

พื้นที่เกือบ 3 งาน บริเวณด้านหลังของ โรงเรียนเวียงห้าววิทยา ต.เวียงห้าว อ.พาน จ.เชียงราย ถูกปรับให้เป็นพื้นที่เพื่อการเรียนรู้นอกห้องเรียนของนักเรียน ที่มีทั้งแปลงผักปลอดสาร และโรงเรือนเลี้ยงไก่ “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” โครงการเกษตรของโรงเรียนที่นักเรียนทุกคนได้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติ
ถวิล ตาสาย ผู้อำนวยการโรงเรียนเวียงห้าววิทยา เล่าถึงที่มาของการร่วมโครงการฯว่า ก่อนที่จะมารับตำแหน่งผู้อำนวยการของ ร.ร.เวียงห้าววิทยา ตนรับหน้าที่เป็นครูผู้ดูแลโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ ที่ ร.ร.บ้านดงมะดะ อ.แม่ลาว มาก่อน เป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท และหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพ หรือ JCC และเป็นโครงการที่มีการดำเนินงานอย่างยั่งยืน มีผลการดำเนินงานที่ดี และมีรายได้ที่สามารถสานต่อการทำโครงการได้อย่างต่อเนื่อง

"หลังจากที่รับตำแหน่งผู้อำนวยการ ร.ร.เวียงห้าววิทยา มีความตั้งใจพัฒนาโรงเรียน และเสริมสร้างทักษะพื้นฐานชีวิต โดยเฉพาะงานด้านเกษตร ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตัวนักเรียนเอง และโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ตอบโจทย์เป้าหมายดังกล่าว จึงสมัครเข้าร่วมโครงการฯ และได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งใน 5 โรงเรียน ที่ซีพีเอฟ มูลนิธิฯ และ JCC ให้การสนับสนุนในปี 2565 ซึ่งเป็นความร่วมมือต่อเนื่องปีที่ 21 ของทั้งสามหน่วยงานในการขับเคลื่อนโครงการฯ" ผอ.ถวิล กล่าว
ปี 2565 ซึ่งเป็นปีแรกของการเริ่มต้นโครงการฯ มีการประชาพิจารณ์ร่วมกับชุมชนก่อน แล้วจึงเริ่มก่อสร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ ติดตั้งอุปกรณ์การเลี้ยง นำแม่พันธุ์ไก่ไข่เข้าเลี้ยง อาหารสัตว์ และปัจจัยการเลี้ยง ทั้งหมดได้รับการสนับสนุนแบบให้เปล่าในการเลี้ยงรุ่นแรก พร้อมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญจากซีพีเอฟและมูลนิธิฯ ถ่ายทอดองค์ความรู้ คำแนะนำด้านการจัดการฟาร์ม และการป้องกันโรคที่ดี รวมถึงติดตามการเลี้ยงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การเลี้ยงไก่ไข่มีประสิทธิภาพที่ดี ต้นทุนต่ำ เพื่อทำให้โครงการมีการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องในรุ่นต่อๆไป

หลังจากเริ่มเลี้ยงไก่ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม ปี 2565 จากจำนวนแม่ไก่ 100 ตัว ให้ผลผลิต 90 กว่าฟองต่อวัน นำมาเป็นอาหารกลางวันให้กับนักเรียนชั้นอนุบาล 1 – มัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 125 คน โดยที่คุณครูมอบหมายให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และ 6 รวม 18 คน ร่วมกันดูแลและแบ่งหน้าทีรับผิดชอบ ตั้งแต่การให้อาหารไก่ เก็บผลผลิตไข่ไก่ ทำความสะอาดโรงเรือนเลี้ยงไก่ ซึ่งในแต่ละวันไข่ไก่สดจะถูกส่งตรงเข้าโรงครัวเพื่อปรุงอาหารให้นักเรียน สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยที่โรงเรียนจัดเมนูไข่ไว้ทุกวันพฤหัสบดี โดยเฉพาะเมนู "ไข่เจียวหมูสับ" เป็นที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ ในส่วนของผลผลิตไข่ไก่ที่เหลือจากการนำไปเป็นวัตถุดิบสำหรับทำอาหารกลางวัน จะจำหน่ายให้กับผู้ปกครองนักเรียนและคุณครูในราคาที่ถูกกว่าราคาท้องตลาด ช่วยลดค่าใช้จ่ายของครัวเรือนลงได้

