบวงจรชั้นนำของไทย เครื่องมือสำคัญที่บริหารจัดการอินฟลูเอนเซอร์และโซเชียลมีเดียครบวงจรในหนึ่งเดียว โดยเทลสกอร์มีการวิเคราะห์แนวโน้มของการทำคอนเทนต์เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและผู้บริโภค โดย สุวิตา จรัญวงศ์ ระบุว่า จากปรากฏการณ์น้องหมีเนย หรือ "butter bear" รวมถึง “น้องหมูเด้ง” ที่โด่งดังไปทั่วโลก นำไปสู่การดึงเม็ดเงินมหาศาลให้กับภาคท่องเที่ยว สะท้อนให้เห็นว่า สังคมไทยอยู่ในภาวะเครียดโดยไม่รู้ตัวและต้องการคอนเทนต์ที่มอบความบันเทิง ดังนั้นเทรนด์การทำคอนเทนต์ปี 2025 จะเพิ่มความท้าทายให้กับคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งปัจจุบันอินฟลูเอนเซอร์หลายคนก็ผันตัวมาเป็นแม่ค้าออนไลน์ด้วย ต้องสร้างสรรค์เนื้อหาที่มีความสนุก แต่ขณะเดียวกันก็ต้องให้ความรู้ และโดนใจผู้ชมนำไปสู่การปิดการขาย

นอกจากปัจจัยด้านการนำเสนอเนื้อหาที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย อีกหนึ่งปัจจัยที่จะสร้างรายได้ให้กับอินฟลูเอนเซอร์มากขึ้น คือ การเกิดแพลตฟอร์มใหม่ๆ ซึ่งอินฟลูฯ ต้องก้าวให้ทัน เพราะแต่ละแพลตฟอร์มจะจับกลุ่มผู้บริโภคต่างกัน รวมถึงการหาความรู้ด้านกลไกเศรษฐศาสตร์ เพื่อเข้าใจระบบเศรษฐกิจ ลดความเสี่ยงในการถูกหลอกให้รีวิวสินค้า หรือ ขายสินค้าที่ให้ค่าตอบสูงผิดปกติ

ด้าน นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “ปัจจุบัน ‘อินฟลูเอนเซอร์’ มีบทบาทสำคัญในการสร้างแนวคิดและพฤติกรรมในสังคมดิจิทัล อินฟลูเอนเซอร์ไม่เพียงแต่เป็นผู้ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก แต่ยังเป็นผู้นำทางความคิดที่สามารถส่งต่อคุณค่าและทิศทางใหม่ๆ สู่สังคมได้

 การจัดงาน The Mall Lifestore Presents Thailand Influencer Awards by Tellscore  เป็นความร่วมมือที่มุ่งยกระดับมาตรฐานของการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียของประเทศไทย มุ่งให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ที่มีจิตสำนึกต่อสังคม สนับสนุนผู้สร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์”

ในฐานะผู้นำธุรกิจรีเทล เดอะมอลล์ กรุ๊ป ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การตลาด เพราะผู้สร้างคอนเทนต์กำลังนิยามประสบการณ์การช้อปปิ้งใหม่

  • การผสานเล่าเรื่อง (Storytelling Integration) : ผู้สร้างคอนเทนต์ผสานสินค้าเข้ากับเนื้อหาอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้การโปรโมทดูจริงใจ
  • การมีส่วนร่วมกับชุมชน (Community Engagement) : พวกเขาสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับผู้ติดตาม โดยตอบสนองต่อความคิดเห็นและเสริมสร้างความภักดีต่อแบรนด์
  • การช้อปปิ้งแบบโต้ตอบ (Interactive Shopping) : การถ่ายทอดสดและโพสต์ที่สามารถซื้อได้ทันที ช่วยให้ผู้ติดตามสามารถซื้อสินค้าได้ในเวลาจริงผ่านเนื้อหา
  • คำแนะนำเฉพาะบุคคล (Personalized Recommendations) : ผู้สร้างคอนเทนต์เสนอคำแนะนำที่ตรงกับความชอบของกลุ่มผู้ชมและสอดคล้องกับความเชี่ยวชาญของตน
  • การกำหนดเทรนด์ใหม่ (Trendsetting Influence) : ด้วยการติดตามความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม พวกเขาแนะนำเทรนด์ใหม่ที่ผู้ติดตามนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว

นางสาววรลักษณ์ กล่าวสรุปว่า “เรามองว่างานนี้ไม่เพียงแต่เฉลิมฉลองความสำเร็จของผู้สร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ แต่ยังเป็นโอกาสในการส่งเสริมการใช้สื่อดิจิทัลอย่างเต็มศักยภาพ สร้างแรงบันดาลใจให้กับแบรนด์และสังคมในการใช้สื่อดิจิทัลที่ยั่งยืนและมีคุณค่า”

ติดตามผลการประกาศรางวัล Thailand Influencer Awards 2024 และสอบถามการให้บริการสร้างแคมเปญออนไลน์ สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/tellscore หรือทาง www.tellscore.com 

X

Right Click

No right click