โดยหลังจากที่ร่วมงานกับโอกิลวี่มาอย่างยาวนาน ในบทบาทใหม่นี้ จิรวราจะเข้ามาดูแลธุรกิจของโอกิลวี่ ทั้งในด้านผลประกอบการ ด้านการบริหารคน ด้านการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า และด้านกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ผนวกกับดาต้าและเทคโนโลยีเพื่อสร้างอิมแพคให้กับธุรกิจ คน และสังคม
จิรวราเริ่มงานที่โอกิลวี่ในปี 2538 และได้รับการโปรโมทให้รับตำแหน่งสำคัญต่างๆซึ่งรวมทั้งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของโอกิลวี่ในปี 2559 หลังจากรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของโอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์มาก่อนหน้านั้นเป็นเวลา 8 ปี จิรวราเป็นนักบริหารที่มากด้วยประสบการณ์ในการดูแลให้คำปรึกษาด้านการตลาดและการสื่อสารให้บริษัทและองค์กรขนาดใหญ่ระดับประเทศและระดับโลกในหลากหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและโภชนาการ รีเทล สุขภาพและความงาม แฟชั่น เทคโนโลยี ไปจนถึงองค์กรภาครัฐและองค์กรไม่แสวงหากำไรต่างๆ ตลอดเวลา 27 ปีที่ร่วมงานกับโอกิลวี่ จิรวราได้แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในแบรนด์และธุรกิจของลูกค้า รวมทั้งความคิดและความต้องการของผู้บริโภค และสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ร่วมกับดาต้าและเทคโนโลยีเปลี่ยนทุกๆความท้าทายเป็นความสำเร็จ สร้างปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ให้กับองค์กร ผู้คน และสังคมมาอย่างต่อเนื่อง
จิรวรายังได้เขียนบทความลงสื่อชั้นนำด้านธุรกิจและไลฟ์สไตล์ และได้ตีพิมพ์หนังสือหลายเล่มในหัวข้อการพัฒนาตนเองและภาวะผู้นำ และยังได้รับเชิญจากสื่อและงานสัมมนาต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อไปให้ความรู้ในเรื่องการสื่อสารและการบริหารคนอยู่เสมอ เช่น แชร์มุมมองการนำองค์กรข้ามผ่านการเปลี่ยนแปลงให้กับสื่อด้านเทคโนโลยีระดับเอเชีย และได้รับเลือกจากสื่อด้านธุรกิจและการตลาดชื่อดังของเอเชียแปซิฟิก ให้เป็นหนึ่งใน Women to Watch หรือผู้บริหารหญิงที่มีความสามารถเป็นที่น่าจับตามองของเอเชีย รวมทั้งได้รับเชิญไปเป็นกรรมการตัดสินรางวัลในระดับนานาชาติ และสอนหนังสือในระดับอุดมศึกษาในหัวข้อการตลาดยุคใหม่ การสร้างแบรนด์บุคคล และการบริหารจัดการภาวะวิกฤตอีกด้วย
จิรวรากล่าวว่า “รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับหน้าที่นี้ โอกิลวี่เรามีความเชื่อมาตลอดว่า สิ่งที่ทำให้เราแตกต่าง คือการใช้ความคิดสร้างสรรค์สร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อตอบทุกโจทย์ของลูกค้า ตั้งแต่ขั้นตอนในการหาอินไซต์ ไปจนถึงการสร้างงาน ดังนั้น ไม่ว่าเทรนด์หรือกระแสจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ตราบใดที่เรามีความเข้าใจและความเชี่ยวชาญในการใช้ความคิดสร้างสรรค์พลิกแพลงวิธีการ บวกกับความเข้าใจในแบรนด์ลูกค้า และผู้บริโภค เราก็จะสามารถสร้างงานที่มีอิมแพคอย่างแท้จริงได้”
“สิ่งที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะทำต่อจากนี้ก็คือการนำความเชื่อนี้แผ่ขยายไปให้ถึงลูกค้าและพาร์ทเนอร์ของเรา ด้วยสภาพเศรษฐกิจและสังคมทั้งของไทยและของโลกที่มีความผันผวนตลอดเวลา เราจะต้องสร้างความแตกต่างด้วยงานที่ยอดเยี่ยมที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ รวมทั้งวิธีการทำธุรกิจที่เปลี่ยนไปจากเดิม เพื่อที่จะช่วยลูกค้าเราให้เติบโตท่ามกลางความไม่แน่นอน เราจะโฟกัสบนการสร้างงานที่มีอิมแพคใน 3 ด้าน คือ ด้านคน (Impact for People) แสดงให้เห็นชัดเจนว่าสินค้าและบริการของเราทำให้ชีวิตคนดีขึ้นหรือง่ายขึ้นอย่างไร ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม (Impact for Planet) ถ่ายทอดให้เห็นบทบาทของแบรนด์ที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสังคมและสิ่งแวดล้อมไปในทิศทางที่ดีขึ้น และด้านธุรกิจ (Impact for Performance) ที่จะยังคงสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับแบรนด์ไปพร้อมๆกัน เราตั้งใจจะเป็นเสียงหนึ่งที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกนี้ และจะพาคนของเรา ลูกค้าของเรา และวงการของเราไปข้างหน้าด้วยกัน”
นพดล ศรีเกียรติขจร ประธานบริษัท โอกิลวี่ ประเทศไทย กล่าวว่า “ตลอดเวลาที่คุณจิรวราร่วมงานกับโอกิลวี่ ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างเต็มที่ในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจของลูกค้าและบริษัทของเรา ทุกครั้งที่เผชิญกับความท้าทาย จะไม่เคยท้อถอย เพื่อค้นหาทางที่ดีที่สุดในการเอาชนะปัญหานั้นและประสบความสำเร็จในที่สุด ภายใต้การดูแลของคุณจิรวรา งานของเราไม่เพียงแค่สร้างแบรนด์ให้เป็นที่ชื่นชอบของคนเท่านั้น แต่ยังสามารถเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม ไปจนถึงสร้างแรงผลักดันที่ขับเคลื่อนสังคมไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าเดิมได้ คุณจิรวราคือต้นแบบของผู้บริหารและนักสื่อสารที่ไม่เพียงแต่จะเป็นที่ชื่นชมของคนโอกิลวี่ด้วยกันเอง แต่ยังเป็นที่นับถือของคนในวงการอีกด้วย ผมเชื่อว่า เมื่อได้รับหน้าที่ใหม่นี้ คุณจิรวราจะนำทีมและบริษัทของเราก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยความสามารถและประสบการณ์ของผู้นำอย่างแท้จริง”