นอกจากนี้ โรงเรียนส่งเสริมให้นักเรียนปลูกผักตามฤดูกาลและผักสวนครัว ตามนโยบาย "สวยงาม ทานได้" ของโรงเรียน และนำของเสียจากโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ คือ มูลไก่ มาทำเป็นปุ๋ยที่ใช้ในแปลงผัก เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สอนให้เด็กๆ เกิดการเรียนรู้ในเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy ซึ่งทั้งกิจกรรมเลี้ยงไก่ไข่ฯ และปลูกผัก มีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตเข้าสู่กองทุนโครงการเกษตรของโรงเรียน
นอกจากโภชนาการที่ดีที่เด็กๆได้รับจากการบริโภคไข่ไก่แล้ว โครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ ช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหารในโรงเรียนจากฝีมือเด็กๆเอง และยังสามารถนำความรู้และทักษะที่ซีพีเอฟนำมาถ่ายทอดให้ มาช่วยพัฒนาระบบบริหารจัดการโครงการฯ ให้ดำเนินโครงการฯได้อย่างต่อเนื่อง สนับสนุนให้นักเรียนและครูได้เรียนรู้หลักการทำธุรกิจจากการลงมือทำงานจริง
ด.ญ.เฟื่องฟ้า รัตนมโน หรือน้องน้ำมนต์ อายุ 10 ปี นักเรียน ชั้น ป.5 ซึ่งได้รับมอบหมายให้ร่วมรับผิดชอบโครงการฯ เล่าว่า ดีใจที่มีส่วนร่วมทำกิจกรรมนี้ เป็นโอกาสที่ทำให้ได้เรียนรู้นอกห้องเรียนร่วมกับเพื่อนๆ ทั้งการให้อาหารไก่ เก็บไข่ ทำความสะอาดโรงเรือน และยังได้เปิดเพลงให้แม่ไก่ฟังเพื่อลดความเครียดและช่วยให้แม่ไก่ให้ไข่สม่ำเสมอ และทุกครั้งที่ได้ทานเมนูไข่ รู้สึกภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมดูแลไก่ไข่ที่เราเลี้ยงเอง
เช่นเดียวกับ ด.ช.ปวริศ ปินตานา หรือน้องน้ำ อายุ 11 ปี นักเรียนชั้นป.6 ซึ่งสนใจการเลี้ยงไก่อยู่แล้ว บอกว่า นำความรู้และทักษะในการเลี้ยงไก่ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดจากพี่ๆซีพีเอฟมาใช้กับการเลี้ยงไก่ที่่บ้าน และคิดว่าสามารถนำประสบการณ์ถ่ายทอดให้กับคนในครอบครัวและชุมชนต่อไปได้ นอกจากนี้ การที่โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ ทำให้มีโอกาสได้เรียนรู้ตลอดกระบวนการของการเลี้ยง ได้ลงมือเลี้ยงไก่ไข่จริงๆ จนได้ผลผลิตไข่ไก่เพื่อส่งเข้าโรงครัว เพื่อทำเป็นเมนูอาหารกลางวันสำหรับน้องๆ และเพื่อนๆ ในโรงเรียน

ถึงแม้ว่าจะเป็นปีแรกของโรงเรียนเวียงห้าววิทยา ที่เข้าร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน แต่ปีนี้เข้าสู่ปีที่ 35 แล้ว ที่ซีพีเอฟ ขับเคลื่อนโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ ถือได้ว่าโครงการนี้ สร้าง "คลังอาหาร" ในโรงเรียนไปแล้ว 930 โรงเรียนทั่วประเทศ ทำให้เด็กและเยาวชนมากกว่า 180,000 คน เข้าถึงโปรตีนที่ดี อิ่มท้องอย่างมีคุณภาพ ซึ่ง ซีพีเอฟ มุ่งมั่นจับมือพันธมิตรเดินหน้าโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมเยาวชนเติบโตทั้งทางร่างกาย สติปัญญา และมีโภชนาการที่ดี
ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี นำโดย คุณวชิระชัย คูนำวัฒนา (Head of Service Solution Business) ร่วมลงนามเพื่อลงทุนกับ Mr.Christian Weeks, Chief Executive Officer of enVerid Systems, Inc. สตาร์ทอัพชั้นนำสัญชาติอเมริกัน ผู้ให้บริการโซลูชันดูแลคุณภาพอากาศภายในอาคารอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายธุรกิจในการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและคุณภาพอากาศภายในอาคารต่างๆ ทั่วโลก

โดยการลงทุนระหว่างธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี ในนามบริษัท NEXTER LIVING กับ enVerid Systems, Inc. ในครั้งนี้ ถือเป็นการลงทุนกับสตาร์ทอัพภายใต้แนวคิด Open Innovation ที่เชื่อว่าการร่วมมือกับสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของ Business Model เพื่อขยายธุรกิจได้เร็ว คล่องตัว และมีศักยภาพในการเติบโตได้ดีกว่า ซึ่งปัจจุบัน enVerid Systems, Inc. ถือเป็นสตาร์ทอัพที่เป็น Game Changer ของวงการระบบปรับอากาศ HVAC ที่น่าจับตามอง หลังจากที่คว้ารางวัล ASHRAE Innovation award product of the year ในปี 2019 ที่ผ่านมาได้
บริษัท เน็กซเตอร์ ลีฟวิ่ง จำกัด (NEXTER LIVING) เป็นหน่วยงานที่ก่อตั้งขึ้น เพื่อผลักดันธุรกิจภายในเอสซีจี ให้สามารถพัฒนาธุรกิจใหม่ ในรูปแบบ Internal Start up ได้ โดยปัจจุบันมีธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จภายใต้ NEXTER LIVING ได้แก่ SCG Smart Building Solution ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสำหรับกลุ่มระบบงานอาคารทำหน้าที่เป็น System Integrator และ Solution Provider สำหรับตลาดอาคารพาณิชย์ นำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของอาคารแต่ละประเภท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอาคารด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดยเน้นเทคโนโลยีเกี่ยวกับการประหยัดพลังงานและเพิ่มสุขภาวะที่ดีของผู้อยู่อาศัยภายในอาคาร
นางสาวพิชามน จิตรเป็นธรรม ผู้บริหารสูงสุด – สายงานสินเชื่อบุคคล “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
ทิพยประกันภัย ผนึกกำลังร่วมกับ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ โดย ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ทิพยประกันภัย และนายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พร้อมคณะผู้บริหารทั้งสองฝ่ายร่วมประชุมในการจัดทำระบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน เพื่อตอบสนองความต้องการและอำนวยสะดวกในการเข้าถึงระบบประกันภัย รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆสำหรับสมาชิกและครอบครัวฯ โดยทั้งสองหน่วยงานได้มีความเห็นชอบร่วมกันในโครงการดังกล่าวโดยจะมีการเปิดตัวโครงการเร็ว ๆ นี้
