และผลกำไรจากการดำเนินงาน 654.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 2.03 หมื่นล้านบาท) ในเดือนกรกฎาคม - กันยายน 2562 โดยมียอดขายสูงขึ้นร้อยละ 1.8 และรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากผลการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน กลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือก็มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 นี้

กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศ รายงานยอดขายประจำไตรมาสที่ 3 สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.46 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 1.38 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากผลงานในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง โดยมีรายได้จากการดำเนินงาน 359.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 1.11 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 3.8 ซึ่งเป็นผลจากยอดขายที่สูงขึ้น การลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และราคาวัตถุดิบที่ลดลง

กลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ประกาศรายได้ประจำไตรมาสที่ 3.24 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 จากไตรมาสเดียวกันในปี 2561 แสดงถึงยอดขายที่แข็งแกร่งในภูมิภาคละตินอเมริกาและตะวันออกกลาง แม้ว่ารายได้จากการดำเนินงานในปีนี้ ซึ่งอยู่ที่ 266.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 8.26 พันล้านบาท) จะลดลงเล็กน้อยจากปีที่แล้ว เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดและการอ่อนตัวของค่าเงิน ขณะที่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพรีเมียม เช่น ทีวี OLED มียอดขายที่แข็งแกร่งขึ้น ทำให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานประจำไตรมาสสูงขึ้น อยู่ที่ร้อยละ 8.2

กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ รายงานยอดขายประจำไตรมาสที่ 1.27 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 3.94 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเป็นผลกระทบจากความท้าทายในตลาดสมาร์ทโฟนโลก โดยผลจากการดำเนินงานขาดทุนลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา อยู่ที่ 135 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 4.19 พันล้านบาท) ซึ่งแสดงสัญญาณที่ดีขึ้นจากการพัฒนาประสิทธิภาพทางการผลิตและต้นทุน

กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ รายงานยอดขายในไตรมาสที่ 3 ที่ 1.12 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 3.47 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นของระบบความบันเทิงภายในรถยนต์ อย่างไรก็ตาม ด้วยต้นทุนในการจัดตั้งการผลิตสำหรับโครงการใหม่ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานขาดทุน 50.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 1.56 พันล้านบาท) ในไตรมาส
ที่ 3 ของปี 2562

กลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร เผยยอดขายในไตรมาสที่ 3 ที่ 585.2 ล้านเหรียญสหรัญฯ (หรือประมาณ 1.81 หมื่นล้านบาท) สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 21.2 เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของจอเชิงพาณิชย์และแผงโซลาร์เซลล์ในตลาดหลัก นอกจากนี้ รายได้จากการดำเนินงานยังสูงขึ้นถึงร้อยละ 90 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ที่ 55.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 1.73 พันล้านบาท) จากประสิทธิภาพการผลิตและยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้น

ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของไตรมาสที่ 3 ปี 2562

รายได้ที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบด้านบัญชีประจำไตรมาสของ แอลจี อีเลคทรอนิคส์ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ IFRS (International Financial Reporting Standards) สำหรับช่วงสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 ทั้งนี้ อัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐจะเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของสามเดือนในไตรมาสเดียวกัน โดยอัตราแลกเปลี่ยน ณ ไตรมาสที่ 3 ปี 2562 อยู่ที่ 31 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ (ตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารแห่งประเทศไทย)