การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นวิกฤตที่ไม่อาจมองข้าม แม้ว่าตอนนี้ประชาคมโลก กว่า 200 ประเทศ ได้ให้คำมั่นในความตกลงปารีส COP 28 ที่จะจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกได้ระบุว่า ตัวเลข 1.5 องศาเซลเซียสถือเป็น ‘จุดเปลี่ยนหลัก’ ที่หากโลกของเรามีอุณหภูมิสูงกว่านี้ ธรรมชาติจะอยู่ในสภาพเกินรับไหวจนไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้อีก และหากวิกฤตนี้เดินทางไปถึงจุด “Point of No Return” ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่เสี่ยงจะได้รับผลกระทบมากที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลก
จึงเป็นความท้าทายการอยู่รอดที่ทุกคนต้องเผชิญไปพร้อมๆ กัน และต้องการความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่จะต้องมีความรับผิดชอบต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้น้อยลงอย่างรู้คุณค่า เมื่อขยะคือหนึ่งในสาเหตุหลักของวิกฤตสิ่งแวดล้อม 6 องค์กรชั้นนำด้านนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ได้แก่ อิชิตัน กรุ๊ป, เอสซีจี แพคเกจจิ้ง, นิว อาไรวา (แบรนด์ QUALY), เฟลเทคแมนูแฟคเจอริ่ง, อาร์ทีดี อุตสาหกรรมสิ่งทอ และทิฟฟานี เดคคอร์ จึงรวมพลังด้วยความมุ่งมั่นในความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม พัฒนานวัตกรรมเปลี่ยนขยะให้เป็นผลิตภัณฑ์คุณค่าสูง ผ่านการรีโอเพนนิ่ง “ศูนย์การเรียนรู้ตันแลนด์ ดินแดนแห่งความสมดุล” ที่มีแนวคิด “ผลิตอย่างรับผิดชอบ บริโภคอย่างยั่งยืน” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้บริโภคหันมาสนใจปัญหาและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “หลังจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ในประเทศไทยปี 2554 ผมเข้าใจถึงผลกระทบจากภาวะโลกร้อนอย่างแท้จริง ตั้งแต่วันแรกของการสร้างโรงงานอิชิตันกรีนแฟคทอรี่ ผมจึงให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เราได้ลงทุนในเครื่องจักรเทคโนโลยีทันสมัย ระบบบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อที่คงคุณค่าสารอาหารได้ดีกว่าแบบดั้งเดิม และใช้พลาสติกน้อยกว่าในอดีตมาก จากเดิม 26 กรัมต่อขวด ปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 17.5 กรัมต่อขวด เป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า นอกจากนี้เรายังนำนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ เช่น บรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% ทั้งขวด ฝาปิด ฉลาก และลัง เพื่อให้พร้อมสำหรับนำกลับเข้าสู่ Circular Economy สินค้ากลุ่มแรกที่เป็นบรรจุภัณฑ์รีไซเคิลได้ 100% คือ อิชิตันกรีนที 500 มล. และชิซึโอกะกรีนที 440 มล. และในเดือนกรกฎาคมนี้ เราจะใช้ rPET (พลาสติกรีไซเคิลนำกลับมาใช้ใหม่) 30% ทดแทนพลาสติกใหม่ในผลิตภัณฑ์อิชิตันกรีนที 500 มล. ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลาสติกใหม่ได้ 175 ตันต่อปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อแสดงความตั้งใจในการผลิตอย่างรับผิดชอบและนำเสนอทางเลือกที่ยั่งยืนแก่ผู้บริโภค สอดคล้องกับเป้าหมายการเป็นองค์กรกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 ที่อิชิตันกำหนดไว้”