นักการศึกษาผู้มีชื่อเสียงโดดเด่น นักเคลื่อนไหวทางสังคม ผู้ก่อตั้งสถาบันเทคโนโลยีอุตสาหกรรมกาลิงคะ (KIIT) และสถาบันสังคมศาสตร์กาลิงคะ (KISS) ในเมืองภุพเนศวร ประเทศอินเดีย และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโลกสภา (Lok Sabha) จากเขตกันธมาล ดร. อาชยุตา ซามานตา (Dr. Achyuta Samanta) ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาวรรณคดีจากมหาวิทยาลัยอุตกาล (Utkal University) เพื่อเชิดชูคุณูปการอย่างสูงในด้านการศึกษาและสังคมสงเคราะห์ โดยนับเป็นปริญญากิตติมศักดิ์ใบที่ 50 ที่มอบให้กับเขา
มหาวิทยาลัยอุตกาล ซึ่งยังเป็นสถาบันที่ดร. ซามานตาเป็นศิษย์เก่า ได้มอบปริญญากิตติมศักดิ์ดังกล่าวนี้ให้กับเขาในพิธีมอบปริญญาบัตรครั้งที่ 52 ในวันที่ 23 ธันวาคม 2565 เขาได้รับปริญญานี้จากอธิการบดีมหาวิทยาลัยและผู้ว่าการรัฐโอฑิศา ศาสตราจารย์กาเนชี ลาล (Prof. Ganeshi Lal) โดยมีผู้เข้าร่วมพิธีประกอบด้วยอดีตประธานศาลฎีกา จัสติซ วี. โกปาลา โกวดา (Justice V. Gopala Gowda), รองอธิการบดีมหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์ซาบิตา อาชาร์ยา (Prof. Sabita Acharya) และเลขาธิการใหญ่กรมอุดมศึกษาแห่งรัฐโอฑิศา บิชนูพาดา เศรษฐี (Bishnupada Sethi) เป็นต้น
ในปราศรัยต่อผู้ทรงเกียรติที่เข้าร่วมพิธี ผู้ว่าการรัฐได้กล่าวเป็นพิเศษถึงดร. ซามานตา โดยได้ระบุว่าเขาเป็น 'ตำนานระดับแนวหน้าในพิธีนี้' และบรรยายว่า ดร. ซามานตามีคุณสมบัติที่สำคัญของมนุษย์ อย่างเช่น ความเรียบง่าย ความถ่อมตน ความกตัญญู ความกล้าหาญ ความมานะอุตสาหะ ความเอื้อเฟื้อ ความใจเย็น ความรักสันติ และความดีงาม
ดร. ซามานตาได้แสดงความขอบคุณอย่างสูงสุดต่ออธิการบดีสำหรับเกียรติยศในครั้งนี้ ตลอดจนรองอธิการบดีและคณะกรรมการมหาวิทยาลัย "ทุกท่านตระหนักถึงชีวิตของผมที่ได้อุทิศให้กับการรับใช้ผู้อื่น ทั้งนี้เพื่อเป็นการยกย่องชีวิต การทำงาน และความสำเร็จของผม ผมได้รับมอบการเชิดชูเกียรติและรางวัลมากมาย อย่างไรก็ดี บางรางวัลมีความพิเศษโดยเฉพาะ อย่างเช่นในครั้งนี้ ผมยินดีอย่างยิ่งที่มหาวิทยาลัยอุตกาล ซึ่งเป็นสถาบันที่ผมจบมา ได้มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตสาขาวรรณคดีนี้ให้แก่ผม ซึ่งเป็นปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ใบที่ 50 สำหรับผมและเป็นจำนวนสูงที่สุดสำหรับชาวอินเดีย ผมขออุทิศรางวัลนี้ให้แก่วีรสตรีของผม คือมารดา รวมถึงความบากบั่นพยายามและการเสียสละทั้งหมดของแม่ พรจากผู้เป็นเจ้าและความปรารถนาดีของผู้คนคือสิ่งที่ช่วยให้ผมมาอยู่ในจุดนี้ ความปรารถนาดีเหล่านั้นยังคงมอบความแข็งแกร่งให้ผมฝันยิ่งขึ้นต่อไปถึงการพัฒนาสังคมให้ดีขึ้น" ดร.ซามานตากล่าว
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ดร.ซามานตาได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยเบอร์ลา โกลบอล (Birla Global University) และปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยเบอร์ฮัมปูร์ (Berhampur University)
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. มณฑกานติ ชุบชูวงศ์ คณบดีคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดเผยว่า