สร้างผลงานโดดเด่นเข้าตานักลงทุนระดับโลก รับเงินลงทุนมูลค่ากว่า 12 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 400 ล้านบาท จาก Openspace Ventures, Vertex Ventures Southeast Asia และ CAI Partners ตั้งเป้าจะนำเงินลงทุนไปใช้ในการต่อยอดธุรกิจสินเชื่อ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การเพิ่มศักยภาพของเทคโนโลยี และการให้บริการสินเชื่อ รวมไปถึงการสรรหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมทีม สู่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดในธุรกิจสินเชื่อออนไลน์
ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด (SCB Abacus) กล่าวว่า “แอปพลิเคชัน เงินทันเด้อ ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนที่ไม่ได้รับโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงินในระบบจากธนาคาร โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) และ Machine Learning ในการปล่อยสินเชื่อ และมอบประสบการณ์การขอสินเชื่อที่สะดวกสบายให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งเป็นความตั้งใจของบริษัทที่จะสร้างโอกาสที่ดีกว่าในการเข้าถึงบริการทางการเงินให้กับลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มการขอสินเชื่อออนไลน์ โดยปัจจุบัน ร้อยละ 60 ของลูกค้าที่แอปพลิเคชัน “เงินทันเด้อ” ปล่อยสินเชื่อออนไลน์ให้ เคยถูกปฏิเสธจากธนาคารมาก่อน แต่ด้วยการเลือกใช้ข้อมูลทางเลือกที่หลากหลายประกอบกับเทคนิคการพัฒนาโมเดลแบบ Machine Learning และการใช้ปัญญาประดิษฐ์ทำให้การขอสินเชื่อออนไลน์นั้นสามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ โดยบริษัทยังเล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายบริการและเทคโนโลยีที่มีอยู่ไปยังกลุ่มธุรกิจอื่นๆ นอกเหนือจากกลุ่มธุรกิจการเงินการธนาคารอีกด้วย”
ทั้งนี้ แอปพลิเคชัน “เงินทันเด้อ” สามารถอนุมัติสินเชื่อให้ผู้ใช้บริการได้ภายใน 5-20 นาที โดยนับจากการลงทะเบียนหลังเข้าสู่แอปพลิเคชัน โดยปัจจุบัน แอปพลิเคชัน “เงินทันเด้อ” มียอดดาวน์โหลดราว 5 ล้านครั้ง และมียอดสินเชื่อและรายได้ในปีนี้เติบโตสูงกว่า 10 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ดร.สุทธาภา กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากการระดมเงินทุน Series A ครั้งนี้ ทำให้ SCB Abacus สามารถเดินหน้าเต็มกำลังกับภารกิจสร้างสินเชื่อทางเลือกที่ดีกว่า โดยเงินลงทุนในรอบนี้จะนำไปใช้ในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การพัฒนาผลิตภัณฑ์การเงิน อีกทั้งสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเติบโตในตลาดสินเชื่อออนไลน์ โดยมีเป้าหมายภายในปี 2565 ยอดสินเชื่อและรายได้จะเติบโตสูงขึ้นกว่า 5 เท่า เมื่อเทียบกับปีนี้ และบริษัทยังคาดว่าการระดมเงินทุนครั้งต่อไปใน Series B น่าจะเกิดขึ้นได้ภายในปลายปีหน้าเช่นกัน
“ทั้งนี้ SCB Abacus ถือว่าเป็นฟินเทครายแรกที่ผันตัวออกมาจากธุรกิจธนาคาร โดยที่ผ่านมาเราได้รับการสนับสนุนจากทั้งธนาคารไทยพาณิชย์ และ SCB 10X ที่เล็งเห็นถึงศักยภาพของข้อมูลและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ SCB Abacus พัฒนาขึ้นมาเอง เสริมทัพด้วยทีมงานคุณภาพและความเชี่ยวชาญจากกลุ่มนักลงทุนชั้นนำของโลก ผลักดันให้เกิดนวัตกรรมบริการทางการเงิน และสร้างความสะดวกสบายให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ จากการระดมเงินทุนครั้งนี้ ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า SCB Abacus จะสามารถขึ้นเป็นผู้นำของกลุ่มธุรกิจสินเชื่อทางเลือกที่มีเป้าหมายในการแก้ปัญหาสินเชื่อนอกระบบ” ดร.สุทธาภา กล่าวทิ้งท้าย
ณิชาภัทร อาร์ค ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของ Openspace Ventures กล่าวว่า “Openspace Ventures มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ SCB Abacus เข้าร่วมพอร์ตการลงทุนของเราที่มีการเติบโตอย่างมากในประเทศไทย ทางเรามีความเชื่อมั่นว่า SCB Abacus มีศักยภาพในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความเชี่ยวชาญในตลาดประเทศไทย ทีมงานที่มากความสามารถ และเทคโนโลยีระดับโลก ที่พร้อมจะขึ้นเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาสินเชื่อนอกระบบในประเทศไทย และสามารถขยายผลเชิงบวกได้อย่างมีนัยยะสำคัญ พร้อมสร้างความเคลื่อนไหวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้”
คาร์เมน หยวน พาร์ทเนอร์ Vertex Ventures Southeast Asia กล่าวเสริมว่า “เรามีความยินดีที่ SCB Abacus เป็นการลงทุนในบริษัทไทยที่ก่อตั้งโดยคนไทยครั้งแรกของเรา เรามีความตั้งใจที่จะสนับสนุน ดร.สุทธาภา และทีมงาน SCB Abacus ในการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพให้กับผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งเป็นถึง 84% ของกิจการที่มีอยู่ในประเทศไทยกว่า 3 ล้านกิจการ และเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจในประเทศไทย เราเชื่อว่า SCB Abacus มีความสามารถในการขับเคลื่อนและพัฒนาการให้บริการทางการเงินให้มีความเข้าถึงได้มากขึ้นเพื่อผู้ประกอบการรายย่อยกลุ่มนี้ได้”
ดร. อารักษ์ สุธีวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB 10X) ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ SCB Abacus กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับนักลงทุนระดับโลกอย่าง Openspace Ventures, Vertex Ventures Southeast Asia และ CAI Partners เราเชื่อมั่นว่าการระดมทุนครั้งนี้จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับรากฐานการเติบโตของ SCB Abacus ได้ทั้งในระยะยาวและเป็นการเติบโตที่ยั่งยืนต่อไป”