พร้อมกับรีโอเพนนิ่ง “ศูนย์การเรียนรู้ตันแลนด์” บอกเล่าเส้นทางชีวิตใหม่ของขยะจากหลุมฝังกลบสู่ผลิตภัณฑ์คุณค่าสูง เพราะอิชิตันเชื่อว่า โลกนี้ไม่มีขยะ ถ้าเราช่วยกันบริโภคอย่างรับผิดชอบ โดยได้องค์กรชั้นนำด้านนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ได้แก่ เอสซีจี แพคเกจจิ้ง, นิว อาไรวา (แบรนด์ QUALY), เฟลเทคแมนูแฟคเจอริ่ง, อาร์ทีดี อุตสาหกรรมสิ่งทอ และทิฟฟานี เดคคอร์ มาช่วยกันรวมพลังนำนวัตกรรมที่ก้าวหน้าจากความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม มาอัพไซคิ่งเปลี่ยนขยะให้มีมูลค่า พร้อมจัดแสดงภายในศูนย์การเรียนรู้ตันแลนด์”
คุณกาญจนา อารักษ์วทนะ, Fiber Packaging Marketing Director จาก SCPG หนึ่งในพันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของอิชิตัน กล่าวว่า “SCGP ผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในอาเซียน ที่มุ่งมั่นวิจัย และพัฒนานวัตกรรมเพื่อส่งมอบโซลูชันบรรจุภัณฑ์ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มความสะดวกปลอดภัย ช่วยยืดอายุสินค้า สามารถรีไซเคิล หรือ ย่อยสลายได้ และมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ โดยเราใช้นวัตกรรมในกระบวนการผลิตตั้งแต่ “ต้นน้ำ” คือการพัฒนาวัตถุดิบ เส้นใยและสารเติมแต่ง “กลางน้ำ” คือการพัฒนาวัสดุกระดาษและพลาสติก และ “ปลายน้ำ” คือการพัฒนาบรรจุภัณฑ์สินค้า เพื่อจุดประกายการดำเนินชีวิตรูปแบบใหม่ให้กับลูกค้า ผู้บริโภค สังคม และสิ่งแวดล้อมได้ก้าวหน้าและเติบโตอย่างยั่งยืนตามกรอบแนวคิด ESG ด้วยวิธีง่ายๆ “ใช้ให้คุ้ม แยกให้เป็น ทิ้งให้ถูก เริ่มได้วันนี้ที่ตัวเรา”
ด้านคุณธีรชัย ศุภเมธีกูลวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ และผู้ก่อตั้งแบรนด์ควอลี่ (QUALY) จากนิว อาไรวา ที่มีแนวคิดเรื่องความยั่งยืนตรงกันและเคยร่วมงานกับอิชิตัน นำขวดที่เสียจากกระบวนการผลิตมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ Qualy มาแล้ว กล่าวความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “Qualy คือแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของใช้ในชีวิตประจำวันที่ออกแบบเพื่อโลกที่ยั่งยืน เราใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้นโดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าไปจนถึงการลดมลภาวะจากกระบวนการต่างๆ ตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ภายใต้แนวคิด Circular Design เพื่อให้ทุกคนมีความสุขไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ผลิตภัณฑ์ Qualy ส่งออกแล้วกว่า 50 ประเทศ ได้รับรางวัลด้านการออกแบบมากมายทั้งในและต่างประเทศ การได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์การเรียนรู้ตันแลนด์ นับเป็นโอกาสดีที่ได้เผยแพร่แนวคิดรักษ์โลกสไตล์สร้างสรรค์แบบที่ Qualy ทำ ไปสู่เยาวชนและผู้ที่จะมาเข้าชมที่นี่อีกจำนวนมาก ได้เห็นว่ามีหลายแนวทางที่จะมุ่งไปสู่เป้าหมายความยั่งยืนไปด้วยกันได้”
คุณเฉลิมชัย พัวพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ จากเฟลเทค แมนูแฟคเจอริ่ง, ผู้นำด้านการพัฒนาแผ่น Acoustic และพรมแผ่นภายใต้แบรนด์ Acoupanel จากการนำขวดที่ใช้แล้วผ่านกระบวนการนำกลับมาใช้ใหม่ ด้วยนวัตกรรมขั้นสูงที่ได้รับการรับรองด้านสิ่งแวดล้อม ตามมาตรฐาน ISO 14025 Environmental Labels and Declarations ซึ่งพิจารณาจาก Life Cycle Analysis โดย Global Green Tag ของประเทศ Australia ทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติในการลดเสียงก้อง เหมาะกับการเป็นวัสดุตกแต่งในอาคารสำนักงานต่างๆ กล่าวถึงความร่วมมือกับอิชิตันว่า “ยินดีและเป็นเกียรติ ที่ผลิตภัณฑ์ของเฟลเทคได้เป็นส่วนหนึ่งภายในศูนย์การเรียนรู้ตันแลนด์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจด้านสิ่งแวดล้อมให้กับคนรุ่นใหม่ ตรงกับความมุ่งมั่นของเฟลเทคที่มีแนวคิดในการพัฒนาสินค้า โดยใช้วัสดุที่ผ่านกระบวนการนำกลับมาใช้ใหม่ มาเป็นส่วนประกอบหลักมากถึง 40-80% และเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ ด้วยการออกแบบให้มีความสวยงาม ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม”
ดร.วันทิพย์ ชวาลีมาภรณ์ รองกรรมการผู้จัดการ จากอาร์ทีดี อุตสาหกรรมสิ่งทอ ที่มีแนวคิดหลักในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนผ่านผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและมีความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนของโลก จึงมีผลิตภัณฑ์ในหมวดความยั่งยืนหลากหลาย อาทิ ผ้า Zeclo เป็นผ้าย่อยสลายเองได้, ผ้า Upcycling เป็นต้น กล่าวว่า "ภาวะโลกร้อนเป็นความท้าทายระดับโลกที่พวกเราต้องรับมือด้วยการนำนวัตกรรมและความรับผิดชอบมาใช้ในการต่อสู้ ทุกๆการตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนของเรา คือการลงทุนในอนาคตที่สดใสของโลก ในฐานะที่ บ. อาร์ทีดี อุตสาหกรรมสิ่งทอ จำกัด เป็นผู้ผลิตผ้าที่เน้นนวัตกรรมและความยั่งยืนของไทย เรามีความภาคภูมิใจที่เป็นพันธมิตรกับศูนย์การเรียนรู้ตันแลนด์ เพื่อสร้างความตระหนักในสังคมในวงกว้างและขับเคลื่อนให้สังคมไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เพื่อลดโลกร้อนอย่างเป็นรูปธรรม ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการร่วมกันสร้างแรงบันดาลใจสนับสนุนให้คนไทยเลือกผลิตภัณฑ์ ที่ไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ยังคำนึงถึงความยั่งยืนของโลกของเรา เพื่ออนาคตที่สดใสของลูกหลานเราในภายภาคหน้า”
ปิดท้ายด้วย คุณวิกรานต์ ตั้งศิริพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ จากทิฟฟานี เดดคอร์ ผู้นำเข้าวัตถุดิบสำหรับผลิต-ติดตั้ง หินสังเคราะห์ ประเภท ACRYLIC SOLID SURFACE รายเดียวในประเทศไทย ในนามแบรนด์ SOLITAIRE Solid Surface กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า “เราเห็นถึงความสำคัญในการใช้ทรัพยากรให้มีคุณค่าสูงสุด โดยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดโครงการที่นำวัสดุเหลือใช้นำกลับมา Recycle เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ได้หลากหลายอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น นำกากกาแฟ, กากใบชา หรือเศษหินสังเคราะห์ที่เหลือใช้จากกระบวนการผลิตนำมาประยุกต์ใช้กับหินสังเคราะห์ SOLITAIRE Solid Surface จึงเกิดเป็นหินสังเคราะห์รุ่น Re-Series (Recycle-Series) แห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่นำกลับมาหมุนเวียนใช้ได้ไม่รู้จบ เพื่อช่วยลดปัญหาการย่อยสลายยากที่เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับโลก”
ความร่วมมือของ 6 องค์กรในครั้งนี้ เพื่อตั้งใจที่จะแสดงเจตน์จำนงในการนำนวัตกรรมที่ก้าวหน้ามาแสดงความรับผิดชอบต่อโลกใบนี้ ด้วยการเปลี่ยนขยะให้เป็นผลิตภัณฑ์คุณค่าสูง เพื่อบอกว่า “เราทุกคนมีส่วนร่วมในการเพิ่มอุณหภูมิโลกผ่านการบริโภคทรัพยากรโลก การสู้กับ Climate Change จึงเป็นความรับผิดชอบของเราทุกคน ที่ต้องอาศัยการร่วมมือร่วมใจกัน แก้ไขปัญหาในแบบที่ตัวเองทำได้เพื่อความอยู่รอดของคนรุ่นต่อไป”